LOGINผ่านมาก็จะเป็นปีแล้วน้ำชาคิดว่าคงลืมความรักห่วยๆที่ผ่านมาของตัวเองได้ ทว่าพอเมาทีไรไม่รู้ทำไมต้องอยากจะร้องไห้ขึ้นมาทุกที เธอไม่ได้คิดถึง ไม่ได้อยากกลับไปหาเขา เพียงแค่ความปวดร้าวมันยังคงฝังอยู่ในใจลึกๆเท่านั้นเอง
“เฮ่อ!” ริมฝีปากสวยพ่นลมหายใจออกมาพลางมองใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนในกระจกอีกครั้ง น้ำชาไม่ได้ใส่ใจผู้หญิงอีกหลายคนที่ยืนอยู่หน้ากระจกเช่นกันเพราะไม่ได้รู้จัก
กลัวก็อย่างเดียวคือเพื่อนเธอสองคนนั้นจะตามเข้ามาในเวลานี้ ขอบตาแดงแบบนี้เธอต้องโดนจับได้แน่ว่าแอบมาร้องไห้ แถมอาจจะต้องถูกดุอีกต่างหาก
น้ำชาไม่อยากให้เพื่อนต้องเป็นห่วง คิดได้ดังนั้นจึงคว้าแป้งพัฟจากกระเป๋าขึ้นมาตบเข้าที่หน้าทาลิปสติกอีกสักหน่อย ทุกอย่างดูดีเข้าที่แล้วจึงค่อยเดินออกจากห้องน้ำไป
ร่างระหงในชุดกางยีนส์รัดรูปเอวต่ำคู่กับเสื้อครอปสีดำตัวจิ๋วกำลังเดินทอดน่องไปตามทางเดินที่มีแสงไฟสลัว ใบหน้าสะสวยบวกกับรูปร่างโดดเด่นของเธอเป็นที่เตะตาต้องใจของใครหลายคนที่เดินผ่าน หากแต่น้ำชาไม่คิดจะสนใจใคร ใครจะว่าเธอหยิ่งยังไงก็ช่างน้ำชาไม่สน…
ทว่าอยู่ๆสองขาเรียวนั้นก็ต้องหยุดเดินอย่างกะทันหัน…
“น้ำชา!”
เสียงเรียกชื่อและน้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นหูดังแว่วมาจากที่ไม่ไกลเท่าไรนักทำให้เธอต้องตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางเดินใหม่ด้วยจังหวะการก้าวเท้าที่เร่งรีบกว่าเดิม น้ำชาไม่คิดแม้แต่ที่จะหันไปมองตามเสียงเรียกนั้นเลยสักนิด คิดได้อย่างเดียวคือตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับใคร
“จะหนีพี่ไปไหน น้ำชาหยุด!”
ไม่มีการตอบกลับ ไม่มีการหยุดเดินตามคำสั่ง มีแค่เพียงการเร่งฝีเท้าก้าวไปเท่านั้น น้ำชาไม่อยากจะเสวนากับคนที่ไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้า ใครจะว่าเธอเจ้าคิดเจ้าแค้นก็ช่างปะไร เป็นใครจะไม่แค้นบ้างแฟนกับเพื่อนรักหักหลังกันหน้าด้านๆ ยังจะตามมาก่อกวนกันอีก จะทำให้เธอเจ็บปวดไปถึงไหนกัน
แค่นี้เธอก็จำฝังใจจนลืมไม่ลงแล้ว…
คนหนีก็เร่งที่จะเดินหนี ฝ่ายคนตามก็ไม่ย่อท้อที่จะเดินตาม น้ำชาชักเริ่มจะหงุดหงิดในผับนี้ดูจะคับแน่นเกินไปที่จะหลบหนี ไม่รู้ว่าเธอเดินลึกเข้ามาถึงทิศทางไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าจะหลบหนียังไงให้พ้นจากสายตาของคนที่ตามอยู่ ทว่าช่างโชคดีเหลือเกินที่สายตาเธอบังเอิญไปเห็นเข้ากับใครอีกคนที่กำลังเดินสวนเข้ามา
พรึบ!
