LOGINโซ่พาน้ำชาเดินมาหยุดยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของผับ แซมไม่ได้ตามมาแล้วแต่มือที่กอดเอวของเธอไว้แน่นก็ยังไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยได้แล้ว เขาคงไม่ตามมาแล้ว” คนถูกกอดแน่นว่าพลางจะงัดแงะมือของอีกคนออกจากเอว ทว่ายิ่งจับมือหนาแงะออกก็ยิ่งถูกกอดแน่นขึ้นราวกับว่าจะแกล้งกัน และยิ่งมากไปกว่านั้นคนที่กำลังแกล้งเธออยู่ดันโน้มใบหน้าเข้าหากันใกล้ยิ่งกว่าเดิม
น้ำชาชะงักนิ่งไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าหนีเสือปะจระเข้หหรือเปล่าทำไมโซ่ถึงได้จ้องมองเธอแบบนั้นทั้งสายตาที่เปลี่ยนไปก็สื่อความหมายบางอย่าง
“ปล่อยก่อน”
“…” โซ่ไม่ยอมปล่อย เขาคิดว่าช่วงเวลาแห่งการตักตวงกำไรของเขามันน้อยเกินไปหน่อยจนอยากจะต่อเวลาให้ยาวออกไปอีกสักนิดนึง
“พี่โซ่! ปล่อย” เธอเอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าเดิม
“อะไร? เมื่อกี้เธอทั้งกอดทั้งจูบแบบไม่ทันตั้งตัวพี่ยังไม่ว่าอะไรเธอสักคำเลย”
“มันฉุกเฉิน”
“เห็นพี่เป็นอะไร พอได้จูบพี่ไปแล้วก็จะสลัดกันทิ้ง?” เจ้าของใบหน้าหล่อว่าแล้วก็เมินไปทางอื่นทำงอนเหมือนเป็นเด็กๆ
“เธอจูบพี่ขนาดนั้นถ้าพี่คิดไปไกลขึ้นมาเธอจะรับผิดชอบยังไง?”
“อย่าเวอร์ ทำเหมือนไม่เคยจูบกับคนอื่น” ทั้งที่จูบเก่งจนใจเธอสั่นขนาดนั้นทำงอนเป็นผู้หญิงโดนฟันแล้วทิ้งไปได้
“ก็บอกว่ามันเหตุฉุกเฉิน ชาไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นมายุ่งอีกก็เลย…”
“วิ่งมาจูบพี่?” โซ่ต่อประโยคให้พลางดุนลิ้นเข้าที่กระพุ้งแก้มเลิกคิ้วขึ้นใส่อย่างกวนๆ
“ขอโทษได้ไหมล่ะ?...แล้วก็ขอบคุณที่ช่วย” น้ำชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เริ่มรู้สึกจะเขินขึ้นมานิดๆที่ก่อนหน้านั้นทำเมินใส่เขาแต่ตัวเองกลับวิ่งไปขอให้เขาจูบเสียอย่างนั้น แต่จะทำยังไงได้ ก็มันจำเป็นจริงๆ
“ไว้ชาจะเลี้ยงข้าวตอบแทนก็แล้วกัน”
“โห่! มุกเชยมาก ตังพี่เยอะแยะไม่จำเป็นต้องให้ผู้หญิงมาเลี้ยงก็ได้มั้ง”
“ก็แล้วจะให้ทำไง อยากให้ชาตอบแทนยังไงก็บอกมาสิ”
“…” เจ้าของใบหน้าคมสันตั้งท่าทำทีเป็นนึกคิด อะไรที่อยากได้จากเธอเป็นการตอบแทนงั้นเหรอ?
“หือ? อะ…อะไร” น้ำชาขมวดคิ้วและหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเขายื่นสมาร์ตโฟนเครื่องหรูมาตรงหน้า
“ถ้านึกออกแล้วจะส่งข้อความไปบอก”
“…” น้ำชาถึงกับร้อง ‘อ๋อ’ ตอนนี้เอง ที่แท้ก็อยากได้ช่องทางติดต่อกับเธอ รุ่นพี่คนนี้มันร้ายจริงๆ
ในเมื่อกล้าขอเธอก็กล้าที่จะให้ ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยเธอไว้แล้วกัน แต่ทักมาแล้วเธอจะตอบกลับหรือเปล่านั้นมันอีกเรื่องนึง
“พอใจแล้วใช่ไหม?”
