Masuk“เอ็งจะห้าวมากไปแล้วนะนังเปรี้ยว เด็กมันก็คือเด็กจะเอาอะไรกับมันล่ะ” ป้าอิ่มพูดเข้าข้างหลานชาย
“พูดเข้าข้างกันแบบนี้ไงล่ะ หลานป้าถึงเป็นแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่พี่แก้วต้องไปขอโทษพ่อแม่คนอื่นตอนนนท์ไปแกล้งน่ะ แทนที่จะสั่งสอนหลานกลับมาพูดเข้าข้าง มิน่าล่ะปากถึงได้เหมือนหมา เที่ยวเห่าเด็กคนอื่นไปทั่ว” ยิ่งพูดยิ่งของขึ้น อนัญญาเท้าเอวพูดเสียงดังจนคนอื่นหันมามองเป็นตาเดียว “ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายนะที่ฉันมาเตือน ถ้าได้ยินนนท์พูดกับหลานของฉันอีกล่ะก็ ฉันตบเรียงตัวแน่”
นนท์รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที เพราะกลัวว่าอนัญญาที่ถลึงตาใส่จะทำร้ายตน
“เออๆ ข้าจะเตือนมันเอง เอ็งก็เบาๆ ลงหน่อย คนแก่หัวใจวายกันพอดี” ป้าอิ่มไม่อยากมีเรื่อง มีปากมีเสียงกับอนัญญาสักเท่าไหร่ เพราะรู้นิสัยอีกฝ่ายดีกว่า ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น ยิ่งใครมารังแกหรือพูดไม่ดีกับสองหลานชาย คนนั้นชะตาขาด
“เรื่องหลานฉันถือว่าจบ งั้นเริ่มเรื่องต่อไปได้”
“เรื่องอะไรอีกล่ะ มีใครทำอะไรเอ็งอีก” ป้าอิ่มพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ ภาพที่อนัญญาตบน้ำตาล จอมปากมากประจำซอยยังติดตาอยู่ แล้วยังวีรกรรมอีกหลายอย่างที่ใครเห็นเป็นต้องพูดเสียงเดียวกันว่า ‘อย่ายุ่งกับเปรี้ยวดีที่สุด’
“เปล่า ไม่มีใครทำอะไรเปรี้ยวแล้วจ้ะป้า เปรี้ยวจะยืมเงินป้าสักสามพันวันพุธหน้าคืนจ้ะ” น้ำเสียงประโยคนี้ต่างกับประโยคก่อนหน้าลิบลับ
“อะไรวะ เมื่อกี้แกยังทำท่าจะกินหัวแม่ฉันอยู่เลย ตอนนี้มายืมเงินแม่ฉันเนี่ยนะ แม่ฉันให้ยืมก็คงเพี้ยนแล้ว” วาสนาฟังแล้วถึงกับของขึ้น พูดสวนอนัญญาทันที ป้าอิ่มหันมองหน้าลูกสาวคนเล็ก ก่อนหันไปมองหน้าอนัญญา
“เออรอแปปนึง เดี๋ยวไปหยิบเงินให้” ทว่าคำพูดของป้าอิ่ม ทำให้วาสนาถึงกับงงและตกใจที่มารดาให้อนัญญายืมเงิน ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนยืมพูดอย่างไม่เห็นหัว
“แม่ อะไรของแม่เนี่ย ไปให้มันยืมเงินทำไม” วาสนาเดินตามเข้ามาในร้านขายอาหารตามสั่ง
“แล้วทำไมข้าจะให้เปรี้ยวยืมไม่ได้ล่ะ ถึงมันจะไม่ยอมคน ปากร้ายแต่เปรี้ยวก็เป็นลูกหนี้ที่ดี คืนตรงเวลาด้วย อีกอย่างมันก็ทำมาหากิน หาเลี้ยงน้องเลี้ยงหลานงกๆ ตอนนี้คงสบายหน่อยที่ส้มตายแล้ว ลูกหนี้ขี้เหล้าเมายาเล่นการพนันข้ายังให้ยืมเลย แล้วลูกหนี้ดีๆ อย่างเปรี้ยวข้าไม่ช่วยได้ไงล่ะ” ป้าอิ่มให้คำตอบบุตรสาวคนเล็ก “อีกอย่างนะ เรื่องที่มันมาด่าปาวๆ ก็เป็นเรื่องจริง ไอ้นนท์ปากมันดีซะที่ไหน เจอแบบนี้เข้าไปคงขยาด”
