ทว่าอนัญญาไม่เคยบ่นหรือต่อว่าที่อภิญญาที่ทำให้ตนเองต้องลำบาก และยิ่งรู้ว่าน้องสาวตนตั้งใจให้เด็กในท้องเกิดมาโดยพ่อเด็กไม่รู้ อนัญญาอึ้งและไม่คิดว่า อภิญญาจะกล้าทำเช่นนี้ แต่เมื่อทำลงไปแล้วอนัญญาก็ยอมรับในเรื่องที่น้องสาวทำลงไป อีกประการหนึ่งเด็กที่เกิดมาก็เป็นหลานของตนด้วย จะเอาออกเพื่อให้ไม่มีภาระผูกพันก็ไม่ได้ หล่อนไม่มีวันทำเช่นนั้น อนัญญาจึงทำงานงกๆ เพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงครอบครัว
แม้ว่าตอนนี้อภิญญาเสียชีวิตไปแล้ว ลดภาระอนัญญาไปอีกหนึ่งคน ทว่าภาระที่ต้องเลี้ยงดูหลานชายทั้งสองคนนั้นระยะยาวเป็นสิบปีกว่าจะจบระดับชั้นปริญญาตรีตามตั้งใจ แม้ว่าจะเรียนจบก็ไม่ใช่ว่าจะหมดหน้าที่ การเลี้ยงดูลูกหลานคือ ภาระหน้าที่แบบไม่มีวันจบสิ้น
“เหนื่อยสิ เหนื่อยมากเลย” อนัญญาตอบตามตรง “แต่เหนื่อยมากแค่ไหนฉันก็มีความสุข เวลาเหนื่อยเห็นหน้าส้มกับหลานก็หายเหนื่อยแล้ว”
ความสุขของอนัญญามีไม่กี่อย่าง หล่อนเติบโตมาพร้อมกับอนัญญาน้องสาวด้วยการเลี้ยงดูของยายที่เสียชีวิตตอนอนัญญาอายุสิบสี่ปี ทิ้งบ้านหลังนี้ให้สองพี่น้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง อนัญญาจึงทำหน้าที่พี่สาวที่แสนดี ขณะเรียนหนังสือก็รับจ้างทุกอย่างที่ได้เงิน ส่งเสียทั้งตัวเองและน้องสาวจนจบปริญญาตรี หล่อนเหนื่อยมาโดยตลอดจนถึงวันนี้ แล้วรู้สึกว่าจะเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะต้องส่งเสียเลี้ยงดูหลานรักทั้งสองคน
“ฉันจะช่วยแกด้วย อาจช่วยไม่ได้มาก แต่ฉันก็จะช่วยเต็มที่”
“ขอบใจมากนะ ฉันคิดว่าฉันไหว” อนัญญาเป็นนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้
“ฉันถามเรื่องนึงสิ ว่าจะถามแกตั้งนานแล้ว แต่ลืมทุกที”
“ถามว่า”
“ก่อนส้มตาย ส้มบอกหรือเปล่าว่าใครคือพ่อของสองแฝด” อนัญญามองหน้าคนถาม พลางถอนหายใจ
“ไม่ได้บอก ฉันเคยถามครั้งนึง ส้มบอกฉันแค่ว่าเขาเป็นคนอาหรับอยู่ประเทศซาเมียร์ บอกฉันแค่นี้แหละ” ใบหน้าของอานัสและอานีสมองปราดเดียวก็รู้ว่ามีเชื้อสายอาหรับ ดวงตาคมดุจเหยี่ยวมีแพขนตาล้อมกรอบ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางได้รูป สีผิวเป็นสีแทนส่งเสริมให้ดูหล่อเข้มตามแบบฉบับผู้ชายในประเทศซาเมียร์ “ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วแหละว่า พ่อของสองแฝดเป็นใคร ฉันก็ไม่อยากรู้ด้วย เรื่องที่ฉันรู้คือ ฉันต้องเป็นทั้งพ่อแม่และป้าของสองแฝด”
“ฉันมาอยู่กับแก ฉันก็จะทำตัวให้เป็นประโยชน์ ช่วยแกเลี้ยงหลาน ช่วยทำงานบ้าน เราจะช่วยกันดูแลอานัสกับอานีสนะเปรี้ยว”