โซ่รับสมาร์ตโฟนที่เธอส่งกลับมาให้ด้วยรอยยิ้มพึงใจ อย่างน้อยๆก็ได้ช่องทางการติดต่อเธอมาไว้ในมือแล้ว ต่อไปการเข้าหาเธอให้มากกว่านี้มันก็คงจะง่ายขึ้น ก็บอกแล้วว่าเขาจีบใครไม่เคยที่จะไม่ติด ถ้าไม่เชื่อก็คอยดู…
00.30น.
@คอนโดxxx
น้ำชากลับห้องมาด้วยสภาพที่เมามายพอสมควร พวกเพื่อนๆเล่นชวนเธอชนหมดแก้วแบบติดๆทำอย่างกับว่าชาตินี้จะไม่ได้กินเหล้าด้วยกันอีกแล้วอย่างไรก็อย่างนั้น ดีหน่อยว่าเธอเป็นคนคอค่อนข้างแข็งจึงยังสามารถพาตัวเองกลับมาถึงห้องได้ ส่วนเพื่อนเธอสองคนนั้นไม่ต้องพูดถึง ‘เมาไม่เหลือ’
“ฟู่…” ริมฝีปากสวยพ่นลมหายใจออกมาหนักๆพลางยกมือขึ้นนวดที่ขมับ เธอคิดว่าคงต้องเข้าไปอาบน้ำเสียหน่อยเผื่ออาการมึนศีรษะมันจะดีขึ้น ทว่ายังไม่ทันจะได้ขยับตัวหน้าจอสมาร์ตโฟนในมือก็สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับการสั่นเตือน ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นแฟนเก่าที่พยายามจะส่งข้อความมาหาเธออีกแต่มันกลับไม่ใช่
มันคือข้อความของใครบางคนที่เพิ่งจะหลอกล่อขอช่องทางการติดต่อจากเธอไปเมื่อไม่นานนี่เอง…
ข้อความ
Soh : ถึงบ้านหรือยัง ปลอดภัยดีหรือเปล่า?
Soh : ยังอยู่ครบสามสิบสองใช่มั๊ย หรือมีอะไหล่ส่วนไหนหลุดไปแล้ว
“หึ! แช่งกันซะงั้น” น้ำชาถึงกับต้องยิ้มทันทีที่ได้เปิดอ่าน เขาคงคิดว่าเธอเมามากถึงอาสาจะขับรถมาส่งเธอในตอนที่กำลังจะแยกย้ายกันแต่เธอยืนยันว่าตัวเองยังไหว
น้ำชาไม่ได้ตอบอะไรเขากลับไปเพราะรู้สึกง่วงมากจึงลุกไปอาบน้ำเพื่อจะเข้านอนและพักผ่อนแทน แต่พอทำธุระเรียบร้อยแล้วก่อนจะล้มตัวลงนอนก็ยังไม่ลืมเปิดข้อความที่เขาส่งมาเพื่ออ่านอีกครั้ง
Soh : เปิดอ่านแบบนี้แสดงว่ายังอยู่ดี ถ้างั้นก็ฝันดีแล้วกันนะ
Soh : ไว้เจอกันใหม่ (สติกเกอร์หมีใส่แว่นเก็กหล่อ)
น้ำชาไม่ได้ตอบข้อความอะไรกลับไปเช่นเคย ทว่าริมฝีปากสวยก็ระบายยิ้มอยู่อย่างนั้นก่อนจะดับหน้าจอแล้วเข้านอน…
หลายวันต่อมา…
@มหา’ลัย
คณะวิศวกรรมศาสตร์…
เสียงจ้องแจ้กจอแจในคณะเรียนซึ่งประกอบไปด้วยนักศึกษาชายเสียส่วนใหญ่ยังคงเป็นปกติอย่างเช่นทุกวัน บรรยากาศภายในโรงอาหารของคณะเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยแบบเป็นกันเองชนิดที่เรียกได้ว่าไม่ต้องเบาเสียงเพื่อเกรงใจใคร ทว่าเสียงรบกวนเหล่านั้นไม่ได้ทำให้คนซึ่งเสียบหูฟังอยู่คาหูได้รู้สึกอะไร จนกระทั่งถูกไอ้เพื่อนตัวดีที่นั่งอยู่ใกล้ๆดึงหูฟังราคาแพงออก