ไวกว่าความคิด ร่างสูงของคนที่ว่าถูกเธอกระชากให้เดินตามมายังมุมมืดอับสายตามุมหนึ่ง
“เป็นอะไร?”
“พี่โซ่!”
“เธอเป็นอะไร?” ท่าทางลนลานของคนตัวเล็กกว่าทำให้เขาเกิดความสงสัย
“คือ…”
“?”
น้ำชาไม่รู้จะบอกยังไงดีเพราะมันไม่ใช่เวลาจะมาอธิบาย ยิ่งเห็นคนที่กำลังเดินตามเธอมากวาดสายตามองหาก็ยิ่งต้องตัดสินใจให้เร็วที่สุด พลันคำพูดของสายฝนก็แว๊บเข้ามาในหัว
“ถ้าแกมีคนใหม่ ไอ้ผู้ชายคนนั้นจะได้เลิกตามมาวุ่นวายกับแกสักทีไง”
‘เป็นไงเป็นกัน’ น้ำชาได้แต่คิดในใจ บางทีที่เธอยังลืมคนเก่าไม่ได้อาจจะเป็นเพราะว่าเขายังตามมาวนเวียนให้เธอได้เจออยู่แบบนี้ แต่ถ้าเขาเห็นว่าเธอมีใครใหม่แล้วอาจจะยอมถอยไปอย่างที่เพื่อนเธอบอกก็เป็นได้
“จะ…จูบชาหน่อย”
“ฮะ!?” คนได้ยินคำว่าจูบถึงกับทำหน้าตาตื่น หรืออาจจะเป็นเพราะถูกเพื่อนเก่าที่บังเอิญเจอกันยัดเหล้าให้ดื่มหลายแก้วเมื่อครู่นี้หรือเปล่าถึงทำให้เขาหูเพี้ยนไปได้ขนาดนี้ โซ่ไม่อยากเชื่อว่าอยู่ดีๆน้ำชาก็จะมาขอให้ตัวเองจูบ แต่เพื่อความแน่ใจเลยต้องลองเอ่ยถามดูอีกครั้ง
“เธอว่าอะไรนะ?”
“…” ไม่เหลือเวลาในการให้คำตอบ วินาทีเดียวกันกับที่โซ่ก้มหน้าลงมาถาม น้ำชาก็เขย่งปลายเท้าขึ้นไปใช้ริมฝีปากของตัวเองแตะเข้ากับริมฝีปากหนาได้รูปของเขาในทันที
จุ๊บ!
โซ่ได้รับคำตอบจากเธอด้วยการกระทำ แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ได้รับสัมผัสจากคนซึ่งตัวเองสนใจอยู่ก่อนแล้วก็ถึงกลับไปไม่เป็น เขาไม่คิดว่าน้ำชาจะกล้าจูบ แม้ตอนนี้ริมฝีปากของทั้งคู่กำลังแตะกันอยู่เขาก็ยังคิดว่าตัวเองอาจจะแค่เมาแล้วเกิดภาพหลอนขึ้นมาในหัวก็ได้
และเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าตัวเองหลอนไปเองจริงหรือไม่ การบดเบียดและเคล้าคลึงริมฝีปากจึงได้เริ่มต้นขึ้น แขนแกร่งทำการโอบกระชับเอวกิ่วให้ประชิดติดกายเขาแนบแน่น ก่อนที่เสี่ยววินาทีต่อมาริมฝีปากรุ่มร้อนจะทำการส่งลิ้นร้ายเข้าไล่ต้อนกับลิ้นเล็กของอีกฝ่าย
‘ของจริงนี่หว่า เขาไม่ได้หลอน’
“อื้อ!” น้ำชาเพิ่งตระหนักได้ตอนนี้เองว่าเธออาจจะตัดสินใจผิด
จากตอนแรกแค่อยากจะแสดงละครฉากหนึ่งให้ใครได้เห็นกลายเป็นว่าผู้ร่วมแสดงกลับเล่นสมบทบาทจนเกินไป
ก็ดูจะเกินไปจนเธอเผลอเคลิบเคลิ้มและจูบเขากลับไปด้วยความลืมตัว…