อนัญญายิ้มและพยักหน้าให้จรรยา ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันทำอาหารเช้า และเมื่อทำเสร็จจรรยาลำเลียงไปตั้งบนโต๊ะอาหาร ส่วนอนัญญาไปตามหลานชายที่อยู่ชั้นบนของบ้าน ทันทีที่อนัญญาเปิดประตูห้องหลานชาย สองหลานรักพุ่งตัวกอดร่างคนเป็นป้า ต่างแย่งกันพูดราวกับว่ากลัวน้อยหน้ากัน
“แม่ฮะ อาบน้ำให้อานีสก่อนนะฮะ”
อานีสแฝดน้องเรียกอนัญญาว่า แม่แทนเรียกว่าป้าอย่างที่ควรจะเป็น สาเหตุเป็นเพราะอภิญญาพูดกับลูกชายทั้งสองเสมอว่า อนัญญาเปรียบเสมือนแม่คนหนึ่งที่ดูแลทั้งคนเป็นแม่และลูก การเรียนอนัญญาว่า แม่ คือเรื่องที่ถูกต้องที่สุด
“ไม่เอาฮะ อาบให้อานัสก่อนเพราะอานัสเป็นพี่” อานัสไม่ยอม เอ่ยออกไปทันควัน
“ไม่ แม่ต้องอาบให้อานีสก่อนเพราะอานีสเป็นน้อง อานัสเป็นพี่ก็ต้องคอยสิ คอยได้ยินไหมว่าต้องคอย” อานีสไม่ยอมเช่นกัน
“เอาอย่างนี้นะครับ เมื่อวานนี้แม่อาบให้อานีสก่อน วันนี้แม่ก็ต้องอาบอานัสเป็นคนแรก อานีสก็ต้องคอยเหมือนกับที่อานัสคอยเมื่อวานนี้ แต่ถ้ายังเถียงกันไม่เลิก แม่จะไม่อาบน้ำให้ใครเลย ให้อาบกันเองนี่แหละ โตแล้วนี่”
อนัญญาสอนให้หลานชายอาบน้ำเอง หล่อนมีกฎว่าตอนเช้าจะเป็นคนอาบน้ำให้ ส่วนในตอนเย็นเด็กชายทั้งสองจะต้องอาบน้ำเอง คนเป็นป้าตั้งใจว่า อาบให้จนถึงอายุแปดขวบเพราะวัยนั้นถือว่าโตพอที่ช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว
“ก็ได้ฮะ” อานีสรับคำเสียงเบา เดินไปนั่งรอบนเตียงนอน
“ไปครับอานัสไปอาบน้ำกัน อาบเสร็จจะได้ลงไปกินข้าวดูการ์ตูน ตอนสิบโมงไปเรียนว่ายน้ำนะครับ วันนี้ป้านิวจะเป็นคนพาไปนะครับ” อนัญญายอมควักตังค์ให้สองหลานรักเรียนว่ายน้ำ ส่วนช่วงบ่ายหล่อนก็ทุ่มทุนเพื่อการศึกษาส่งหลานชายไปเรียนภาษาอังกฤษกับครูเจ้าของภาษาโดยตรง หล่อนให้เรียนมาตั้งแต่อายุสี่ขวบครึ่งจนถึงตอนนี้ ภาษาอังกฤษของทั้งคู่ดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้การพูด อ่านและเขียนดีอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และที่สำคัญที่สุด สามารถสื่อสารได้ดีทีเดียว คนส่งเสียให้เรียนถึงกับปลื้มปริ่ม มีแรงทำงานขึ้นมากโข
หลังจากอนัญญาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หลานชายทั้งสองคนเสร็จ ทั้งสามเดินลงมากินมื้อเช้าที่จรรยาเตรียมไว้ให้ แล้วเสร็จอานัสกับอานีสเดินออกจากบ้านไปว่ายน้ำพร้อมจรรยา ส่วนอนัญญาเดินไปห้องพักของตนเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน
15.00 น.
