LOGINร่างสูงใหญ่ของชีคฟาฎิล อิสบาฮิม ราซิม สุไลลาก้าวลงมาจากเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวสุดหรูของเขาที่คิดเป็นเงินไทยร่วมเก้าร้อยล้านบาท โดยมีเพื่อนสนิทนามว่าอิลฮัม เจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในซาเมียร์ร่วมเดินทางมาด้วย ยังมีบอดี้การ์ดของชีคฟาฎิลอีกสามคนคือ ฟาเดล อัลวาและอัฟฟินที่ติดสอยห้อยตามเขาตามหน้าที่ แล้วยังมีคนของอิลฮัมติดตามมาอีกสองคน
ห่างจากเครื่องบินเจ็ทราวสิบเมตรรถโรลส์รอยซ์สองคันแล่นมาจอด ยศวินหนุ่มชาวไทยตำแหน่งของเขาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของชีคฟาฎิล คอยจัดการเรื่องต่างๆ ตามคำบัญชาของชีคหนุ่ม ดูแลบริษัทที่ชีคฟาฎิลเป็นเจ้าของและเป็นหุ้นส่วนก้าวลงมาจากรถหรูคันแรก เขาเดินมาโค้งคำนับและพนมมือไหว้เจ้านาย
“สวัสดีครับท่านชีค”
“เรียบร้อยใช่ไหม” ชีคหนุ่มถามอย่างรู้กัน
“เรียบร้อยครับ” ยศวินตอบ “เชิญที่รถครับ”
ชีคฟาฎิลก้าวเข้าไปในรถหรูคันแรกตามด้วยอิลฮัม ด้านหน้าเป็นพลขับเบาะด้านข้างคนขับยศวินเป็นคนจับจอง บอดี้การ์ดทั้งสามขึ้นไปนั่งในรถหรูอีกคัน ส่วนคนที่มาพร้อมกับอิลฮัม แยกย้ายกันไปนั่งคนละคัน
“นี่ครับข้อมูลที่ท่านชีคต้องการ” ยศวินส่งเอกสารให้ชีคฟาฎิล และมีซองสีขาวหนึ่งซองที่ในนั้นมีรูปถ่ายอยู่หลายภาพ
“นายพูดมาดีกว่า ฉันอ่านบนรถแล้วปวดหัว”
“ครับท่านชีค” ยศวินรับคำสั่ง “ผมจะเรียกคุณอภิญญาว่าซาเรียนะครับ คุณซาเรียเสียชีวิตเมื่อเดือนก่อนครับ เธอป่วยเป็นมะเร็งครับ เธอมีลูกสองคนชื่ออานัสกับอานีส ตอนนี้อายุหกขวบอยู่ในความดูแลของป้าชื่ออนัญญาครับ รูปถ่ายของเด็กแฝดในปัจจุบันผมอยู่ในซองสีขาวครับ”
ยศวินบอกรายละเอียดคร่าวๆ ให้ชีคฟาฎิลรู้ คนอยากได้ข้อมูลจ้องมองภาพถ่ายเด็กชายฝาแฝดที่อภิญญาบอกว่าเป็นลูกของตนนิ่ง เครื่องหน้าของสองแฝดเหมือนเขาตอนเยาว์วัยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นดวงตา คิ้ว จมูก ริมฝีปากและรอยยิ้ม หัวใจเขาเต้นแรงขณะมองเด็กสองคนในรูปในอิริยาบถต่างๆ แล้วในภาพนั้นก็มีสตรีร่างสมส่วนที่เขาคิดว่าอาจเป็นป้าของสองแฝดร่วมภาพด้วย ทว่าเห็นหน้าหล่อนไม่ถนัด เนื่องจากแต่ละภาพสตรีคนนี้จะยืนหันหลังบ้าง ยืนตะแคงบ้าง ราวกับว่าคนแอบถ่ายไม่ได้โฟกัสไปที่คนเป็นป้า แต่เป็นเด็กผู้ชายสองแฝดมากกว่า
“ผู้หญิงในภาพคือป้าของเด็กแฝดใช่ไหม”
ชีคฟาฎิลถามข้อมูลเพิ่ม อยากรู้ว่าเป็นคนที่เขาคาดเดาหรือไม่
