LOGINมุกดานั่งพิงโซฟามองหน้าจอโทรศัพท์ส่งข้อความโต้ตอบกับเพื่อน ๆ ในที่ทำงานมือเป็นระวิงกับการลาออกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของเธอ ข้าง ๆ คือภูวภัสที่ตาจับจ้องอยู่กับหน้าจอทีวีแบบไม่กะพริบกับการ์ตูนเรื่องโปรดตรงหน้า
“เธอมีเวลาพักหนึ่งอาทิตย์ก่อนเตรียมตัวย้ายไปอยู่ที่บ้าน”
คำพูดจากภูวดลที่เอ่ยขึ้นหลังจากนั่งลงข้างลูกที่โซฟาเดียวกัน
“อะไรนะคะ…ย้ายไปอยู่บ้านคุณ?” ใบหน้าสวยตอนนนี้คิ้วย่นผูกกันเป็นปมแล้วจากคำพูดของเขา
“ใช่”
“ฉันไม่ไปค่ะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองเพราะฉันเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้เธอ”
“ฮะ…” มุกดาอ้าปากค้างหน้าเหวอคิ้วยังย่นอยู่อย่างนั้น
“แต่มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนี่คะคุณไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ซะหน่อย”
“นั่นมันเงื่อนไขของเธอ ส่วนเงื่อนไขของฉัน ฉันยังไม่ได้พูดเลย”
“นี่มันขี้โกงชัด ๆ” เธอเริ่มฉุนกับท่าทีที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวของอีกฝ่าย
“เงื่อนไขฉันมีแค่สองข้อเท่านั้นเองคุณไม่ได้พูดเงื่อนไขของคุณก็ถือจบตามนั้น พอมาวันนี้จะมาบอกว่ามีเงื่อนไขอื่นอีกแบบนี้มันไม่แฟร์มั้งคะ”
“เงื่อนไขของเธอมีสองข้อ งั้นฉันก็ขอสองข้อก็แล้วกันจะได้แฟร์ ๆ”
“พูดมาค่ะ” เบือนหน้าออกไปทางอื่นพร้อมถอนหายใจทิ้ง
“ข้อหนึ่งเธอจะต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านดูแลฉันกับลูก” หันขวับมองผู้พูดทันทียังไม่ทันจะอ้าปากโต้เถียงเขาก็ยกมือขึ้นห้ามเธอก่อน และพูดต่อ
“ข้อสองในระหว่างที่อยู่กับฉันเธอห้ามคบกับผู้ชายคนไหน ฉันขี้เกียจตอบคำถามคนอื่น ถือเป็นการให้เกียรติตำแหน่งพ่อและแม่ของภูก็แล้วกัน”
ให้ตายเถอะมีห้ามเรื่องส่วนตัวด้วย
“ขยายความข้อหนึ่งด้วยค่ะ ดูแลลูกฉันเข้าใจ”
“แต่ดูแลคุณ…คือยังไง?” ประโยคหลังกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ พร้อมถอนหายใจและหลบตา
“ก็ไม่มีอะไร…ดูแลเรื่องทั่วไป เสื้อผ้า อาหารการกินอยู่…แค่นั้นเอง”
“หรือเธอคิดว่าต้องทำอะไร?” ส่งงานสายตาเจ้าเล่ห์กวนประสาทอย่างคนที่ถือแต้มเหนือกว่า
“แต่ถ้าเธอลำบากใจจะกลับไปขอใบลาออกคืนก็ได้นะ”
“ส่วนเงินเดือนล่วงหน้าที่จ่ายให้เธอก่อน เธอต้องจ่ายทบคืนให้ฉันเป็นสองเท่า”
“….”