“ให้จูบอีกไหม?” เสียงพร่ากระซิบถามทั้งที่ยังไม่ละริมฝีปากออกมา ถึงไม่รู้เหตุผลในการขอจูบในครั้งนี้ของเธอ ทว่าสำหรับคนที่แอบมองเธอแล้วมันคือกำไรที่โคตรคุ้มค่า ถ้าเขาไม่คว้าไว้คงโง่เต็มที…
และแม้ว่าเธอจะยังไม่ให้คำตอบกับสิ่งที่ถามแต่การไม่ขยับตัวหลีกหนีไปทางไหนก็ถือได้ว่าไม่ปฏิเสธ โซ่ช่วงชิงลมหายใจของเธออีกครั้งด้วยการตะโบมจูบอย่างเร่าร้อนในแบบของเขา จูบที่ทำเอาอีกคนแทบจะลืมหายใจ…
จังหวะการขยับริมฝีปากดูดดึงของทั้งคู่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ทว่าลมหายใจอุ่นๆที่ราดรดลงใส่กันกลับส่งสัญญาณถึงความหมายบางอย่าง
โซ่ไม่อาจห้ามใจที่จะไม่ลูบไล้เนื้อนวลบริเวณเอวคอดได้ และก็ไม่อาจห้ามใจที่จะเคลื่อนมือหนาขึ้นมายังอกอวบที่มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่ามันคือของแท้
รู้ตัวอีกทีเขาก็ดันคนตัวเล็กกว่าให้เข้าไปชิดติดต้นเสาและทำการกดปลายจมูกลงซอกคอขาวสูดดมกลิ่นหอมจนสุดปอดอย่างชื่นใจ
ทว่าเหมือนช่วงเวลาในการตักตวงกำไรจะหมดลงเพียงเท่านั้น…
“น้ำชา! เสียงเข้มบ่งบอกถึงอารมณ์ครุกรุ่นของใครบางคนจากทางด้านหลังทำให้ทั้งสองต้องผละออกจากกันแล้วหันไปมอง
“ไอ้นี่มันเป็นใคร?” ไม่ถามเปล่าแต่ร่างสูงของคนที่ว่ากลับพุ่งตรงเข้าหาตัวโซ่ทันที หากแต่ยังดีหน่อยที่คนเป็นมวยหลบได้ทัน
“มึง!”
“หยุดบ้าสักทีพี่แซม” น้ำชามองหน้าอีกคนอย่างเหลืออด ร่างบางเอาตัวเองมาบังอีกคนไว้เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกัน
“พี่ถามว่ามันเป็นใคร?”
“เขาจะเป็นใครมันก็ไม่เกี่ยวกับพี่”
“น้ำชา! อย่ามากวนประสาทพี่ อย่าให้พี่ต้องหมดความอดทน”
“หยุดตะโกนใส่ผู้หญิงได้แล้ว” โซ่เกิดทนไม่ไหวที่เห็นเหมือนน้ำชาจะโดนข่มขู่ จากรูปการที่ดูคงเดาได้ไม่ยากว่าทั้งคู่นั้นอาจเป็นคนเคยมีสถานะต่อกัน
โซ่ถึงบางอ้อในตอนนี้เองกับเหตุผลของการถูกขอจูบ ไม่บอกก็รู้ว่าตอนนี้คนด้านหน้าของเขากำลังต้องการความช่วยเหลือจากเขาแน่
“แล้วมึงเสือกอะไรด้วย” แซมชี้หน้าถาม
“เสือกดิ นี่เมียกู” คนอยากมีสถานะด้วยโมเมเอ่ยตอบ ฝ่ายน้ำชาถึงจะสะดุ้งตัวเล็กน้อยที่ได้ยินคำว่าเมียแต่ในสถานการณ์เช่นนี้เธอทำได้แค่เงียบเข้าไว้
“จริงเหรอชา?”
