จดหมายในมือชีคฟาฎิล อิสบาฮิม ราซิม สุไลลาถูกคลี่ออก จดหมายฉบับนี้ส่งมาจากประเทศไทย ผู้ส่งเขียนเป็นภาษาอังกฤษระบุชื่อ อภิญญา อินทร์กรรชัย เขาทวนความจำกับบุคคลชื่อนี้ กว่าจะนึกชื่อนี้ได้ก็ใช้เวลาพอสมควรเพราะมันผ่านมากว่าเจ็ดปีแล้ว
7 ปีที่ไม่ได้ติดต่อกับเจ้าของจดหมายฉบับนี้
อภิญญาคือคู่นอนของเขาพักหนึ่ง พักหนึ่งที่ว่าก็ร่วมสองเดือน ตอนนั้นเขาไปเมืองไทยเพื่อติดต่อเรื่องธุรกิจและพักผ่อน อภิญญาเป็นพนักงานทำความสะอาดภายในโรงแรมที่เขาพักอาศัย เจอกันครั้งแรกต่างถูกใจซึ่งกันและกัน สุดท้ายก็จบลงที่เตียง
ชีคฟาฎิลตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา และสถานที่แห่งนั้นคือรังเสน่หาระหว่างเขากับอภิญญา จนกระทั่งเขากลับประเทศซาเมียร์ก็ไม่ได้ติดต่อกับอภิญญาอีกเลยชีคหนุ่มจำได้ว่าก่อนกลับได้ให้เงินอภิญญาสามแสนบาทก็ไม่น่ามีเรื่องติดค้างกัน อีกทั้งยังตกลงกันไว้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีการผูกมัดทุกอย่างจบเมื่อเขาบอกให้จบ ซึ่งหล่อนก็ยอมรับในข้อตกลงนี้ แล้วทำไมจดหมายฉบับนี้ถึงมาอยู่ในมือตนได้ ด้วยความอยากรู้ฟาฎิลเปิดจดหมายเพื่ออ่านข้อความในนั้น
ฟาฎิลคะ
คุณคงจำฉันไม่ได้ คุณเรียกฉันว่า ซาเรีย ฉันมีความลับเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้บอกคุณ ครึ่งเดือนก่อนคุณกลับซาเมียร์ ฉันแอบใช้เข็มเจาะถุงยางอนามัยเพราะฉันอยากมีลูกกับคุณ ฉันรักคุณแต่รู้ดีว่า คุณไม่รักฉันและไม่ต้องการมีพันธะ พอคุณกลับซาเมียร์ได้เกือบเดือนฉันก็ตั้งท้อง ลูกในท้องของฉันคือลูกของคุณ เขาเป็นเด็กฝาแฝดหน้าตาเหมือนคุณไม่มีผิด ลูกของเราชื่ออานัสและอานีส ตอนนี้อายุหกขวบกว่าแล้วค่ะ
ที่ฉันเขียนจดหมายมาบอกคุณเพราะฉันกำลังจะตายด้วยโรงมะเร็ง ฉันไม่แน่ใจว่า วันที่คุณได้รับจดหมายฉันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ฉันไม่อยากทิ้งภาระให้พี่สาวของฉัน พี่สาวฉันลำบากเพราะฉันกับลูกมามากแล้ว เธอทั้งเหนื่อยและทุกข์ใจทุกวันเพราะต้องหาเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาลฉันและเลี้ยงลูกของเรา ฉันจึงอยากให้คุณมารับลูกของเราไปอยู่ด้วย
คุณอาจไม่เชื่อเรื่องที่ฉันบอก แต่ทางการแพทย์สามารถยืนยันได้ คุณพาอานัสและอานีสไปตรวจดีเอ็นเอได้ค่ะ ฉันมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่า อานัสกับอานีสเป็นลูกของคุณ ภาพถ่ายสองแฝดฉันส่งมาพร้อมกับจดหมาย หน้าตาเหมือนคุณไม่มีผิดค่ะ ฉันเขียนที่อยู่ไว้ให้ด้วยนะคะ คุณจะได้ไปรับลูกของเราได้ถูกที่