รอบนี้เธอคงเสียรู้เขาไปเแล้วจริง ๆ
ภูวดลที่ยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ
“อีกอย่างถ้าย้ายไปอยู่ที่บ้านเธอก็จะเหนื่อยน้อยลงเพราะมีขนุนคอยช่วย” ไม่อยากให้เธอต้องกังวลอย่างน้อยกับขนุนก็คนคุ้นเคยกัน
“ที่บ้านก็ไม่มีคนอื่น คนขับรถเขาก็ไม่ได้มายุ่มย่ามกับเธออยู่แล้ว”
“หรือถ้าอยากได้แม่บ้านเพิ่มฉันจะให้คนหาให้”
“ไม่ต้องค่ะแค่ขนุนคนเดียวก็พอแล้ว” พูดเสียงอ่อนอย่างเหนื่อยใจ
หลังจากไปส่งลูกที่โรงเรียนในวันเปิดเทอมวันแรกที่ค่อนข้างวุ่นวาย ถึงแม้จะเป็นเพียงการเลื่อนชั้นขึ้นอนุบาลสามก็เถอะ เธอนัดเจอกับขนุนที่สวนสาธารณะใกล้บ้านของภูวดลเพื่อให้สะดวกในการเดินทางของขนุน
รู้สึกหวั่นในใจลึก ๆ ที่นัดขนุนออกมาพบในวันนี้ก่อนที่เธอจะย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของภูวดลตามข้อตกลง ขนุนควรได้รู้ความจริงเสียก่อน หากรู้ในที่เธอย้ายเข้าคงเสียความรู้สึกไม่ใช่น้อย ภาพในความทรงจำครั้งก่อนย้อนกลับเข้ามาให้คิดในวันที่เธอไปตรวจครรภ์ก่อนถึงกำหนดคลอดที่โรงพยาบาลและบังเอิญเจอกับขนุนที่เป็นไข้และมาตรวจเช่นเดียวกัน ดูเธอตื่นเต้นมากที่เห็นมุกดาท้องโตใกล้คลอด
“มุกตั้งท้องเมื่อไหร่ไม่เห็นเล่าให้ฟังบ้างเลย” ดึงมือเพื่อนเข้ามากุมด้วยความตื่นเต้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นขนุนก็ยังเหมือนเดิมมองเห็นแต่สิ่งดี ๆ อยู่เสมอ
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย ซาวด์หรือยัง?”
“ผู้ชาย”
“ว้าว…ดีใจด้วยนะมุก”
“แล้วแฟนเธออยู่ไหนไม่เห็นแนะนำให้รู้จักบ้างเลย”
“….”
“มุกมาคนเดียว…มุก…ไม่มีแฟนน่ะ” รอยยิ้มของขนุนค่อย ๆ หุบลง
“เอ่อ…ฉันขอโทษนะ…ฉันไม่รู้น่ะ” มุกดาแค่ยิ้มเท่านั้น
สองสาวที่ออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน มุกดาที่บอกแค่เพียงว่าพ่อของเด็กไม่รู้ว่าเธอตั้งท้องและเธอก็ไม่คิดจะบอกเขาเพราะเลี้ยงลูกเองได้ ขนุนที่มีแต่ให้กำลังใจเท่านั้นและไม่เคยถามถึงผู้ชายคนนั้นเลย
จนกระทั่งเธอคลอดก็ยังไม่กล้าให้ขนุนเจอหน้าลูกเพียงเพราะคิดไปเองว่ากลัวขนุนจะรู้ความจริงเพราะเด็กหน้าตาคล้ายพ่อมาก พาลคิดไปไกลว่าพ่อเด็กจะรู้ และยังรู้สึกผิดในความขี้ขลาดของตัวเองมาตลอดที่ไม่กล้าบอกความจริงข้อนี้ทั้งที่รู้ว่าขนุนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอคนหนึ่ง
มุกดานั่งรอขนุนที่ม้านั่งในสวนสาธารณะใต้ต้นไม้ใหญ่ สายลมพัดเอื่อย ๆ ปะทะใบหน้าสวยให้ความรู้สึกผ่อนคลาย พลันภาพเก่า ๆ ในวันวานก็หวนกลับมาให้คิดในหัวไปเรื่อย ทอดสายตาไปตามถนนคดเคี้ยวเล็ก ๆ สำหรับนักเดินและนักวิ่งออกกำลังกายที่ยังมีอยู่ประปรายบ้างในช่วงสาย มองเห็นขนุนที่ขับมอเตอร์ไซค์คันเดิมที่คุ้นตาตรงเข้ามาแต่ไกล
“ไม่เจอกันนานสวยขึ้นมากเลยนะมุก” ทักทายด้วยรอยยิ้มหลังจากจอดรถและเดินมานั่งข้างๆ มุกดายื่นแก้วกาแฟที่ซื้อมาฝากส่งให้พร้อมกับถุงขนมที่จำได้ขึ้นใจว่าเป็นของโปรดของขนุน
“ขอบใจจ้ะ”
หลังจากออกจากบ้านอัครเทพไปครั้งนี้เป็นการเจอหน้าครั้งที่สองของทั้งคู่ ก่อนหน้านั้นมีเพียงการส่งข้อความพูดคุยทักทายกันเท่านั้น เพราะหลังจากคลอดเวลาว่างก็น้อยเต็มที
“สบายดีนะขนุน?”