“…” น้ำชาไม่ตอบแต่หันไปคว้ามือโซ่ขึ้นมาประสานไว้แทน ทั้งการซบศีรษะเข้าหาไหล่กว้างก็ราวกับว่ามันเป็นคำตอบแทนคำพูดไปหมดแล้ว
“พี่ไม่เชื่อ เราไม่ได้คบกับใครง่ายขนาดนี้”
“พี่จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่พี่ แต่คนนี้เป็นแฟนใหม่ของชาจริงๆ” ประกอบคำเพื่อให้น่าเชื่อถือน้ำชาก็เปลี่ยนจากการประสานมือมาเป็นกอดเข้าที่แขนแกร่งแทน
“ไปกันเถอะพี่โซ่”
ทั้งสองพากันเดินห่างออกไปแล้วทิ้งให้คนแค้นใจยืนกำหมัดตัวเองแน่น แซมเป็นคนไม่ยอมคน อีกทั้งครอบครัวเขาจัดว่าเป็นผู้มีอิทธิพลเลยคิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
“น้ำชาเป็นของกู”
สายตาเอาแต่ใจยืนจ้องเขม็ง น้ำชาเป็นของเขามาก่อนแม้จะไม่เคยครอบครองร่างกายแต่ยังไงหัวใจของเธอก็เคยเป็นของเขา
“พี่ไม่ยอมง่ายๆแน่ ไม่ยอม”
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา… เช้าของวันนี้นับเป็นอีกหนึ่งวันวุ่นวายของน้ำชาเลยก็ว่าได้ นอกจากจะไม่ได้นอนตื่นสายในวันหยุดถึงสองอาทิตย์ติดแถมวันนี้ก็ยังต้องแบกเป้ใบโตเพื่อมาที่มหา’ลัยตั้งแต่เช้าเพื่อขึ้นรถทัวร์ในการเดินทาง มิหนำซ้ำข้าวปลาก็ยังไม่ได้ตกถึงท้องเลยสักเม็ดเดียว “เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนหิวข้าว” สายฝนเดาแม่นอย่างกับมีอาชีพเสริมเป็นหมอดู “หิว ว่าจะกินโจ๊กแถวหน้าคอนโดก่อนมาแต่ร้านดันปิด” “อ้าว! ทำไงดีอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงจุดพัก” “คงต้องกินน้ำเปล่าไปก่อน รู้งี้ไม่ลืมซื้ออะไรติดมากินรองท้องแต่แรกก็ดี” น้ำชาบ่นเสียงกระปอดกระแปด อาจจะเพราะตื่นเช้าเกินไปหน่อยเธอถึงได้ลืมนั่นลืมนี่ทั้งที่ไม่ใช่คนนิสัยขี้ลืม “รองท้องก่อนไหม” แซนด์วิชและนมกล่องสีฟ้าชื่อดังถูกยื่นส่งให้โดยรุ่นพี่ที่นั่งอยู่เบาะไม่ไกลกันอีกฝั่งหนึ่งน้ำชามองสองสิ่งนั้นอย่างชั่งใจ… “ไม่ได้ใส่ยาอะไรลงไปหรอก กินได้” “ขอบคุณค่ะ” “ไม่อิ่มบอกนะ ยังมีอีก” คนมีน้ำใจฉีกยิ้มกว้างไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ให้ป้าแม่บ้านทำเผื่อไว้หลายๆชิ้น เห็นเธอกินได้เขาก็ดีใจ “อร่อยไหม?” “…” น้ำชาเคี้ยวตุ้ย