“มึงดูอะไรอยู่ว่ะ ไม่แดกข้าวหรือไง”
“เสือก” โซ่แนบหน้าจอสมาร์ตโฟนเข้าที่อกหลบหลีกเพื่อนขี้เผือกอย่างวินไม่ให้เห็นว่าเขากำลังสนใจในสิ่งใดอยู่
“แหมะ! กูเห็นมึงดูมาตั้งหลายวันแล้ว นึกว่ากูไม่รู้หรือไง”
“เสือก”
“ไอ้สัดนี่พูดเป็นอยู่คำเดียว?” วินส่ายหน้าระอาใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะสอดรู้สอดเห็นต่อ
“มึงเอาจริงดิ”
“อะไร?”
“จะจีบ?”
“อืม” โซ่พยักหน้ารับตามตรงไม่ปกปิด ตั้งแต่เจอน้ำชาวันนั้นความสนอกสนใจของเขามันก็พลุ่งพล่านจนต้องไปสอบถามประวัติคร่าวๆของเธอจากแฟนเพื่อนจนได้ความ
“กูว่างานยากอยู่นะ น้องเขาดูไม่ได้สนใจมึงเท่าไร”
“อืม” โซ่ยิ้มมุมปากเห็นด้วย ก็เพราะแบบนี้นี่แหละที่ทำให้เขาสนใจเธอ
“แต่ก็สวยจริง หุ่นนี่โคตรดีหน้าท้องก็มีกล้ามหน่อยๆ”
แปะ!
“ไอ้สัดโซ่! กูเจ็บ” วินลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆหลังจากโดยฝามืออรหันต์ของโซ่กระทบเข้าหน้าผากให้หนึ่งที
“ช่างสังเกตนัก ไอ้เวร!”
“หึ! ทำอย่างกับมึงไม่ได้มอง เอวลอยมาแต่ไกลขนาดนั้นกูไม่มองก็ตุ๊ดแล้วปะ เอาจริงเหอะแม่งกูว่าถ้าตุ๊ดเห็นก็ยังมองอะของสวยๆ”
วินพูดสัตย์จริง วันนั้นที่น้ำชาเดินเข้ามาแม้แต่หมอกเพื่อนเขาที่มีแฟนอยู่แล้วหรือว่าริวที่ไม่ค่อยสนใจใครก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองเลย แล้วตัวเขาเองจะไปเหลืออะไร แต่มองแล้วคิดอะไรหรือเปล่านี่อีกเรื่อง ไอ้เขามันก็มองไปตามประสาผู้ชาย แต่ไอ้โซ่เพื่อนเขานี่สิ
“มองได้แต่ห้ามคิด คนนี้กูจอง”
“แหมะ! ถามน้องเขาก่อนเหอะ” วินส่ายหน้าแล้วส่ายหน้าอีกให้กับความอยากจับจองตัวรุ่นน้องของเพื่อน ก็ถ้าหากเป็นสาวคนอื่นแค่เพื่อนเขาเดินผ่านยังมองจนเหลียวหลัง แต่ว่ากับน้องคนนี้มันไม่ใช่ไง วินก็ไม่อยากให้เพื่อนวินมันกินแห้ว
“ไอ้หมอกมันส่งรายการของที่ต้องซื้อพรุ่งนี้มาแล้ว” บุคคลที่สามที่นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยขึ้น ริววางสมุดเล่มเล็กที่เพิ่งจดรายการที่จะต้องซื้อของไปออกค่ายชมรมในอาทิตย์หน้าให้เพื่อนดู
“เยอะเอาเรื่อง” วินคว้าสมุดไปพลิกดูแล้วก็บ่น
อีกด้าน…