พูดจบก็เดินออกไปนอกร้านพร้อมกับจำนวนเงินที่อนัญญาต้องการยืม โดยมีสายตาไม่พอใจของวาสนามองตามไป
“อ่ะ สามพัน” อนัญญาพนมมือไหว้ ยื่นมือไปรับเงิน
“ขอบคุณค่ะป้า วันพุธมาคืนพร้อมดอกนะคะ”
อนัญญาพูดเสียงอ่อนน้อมยกมือไหว้สวยงาม ป้าอิ่มพยักหน้ารับรู้ เดินไปนั่งคุยกับเพื่อนวัยเดียวกันตามเดิม
อนัญญาเดินกลับไปบ้านที่อยู่ไม่ห่างกันมากนัก ในใจครุ่นคิดตลอดทางว่าจะต้องหางานพิเศษเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง เป็นเพราะอีกสามเดือนอานัสกับอานีสก็จะขึ้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ต้องใช้เงินหลักหมื่นสำหรับค่าใช้จ่าย หากหล่อนไม่หาเนิ่นๆ คงต้องกู้ป้าอิ่มอีก หากไม่จำเป็นก็ไม่อยากยืมให้เสียดอกเบี้ย
“เปรี้ยว เปรี้ยว” เจ้าของชื่อมองเจ้าของเสียงเดินมาหาเจ้าของบ้าน “ได้ไหมเปรี้ยว”
“ได้สิ” อนัญญาส่งเงินสามพันบาทให้จรรยาหรือนิว เพื่อนสนิท แท้จริงแล้วอนัญญาไม่ได้ยืมเงินให้ตัวเอง แต่ยืมให้จรรยาที่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนนี้ “แล้วอย่าให้ไอ้โด่งรู้ล่ะว่าแกมีเงิน เดี๋ยวมันจะฉกไปซะก่อน รีบๆ เอาไปให้แม่ไป”
พูดยังไม่ทันขาดคำเจ้าของชื่อเล่นโด่ง เดินลิ่วๆ มาหาสองเพื่อนซี้ จรรยาเห็นสามีแล้วรีบหลบอยู่ด้านหลังอนัญญา
“นิว มึงมีเงิน มึงไม่บอกกูเหรอ” คำรณ สามีที่ไม่เอาไหน นิสัยเลว ติดเหล้าไม่พอ ติดการพนันอีก เงินที่หามาได้ก็ไปลงทั้งสองอย่างเกือบหมด ทิ้งภาระภายในบ้านให้จรรยาเพียงคนเดียว ซึ่งหล่อนก็มีภาระที่ต้องดูบิดามารดาเช่นกัน
“มึงรู้ได้ไงว่านิวมีเงิน” อนัญญาถามกลับ
“ก็กูเห็นมึงยื่นเงินให้นิวไงล่ะ” คำรณตอบ เขามาเห็นตอนนั้นพอดิบพอดี “นิวเอาเงินมาเร็วเข้า กูจะเข้าบ่อน”
“เงินกู กูไม่ให้” คนพูดคืออนัญญา “ส่วนมึงก็รีบไสหัวออกไปจากบ้านกู ไม่งั้นกูจะเรียกตำรวจมาจับมึงในข้อหาบุกรุก”
คำรณมองหน้าอนัญญา ก่อนเบนสายตามองภรรยาที่เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังเพื่อนด้วยความหวาดกลัว
“นิว กูบอกให้มึงเอาเงินมาให้กู ไม่งั้นกูตบมึงแน่” คำรณนอกจากจะติดเหล้า ติดการพนัน ยังทำร้ายร่างกายทุบตีจรรยาทุกครั้งที่ไม่ได้ดั่งใจ ไม่ใช่ว่าจรรยาจะทนเป็นกระสอบทรายให้คำรณซ้อม หล่อนหนีกลับมาอยู่บ้านหลายครั้ง และคิดเลิกกับสามีแสนชั่ว ทว่าคำรณไม่เลิกรา มาตามจรรยาถึงบ้าน ขู่ว่าถ้าไม่กลับไปด้วยจะทำร้ายพ่อแม่และน้องสาวของหล่อน หรือไม่ก็ไปอาระวาดที่ทำงาน ซึ่งเขาทำจริงไม่ได้ขู่ จรรยาจึงตกเป็นเบี้ยล่างสามีจนถึงวันนี้
“มึงลองทำเพื่อนกูสิ กูต่อยมึงหน้าแหกแน่ๆ” อนัญญาชูกำปั้นขู่คำรณ
“กูไม่กลัวมึงหรอก กูต่อยมึงเปรี้ยงเดียวมึงก็สลบ...โอ๊ย!”