“ใช่ครับ เธอชื่ออนัญญาหรือชื่อเล่นว่าเปรี้ยวครับ จันทร์ถึงพุธไปทำงานที่โยเกิร์ตบาร์ครับ วันพฤหัสถึงอาทิตย์ทำงานฟรี-แลนท์ครับ เป็นพริตตี้ พิธีกรรับจ้าง และรับจ้างแต่งหน้าครับ เธอหาเงินเลี้ยงดูคุณซาเรียที่ป่วยกระเซาะกระแซะตั้งแต่คลอดลูกครับ ทำงานไม่ไหวเลยเลี้ยงลูกทั้งสองคนอยู่ที่บ้าน ภาระทุกอย่างจึงตกอยู่ที่คุณเปรี้ยวครับ จนเมื่อปีก่อนคุณซาเรียป่วยเป็นโรคมะเร็งรักษาตัวอยู่หลายเดือนครับ ก่อนมาเสียชีวิตเมื่อเดือนก่อน”
เรื่องที่ยศวินเล่าสอดคล้องกับในจดหมายที่อภิญญาเขียนถึงเขาที่ว่า พี่สาวเธอลำบากมามาก จึงอยากให้เขามารับลูกชายฝาแฝดไปเลี้ยงดู ฟาฎิลพอเข้าใจแล้วว่า เหตุใดอภิญญาถึงได้ส่งข่าวบอกเขาเรื่องความลับนี้ คงไม่ต้องการให้พี่สาวลำบากอีกต่อไป
“นายคิดว่าเด็กสองคนนี้เป็นลูกนายหรือเปล่า” อิลฮัมถามเพื่อนซี้
“ไม่แน่ใจ” ฟาฎิลตอบตามตรง “คงต้องตรวจดีเอ็นเอก่อน เป็นทางที่ดีที่สุด”
“ท่านชีคจะไปบ้านอานัสกับอานีสเมื่อไหร่ดีครับ”
“ฉันใจร้อน ไปพรุ่งนี้เลยล่ะกัน” ชีคหนุ่มตอบ
“ได้ครับ” ยศวินรับคำสั่ง “ว่าแต่วันนี้ท่านชีคกับคุณอิลฮัมต้องการผู้หญิงไหมครับ”
ยศวินถามอีกเรื่อง เป็นเรื่องที่เขาทำเสมอยามสองเพื่อนรักมาเมืองไทย
“ฉันไม่” ฟาฎิลตอบ ก่อนหันไปถามเพื่อน “นายล่ะ”
“ฉันก็ไม่”
อิลฮัมตอบปลายตามองคนที่นั่งใกล้ๆ การสนทนาภายในรถหยุดลงแค่นั้น พลขับนำพาเจ้านายไปส่งยังคอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ราคาค่าห้องสูงลิ่วถึงสองร้อยเจ็ดสิบล้านบาท สมกับฐานะของเขาเหลือเกิน
ขณะนั่งรถไปยังคอนโดส่วนตัว ฟาฎิลนั่งมองรูปถ่ายของเด็กชายสองแฝดไปตลอดทาง อีกใจหนึ่งไม่แน่ใจว่า เด็กสองคนนี้ใช่ลูกของตนหรือไม่ ทว่าอีกใจกลับมีสายใยเล็กๆ กำลังถักทอทำให้สองความรู้สึกตีกันยุ่ง แต่ที่แน่ๆ ยามมองภาพถ่ายใบหน้าฟาฎิลระบายด้วยรอยยิ้มอย่างไม่รู้ตัว และอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ เพื่อที่เขาจะได้พบหน้าเด็กชายแฝดสุดหล่อที่อภิญญาบอกว่า เป็นลูกของตน
“ได้ค่ะ พรุ่งนี้ตีห้าเจอกันค่ะ”
เสียงนัดหมายระหว่างอนัญญากับผู้ว่าจ้างให้ไปแต่งหน้าเจ้าสาวแทนซันนี่ เพื่อนอนัญญาที่ขอยกเลิกไปแต่งหน้าเนื่องจากเข้าโรงพยาบาลด่วน ซันนี่จึงแนะนำอนัญญาให้ว่าที่เจ้าสาว การันตีฝีมือการแต่งหน้าที่ไม่เป็นรองตน ด้วยความเชื่อใจว่าที่เจ้าสาวจึงโทรศัพท์มาพูดคุยตกลงเรื่องค่าว่าจ้างและนัดหมาย
“ได้งานด่วนเหรอ” จรรยาที่นั่งเตรียมอาหารเช้าอยู่ใกล้ๆ เอ่ยถาม
“อืม ซันนี่เข้าโรงบาลน่ะคงไปพรุ่งนี้ไม่ได้ นางเลยแนะนำฉันให้ไปแต่งหน้าแทน ต้องไปให้ถึงบ้านเจ้าสาวตอนตีห้า” อนัญญาตอบ
“ไม่ต้องห่วงอานัสกับอานีสนะ ฉันดูให้”
“ขอบใจนะ”
“แกเหนื่อยไหมเปรี้ยวที่ต้องรับภาระดูแลอานัสกับอานีส”