“สบายดี แล้วมุกล่ะเป็นไงบ้าง?”
“สบายดี”
สองสาวพูดคุยสารทุกข์สุกดิบมากมายเรื่องราวเล่าสู่กันฟัง ขนุนเหมือนได้ย้อนเวลาได้กลับไปเจอคู่หูที่สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง ในใจของเธอนั้นมุกดาคือครอบครัวคนเดียวที่เธอมีถึงแม้จะไม่ได้พูดไปแต่เธอก็ทำให้รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
“นึกว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันซะแล้ว” ขนุนที่พูดไปยิ้มไป
“ต่อไปก็จะได้เจอกันทุกวัน”
“หมายความว่าไง?”
“มุกจะกลับมาอยู่ที่บ้านกับขนุนไง”
“มาจริงก็ดีสิ” ขนุนที่ยังยิ้มอยู่และคิดว่ามุกดาแค่พูดเล่นเท่านั้น
“จำได้ไหมที่มุกเคยบอก…เรื่องลูก…ว่าพ่อเขาไม่รู้ว่ามุกท้อง”
ขนุนที่มองหน้ามุกดาและรอยยิ้มค่อย ๆ จางลง
“จำได้สิ”
“ตอนนี้เขารู้แล้ว”
“เหรอ…ก็ดีสิ…แล้ว…เขาโอเคหรือเปล่า?” ถามเพราะสีหน้าของเพื่อนเหมือนจะไม่ค่อยสู้ดีนัก
“เขาโอเคกับลูกมากดูแลทุกอย่าง และจะให้มุกย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้าน ในฐานะแม่ของลูกน่ะ”
สองสายตามองกันนิ่ง ถึงจะเป็นคนซื่อแต่ขนุนไม่ใช่คนโง่ เธอจับต้นชนปลายตามคำพูดของเพื่อนสาวทันที
“เดี๋ยวนะ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนของคนฟัง
“คุณดลเป็นพ่อของลูกมุก” มุกดาอธิบายในสิ่งที่เธอสงสัย
“….”
“ขอโทษนะที่วันนั้นมุกไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับขนุน” สายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดย้อนหลัง แต่มันทำอะไรไม่ได้แล้ว
ขนุนนิ่งไปชั่วขณะก่อนเรียกสติตัวเองกลับมา
“ขอโทษทำไมเธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
ยิ้มและจับมือมุกดาบีบเบา ๆ แล้วเรื่องราวเมื่อห้าปีก่อนก็ถูกถ่ายทอดให้ขนุนได้รับรู้
“เธอคงลำบากน่าดูเลยใช่ไหม?” พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมน้ำในตาที่คลอหน่วยแล้ว
“ถ้าเธอบอกฉัน อย่างน้อยฉันอาจจะช่วยแบ่งเบาเธอได้บ้างสักนิดก็ยังดี”
สองร่างซึมซับความรู้สึกของกันและกันผ่านทางอ้อมกอด เมื่อห้าปีที่แล้วเป็นการกอดเพื่อจากลา แต่วันนี้คืออ้อมกอดแห่งความรู้สึกอิ่มเอมและดีใจที่ต้องได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ออกแบบและตกแต่งห้องสาละวนเดินขึ้นเดินลงอยู่ทั้งวันกับการขนเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน โดยมีเจ้าของบ้านยืนคุมอยู่ไม่ห่างเหมือนเป็นงานใหญ่ระดับประเทศ หรือไม่ก็อาจจะสำคัญมากกว่านั้นเสียอีก
เพราะนี่คือการแต่งห้องรอลูกและแม่ของลูกที่จะเข้ามาอยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ทันทีที่รถยนต์ผ่านเข้ามาในรั้วบ้านอัครเทพและจอดสนิท ขนุนที่รอคอยการย้ายเข้ามาอยู่ของ “คุณผู้หญิงของบ้าน” ในความรู้สึกของเธอ วิ่งออกไปรับอย่างตื่นเต้นและยืนรออยู่ข้างรถ
มุกดาเดินลงจากรถมองเข้าไปด้านในด้วยความรู้สึกหลากหลาย นี่คือสถานที่ที่เธอเคยได้มาอาศัยในใบบุญของคุณท่านมาก่อน สุดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอดและผ่อนออกอย่างยืดยาว กับการกลับเข้ามาอยู่ใหม่อีกครั้งในฐานะแม่ของลูก
“มาแล้วเหรอคะคุณมุก?”