พูดยังไม่ทันจบ กึ่งปากกึ่งจมูกของคำรณก็ถูกกำปั้นอนัญญากระแทกเข้าไปอย่างจังจนคำรณหน้าหงาย ไม่เพียงแค่นั้นอนัญญาใช้เท้าถีบท้องคำรณไปอีกหนึ่งครั้ง จรรยาเห็นสามีถูกทำร้ายก็ไม่คิดช่วย รู้สึกสะใจมากกว่า
ทัณฑ์เสน่หาชีคทมิฬ Chapter 47“ฉันขอตัวนะคะ” ไมโซเราะห์กล่าวลาตามมารยาท“สวัสดีค่ะคุณย่า คุณพ่อ คุณแม่” พรวิภายกมือไหว้ย่าและบุพการีประภาวดีมองพรวิภาด้วยสายตาไม่พอใจแรงกล้า นางลุกขึ้นยืน ชี้หน้าหลานแสนชัง“แกจะไปไหนไม่ได้นังพรีม ถ้าท่านชีคไม่ให้เงินค่าสินสอดกับฉัน แกก็ไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้น” ประภาวดีเสียงแข็งกร้าว พูดเป็นภาษาสากลเพื่อให้จาฟาห์เข้าใจ“ถ้าคุณไม่ให้พรีมไปกับผม ผมจะทำให้คุณเสียเงินมากกว่าหกสิบล้านที่ได้จากผม” จาฟาห์เสียงเข้มใส่ สีหน้าจริงจัง “อยากลองดีกับผมสักตั้งก็ได้นะครับ ผมพร้อม”“อย่าให้ฉันคิดเลยนะคะว่า คุณสามคนขายพรีมกิน เท่าที่ได้ไปฉันก็ถือว่ามากแล้ว แต่ถ้าอยากงัดข้อกันก็ได้นะคะ ลองดูค่ะว่า ใครจะแพ้ใครจะชนะ” ไมโซเราะห์พูดเชิงเตือน“แกให้คนอื่นมาเหยียบหัวพ่อแม่ถึงบ้านได้ยังไงนังพรีม” คนเป็นแม่โกรธจัด ชี้หน้าพรวิภา“พรีมไม่อยากทำครับ ผมบังคับพรีมเอง พรีมกตัญญูคุณสามคนมาโดยตลอด คุณทำให้พรีมเสียใจ เสียน้ำตา แล้วอยู่ๆ จะมาเรียกร้องสิทธิ์ในความเป็นพ่อแม่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทำอย่างกับว่าพรีมไม่ใช่ลูก มันใช่นิสัยของคนให้กำเนิดหรือครับ แล้วนี่คำอวยพรสักคำก็ไม่มี มีแต่เงิ
ทัณฑ์เสน่หาชีคทมิฬ Chapter 46ณ ประเทศไทย คุณหญิงประภาวดี อนุชิน เปรมสุดาและพรเทวีนั่งยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมอยู่บนโซฟารับแขกของบ้าน ต้อนรับแขกคนพิเศษที่มาพร้อมกับพรวิภา บุตรสาวคนโต และแขกพิเศษอีกคนคือ มารดาของชีคหนุ่ม ไมโซเราะห์ “ที่ฉันกับลูกชายมาวันนี้เพื่อมาสู่ขอพรีมตามธรรมเนียมไทย” ไมโซเราะห์เปิดเรื่อง “ค่ะ ว่ามาเลยค่ะว่าจะให้สินสอดเท่าไหร่ แต่ฉันขอสมน้ำสมเนื้อหน่อยนะคะ” เจ้าของเสียงคือประภาวดี “ค่ะ ฉันให้ค่าสินสอดเป็นเงินไทยหนึ่งร้อยล้านบาท ทองคำแท่งห้าร้อยบาท ชุดเครื่องเพชรมูลค่ารวมหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท” ประภาวดี อนุชินกับเปรมสุดายิ้มแก้มแทบแตก ตาโตกับจำนวนเงินค่าสินสอดที่รับไม่ต่ำกว่าสองร้อยล้านบาท เป็นจำนวนเงินที่ทำให้ทั้งสามเชิดหน้าชูตาในสังคมได้สบาย และพูดให้ใครต่อใครฟังได้ว่า มีลูกเขย หลานเขยเป็นถึงชีคผู้ร่ำรวย คราวนี้ก็จะมีคนนับหน้าถือตามากกว่าตอนนี้หลายเท่า “ขอบคุณนะคะที่ให้เกียรติพรีม ให้สมน้ำสมเนื้อมากค่ะ”คนสูงวัยที่สุดในบ้านพูดด้วยรอยยิ้ม ไมโซเราะห์ยิ้มบาง ชีคหนุ่มที่นั่งข้างพรวิภามองคนเห็นแก่ตัว และเอาแต
