หลังจากที่บริษัทเงียบเหงามานานเพราะสายเม้า สายชวนตี้อย่างเอแคร์ต้องไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น แผนกของเราก็เงียบเหงาลงไปอย่างมาก ประจวบกับที่หน้าท้องของฉันเองก็เริ่มนูนออกมาจนเห็นได้ชัด เสื้อผ้าชุดกางเกงก่อนหน้าก็เปลี่ยนมาเป็นชุดคลุมท้องที่ยาวจนถึงน่อง แล้วสวมทับด้วยเสื้อคลุมอีกที เพราะเป็นท้องแรกและฉันเองก็มีรูปร่างที่ผอมอยู่แล้ว จึงดูไม่เหมือนคนท้องสักเท่าไหร่ แม้น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้นแต่รูปร่างกลับไม่ได้อ้วนขึ้น คิดว่าน่าจะลงพุงเสียมากกว่า ตอนนี้ก็กินมากไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน เพราะเจ้าตัวน้อยในท้องก็โตวันโตคืนเริ่มเบียดกระเพาะอาหาร รวมไปถึงอวัยวะต่าง ๆ พี่ ๆ ในทีมที่ผ่านการมีลูกมาก่อนอย่างพี่สจี พี่น้ำตาล รวมไปถึงพี่ปุ้ยพี่รู้ข่าวต่างก็ตกใจที่ฉันท้อง เอาจริงฉันก็ขอโทษขอโพยพี่ ๆ ในทีม แถมยังรู้สึกผิดมาก ๆ คล้ายกับว่าปกปิดกับบริษัทเรื่องที่ฉันท้องก่อนทำงาน
ความจริงฉันไม่รู้ตัวว่าตัวเองท้องด้วยซ้ำเฮ้อ! หลังจากนั้นก็เหมือนแต่ละคนแต่ละฝ่ายรวมไปถึงฉันต่างวางแผนการทำงานใหม่รวมไปถึงการลาคลอดอีกทั้งยังต้องหาพี่เลี้ยงเด็กเพิ่มอีกคน…ดีที่พี่สจีมีคอนแทกต์พี่เลี้ยงที่เคยดูแลลูกแกมาให้แถมยังรับรองว่าไว้ใจได้ฉันก็โล่งใจโดยวางแผนไว้ว่าจะนัดพูดคุยกันวันเสาร์นี้ถึงเวลาเลี้ยงและการจ้างงานวันนี้วันพุธแต่ภายในแผนกกลับครึกครื้นเหมือนมีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละจนฉันอดถามพี่น้ำตาลออกไปไม่ได้เมื่อมาถึงที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
“วันนี้มีอะไรเหรอคะทำไมทุกคนดูตื่นเต้นกันจัง”
“มาๆน้องเจมาพอดีก็วันนี้น่ะนอกจากยัยเอแคร์กับน้องภพจะกลับมาแล้วนายญี่ปุ่นเองยังมาด้วย”
พี่น้ำตาลดีอกดีใจจนออกนอกหน้าแต่ฉันก็ยังงงอยู่ดีนายญี่ปุ่นมาดูงานที่บริษัทมีเรื่องอะไรให้ดีอกดีใจขนาดนั้นกันพอพี่น้ำตาลเห็นหน้าฉันก็จีบปากจีบคอเล่าต่ออย่างเมามัน
“น้องเจไม่รู้อะไรก็นายญี่ปุ่นน่ะทั้งหล่อทั้งหนุ่มอีกทั้งยังใจป้ำสุดๆเลี้ยงทีไม่อั้นมีแต่ของดีๆแพงๆ”
“ใช่ๆ” พี่สจีมาเสริมทัพอีกแรงเมื่อเห็นว่าฉันทำหน้างงไม่เอนจอยไปกับพวก