ขนุนที่หยิบเอาคำพูดของภูวดลที่บอกกับเธอในวันนั้น
“คุณมุกจะย้ายมาอยู่ที่บ้านกับตาภูอาทิตย์หน้าเธอคงเหนื่อยหน่อยนะ” และเธอก็เรียกตามเจ้านาย
“คุณเคินอะไรกันขนุนเรียกเหมือนเดิมเถอะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะเดี๋ยวคุณดลไล่ออกทำไง”
รอยยิ้มยังเจืออยู่ทั่วใบหน้าของผู้พูด เธอขนกระเป๋าและของใช้ส่วนตัวของมุกดาเดินขึ้นชั้นบน โดยมีเจ้าของกระเป๋าหอบหิ้วสัมภาระอื่น ๆ ตามขึ้นไปด้วยใช้เวลาจัดเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ให้เข้าที่เข้าทางในเวลาเพียงไม่นานเพราะทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้ค่อนข้างลงตัวอยู่แล้ว และมีเวลาได้พักผ่อนระหว่างที่รอไปรับลูกที่โรงเรียนในตอนเย็น
ภูวดลไปทำงานตามปกติในวันที่หญิงสาวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน การปล่อยให้เธอได้อยู่ตามลำพังน่าจะทำให้เธอผ่อนคลายมากขึ้นในความคิดของเขา และหลังเลิกงานคุณพ่อก็แวะไปรับลูกที่โรงเรียนแทนเธอ ไม่ลืมส่งข้อความมาบอกและให้เตรียมอาหารไว้สำหรับต้อนรับการย้ายเข้าบ้านของเจ้าตัวเล็กด้วย
ทันทีที่รถจอดหน้าบ้านภูวดลเปิดประตูรถอ้าค้างไว้ให้คนตัวเล็กที่ยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่ตรงหน้าและมองไปรอบบริเวณอย่างสำรวจก่อนลงจากรถ
“ยินดีต้อนรับการกลับมาอยู่บ้านเราครับ” ผู้เป็นพ่อค้ำมือค้างอยู่ที่ประตูรถส่งยิ้มให้เจ้าตัวเล็ก
“ที่นี่บ้านเราเหรอครับพ่อดล?”
“ใช่แล้วครับบ้านเรา”
“เข้าบ้านกันแม่รออยู่ข้างใน”
จูงมือเล็ก ๆ เดินเข้าในบ้านสายตาของเด็กน้อยยังคงมองเหลียวหลังเก็บรายละเอียดจุดนั้นจุดนี้ด้วยความสนใจ
มุกดาที่ได้ยินเสียงรถจอดหน้าบ้านวางมือจากการเตรียมอาหารในครัวกับขนุนเดินออกมาตามเสียงสดใสที่เธอคุ้นเคย
“นักเรียนกลับมาแล้วเหรอคะ?”
“แม่ครับ” ภูวภัสปล่อยมือพ่อวิ่งไปจับมือแม่แทน
“พ่อดลบอกว่าที่นี่บ้านเรา” แหงนหน้ามองแม่ เธอแค่ส่งยิ้มให้ลูกเท่านั้น
“ขึ้นไปดูห้องนอนภูกันไหม?” ภูวดลเอ่ยปากชวน
“แม่มุกไปด้วยกันนะครับ”
“แม่ทำกับข้าวยังไม่เสร็จเลยค่ะภูไปดูเถอะ”
“โอโห….”