ทุกสายตาในซอยเปี่ยมสุขต่างพากันมองรถยนต์ยี่ห้อหรูสองคันที่หลายคนไม่รู้จักและไม่เคยเห็น ความสวยหรูของมันดึงดูดใจคนหลายคนให้หยุดมอง รถสองคันนี้มาจอดหน้าบ้านอนัญญาสาวปากกล้าประจำซอย
ยศวินก้าวลงจากรถ เขาเดินมาหยุดยืนหน้าประตูรั้วบ้าน เขามองไปยังแม่กุญแจที่คล้องอยู่หน้าประตูจึงรู้ว่า บ้านไม่มีคนอยู่ ยศวินหมุนตัวมาหยุดยืนตรงประตูฝั่งด้านหลังคนขับ กระจกรถด้านนั้นค่อยๆ เลื่อนลง
“ไม่มีคนอยู่ครับ” ยศวินรายงาน
“งั้นรอ” กระจกรถเลื่อนขึ้นทันทีที่ชีคหนุ่มพูดจบ ยศวินจึงเดินอ้อมรถมานั่งที่เดิม ทั้งหมดนั่งรอเวลาให้เจ้าของบ้านเดินทางกลับบ้านในรถยนต์
ชีคฟาฎิลไม่เคยรอใครมาก่อน มีแต่คนรอเขามากกว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขานั่งรอการกลับมาของคนในบ้านหลังนี้ ทว่าฟาฎิลไม่มีความหงุดหงิดให้เห็นเลย เขาฆ่าเวลาด้วยการนั่งมองดูรูปถ่ายของสองฝาแฝด เด็กชายที่อภิญญาบอกว่าเป็นลูกของเขา
Chapter 5ทว่าอนัญญาไม่เคยบ่นหรือต่อว่าที่อภิญญาที่ทำให้ตนเองต้องลำบาก และยิ่งรู้ว่าน้องสาวตนตั้งใจให้เด็กในท้องเกิดมาโดยพ่อเด็กไม่รู้ อนัญญาอึ้งและไม่คิดว่า อภิญญาจะกล้าทำเช่นนี้ แต่เมื่อทำลงไปแล้วอนัญญาก็ยอมรับในเรื่องที่น้องสาวทำลงไป อีกประการหนึ่งเด็กที่เกิดมาก็เป็นหลานของตนด้วย จะเอาออกเพื่อให้ไม่มีภาระผูกพันก็ไม่ได้ หล่อนไม่มีวันทำเช่นนั้น อนัญญาจึงทำงานงกๆ เพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงครอบครัวแม้ว่าตอนนี้อภิญญาเสียชีวิตไปแล้ว ลดภาระอนัญญาไปอีกหนึ่งคน ทว่าภาระที่ต้องเลี้ยงดูหลานชายทั้งสองคนนั้นระยะยาวเป็นสิบปีกว่าจะจบระดับชั้นปริญญาตรีตามตั้งใจ แม้ว่าจะเรียนจบก็ไม่ใช่ว่าจะหมดหน้าที่ การเลี้ยงดูลูกหลานคือ ภาระหน้าที่แบบไม่มีวันจบสิ้น“เหนื่อยสิ เหนื่อยมากเลย” อนัญญาตอบตามตรง “แต่เหนื่อยมากแค่ไหนฉันก็มีความสุข เวลาเหนื่อยเห็นหน้าส้มกับหลานก็หายเหนื่อยแล้ว”ความสุขของอนัญญามีไม่กี่อย่าง หล่อนเติบโตมาพร้อมกับอนัญญาน้องสาวด้วยการเลี้ยงดูของยายที่เสียชีวิตตอนอนัญญาอายุสิบสี่ปี ทิ้งบ้านหลังนี้ให้สองพี่น้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง อนัญญาจึงทำหน้าที่พี่สาวที่แสนดี ขณะเรียนหนังสือก็รับจ้างทุกอย่าง