จรรยารู้ดีว่า เพื่อนรักลำบากมากแค่ไหนตั้งแต่อภิญญาตั้งครรภ์ เป็นเพราะอภิญญาแพ้ท้องหนักมาก มีอาการปวดหลังและเอวมากจะนั่งหรือนอนก็ลำบาก ทำงานได้บ้างไม่ได้บ้าง จนในที่สุดเมื่อตั้งท้องได้หกเดือน อภิญญาลาออกจากงานที่ทำอยู่ และนั่นทำให้ค่าใช้จ่ายภายในบ้านทั้งหมดตกอยู่ที่อนัญญาเพียงคนเดียว
ทัณฑ์เสน่หาชีคทมิฬ Chapter 10พรวิภาเงยหน้ามองคอนโดมิเนียมสูงที่ต่อจากนี้คือที่อยู่ใหม่ของตน หล่อนไม่คิดไม่ฝันว่า ตนเองต้องมาเป็นนางบำเรอให้กับชายหนุ่มที่เห็นหน้าเพียงไม่กี่ครั้ง และเป็นไม่กี่ครั้งที่ทำให้ตนใจสั่นและหวั่นไหว คำพูดเชิงสั่งแกมบังคับของเปรมสุดาเมื่อวานนี้ยังคงก้องในหู เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่อนุชาสร้างบ้านหลังเล็กให้ที่เปรมสุดามาหาตนที่บ้าน และการมาครั้งนี้สู้ไม่มาเลยจะดีเสียกว่า “อะไรนะคะคุณแม่ จะให้พรีมไปเป็นนางบำเรอชีคจาฟาห์หรือคะ” พรวิภาถามมารดาทันทีหลังจากได้ยินเรื่องราว “ก็ใช่น่ะสิ แต่เขาไม่ต้องการแกหรอกนะ เขาต้องการปริม แต่ฉันคิดว่าปริมคงไม่ยอมง่ายๆ เลยให้แกไปแทนไงล่ะ” เปรมสุดาพูดง่ายๆ ไม่ใส่ใจความรู้สึกพรวิภาเลยสักนิด จนคนที่ฟังอยู่อดน้อยใจไม่ได้“แล้วคุณแม่ไม่คิดบ้างหรือคะว่าพรีมจะไม่ยอม”“ฉันไม่มีทางให้แกพูดว่าไม่ยอม หรือว่าแกจะทนเห็นครอบครัวล้มละลายได้ ทนเห็นฉันกับทุกคนในบ้านไม่มีที่ซุกหัวนอนรวมทั้งแกเองด้วย เจ้าหนี้ตามทวงเงินฉันไม่เว้นวัน แกทนเห็นได้เหรอ หรือว่าแกไม่เห็นฉันเป็นแม่แก” เปรมสุดากระแทกเสียงใส่ ไม่สนใจสายตาตัดพ้อของลูก
ทัณฑ์เสน่หาชีคทมิฬ Chapter 9“ในขณะนี้ใช่ครับ แต่ในอนาคตไม่แน่ว่าจะเป็นตำแหน่งอื่น” ชีคจาฟาห์ตอบตรงเช่นกัน “ผมไม่บังคับนะครับ ผมเองก็ไม่เคยหักหาญน้ำใจผู้หญิง แต่ถ้าคุณทำได้ ทำตามที่ผมต้องการ ผมจะให้พิเศษอีกสิบล้าน”นั่นเป็นตัวเลขที่ทำให้เปรมสุดาใจสั่น รวมทั้งหมดจะได้ถึงหกสิบล้าน พลิกฟื้นครอบครัวตนได้เลย จากที่กำลังจะจมน้ำก็เหมือนมีคนมาฉุดให้ขึ้นจากน้ำ แล้วยังจะชวนขึ้นเรืออันหรูหราเพื่อไปส่งตนให้ถึงฝั่ง ในเมื่อท่านชีคเสนอเงินจนนางพอใจ มีหรือที่คนกำลังร้อนเงินอย่างหนักจะไม่ตอบตกลง“ได้ค่ะ ดิฉันจะทำตามที่ท่านชีคต้องการ” อนุชินหันมองหน้าภรรยา อยากจะค้านออกไปแต่ก็ถูกเมียรักสะกิดแขนไว้ ทำให้เขาหยุดคำพูดโดยพลัน “แล้วท่านชีคจะให้เงินเราสองคนเมื่อไหร่คะ เราสองคนบอกตรงๆ ว่าต้องการใช้เงินด่วนค่ะ”“ผมจะให้คุณเป็นขวัญกำลังใจในการไปพูดกับคุณปริมหนึ่งล้านก่อน ถ้าคุณปริมตกลงและมาหาผมที่นี่ในวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายโมง ผมจะโอนเงินส่วนที่เหลือให้คุณทันที” จาฟาห์ตอบ “แต่ถ้าเกินบ่ายโมงวันพรุ่งนี้ เรื่องที่เราตกลงกันไว้เป็นอันยกเลิก เงินที่ผมให้คุณหนึ่งล้าน ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาก็แล้วกัน”“ได้ค่ะ ตกลงตามนี้ค่ะ”