“พรุ่งนี้พี่หมอกให้เราไปช่วยกันซื้อของที่จะเอาไปออกค่อยกันแต่เช้า รู้งี้ไม่ไปเข้าชมรมนี้ด้วยดีกว่าเหนื่อยชะมัด” เสียงสายฝนลอยมาแต่ไกลตั้งแต่เจ้าตัวยังเดินมาไม่ถึงเพื่อนๆที่นั่งรออยู่เลยด้วยซ้ำ ไอ้เรื่องที่บ่นเพื่อนทุกคนจำได้ว่าเธอเองนั่นและที่เป็นตัวตั้งตัวตีลากพิมกับน้ำชาให้ไปเข้าร่วมด้วย
“บอกให้ไปชมรมถ่ายภาพตอนแรกก็ไม่ไป อย่ามาบ่น” พิมได้ทีเอาคืนบ้าง
“นั่นสิ เพื่อนจะไปที่อื่นก็ไม่ให้ไป” ตอนแรกน้ำชาเองก็จะไปอยู่ชมรมอื่นทว่าตอนนั้นอยากมีเพื่อนก็เลยตามใจสายฝน สรุปสุดท้ายก็ได้เข้าชมรม ‘จิตอาสาพัฒนา’ ตามๆกันไป
“เฮ้อ! ถือว่าได้ช่วยสังคมไปด้วยแล้วกัน”
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา… เช้าของวันนี้นับเป็นอีกหนึ่งวันวุ่นวายของน้ำชาเลยก็ว่าได้ นอกจากจะไม่ได้นอนตื่นสายในวันหยุดถึงสองอาทิตย์ติดแถมวันนี้ก็ยังต้องแบกเป้ใบโตเพื่อมาที่มหา’ลัยตั้งแต่เช้าเพื่อขึ้นรถทัวร์ในการเดินทาง มิหนำซ้ำข้าวปลาก็ยังไม่ได้ตกถึงท้องเลยสักเม็ดเดียว “เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนหิวข้าว” สายฝนเดาแม่นอย่างกับมีอาชีพเสริมเป็นหมอดู “หิว ว่าจะกินโจ๊กแถวหน้าคอนโดก่อนมาแต่ร้านดันปิด” “อ้าว! ทำไงดีอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงจุดพัก” “คงต้องกินน้ำเปล่าไปก่อน รู้งี้ไม่ลืมซื้ออะไรติดมากินรองท้องแต่แรกก็ดี” น้ำชาบ่นเสียงกระปอดกระแปด อาจจะเพราะตื่นเช้าเกินไปหน่อยเธอถึงได้ลืมนั่นลืมนี่ทั้งที่ไม่ใช่คนนิสัยขี้ลืม “รองท้องก่อนไหม” แซนด์วิชและนมกล่องสีฟ้าชื่อดังถูกยื่นส่งให้โดยรุ่นพี่ที่นั่งอยู่เบาะไม่ไกลกันอีกฝั่งหนึ่งน้ำชามองสองสิ่งนั้นอย่างชั่งใจ… “ไม่ได้ใส่ยาอะไรลงไปหรอก กินได้” “ขอบคุณค่ะ” “ไม่อิ่มบอกนะ ยังมีอีก” คนมีน้ำใจฉีกยิ้มกว้างไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ให้ป้าแม่บ้านทำเผื่อไว้หลายๆชิ้น เห็นเธอกินได้เขาก็ดีใจ “อร่อยไหม?” “…” น้ำชาเคี้ยวตุ้ย