Chapter 4ร่างสูงใหญ่ของชีคฟาฎิล อิสบาฮิม ราซิม สุไลลาก้าวลงมาจากเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวสุดหรูของเขาที่คิดเป็นเงินไทยร่วมเก้าร้อยล้านบาท โดยมีเพื่อนสนิทนามว่าอิลฮัม เจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในซาเมียร์ร่วมเดินทางมาด้วย ยังมีบอดี้การ์ดของชีคฟาฎิลอีกสามคนคือ ฟาเดล อัลวาและอัฟฟินที่ติดสอยห้อยตามเขาตามหน้าที่ แล้วยังมีคนของอิลฮัมติดตามมาอีกสองคน ห่างจากเครื่องบินเจ็ทราวสิบเมตรรถโรลส์รอยซ์สองคันแล่นมาจอด ยศวินหนุ่มชาวไทยตำแหน่งของเขาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของชีคฟาฎิล คอยจัดการเรื่องต่างๆ ตามคำบัญชาของชีคหนุ่ม ดูแลบริษัทที่ชีคฟาฎิลเป็นเจ้าของและเป็นหุ้นส่วนก้าวลงมาจากรถหรูคันแรก เขาเดินมาโค้งคำนับและพนมมือไหว้เจ้านาย “สวัสดีครับท่านชีค” “เรียบร้อยใช่ไหม” ชีคหนุ่มถามอย่างรู้กัน “เรียบร้อยครับ” ยศวินตอบ “เชิญที่รถครับ” ชีคฟาฎิลก้าวเข้าไปในรถหรูคันแรกตามด้วยอิลฮัม ด้านหน้าเป็นพลขับเบาะด้านข้างคนขับยศวินเป็นคนจับจอง บอดี้การ์ดทั้งสามขึ้นไปนั่งในรถหรูอีกคัน ส่วนคนที่มาพร้อมกับอิลฮัม แยกย้ายกันไปนั่งคนละคัน “นี่ครับข้
Chapter 3“กูพูดจริงทำจริงโว้ย มึงคลานสี่ขาออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้ ถ้ามึงไม่ออกไปมึงเจอตีนเจอหมัดกูอีกชุดใหญ่แน่ แล้วอย่ามาระรานเพื่อนกูอีก ผัวชั่วๆ อย่างมึงไม่สมควรได้นิวเป็นเมีย”อนัญญาถลกแขนเสื้อ ท่าทางอยากมีเรื่องกับคำรณเต็มที่ ไม่มีความกลัวอีกฝ่ายเลย“มึง อีเปรี้ยว มึงกล้าชกกูเหรอ” คำรณแม้เจ็บแต่ก็ยังโมโหที่ตัวเองถูกชกหน้าและถูกถีบ“เออสิวะ กูกล้าอยู่แล้ว มีมือมีตีนเท่ากับมึงทำไมกูจะไม่กล้าทำ กูไม่ใช่นิวนะเว้ยที่กลัวมึงน่ะ กูคือเปรี้ยว คนที่มึงต้องกลัว...อึก” อนัญญาปล่อยหมัดใส่ที่เดิมบนหน้าคำรณอีกครั้ง จรรยายิ้มเมื่อเห็นเลือดสามีออกจากจมูก“กลับไปได้แล้วโด่ง ถ้าไม่กลับมึงได้เจอเปรี้ยวอัดหน้าเละแน่” จรรยาบอกด้วยความหวังดี“อีนิว มึงกล้าไล่กูเหรอ มึงกลับกับกูเดี๋ยวนี้เลย” คำรณเจ็บดั้งจมูกมาก มีทีท่าหวาดกลัวอนัญญา เพื่อนสนิทภรรยาคนนี้ร้ายมาก ร้ายทั้งปากและการตบตีชกต่อย เขาได้ยินกิตติศัพท์แต่ไม่เคยเจอกับตัว มาประสบก็วันนี้เอง แต่ความที่จรรยาเป็นแหล่งรายได้หลักของตน หากไม่มีจรรยาก็ไม่มีเงินจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน และบางทีก็ได้เงินไปดื่มเหล้าและเล่นการพนัน เขาจึงต้องพาจรรยากลับบ้านตนให้ได