ทัณฑ์เสน่หาชีคทมิฬ Chapter 45 ทรวงอกคู่อวบถูกมือใหญ่บีบเคล้น เขาทักทายด้วยการลงน้ำหนักมือไม่แรงมาก แล้วค่อยเพิ่มแรงนวดคลึง ปั่นยอดถันที่เริ่มตั้งชูชันด้วยนิ้วใหญ่ หล่อนครางเบาๆ ในลำคอจากเสียวซ่านที่ชีคจาฟาห์ปลุกระดม “อา...จาฟาห์” พรวิภาเปล่งเสียงออกมาได้ เมื่อเขายอมปล่อยปากตนให้เป็นอิสระ จาฟาห์ขยับปากมาขบเม้มติ่งหู กัดเบาๆ และดูดแรงๆ ก่อนตวัดลิ้นไปตามก้านหู ไล้ไปมาช้าบ้างเร็วบ้าง หล่อนขนลุกซู่ ตัวสั่นจากความรัญจวนที่ไหลเวียนไปพร้อมโลหิต “อา...อืม...จาฟาห์” เวลานี้ปากจาฟาห์กำลังทำงานอย่างดีเยี่ยม อ้าปากครอบงับยอดปทุมขึ้นรูปสวย เขาประโลมดูดเบาๆ สลับลิ้นไล้เลีย พลิ้วสะบัดไปมาช้าบ้างเร็วบ้าง “อืม...อา...จาฟาห์ขา” เมื่อปากทำหน้าที่อยู่บริเวณทรวงอกสล้าง มือเขาลูบไล้ต่ำลงไปยังหน้าท้องเนียนเรียบที่แขม่วไปตามคลื่นลมแปรปรวนในกาย จนกระทั่งมือหนาถึงใจกลางร่างสาว เขาวางมือลงบนโหนกเนื้อสาว เคล้นหนักๆ ก่อนใช้ปลายนิ้วผ่าร่องกลางดอกไม้ จุดนี้เองที่สร้างความเสียวสะท้านให้หล่อนมากขึ้น แรงถวิลหาแรงกล้า จาฟาห์ไม่หยุดเพียงแค่โอ้โลมดอกบัวคู่งาม สิ่งดึงดูดใจเ
ทัณฑ์เสน่หาชีคทมิฬ Chapter 44 สามวันต่อมา จาฟาห์มองดูรถยนต์ที่แล่นเข้ามาจอดภายในอาณาเขตบ้านอย่างใช้ความคิด วันนี้มารดานัดเพื่อนสนิทมาสังสรรค์พูดคุยที่บ้าน เป็นที่รู้กันว่า ไมโซเราะห์ใช้เวลาทั้งวันในการพูดคุยกับกลุ่มเพื่อน เป็นเพราะพวกนางจะบริหารสมองด้วยการเล่นไพ่ ทว่าเงินเดิมพันทั้งหมดจะถูกบริจาคให้สถานที่ต่างๆ ในประเทศจามาล รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าจาฟาห์ เมื่อเขาคิดแผนเด็ดที่จะให้ตนได้ใกล้ชิดพรวิภา ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักพรวิภาจริง แค่ขอเพิ่มพลังให้เขารู้สึกกระชุ่มกระชวย มีพลังในการอดทนรอ คนที่ทำให้แผนการของจาฟาห์สำเร็จ เดินมายังบ้านมารดาเจ้าชีวิต เขายืนอยู่ตรงหน้าต่างข้างบ้าน มองลอดช่องเหล็กดัดรอให้ไมโซเราะห์กับกลุ่มเพื่อนเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่อบริหารสมอง หลังจากประตูห้องนั่งเล่นปิด เขาก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน ชายหนุ่มมองหาพรวิภา เมื่อเห็นหล่อนเดินมาตรงโซฟารับแขก เขาทำตามแผนทันที “คุณท่านไม่อยู่หรือครับคุณพรีม”“อยู่ค่ะ อยู่ในห้องนั่งเล่นกับเพื่อนๆ ค่ะ” พรวิภาตอบ “พี่ฮัมซามีอะไรหรือเปล่าคะ”“ท่านชีคบ่นปวดหัวครับ ตัวก็รุมๆ พอดียาแก้ปวดลดไข้ท