เจ้าตัวเล็กที่ตาโตเท่าไข่ห่านทันทีที่เปิดห้องนอนเข้าไปเห็นลายการ์ตูนตัวโปรดบนที่นอน ผ้าห่ม หมอน วิ่งไปเปิดตู้เสื้อผ้าบิ้วอินก็ลายเดียวกัน ชุดนอนที่พับอยู่ในตู้ก็ด้วย พร้อมเสียงหัวเราะสดใสตามมา
“เท่ชะมัด”
ทุกอย่างถูกใจลูกแต่ผู้เป็นพ่อที่คิ้วขมวดทันทีเพราะสะดุดกับเสื้อผ้าของแม่ที่แขวนอยู่ข้างกัน
ขนุนนี่ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเอาเสียเลยที่นี่มันห้องของภูวภัส เอาเสื้อผ้าของมุกดามาไว้ในนี้ทำไม พลอยทำให้ความหงุดหงิดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาทันที
รถสปอร์ตคันหรูโลดแล่นตามถนนด้วยความเร็วเป้าหมายปลายทางคือรับลูกและเมียกลับบ้าน มือบังคับพวงมาลัยด้วยใจที่จดจ่อ สระบุรีใช้เวลาไม่นานก็จะได้เจอหน้าคนที่เฝ้าคิดถึงอยู่ตลอดหลายวันมานี้ และซ้อมคำพูดที่เตรียมไว้ในหัวมากมายไปด้วยขณะขับรถ“ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอร้องไห้”ไม่เอา ไม่เอา มันดูเหมือนตั้งใจให้มันเกิดขึ้นยังไงยังงั้น เดี๋ยวเธอขึ้นอีกทำไง“คนที่ฉันจะแต่งงานด้วยมีแค่เธอคนเดียวเท่านั้น”อันนี้ก็เหมือนตั้งใจแกล้งเธออยู่ดี“ฉันคิดถึงเธอกับภูมากกลับบ้านเรานะ”แล้วถ้าเธอไม่ยอมกลับล่ะ?โอ๊ย…ช่างมันเถอะขอให้เจอหน้าเธอกับลูกก่อนก็แล้วกันอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที ถอนหายใจทิ้งอย่างโล่งอกมุกดาเก็บของลงกระเป๋าเตรียมพร้อมพาเจ้าตัวเล็กกลับไปหาพ่อ ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน เอาแต่ดื่มจนดึกดื่น แต่ก็สมน้ำหน้าชอบแกล้งคนอื่นดีนัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดบล็อกเบอร์เขา อมยิ้มน้อย ๆ จะรอดูว่าหลังจากเธอกลับไปเขาจะโวยวายวีนเธอยังไง“เราจะกลับกันแล้วใช่ไหมครับแม่มุก?”“ใช่จ้ะ”“แต่พ่อดลบอกว่ากำลังมารับเรานะครับ”“หือ…ว่าไงนะ?”“ตอนเช้าพี่ก็อตโทรมา ภูได้คุยกับพ่อดลแล้วพ่อบอกว่ากำลังจะมารับภูกับแม
“ขนุน” ตะโกนเรียกเสียงดังขณะที่เดินลงบันไดมาจากชั้นบน“ขนุน” ตะเบ็งเรียกอีกครั้งเต็มเสียงพร้อมกับร่างของขนุนที่วิ่งออกมาจากในครัวทันที“คะคุณดล”“คุณมุกออกไปตอนกี่โมง?”“ก่อนคุณภูจะเลิกเรียนไม่นานค่ะ”“ไปกับใคร?”“ขนุนเห็นไปคนเดียวนะคะ”“มีกระเป๋าด้วยหรือเปล่า?”“มีค่ะสองใบ”“แล้วทำไมไม่บอก” มือเท้าสะโพกคิ้วย่นอย่างหัวเสีย“ก็…คุณดล…ไม่ได้ถามนี่คะ” พูดเสียงเบาหวิวหลบตาทันที“แล้วคุณมุกไม่บอกเหรอว่าจะไปไหน?”“ไม่ได้บอกค่ะ”“โธ่เอ้ย…แล้วทำไมไม่ถามล่ะอยู่บ้านยังไงถามอะไรก็ไม่รู้เรื่องสักอย่าง”ตะคอกเสียงดัง ขนุนสะดุ้งโหยง เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาในเวอร์ชั่นนี้“ขนุนถามแล้วค่ะแต่คุณมุกเอาแต่ร้องไห้ไม่พูดไม่จาแล้วก็ขนกระเป๋าขึ้นรถไปเลยค่ะ”มือประสานกันก้มหน้าไม่กล้าสบตาเจ้านาย หลับตาปี๋สลับกับกะพริบถี่ ๆ“ร้องไห้?”“ใช่ค่ะ”“ร้องจนตาบวมเป่งไปหมดเลยค่ะ ขนุนคิดว่า…ทะเลาะกับคุณดล…ก็เลยไม่กล้าถามเยอะค่ะ”“เฮ้ย…”“โยธา” ยืนอยู่กับที่แต่เสียงทรงพลังอย่างเหลือเฟือสิ้นเสียงเจ้าของชื่อก็มาหยุดอยู่ตรงหน้ายืนมือประสานกันข้าง ๆ ขนุน เตรียมรับลูกระเบิดด้วยความพร้อมเพราะได้ยินเสียงโวยวายก่อนหน้าแล้ว“ครั