Chapter 2 “เอ็งจะห้าวมากไปแล้วนะนังเปรี้ยว เด็กมันก็คือเด็กจะเอาอะไรกับมันล่ะ” ป้าอิ่มพูดเข้าข้างหลานชาย “พูดเข้าข้างกันแบบนี้ไงล่ะ หลานป้าถึงเป็นแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่พี่แก้วต้องไปขอโทษพ่อแม่คนอื่นตอนนนท์ไปแกล้งน่ะ แทนที่จะสั่งสอนหลานกลับมาพูดเข้าข้าง มิน่าล่ะปากถึงได้เหมือนหมา เที่ยวเห่าเด็กคนอื่นไปทั่ว” ยิ่งพูดยิ่งของขึ้น อนัญญาเท้าเอวพูดเสียงดังจนคนอื่นหันมามองเป็นตาเดียว “ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายนะที่ฉันมาเตือน ถ้าได้ยินนนท์พูดกับหลานของฉันอีกล่ะก็ ฉันตบเรียงตัวแน่” นนท์รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที เพราะกลัวว่าอนัญญาที่ถลึงตาใส่จะทำร้ายตน “เออๆ ข้าจะเตือนมันเอง เอ็งก็เบาๆ ลงหน่อย คนแก่หัวใจวายกันพอดี” ป้าอิ่มไม่อยากมีเรื่อง มีปากมีเสียงกับอนัญญาสักเท่าไหร่ เพราะรู้นิสัยอีกฝ่ายดีกว่า ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น ยิ่งใครมารังแกหรือพูดไม่ดีกับสองหลานชาย คนนั้นชะตาขาด“เรื่องหลานฉันถือว่าจบ งั้นเริ่มเรื่องต่อไปได้”“เรื่องอะไรอีกล่ะ มีใครทำอะไรเอ็งอีก” ป้าอิ่มพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ ภาพที่อนัญญาตบน้ำตาล จอมปากมากประจำซอยยังติดตาอยู่ แล้วยังวีรกร
Chapter1จดหมายในมือชีคฟาฎิล อิสบาฮิม ราซิม สุไลลาถูกคลี่ออก จดหมายฉบับนี้ส่งมาจากประเทศไทย ผู้ส่งเขียนเป็นภาษาอังกฤษระบุชื่อ อภิญญา อินทร์กรรชัย เขาทวนความจำกับบุคคลชื่อนี้ กว่าจะนึกชื่อนี้ได้ก็ใช้เวลาพอสมควรเพราะมันผ่านมากว่าเจ็ดปีแล้ว7 ปีที่ไม่ได้ติดต่อกับเจ้าของจดหมายฉบับนี้ อภิญญาคือคู่นอนของเขาพักหนึ่ง พักหนึ่งที่ว่าก็ร่วมสองเดือน ตอนนั้นเขาไปเมืองไทยเพื่อติดต่อเรื่องธุรกิจและพักผ่อน อภิญญาเป็นพนักงานทำความสะอาดภายในโรงแรมที่เขาพักอาศัย เจอกันครั้งแรกต่างถูกใจซึ่งกันและกัน สุดท้ายก็จบลงที่เตียง ชีคฟาฎิลตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา และสถานที่แห่งนั้นคือรังเสน่หาระหว่างเขากับอภิญญา จนกระทั่งเขากลับประเทศซาเมียร์ก็ไม่ได้ติดต่อกับอภิญญาอีกเลยชีคหนุ่มจำได้ว่าก่อนกลับได้ให้เงินอภิญญาสามแสนบาทก็ไม่น่ามีเรื่องติดค้างกัน อีกทั้งยังตกลงกันไว้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีการผูกมัดทุกอย่างจบเมื่อเขาบอกให้จบ ซึ่งหล่อนก็ยอมรับในข้อตกลงนี้ แล้วทำไมจดหมายฉบับนี้ถึงมาอยู่ในมือตนได้ ด้วยความอยากรู้ฟาฎิลเปิดจดหมายเพื่ออ่านข้อความในนั้น ฟาฎิลคะ