“ก็ปีที่แล้วงานเลี้ยงต้อนรับนายญี่ปุ่นพาพวกเราไปเหมาไนท์บาร์รูฟท็อปใจกลางเมืองเชียวนะเอาจริงแค่เห็นชื่อพี่ก็ไม่กล้าไปละแม้ว่าจะเข้มงวดในเรื่องงานแต่ว่าช่วงที่แกอยู่ไทยแผนกเราก็ได้อานิสงส์ไปกับเขาด้วยเห็นว่าพูดไทยได้นิดหน่อยชอบกินผัดกะเพราเป็นพิเศษ”
“หรือคะ” ส่วนฉันนั้นที่เรียนและทำพาสไทม์ในญี่ปุ่นมาก่อนก็ไม่ได้ว้าวอะไรกับการโนมิไกที่เมาหัวราน้ำหลังจากเลิกงานพรุ่งนี้เช้าก็ต้องแบกสังขารอันยับเยินมาทำงานต่อสมัยเรียนโทอาจารย์ที่ปรึกษาก็ดื่มเก่งชะมัดส่วนตัวฉันไม่ค่อยจอยเท่าไหร่กรุงเทพฯมันเหมาะที่จะให้ไปเลาะเลี้ยงสังสรรค์หลังเลิกงานเสียทุกวันซะเมื่อไหร่แค่รถติดก็กินเวลาชีวิตไปมากโขแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานแผนกที่ครึกครื้นอยู่แล้วกลับครื้นเครงขึ้นไปอีกเมื่อเอแคร์เสียงมาก่อนจะเห็นตัว
“เอแคร์กลับมาแล้วค่าทุกคน” ฉันหันไปมองที่หน้าประตูก่อนจะเห็นเอแคร์ยิ้มแย้มหน้าบานทักทายพี่ๆทุกคนรวมไปถึงภพสามเดือนที่ไม่ได้เจอกันเหมือนว่าทั้งสองคนจะดูมีออร่ามากขึ้นกว่าเดิมก็แหงล่ะน้ำดีและอากาศดีออกขนาดนั้นเห็นพี่ๆลุกออกไปทักทายต้อนรับการกลับมาของคนทั้งสองฉันที่ไม่อยากลุกออกมาจากเก้าอี้ต้องจำใจลุกออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ยินดีต้อนรับกลับค่ะพี่เอแคร์ภพก็ด้วย” ฉันยิ้มให้กลับกลายเป็นว่าสายตาทั้งสี่คู่กลับจดจ้องที่หน้าท้องของฉันเสียอย่างนั้นจนอดที่ลูบหน้าท้องของตัวเองเพื่อลดความประหม่าไม่ได้
“ตายแล้ววววน้องเจไม่เจอกันสามเดือนมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะเลยใช่มะน้องภพ” แอร์แคร์สะกิดแขนของชายหนุ่มรุ่นน้องที่ยืนอยู่ด้านข้างภพเองก็จ้องมองเหมือนมีคำถามเช่นกันฉันเลยตัดสินใจบอกไหนๆก็ใกล้จะคลอดอยู่แล้ว
“เจท้องค่ะไม่ได้อ้วน”
“หา!” เอแคร์ร้องเสียงหลงส่วนภพเองก็มีสีหน้าประหลาดใจแกมตกใจปนอยู่ในนั้นฉันไม่ถือสาเพราะว่าแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน
“เอาละๆแยกย้ายกันไปทำงานเรื่องอื่นค่อยเม้ากันตกลงไปไหมจ๊ะ” เอแคร์ที่กำลังจะอ้าปากถามหุบลงฉับพลันจากนั้นก็แจกจ่ายของฝากแก่บรรดาพี่ๆรวมไปถึงฉันด้วยก่อนไปพี่ปุ้ยยังทิ้งท้าย
“พักเที่ยงแล้วรีบกลับเข้ามากันนะนายจะมาตอนบ่ายโมงตรงห้ามเลทห้ามสายสักวินาทีเดียวเข้าใจนะ”