“วันนี้มีอะไรพิเศษเหรอคะคุณมุกถึงทำอาหารเยอะขนาดนี้?”ขนุนถามด้วยความสงสัยเมื่อนายหญิงลงมือปรุงอาหารเมนูโปรดของสองพ่อลูกเองอย่างอารมณ์ดี หลังจากไปรับเด็กนักเรียนกลับมาถึงบ้านและปล่อยให้เล่นเตะฟุตบอลกับโยธาอยู่สนามหญ้ารอพ่อกลับมา“ช่วงนี้คุณดลเขางานยุ่งน่ะเห็นบ่น ๆ ว่ากับข้าวที่ทำงานไม่ค่อยถูกปาก”ไม่นานบนโต๊ะอาหารมื้อเย็นก็ถูกจัดเตรียมไว้รอสองพ่อลูกจนเต็มโต๊ะที่มีแต่เมนูโปรดของสองหนุ่มทั้งนั้นหลังจากเล่านิทานส่งลูกเข้านอนแล้วพ่อกับแม่ก็กลับห้อง ประตูห้องถูกปิดลงเพียงไม่นานภูวภัสก็ลุกมาเล่นหุ่นยนต์คนเดียว มุกดาและภูวดลที่เปิดดูพฤติกรรมของลูกจากกล้องวงจรปิดผ่านหน้าจอมือถือถึงส่ายหัวกับความเจ้าเล่ห์ของเจ้าตัวแสบ และเป็นอยู่อย่างนี้บ่อยครั้ง นี่แหละคือสาเหตุของการอยากนอนคนเดียวของเขา“คุณเหนื่อยไหมคะเทวาบอกว่าช่วงนี้คุณงานยุ่งมาก” วางคางลงบนบนไหล่เขาที่นึ่งกึ่งนอนอยูบนเตียงใช้หมอนรองด้านหลังไว้ โอบกอดร่างเขาไว้หลวม ๆ“ให้มุกนวดให้ไหมคะจะได้ผ่อนคลาย” ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ส่งงานอ่อยเบา ๆภูวดลวางมือลงกลางศีรษะของเธอลูบเรือนผมก่อนจะโยกเขย่าเบา ๆ“ไม่เป็นงานอย่าทำเป็นมาอ่อย”“แล้วอ่อยขึ้นไหมล่ะค
“ไม่ดีกว่าค่ะ” มุกดาพูดแทรกขึ้นยืนยันคำเดิมแต่ใบหน้ายังยิ้มอยู่“มุกอยากไปกับคุณดลแค่สองคนค่ะ มุกไม่ชอบทานข้าวกับคนอื่นที่ไม่สนิทค่ะมันอึดอัด” มือสอดประสานเข้าไปในมือหนาวางทับเป้ากางเกงของชายหนุ่มแสดงความเป็นเจ้าของ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือและส่งยิ้มให้“คุณอยากไปกับมุกสองคนหรืออยากให้คุณวินนี่ไปด้วยคะ?”“แล้วแต่เธอ” ภูวดลยักไหล่“แต่วินนี่มากับดลนะคะ”“เดี๋ยวมุกให้เด็ก ๆ เรียกแท็กซี่ให้ค่ะ พูดพลางยกมือเรียกพนักงานในร้านให้เดินมาหา”“เรียกแท็กซี่ให้คุณวินนี่ด้วยจ้ะ”“ค่ะคุณมุก”“ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องให้คุณวินนี่กลับเอง”“ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปส่งพอดีลูกค้าเพิ่งแจ้งมาเมื่อครู่ ไว้เจอกันวันหลังนะครับ”เมื่อหล่อนตั้งใจมาเพื่อจะสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวเขาทำไมยังต้องสนใจความรู้สึกของหล่อนด้วย การประสานงานก็ผ่านทางโรงพยาบาลอยู่แล้วไม่มีผลกระทบใด ๆ กับเขาเลยสักนิดที่จะไม่แคร์หล่อนวนิดาหน้าตาเหลอหลามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหล่อนจริงหรือ หล่อนกำลังโดนผู้ชายเท ทั้งที่ออกตัวแรงจนล้อฟรีขนาดนั้น และนิ่งไปสักพักสมองพลางตื้อไปด้วยมุกดาลุกขึ้นยืนพร้อมกับภูวดลมือยังไม่ปล่อยจากกัน“ขอบคุณคุณวินนี่