ท้ายนี้ฉันดีใจที่ได้พบคุณ ดีใจที่เรามีความสุขร่วมกันในระยะเวลาสั้นๆ เป็นความสุขและความทรงจำที่ฉันไม่เคยลืม และขอโทษที่สร้างภาระให้กับคุณ คุณไม่รักฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอให้คุณรักลูกของเราบ้างแค่เพียงเสี้ยวใจก็ยังดี
รักคุณเสมอ
ซาเรีย
มือฟาฎิลสั่นไปหมด หัวใจเขาก็สั่นตามไปด้วย รู้สึกมึนไปชั่วขณะไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับตน ใครจะไปคิดว่าอภิญญา ผู้หญิงนิสัยเรียบร้อยที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จักมาจะทำเช่นนี้ ทว่าใจหนึ่งก็ไม่คิดว่าคือเรื่องจริง
ฟาฎิลวางจดหมายลงบนโต๊ะ หยิบภาพถ่ายออกมาจากซองจดหมาย หัวใจเขาเต้นแรงอีกครั้งเมื่อได้เห็นหน้าเด็กผู้ชายสองฝาแฝด ใบหน้าตาเหมือนเขาในวัยเดียวกันไม่มีผิด ฟาฎิลเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า ความคิดที่ว่าไม่ใช่เรื่องจริง อาจเป็นจริงก็ได้ ทางเดียวที่จะพิสูจน์ว่าเด็กชายอานัสและอานีสเป็นลูกเขาหรือไม่ คงต้องตรวจดีเอ็นเอตามที่อภิญญาบอกในจดหมาย
“ไหน ไหน ลูกหลานใครมาว่าหลานฉันว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ” เสียงชวนหาเรื่องเต็มที่ของอนัญญาดังขึ้น เจ้าตัวยืนเท้าเอวมองหน้าคนที่เรียกตัวเองว่าผู้ใหญ่ อายุรวมๆ กันแล้วเกือบสี่ร้อยปีเรียงคน โต๊ะม้าหินใกล้ๆ มีสาววัยเดียวกับหล่อนนั่งดื่มกาแฟเย็นนั่งอยู่ โดยมีเด็กชายกลุ่มหนึ่งนั่งเล่นอยู่ด้วย ทั้งหมดนั่งอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งประจำซอย “ใครว่าหลานฉันแสดงตัวออกมาซะดีๆ อย่าให้โมโหนะ”
เป็นการเตือนครั้งที่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีใครยอมรับ
“เตือนครั้งที่สองนะ ถ้าไม่แสดงตัวออกมา ที่นี่แหลกแน่”
เตือนครั้งนี้เด็กชายรูปร่างอ้วนสุดที่นั่งตรงโต๊ะม้าหินลุกขึ้นมายืนหลบอยู่ด้านหลังวาสนาหรือนาที่นั่งดื่มกาแฟเย็นที่ไม่ได้ช่วยให้จิตใจหล่อนเย็นเลย กลับร้อนๆ หนาวๆ ด้วยซ้ำไป
“ไอ้นนท์ แกว่าหลานฉันใช่ไหม” อนัญญาเรียกชื่อเด็กชายเจ้าเนื้อเสียงดังลั่น เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งเกาะแขนน้าสาวแน่น
“เด็กมันก็คงพูดหยอกกันน่ะเปรี้ยว แกก็อย่าถือสาเด็กมันเลยนะ”
วาสนาน้าสาวของนนท์พูดเสียงสั่น รู้สึกแหยๆ กับท่าทางของอนัญญาที่พร้อมตบเต็มที่