ทัณฑ์เสน่หาชีคทมิฬ Chapter 8หลังจากอาบน้ำเสร็จ พรวิภาเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมเพียงตัวเดียว ยังไม่ทันที่จะเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้มาสวมใส่ เสียงมือถือของตนดังขึ้น พอเห็นเบอร์มือถือที่ตนบันทึกรายชื่อไว้ว่า ท่านชีค ปรากฏขึ้น พรวิภาตั้งใจไม่รับ ทว่าด้วยความรีบร้อนอยากตัดสายทิ้ง ทำให้หล่อนดันปัดผิดด้าน ดันไปปัดปุ่มสีเขียวเพื่อรับสาย ส่งผลให้หล่อนต้องพูดสายไปโดยปริยายเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกว่า ตนไม่อยากคุย“สวัสดีค่ะท่านชีค”“สวัสดีครับคนสวยของผม” พรวิภาหัวใจเต้นแรงกับคำหวานที่ได้ยิน หากเขาหมายถึงตนเองก็คงรู้สึกดีกว่านี้ แต่นี่ไม่ใช่ เขาหมายถึงพรเทวีต่างหาก “ผมโทรมารบกวนเวลาคุณปริมหรือเปล่าครับ”“ไม่ค่ะ ท่านชีคมีอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่าจะมาถามถึงสถานที่ท่องเที่ยวคะ”“ก็ไม่เชิงครับ” เขาตอบกลับ และคำพูดต่อจากนี้ก็ทำให้คนฟังถึงกับหัวใจพองโต “ผมคิดถึงคุณปริมครับ ไม่ได้เห็นหน้าได้ยินเสียงก็ยังดีครับ”ทว่าเป็นเพียงเสี้ยววินาทีแห่งความปลื้มใจที่มีคนคิดถึง เป็นเพราะความคิดถึงที่ได้ยิน ไม่ใช่ของหล่อน แล้วมันเจ็บปวดที่พรวิภาเป็นตัวแทนของคนที่เขาคิดถึง“ขอบคุณค่ะที่คิดถึงกัน” คนพูดอดไม่ได้ที่จะเ
ทัณฑ์เสน่หาชีคทมิฬ Chapter 7อนุชินกับเปรมสุดาแบกความผิดหวังกลับมาบ้าน เนื่องจากบุคคลที่ดั้นด้นไปหยิบยืมเงินต่างปฏิเสธความช่วยเหลือ ทั้งที่เงินที่ยืมไม่ได้สูงหลักล้าน เพียงแค่ไม่กี่แสน ทำให้ทั้งคู่นึกย้อนกลับไปตอนรุ่งเรือง ใครเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ ทั้งคู่ไม่เคยไม่ให้ ถึงแม้ว่าบางรายไม่ได้ให้ตามร้องขอ แต่ก็มีเงินติดมือไปหมุน พอทั้งคู่เดือดร้อนกลับมีแต่คนแล้งน้ำใจใส่ สองสามีเหมือนคนสิ้นหวัง ท้อแท้เหลือกำลัง “ทำไมคุณพ่อคุณแม่หน้าตาแบบนี้คะ” พรเทวีอดถามบิดามารดาไม่ได้ “พ่อกับแม่หาเงินไม่ได้” อนุชินตอบแบบนี้หลายครั้ง พรเทวีหน้าเศร้าลงทันใด “เงินก้อนนี้เยอะเหรอคะคุณพ่อ” พรเทวีถามตรง “ห้าล้าน พ่อต้องหาให้ได้ห้าล้าน บริษัทถึงไปรอด”คำตอบบิดาทำให้คนถามถึงกับตกใจกับจำนวนเงินที่บิดาต้องหา ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลย“ถ้าหามาหมุนไม่ได้ งานนี้จบแน่” เปรมสุดาพูดอย่างเหนื่อยใจ ขณะนั้นพรวิภาเดินถือถาดที่มีน้ำหวานมาให้บิดามารดา“น้ำหวานเย็นๆ ค่ะคุณพ่อคุณแม่”“เอาน้ำมาให้แล้วจะไปไหนก็ไป ฉันยิ่งหงุดหงิดอยู่ เห็นหน้าแกยิ่งหงุดหงิด”เปรมสุดาพาลใส่ลูกสาวคนโตที่รีบเดินหน