จิรัติกรมางานแต่งเพื่อนชาวญี่ปุ่นด้วยความไม่คาดคิด ไม่คาดคิดว่าเพื่อนเขาจะสละโสดเร็วกว่าใคร ๆ ในรุ่น ก็แหงล่ะ…เจ้าชู้ประตูดินเสียขนาดนั้น แต่พอมาเจอเจ้าสาวในวันนี้ เขายังรับรู้ได้เลยว่าเพื่อนรักของเขามีความสุขในการแต่งงานครั้งนี้จริง ๆ แถมลูกชายยังน่ารักน่าชัง อ้วนท้วนสมบูรณ์เชียวนึกถึงตอนที่มาขอให้ช่วยรวบหัวรวบหางสาวเจ้าแล้วก็อดขำไม่ได้เพื่อนเขาถึงต้องลงทุนมากมายเพื่อทะเบียนสมรสฉบับเดียวแทนที่จะเป็นหญิงสาวคนนั้นที่ต้องอ้อนวอนขอทะเบียนสมรสจากริวอิจิน่ะส่งเพื่อนเข้าประตูวิวาห์พลันอดที่จะคิดถึงตัวเองไม่ได้…แล้วชีวิตคู่ของเขาจะเป็นแบบไหนเจ้าสาวจะเป็นใครแม้ว่าไม่เคยฉุกคิดเรื่องนี้ในหัวมาก่อนเลยก็ตามความคิดในหัวแตกกระเจิงเมื่อเจอใครบางคนคนคนนั้นที่ติดอยู่ในหัวของเขาแมวขโมย! สองแขนของปานประดับถูกกระชากอย่างแรงหลังจากที่เธอเพิ่งจะเรียงจานชามบนโต๊ะได้ไม่นาน“อะ” ฉันร้องเสียงหลงแถมยังต้องตกใจจนหน้าขาวซีดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครโลกมันจะกลมเกินไปแล้วอีกอย่างฉันเองก็คอยระมัดระวังตัวตลอด…“ไง” เขาถามด้วยใบหน้าราบเรียบแต่แววตากลับวาวโรจน์“คะ” ฉันตีเนียนแต่มือไม้เย็นจนเกือบจะถือถาดในมือไว้ไม
งานแต่งงานของฉันกับริวอิจิที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นการแต่งงานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่งในโตเกียว เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ ซึ่งคุณนายเคอิเป็นคนขอเอาไว้เนื่องจากเราแต่งงานที่ไทยกันมาแล้ว เลยอยากจะจัดงานแบบญี่ปุ่นบ้าง ฉันเลือกชุดกิโมโนสีขาว ส่วนเจ้าบ่าวเป็นสีดำ พิธีการค่อนข้างเคร่งครัดและเป็นระเบียบ แขกเหรื่อจะต้องยืนยันว่าจะมาร่วมงานเพราะชุดอาหารนับตามจำนวนคนและแพงมาก แม่เจ้า! รวมไปถึงของชำร่วยที่แขกเหรื่อจะเป็นคนเลือกเอง แต่สำหรับฉันพิธีการเรียบง่ายแต่กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเป็นการบอกกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าฉันจะมาเป็นสะใภ้ของที่นี่ ทุกคนให้การต้อนรับฉันอย่างดีไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในสถานะที่แตกต่างออกไปในตอนแรกฉันมาเยือนโตเกียวด้วยวีซ่านักเรียนแต่พอมาอีกครั้งกลับมาในสถานะภรรยาของชาวญี่ปุ่นจัดงานเสร็จสรรพใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ฉันชอบความเรียบง่ายเลยไม่ได้จัดการฉลองที่โรงแรมอีกอีกอย่างเราก็มีลูกเล็กด้วยกระเตงออกงานทั้งวันคงเหนื่อยน่าดูที่สำคัญเจ้าเด็กอ้วนยังติดพี่เลี้ยงมากๆอีกด้วยพี่ไผ่เองตอนนี้ก็เปรียบเสมือนญาติอีกคนที่เข้าร่วมพิธีการในครั้ง