“นั่นสิ เอ็งก็อย่าโกรธเป็นฝืนเป็นไฟไปหน่อยเลย เด็กมันพูดไม่คิด พูดตามความจริง” คนพูดคือป้าอิ่ม แม่ของวาสนาและเป็นยายของนนท์
“ความจริงอะไรป้า ฉันถามป้าข้อนึงว่า ใครในโลกนี้เกิดมาโดยไม่มีพ่อบ้าง ไม่ใช่ปลากัดนะที่มองตากันแล้วจะท้องน่ะ ขนาดทำเด็กหลอดแก้ว ทำกิฟฟ์ยังต้องมีเชื้อของคนเป็นพ่อเลยไม่งั้นลูกจะเกิดมาได้ไง” อนัญญาพูดด้วยความไม่พอใจ มองหน้าเอาเรื่อง “อย่ามาแถแทนหลานตัวเองเลย หัดสั่งสอนหลานตัวเองบ้างนะ ถ้าฉันได้ยินอีกครั้งว่า หลานของป้าพูดแบบนี้กับหลานของฉันอีกล่ะก็ แม่จะเอาไม้เผ่นกบาลให้แตกเลยคอยดู”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อนัญญามาอาระวาดผู้ปกครองเด็กในละแวกบ้าน แต่ก็ยังมีเด็กปากไม่ดีพูดล้อเลียนอานัสและอานีส หลานชายฝาแฝดสุดที่รักของหล่อนว่า ‘ไอ้ลูกไม่มีพ่อ’ คนเป็นป้าถึงกับเลือดขึ้นหน้า ไปจัดการเด็กที่พูดประโยคนี้ จนไม่มีใครพูดซ้ำสอง
Chapter 5ทว่าอนัญญาไม่เคยบ่นหรือต่อว่าที่อภิญญาที่ทำให้ตนเองต้องลำบาก และยิ่งรู้ว่าน้องสาวตนตั้งใจให้เด็กในท้องเกิดมาโดยพ่อเด็กไม่รู้ อนัญญาอึ้งและไม่คิดว่า อภิญญาจะกล้าทำเช่นนี้ แต่เมื่อทำลงไปแล้วอนัญญาก็ยอมรับในเรื่องที่น้องสาวทำลงไป อีกประการหนึ่งเด็กที่เกิดมาก็เป็นหลานของตนด้วย จะเอาออกเพื่อให้ไม่มีภาระผูกพันก็ไม่ได้ หล่อนไม่มีวันทำเช่นนั้น อนัญญาจึงทำงานงกๆ เพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงครอบครัวแม้ว่าตอนนี้อภิญญาเสียชีวิตไปแล้ว ลดภาระอนัญญาไปอีกหนึ่งคน ทว่าภาระที่ต้องเลี้ยงดูหลานชายทั้งสองคนนั้นระยะยาวเป็นสิบปีกว่าจะจบระดับชั้นปริญญาตรีตามตั้งใจ แม้ว่าจะเรียนจบก็ไม่ใช่ว่าจะหมดหน้าที่ การเลี้ยงดูลูกหลานคือ ภาระหน้าที่แบบไม่มีวันจบสิ้น“เหนื่อยสิ เหนื่อยมากเลย” อนัญญาตอบตามตรง “แต่เหนื่อยมากแค่ไหนฉันก็มีความสุข เวลาเหนื่อยเห็นหน้าส้มกับหลานก็หายเหนื่อยแล้ว”ความสุขของอนัญญามีไม่กี่อย่าง หล่อนเติบโตมาพร้อมกับอนัญญาน้องสาวด้วยการเลี้ยงดูของยายที่เสียชีวิตตอนอนัญญาอายุสิบสี่ปี ทิ้งบ้านหลังนี้ให้สองพี่น้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง อนัญญาจึงทำหน้าที่พี่สาวที่แสนดี ขณะเรียนหนังสือก็รับจ้างทุกอย่าง