ในวันหยุดที่น้ำชาควรจะได้พักสมองด้วยการนอนตื่นสายหรือไม่ก็ยืดเส้นยืดสายด้วยการซ้อมเต้นหรือออกกำลังกายอย่างที่ชอบทำประจำ ทว่าวันนี้กลับแตกต่างออกไป เธอกับเพื่อนสาวอีกสองคนถูกรองประธานชมรมมอบหน้าที่ให้เป็นฝ่ายจัดซื้อข้าวของเครื่องใช้และขนมนมเนยที่จะไปออกค่ายชมรมในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้เป็นหน้าที่ที่มอบให้แบบไม่ถามหาสุขภาพน้ำชาเลยสักคำ… “หลายอย่างขนาดนี้วันเดียวจะซื้อหมดเหรอ” สมุดใช้จดรายการที่ต้องซื้อยาวยืดจนทั้งสามหญิงสาวมองหน้ากัน ตอนนี้ทั้งสามคนนั่งอยู่ภายในบ้านหลังใหญ่โตของโซ่ที่ใช้เป็นจุดนัดหมาย “พี่หมอกแกล้งกันปะเนี่ย มีกันอยู่ไม่กี่คนแค่นี้จะซื้อยังไงหมด” เมื่อเห็นรายการที่ต้องซื้อกับคนที่มีอยู่แค่นี้แล้วฝนถึงกับทำท่าจะเป็นลม “ใครบอกแค่นี้” “อ้าว! ไม่ได้ใช่มีแค่พวกฝนสามคนเหรอ” “เลอะเทอะ ใครจะใช้ผู้หญิงทำเรื่องหนักขนาดนั้น” “แล้วยังไง?” “พวกพี่ก็ไปด้วยไง แล้วก็โน่น” หมอกประกอบคำพูดด้วยการพยักพเยิดหน้าไปทางนอกบ้านที่มีเพื่อนอีกสามคนยืนสูบบุหรี่คุยกันอยู่ “ไอ้โซ่มันจัดการขอคนจากพ่อมันไปช่วยด้วยอีกหลายคน” “โห! ลุงซันนี่ยังใจดีเหม
โซ่พาน้ำชาเดินมาหยุดยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของผับ แซมไม่ได้ตามมาแล้วแต่มือที่กอดเอวของเธอไว้แน่นก็ยังไม่ยอมปล่อย “ปล่อยได้แล้ว เขาคงไม่ตามมาแล้ว” คนถูกกอดแน่นว่าพลางจะงัดแงะมือของอีกคนออกจากเอว ทว่ายิ่งจับมือหนาแงะออกก็ยิ่งถูกกอดแน่นขึ้นราวกับว่าจะแกล้งกัน และยิ่งมากไปกว่านั้นคนที่กำลังแกล้งเธออยู่ดันโน้มใบหน้าเข้าหากันใกล้ยิ่งกว่าเดิม น้ำชาชะงักนิ่งไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าหนีเสือปะจระเข้หหรือเปล่าทำไมโซ่ถึงได้จ้องมองเธอแบบนั้นทั้งสายตาที่เปลี่ยนไปก็สื่อความหมายบางอย่าง “ปล่อยก่อน” “…” โซ่ไม่ยอมปล่อย เขาคิดว่าช่วงเวลาแห่งการตักตวงกำไรของเขามันน้อยเกินไปหน่อยจนอยากจะต่อเวลาให้ยาวออกไปอีกสักนิดนึง “พี่โซ่! ปล่อย” เธอเอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าเดิม “อะไร? เมื่อกี้เธอทั้งกอดทั้งจูบแบบไม่ทันตั้งตัวพี่ยังไม่ว่าอะไรเธอสักคำเลย” “มันฉุกเฉิน” “เห็นพี่เป็นอะไร พอได้จูบพี่ไปแล้วก็จะสลัดกันทิ้ง?” เจ้าของใบหน้าหล่อว่าแล้วก็เมินไปทางอื่นทำงอนเหมือนเป็นเด็กๆ “เธอจูบพี่ขนาดนั้นถ้าพี่คิดไปไกลขึ้นมาเธอจะรับผิดชอบยังไง?” “อย่าเวอร์ ทำเหมือนไม่เคยจูบกับคนอื