ในวันหยุดที่น้ำชาควรจะได้พักสมองด้วยการนอนตื่นสายหรือไม่ก็ยืดเส้นยืดสายด้วยการซ้อมเต้นหรือออกกำลังกายอย่างที่ชอบทำประจำ ทว่าวันนี้กลับแตกต่างออกไป เธอกับเพื่อนสาวอีกสองคนถูกรองประธานชมรมมอบหน้าที่ให้เป็นฝ่ายจัดซื้อข้าวของเครื่องใช้และขนมนมเนยที่จะไปออกค่ายชมรมในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้เป็นหน้าที่ที่มอบให้แบบไม่ถามหาสุขภาพน้ำชาเลยสักคำ… “หลายอย่างขนาดนี้วันเดียวจะซื้อหมดเหรอ” สมุดใช้จดรายการที่ต้องซื้อยาวยืดจนทั้งสามหญิงสาวมองหน้ากัน ตอนนี้ทั้งสามคนนั่งอยู่ภายในบ้านหลังใหญ่โตของโซ่ที่ใช้เป็นจุดนัดหมาย “พี่หมอกแกล้งกันปะเนี่ย มีกันอยู่ไม่กี่คนแค่นี้จะซื้อยังไงหมด” เมื่อเห็นรายการที่ต้องซื้อกับคนที่มีอยู่แค่นี้แล้วฝนถึงกับทำท่าจะเป็นลม “ใครบอกแค่นี้” “อ้าว! ไม่ได้ใช่มีแค่พวกฝนสามคนเหรอ” “เลอะเทอะ ใครจะใช้ผู้หญิงทำเรื่องหนักขนาดนั้น” “แล้วยังไง?” “พวกพี่ก็ไปด้วยไง แล้วก็โน่น” หมอกประกอบคำพูดด้วยการพยักพเยิดหน้าไปทางนอกบ้านที่มีเพื่อนอีกสามคนยืนสูบบุหรี่คุยกันอยู่ “ไอ้โซ่มันจัดการขอคนจากพ่อมันไปช่วยด้วยอีกหลายคน” “โห! ลุงซันนี่ยังใจดีเหม
โซ่พาน้ำชาเดินมาหยุดยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของผับ แซมไม่ได้ตามมาแล้วแต่มือที่กอดเอวของเธอไว้แน่นก็ยังไม่ยอมปล่อย “ปล่อยได้แล้ว เขาคงไม่ตามมาแล้ว” คนถูกกอดแน่นว่าพลางจะงัดแงะมือของอีกคนออกจากเอว ทว่ายิ่งจับมือหนาแงะออกก็ยิ่งถูกกอดแน่นขึ้นราวกับว่าจะแกล้งกัน และยิ่งมากไปกว่านั้นคนที่กำลังแกล้งเธออยู่ดันโน้มใบหน้าเข้าหากันใกล้ยิ่งกว่าเดิม น้ำชาชะงักนิ่งไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าหนีเสือปะจระเข้หหรือเปล่าทำไมโซ่ถึงได้จ้องมองเธอแบบนั้นทั้งสายตาที่เปลี่ยนไปก็สื่อความหมายบางอย่าง “ปล่อยก่อน” “…” โซ่ไม่ยอมปล่อย เขาคิดว่าช่วงเวลาแห่งการตักตวงกำไรของเขามันน้อยเกินไปหน่อยจนอยากจะต่อเวลาให้ยาวออกไปอีกสักนิดนึง “พี่โซ่! ปล่อย” เธอเอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าเดิม “อะไร? เมื่อกี้เธอทั้งกอดทั้งจูบแบบไม่ทันตั้งตัวพี่ยังไม่ว่าอะไรเธอสักคำเลย” “มันฉุกเฉิน” “เห็นพี่เป็นอะไร พอได้จูบพี่ไปแล้วก็จะสลัดกันทิ้ง?” เจ้าของใบหน้าหล่อว่าแล้วก็เมินไปทางอื่นทำงอนเหมือนเป็นเด็กๆ “เธอจูบพี่ขนาดนั้นถ้าพี่คิดไปไกลขึ้นมาเธอจะรับผิดชอบยังไง?” “อย่าเวอร์ ทำเหมือนไม่เคยจูบกับคนอื