Chapter 4ร่างสูงใหญ่ของชีคฟาฎิล อิสบาฮิม ราซิม สุไลลาก้าวลงมาจากเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวสุดหรูของเขาที่คิดเป็นเงินไทยร่วมเก้าร้อยล้านบาท โดยมีเพื่อนสนิทนามว่าอิลฮัม เจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในซาเมียร์ร่วมเดินทางมาด้วย ยังมีบอดี้การ์ดของชีคฟาฎิลอีกสามคนคือ ฟาเดล อัลวาและอัฟฟินที่ติดสอยห้อยตามเขาตามหน้าที่ แล้วยังมีคนของอิลฮัมติดตามมาอีกสองคน ห่างจากเครื่องบินเจ็ทราวสิบเมตรรถโรลส์รอยซ์สองคันแล่นมาจอด ยศวินหนุ่มชาวไทยตำแหน่งของเขาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของชีคฟาฎิล คอยจัดการเรื่องต่างๆ ตามคำบัญชาของชีคหนุ่ม ดูแลบริษัทที่ชีคฟาฎิลเป็นเจ้าของและเป็นหุ้นส่วนก้าวลงมาจากรถหรูคันแรก เขาเดินมาโค้งคำนับและพนมมือไหว้เจ้านาย “สวัสดีครับท่านชีค” “เรียบร้อยใช่ไหม” ชีคหนุ่มถามอย่างรู้กัน “เรียบร้อยครับ” ยศวินตอบ “เชิญที่รถครับ” ชีคฟาฎิลก้าวเข้าไปในรถหรูคันแรกตามด้วยอิลฮัม ด้านหน้าเป็นพลขับเบาะด้านข้างคนขับยศวินเป็นคนจับจอง บอดี้การ์ดทั้งสามขึ้นไปนั่งในรถหรูอีกคัน ส่วนคนที่มาพร้อมกับอิลฮัม แยกย้ายกันไปนั่งคนละคัน “นี่ครับข้
Chapter 3“กูพูดจริงทำจริงโว้ย มึงคลานสี่ขาออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้ ถ้ามึงไม่ออกไปมึงเจอตีนเจอหมัดกูอีกชุดใหญ่แน่ แล้วอย่ามาระรานเพื่อนกูอีก ผัวชั่วๆ อย่างมึงไม่สมควรได้นิวเป็นเมีย”อนัญญาถลกแขนเสื้อ ท่าทางอยากมีเรื่องกับคำรณเต็มที่ ไม่มีความกลัวอีกฝ่ายเลย“มึง อีเปรี้ยว มึงกล้าชกกูเหรอ” คำรณแม้เจ็บแต่ก็ยังโมโหที่ตัวเองถูกชกหน้าและถูกถีบ“เออสิวะ กูกล้าอยู่แล้ว มีมือมีตีนเท่ากับมึงทำไมกูจะไม่กล้าทำ กูไม่ใช่นิวนะเว้ยที่กลัวมึงน่ะ กูคือเปรี้ยว คนที่มึงต้องกลัว...อึก” อนัญญาปล่อยหมัดใส่ที่เดิมบนหน้าคำรณอีกครั้ง จรรยายิ้มเมื่อเห็นเลือดสามีออกจากจมูก“กลับไปได้แล้วโด่ง ถ้าไม่กลับมึงได้เจอเปรี้ยวอัดหน้าเละแน่” จรรยาบอกด้วยความหวังดี“อีนิว มึงกล้าไล่กูเหรอ มึงกลับกับกูเดี๋ยวนี้เลย” คำรณเจ็บดั้งจมูกมาก มีทีท่าหวาดกลัวอนัญญา เพื่อนสนิทภรรยาคนนี้ร้ายมาก ร้ายทั้งปากและการตบตีชกต่อย เขาได้ยินกิตติศัพท์แต่ไม่เคยเจอกับตัว มาประสบก็วันนี้เอง แต่ความที่จรรยาเป็นแหล่งรายได้หลักของตน หากไม่มีจรรยาก็ไม่มีเงินจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน และบางทีก็ได้เงินไปดื่มเหล้าและเล่นการพนัน เขาจึงต้องพาจรรยากลับบ้านตนให้ได