ผ่านมาก็จะเป็นปีแล้วน้ำชาคิดว่าคงลืมความรักห่วยๆที่ผ่านมาของตัวเองได้ ทว่าพอเมาทีไรไม่รู้ทำไมต้องอยากจะร้องไห้ขึ้นมาทุกที เธอไม่ได้คิดถึง ไม่ได้อยากกลับไปหาเขา เพียงแค่ความปวดร้าวมันยังคงฝังอยู่ในใจลึกๆเท่านั้นเอง “เฮ่อ!” ริมฝีปากสวยพ่นลมหายใจออกมาพลางมองใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนในกระจกอีกครั้ง น้ำชาไม่ได้ใส่ใจผู้หญิงอีกหลายคนที่ยืนอยู่หน้ากระจกเช่นกันเพราะไม่ได้รู้จัก กลัวก็อย่างเดียวคือเพื่อนเธอสองคนนั้นจะตามเข้ามาในเวลานี้ ขอบตาแดงแบบนี้เธอต้องโดนจับได้แน่ว่าแอบมาร้องไห้ แถมอาจจะต้องถูกดุอีกต่างหาก น้ำชาไม่อยากให้เพื่อนต้องเป็นห่วง คิดได้ดังนั้นจึงคว้าแป้งพัฟจากกระเป๋าขึ้นมาตบเข้าที่หน้าทาลิปสติกอีกสักหน่อย ทุกอย่างดูดีเข้าที่แล้วจึงค่อยเดินออกจากห้องน้ำไป ร่างระหงในชุดกางยีนส์รัดรูปเอวต่ำคู่กับเสื้อครอปสีดำตัวจิ๋วกำลังเดินทอดน่องไปตามทางเดินที่มีแสงไฟสลัว ใบหน้าสะสวยบวกกับรูปร่างโดดเด่นของเธอเป็นที่เตะตาต้องใจของใครหลายคนที่เดินผ่าน หากแต่น้ำชาไม่คิดจะสนใจใคร ใครจะว่าเธอหยิ่งยังไงก็ช่างน้ำชาไม่สน… ทว่าอยู่ๆสองขาเรียวนั้นก็ต้องหยุดเดินอย่างกะทันหัน… “น้ำชา!”
@The Rabbit club… บรรยากาศในผับช่วงคืนวันเสาร์ถือได้ว่าครึกครื้นเป็นที่สุด เหล่านักท่องราตรีไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษาหรือแม้แต่กลุ่มคนวัยทำงานก็มักจะใช้ค่ำคืนนี้ในการปลดปล่อยตัวเองให้สุดแล้วค่อยไปหยุดนอนพักผ่อนเอาแรงในวันถัดไปเธอเองก็เช่นกัน… ร่างระหงของน้ำชาเดินตรงเข้ามายังโต๊ะที่เพื่อนๆนั่งอยู่ แต่พอมาถึงดวงตากลมเฉี่ยวก็กวาดมองจำนวนคนที่เกินกว่าที่นัดกันเอาไว้พลางขมวดคิ้วลงเล็กน้อย น้ำชาจำได้ว่าที่เธอนัดเอาไว้มีเพียงเธอและเพื่อนสองคนที่เรียนอยู่คณะเดียวกันในมหาลัยเท่านั้น แต่ตอนนี้ดันมีชายหนุ่มหน้าตาดีอีกสี่คนโผล่มาด้วยเฉยเลย “น้ำชา มานั่งตรงนี้” เสียงหวานของเพื่อนสาวคนหนึ่งเอยบอกพร้อมกวักมือเรียก ใบหน้าจิ้มลิ้มส่งยิ้มแห้งให้เธอเล็กน้อยเหมือนรู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด “ทำไมคนเยอะ?” “โทษที พี่ชายฉันตามมาคุมแฟนมัน” ประกอบคำสารภาพผิดสายฝนก็พยักพเยิดหน้าไปทางพิมเพื่อนอีกคนที่นั่งตัวชิดติดกันกับแฟนหนุ่ม “เอาน่า มากันหลายคนจะได้สนุก” “หึ!” น้ำชาคร้านที่จะเถียง เธอแค่อยากออกมานั่งดื่มตามประสาเพื่อนสาวเพื่อผ่อนคลายให้หายจากความขุ่นมัวทางอารมณ์เพราะเหตุบ