ผ่านมาก็จะเป็นปีแล้วน้ำชาคิดว่าคงลืมความรักห่วยๆที่ผ่านมาของตัวเองได้ ทว่าพอเมาทีไรไม่รู้ทำไมต้องอยากจะร้องไห้ขึ้นมาทุกที เธอไม่ได้คิดถึง ไม่ได้อยากกลับไปหาเขา เพียงแค่ความปวดร้าวมันยังคงฝังอยู่ในใจลึกๆเท่านั้นเอง “เฮ่อ!” ริมฝีปากสวยพ่นลมหายใจออกมาพลางมองใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนในกระจกอีกครั้ง น้ำชาไม่ได้ใส่ใจผู้หญิงอีกหลายคนที่ยืนอยู่หน้ากระจกเช่นกันเพราะไม่ได้รู้จัก กลัวก็อย่างเดียวคือเพื่อนเธอสองคนนั้นจะตามเข้ามาในเวลานี้ ขอบตาแดงแบบนี้เธอต้องโดนจับได้แน่ว่าแอบมาร้องไห้ แถมอาจจะต้องถูกดุอีกต่างหาก น้ำชาไม่อยากให้เพื่อนต้องเป็นห่วง คิดได้ดังนั้นจึงคว้าแป้งพัฟจากกระเป๋าขึ้นมาตบเข้าที่หน้าทาลิปสติกอีกสักหน่อย ทุกอย่างดูดีเข้าที่แล้วจึงค่อยเดินออกจากห้องน้ำไป ร่างระหงในชุดกางยีนส์รัดรูปเอวต่ำคู่กับเสื้อครอปสีดำตัวจิ๋วกำลังเดินทอดน่องไปตามทางเดินที่มีแสงไฟสลัว ใบหน้าสะสวยบวกกับรูปร่างโดดเด่นของเธอเป็นที่เตะตาต้องใจของใครหลายคนที่เดินผ่าน หากแต่น้ำชาไม่คิดจะสนใจใคร ใครจะว่าเธอหยิ่งยังไงก็ช่างน้ำชาไม่สน… ทว่าอยู่ๆสองขาเรียวนั้นก็ต้องหยุดเดินอย่างกะทันหัน… “น้ำชา!”
@The Rabbit club… บรรยากาศในผับช่วงคืนวันเสาร์ถือได้ว่าครึกครื้นเป็นที่สุด เหล่านักท่องราตรีไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษาหรือแม้แต่กลุ่มคนวัยทำงานก็มักจะใช้ค่ำคืนนี้ในการปลดปล่อยตัวเองให้สุดแล้วค่อยไปหยุดนอนพักผ่อนเอาแรงในวันถัดไปเธอเองก็เช่นกัน… ร่างระหงของน้ำชาเดินตรงเข้ามายังโต๊ะที่เพื่อนๆนั่งอยู่ แต่พอมาถึงดวงตากลมเฉี่ยวก็กวาดมองจำนวนคนที่เกินกว่าที่นัดกันเอาไว้พลางขมวดคิ้วลงเล็กน้อย น้ำชาจำได้ว่าที่เธอนัดเอาไว้มีเพียงเธอและเพื่อนสองคนที่เรียนอยู่คณะเดียวกันในมหาลัยเท่านั้น แต่ตอนนี้ดันมีชายหนุ่มหน้าตาดีอีกสี่คนโผล่มาด้วยเฉยเลย “น้ำชา มานั่งตรงนี้” เสียงหวานของเพื่อนสาวคนหนึ่งเอยบอกพร้อมกวักมือเรียก ใบหน้าจิ้มลิ้มส่งยิ้มแห้งให้เธอเล็กน้อยเหมือนรู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด “ทำไมคนเยอะ?” “โทษที พี่ชายฉันตามมาคุมแฟนมัน” ประกอบคำสารภาพผิดสายฝนก็พยักพเยิดหน้าไปทางพิมเพื่อนอีกคนที่นั่งตัวชิดติดกันกับแฟนหนุ่ม “เอาน่า มากันหลายคนจะได้สนุก” “หึ!” น้ำชาคร้านที่จะเถียง เธอแค่อยากออกมานั่งดื่มตามประสาเพื่อนสาวเพื่อผ่อนคลายให้หายจากความขุ่นมัวทางอารมณ์เพราะเหตุบ