ทัณฑ์เสน่หาชีคทมิฬ Chapter 6 อนุชิน เปรมสุดาและพรเทวีเดินทางกลับบ้านไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ปล่อยให้พรวิภาทำหน้าที่ดูแลคนเป็นย่า แทนพยาบาลพิเศษที่จ้างเพียงตอนกลางคืน พรวิภาเสมือนคนรับใช้ ต้องคอยดูแลเหล่าคุณหญิงคุณนายที่มาเยี่ยมประภาวดี ทั้งเสิร์ฟน้ำ ปอกผลไม้ให้กิน รวมถึงทำตามคำสั่งของพวกนางที่สั่งราวกับพรวิภาเป็นขี้ข้า ทว่าหล่อนก็ไม่เกี่ยงงอน ทำตามที่สั่งเป็นอย่างดี ไม่ปริปากบ่นสักคำ หลังจากคนเยี่ยมกลับไปแล้ว ประภาวดีที่เหนื่อยจากการพูดคุยก็หลับลง พรวิภาไม่ได้อยู่นิ่งเฉย เก็บจานชามและแก้วน้ำไปทำความสะอาด รวมถึงทำความสะอาดโต๊ะที่เหล่าผู้ดีกินหก จากนั้นก็ชงน้ำหวานแช่ตู้เย็นไว้ ขณะที่หล่อนกำลังง่วนกับสิ่งที่ทำอยู่ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ก่อนประตูจะเปิดและมีคนก้าวเข้ามา “สวัสดีครับคุณปริม” พรวิภายิ้มเจื่อนเมื่อถูกทักว่าเป็นอีกคนหนึ่ง ความตกใจเคลือบอยู่บนใบหน้าเมื่อเห็นหน้าคนที่เดินเข้ามา ทำไมหล่อนจำไม่ได้ว่าคือใคร เขาคือผู้ชายที่ทำให้หล่อนใจสั่นตั้งแต่แรกเห็น ครั้งนี้ก็เช่นกัน หัวใจหล่อนเต้นแรงผิดปรกติ ตื่นเต้นที่ได้เจอเขา และเป็นอีกครั้งที่เขาทักตนผิด หล่
ทัณฑ์เสน่หาชีคทมิฬ Chapter 5 อนุชินเดินยิ้มเข้ามาในห้องพักฟื้น ในมือถือถุงอาหารหลายอย่างในมือ ก่อนนำมาวางไว้ตรงโต๊ะปลายเตียงนอนมารดา “แกซื้ออะไรมาเยอะแยะ มีเงินหรือไง” ประภาวดีถาม “มีสิครับ ปริมยืมเพื่อนมาให้น่ะครับแสนห้า เพื่อนบอกด้วยนะครับว่า คืนเมื่อไหร่ก็ได้ไม่มีกำหนด ไม่มีดอกเบี้ย” อนุชินตอบมารดา “ก็ดีน่ะสิ แกจะได้มีเงินจ่ายค่าโรงพยาบาล แล้วยังมีของซื้อให้ฉันด้วย” ประภาวดีหน้าบาน คลายความกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลตนเป็นปลิดทิ้ง ก่อนหันไปถามหลานสาวคนเล็ก “ว่าแต่เพื่อนคนไหนของแกที่ให้ยืมเงิน” “เพื่อนที่คุณย่าคาดไม่ถึงค่ะ ปริมคิดว่า คุณย่าอย่ารู้เลยค่ะ รู้แค่ว่า เพื่อนคนนี้ของปริมเป็นคนดีและมีน้ำใจมากๆ ค่ะ” พรเทวีทำตามพี่สาวสั่ง หล่อนไม่บอกความจริงจากใคร หลังจากไปเบิกเงินกับพรวิภาเสร็จก็เดินทางกลับบ้าน พรเทวีนำเงินมาให้บิดา แล้วพากันมาเยี่ยมประภาวดีที่โรงพยาบาล โดยการมาครั้งนี้ พรวิภาเดินทางมาด้วย เพราะต้องมารับใช้เพื่อนประภาวดีที่จะมาเยี่ยมในช่วงบ่าย “คุณย่าคะ น้ำสัมคั้นค่ะ พรีมทำมาให้จากบ้านค่ะ” พรวิภาวางแก้