ทีมงานเว็บเพจของแบรนด์ เอมดีจิวเวลรี่ เริ่มปล่อยโปรโมทผลิตภัณฑ์เป็นลักษณะพรีออเดอร์ในลอตแรกด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในราคาพิเศษ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีเพราะทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่นและเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วภูวดลพามุกดาเดินสำรวจร้านอาหารเก่าที่ปิดกิจการไปหลังจากที่เพื่อนเก่าของภูวนาถขอให้ช่วยซื้อไว้ในครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่เนื่องจากประสบกับวิกฤตทางการเงินจนไม่สามารถประคับประคองไว้ได้“ตกแต่งหน้าร้านใหม่นิดหน่อยก็น่าจะใช้ได้”เขาพูดขณะที่พาเดินตรวจทั่วบริเวณ บรรยากาศโดยรอบยังคงร่มรื่นเพราะเป็นสวนอาหารที่ยังคงมีต้นไม้ใหญ่หลงเหลือในกลางกรุง ลานจอดสะดวกสบาย พื้นที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ภาพร้านในจินตนาการจากไอเดียของเธอผุดขึ้นในหัวมากมาย ส่วนโซนเครื่องดื่มเธอจะยังคงเก็บไว้สำหรับบริการลูกค้าอีกหนึ่งโซนที่จะเพิ่มเติมในอนาคตคือมุมสปาเพื่อผ่อนคลายสำหรับผู้รักสุขภาพและดูแลผิวหลังจากผ่านการอนุมัติจากรูปหล่อสายเปย์ การต่อเติมตกแต่งร้านก็เริ่มดำเนินการทันที และใช้เวลาไม่นานก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้บริการแล้ว“เปิดเป็นทางการเดือนหน้าแล้วเหรอคะดีใจด้วยนะคะ”แอนนาถามอย่างตื่นเต้นเมื่อรับรู้
มุมนั่งต่อจิ๊กซอว์ของภูวภัสในห้องทำงานของพ่อกลายเป็นมุมทำงานของมุกดาชั่วคราวระหว่างที่รอห้องทำงานใหม่เสร็จสิ้น จากการเริ่มโครงงานเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ เอมดีจิวเวลรี่ ซึ่งมีที่มาจากอักษรย่อของเขาและเธอ โดยจะเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ คือจ้างผลิตซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการเตรียมสต๊อก และการจองขายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นโดยมีที่ปรึกษาจากการแนะนำของแอนนาที่มีความเชี่ยวชาญทั้งเรื่องข้อกฎหมายและการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์จนกระบวนการสุดท้าย ส่วนงานดูแลลูกค้านั้นมุกดาได้เซททีมงานไว้เรียบร้อยแล้วเธอทุ่มเทอย่างหนักในช่วงเวลาที่ภูวดลไปดูงานที่ญี่ปุ่น และตั้งใจจะเตรียมการให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนวันเขากลับมา ต่างคนต่างยุ่งมีเพียงข้อความที่ส่งหากันเท่านั้นพร้อมกับรูปถ่ายคู่กับลูกที่ส่งไปให้เขาทุกวันมุกดายกข้อมือมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกาและกดสายหาคนขับรถทันที หลังจากที่เธอออกมาดูโรงผลิตและงานออกแบบที่นัดประชุมกับผู้ผลิตไว้กับ ณวัฒน์ ที่ปรึกษามากประสบการณ์ที่เป็นธุระจัดการให้แทบทุกเรื่องอย่างชำนาญ แต่ดูเหมือนการประชุมจะยังไม่จบง่าย ๆ“ฮัลโหล…โยธาไปรับภูกลับบ้านได้เลยนะฉันคงกลับไม่ทัน”(“ครับคุณมุก”)และไม่ลืมที