ทัณฑ์เสน่หาชีคทมิฬ Chapter 43พรวิภาละสายตาจากจอทีวี หันมองร่างสูงใหญ่ของชีคจาฟาห์ที่เดินเข้ามาในบ้านไมโซเราะห์ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่หล่อนเผชิญหน้ากับเขา หล่อนกำลังจะคลี่ยิ้มส่งให้เขา แต่พอหันไปมองไมโซเราะห์รอยยิ้มนั้นก็หุบโดยพลัน “มาทำไม” ไมโซเราะห์ถาม กระแสเสียงค่อนข้างห้วน “มาตามเมียกลับบ้านครับ” จาฟาห์ตอบ นัยน์ตามอง พรวิภาไม่วางตา จนคนถูกมองยิ้มเขินอายกับสายตาที่จับจ้องมา “ใครเมียแก” คนเป็นแม่ถาม “พรีมไงครับ” เขาตอบ เดินมาทรุดกายนั่งคุกเข่าตรงหน้ามารดา กอดนางไว้อย่างออดอ้อน “ที่ผมมาหาท่านแม่วันนี้เพราะมีเรื่องอยากบอกครับ ผมถามใจตัวเองแล้วครับว่า ผมรักพรีม เรื่องที่พรีมโกหกผม ผมไม่ถือสา ผมคิดว่าถ้าหากพรีมไม่โกหกผม ผมคงไม่ได้พรีมมาเป็นเมีย” จาฟาห์พูดกับมารดา พูดความในใจให้นางฟัง อีกคนหนึ่งได้แต่นั่งมองสองแม่ลูกเนื่องจากทั้งคู่พูดภาษาประจำชาติ ซึ่งหล่อนฟังเข้าใจเป็นบางคำ “แล้ว” นางถามกลับสั้นๆ มองลูกชายด้วยรอยยิ้ม “ผมจะขอพรีมแต่งงานต่อหน้าท่านแม่ครับ” “แน่ใจนะที่พูด” นางถามย้ำ ดีใจที่จาฟาห์คิดได
ทัณฑ์เสน่หาชีคทมิฬ Chapter 42หากแต่พอเกิดเรื่องตอนนั้นเขาก็ปล่อยให้ความโกรธครอบงำจิตใจ จนเผลอทำร้ายพรวิภาไป และตอนนี้เขาก็กำลังจะเสียหล่อนไปเพราะทิฐิที่ไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง และไม่ฟังเสียงที่หัวใจเรียกร้องเสียงโทรศัพท์ทางไลน์ดังขึ้น จาฟาห์เอื้อมไปหยิบมือถือมองดูหน้าจอที่ปรากฏใบหน้าเจ้าชายมูฮัมหมัด เขาปัดปุ่มสีเขียวเพื่อรับสาย ก้มศีรษะเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นหน้าตน สองเพื่อนรักกำลังโทรศัพท์ทางไลน์แบบเห็นหน้ากัน“ว่าไง มีอะไร” จาฟาห์ทักก่อน“ฉันไม่มี แต่คนนี้มี” ภาพใบหน้าเจ้าชายมูฮัมหมัดเปลี่ยนเป็นสาวสวยที่หน้าตาเหมือนพรวิภาไม่มีผิด“สวัสดีค่ะท่านชีค” พรเทวีทักทายจาฟาห์ที่ทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่กับเพื่อนรักตน เขามองสาวตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่ได้รู้สึกชอบพอเหมือนครั้งแรกที่เห็น“สวัสดีปริม” จาฟาห์ทักกลับ “พรีมไม่อยู่นะ ไปนอนกับแม่ฉัน”“ปริมไม่ได้อยากคุยกับพี่พรีมค่ะ ปริมอยากคุยกับท่านชีคค่ะ” จาฟาห์เลิกคิ้วสงสัยว่า พรเทวีมีเรื่องอะไรพูดกับตน “ปริมรู้ว่าท่านชีครู้เรื่องที่พี่พรีมต้องไปทำหน้าที่แทนปริม แต่ปริมเชื่อว่าพี่พรีมคงพูดไม่ตรงกับเรื่องจริงแน่ พี่พรีมเป็นคนดีค่ะ พี่พร