Chapter 2 “เอ็งจะห้าวมากไปแล้วนะนังเปรี้ยว เด็กมันก็คือเด็กจะเอาอะไรกับมันล่ะ” ป้าอิ่มพูดเข้าข้างหลานชาย “พูดเข้าข้างกันแบบนี้ไงล่ะ หลานป้าถึงเป็นแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่พี่แก้วต้องไปขอโทษพ่อแม่คนอื่นตอนนนท์ไปแกล้งน่ะ แทนที่จะสั่งสอนหลานกลับมาพูดเข้าข้าง มิน่าล่ะปากถึงได้เหมือนหมา เที่ยวเห่าเด็กคนอื่นไปทั่ว” ยิ่งพูดยิ่งของขึ้น อนัญญาเท้าเอวพูดเสียงดังจนคนอื่นหันมามองเป็นตาเดียว “ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายนะที่ฉันมาเตือน ถ้าได้ยินนนท์พูดกับหลานของฉันอีกล่ะก็ ฉันตบเรียงตัวแน่” นนท์รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที เพราะกลัวว่าอนัญญาที่ถลึงตาใส่จะทำร้ายตน “เออๆ ข้าจะเตือนมันเอง เอ็งก็เบาๆ ลงหน่อย คนแก่หัวใจวายกันพอดี” ป้าอิ่มไม่อยากมีเรื่อง มีปากมีเสียงกับอนัญญาสักเท่าไหร่ เพราะรู้นิสัยอีกฝ่ายดีกว่า ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น ยิ่งใครมารังแกหรือพูดไม่ดีกับสองหลานชาย คนนั้นชะตาขาด“เรื่องหลานฉันถือว่าจบ งั้นเริ่มเรื่องต่อไปได้”“เรื่องอะไรอีกล่ะ มีใครทำอะไรเอ็งอีก” ป้าอิ่มพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ ภาพที่อนัญญาตบน้ำตาล จอมปากมากประจำซอยยังติดตาอยู่ แล้วยังวีรกร
Chapter1จดหมายในมือชีคฟาฎิล อิสบาฮิม ราซิม สุไลลาถูกคลี่ออก จดหมายฉบับนี้ส่งมาจากประเทศไทย ผู้ส่งเขียนเป็นภาษาอังกฤษระบุชื่อ อภิญญา อินทร์กรรชัย เขาทวนความจำกับบุคคลชื่อนี้ กว่าจะนึกชื่อนี้ได้ก็ใช้เวลาพอสมควรเพราะมันผ่านมากว่าเจ็ดปีแล้ว7 ปีที่ไม่ได้ติดต่อกับเจ้าของจดหมายฉบับนี้ อภิญญาคือคู่นอนของเขาพักหนึ่ง พักหนึ่งที่ว่าก็ร่วมสองเดือน ตอนนั้นเขาไปเมืองไทยเพื่อติดต่อเรื่องธุรกิจและพักผ่อน อภิญญาเป็นพนักงานทำความสะอาดภายในโรงแรมที่เขาพักอาศัย เจอกันครั้งแรกต่างถูกใจซึ่งกันและกัน สุดท้ายก็จบลงที่เตียง ชีคฟาฎิลตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา และสถานที่แห่งนั้นคือรังเสน่หาระหว่างเขากับอภิญญา จนกระทั่งเขากลับประเทศซาเมียร์ก็ไม่ได้ติดต่อกับอภิญญาอีกเลยชีคหนุ่มจำได้ว่าก่อนกลับได้ให้เงินอภิญญาสามแสนบาทก็ไม่น่ามีเรื่องติดค้างกัน อีกทั้งยังตกลงกันไว้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีการผูกมัดทุกอย่างจบเมื่อเขาบอกให้จบ ซึ่งหล่อนก็ยอมรับในข้อตกลงนี้ แล้วทำไมจดหมายฉบับนี้ถึงมาอยู่ในมือตนได้ ด้วยความอยากรู้ฟาฎิลเปิดจดหมายเพื่ออ่านข้อความในนั้น ฟาฎิลคะ