อีกทั้งฉันเองก็ขอร้องว่า…ไม่ต้องใส่ซองอะไรมาให้อีกอย่างทุกคนก็เสียสละวันหยุดมางานกันแล้วไหนจะเสื้อผ้าหน้าผมอีกแต่ทุกคนกลับมีของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อยติดมือมาให้อยู่ดีคุณนายเคอิเองก็ยิ้มแช่มชื่นแม้จะมีอุปสรรคทางภาษาแต่เอแคร์เองก็พูดควบสองภาษาเพื่อให้คนทั้งงานเอนจอยไปด้วยกันแถมเพื่อนรักอย่างจิรัติกรเองก็มาร่วมงานด้วย“ไง” จิรัติกรเอ่ยทักเจ้าบ่าวข้างกายฉันพลางส่งของขวัญในมือให้“ขอบใจ” “งานสำคัญของนายทั้งทีฉันต้องมาอยู่แล้วน่า”“ยินดีด้วยนะครับคุณ…เอ่อ”“เจค่ะ”“ยินดีด้วยนะครับคุณเจ” “ขอบคุณมากค่ะ” แถมเขายังเข้ามาหยอกล้อเจ้าตัวน้อยที่นั่งหันหน้าบนเป้นั่งคาดเอวด้วยความเอ็นดู“นี่มันริวอิจิฉบับจิ๋วชัดๆ” เขาว่าพลางหัวเราะในคอแต่พลันสายตาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นพนักงานที่คอยเติมอาหารและเครื่องดื่มในงาน“ขอตัวก่อนนะครับ” “ค่ะ” ฉันผายมือให้เขาเข้าไปในงานก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มลูกน้อยที่แทะยีราฟตัวสีเหลืองอย่างมันเขี้ยวโดยไม่รู้เลยว่าบริเวณหลังร้านคนสองคนกำลังมีปากเสียงกันอยู่ เพราะเน้นความเรียบง่ายห้าโมงเย็นทุกอย่างก็เป็นอันสิ้นสุดนิ้วนางข้างซ้ายของฉันและเขาต่างประดับด้วยแหวนแต่งงานที่เราต่างแลกแห
“แต่พี่ก็ดีใจนะ อย่างน้อยเจก็ไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนอย่างตอนแรก ให้ตาย! ตอนแรกพี่เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน หลังคลอดเราจะอยู่ยังไงกันสองคน พอรู้ว่าน้องเจมีคนคอยดูแลพี่ก็เบาใจ” พี่น้ำตาลที่ผ่านการมีลูกเต้ามาก่อนเอ่ยพร้อมกับเดินมาตบต้นแขนให้กำลังใจฉันยิ้มทั้งน้ำตา“ขอบคุณนะคะแต่ยังไงก็ยังเป็นเจคนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป” ทุกคนพยักหน้าให้ “วันหลังเอาอากิระมาให้พี่ๆอุ้มบ้างพวกเราจะได้กอดหอมตอนยังเด็กนี่แหละ” เอแคร์ว่า“โตขึ้นมาพี่สาวคนนี้จองตัวเป็นผู้จัดการดาราเลยนะคะ” บรรยากาศผ่อนคลายลงมากภพที่ยังพูดน้อยเหมือนเดิมเอ่ยเพียงสองสามประโยค“ยินดีด้วยนะเจ”“ขอบคุณนะภพ” จะว่าไปเขาเป็นคนแรกๆก็ว่าได้ที่รู้ว่าพ่อในท้องของผู้หญิงตรงหน้าเป็นใครเป็นการพบกันโดยบังเอิญไม่ว่าจะรถของหญิงสาวที่ท่านประธานคนใหม่ใช้อยู่เนืองๆไหนจะตอนที่คนทั้งสองไปซื้อของด้วยกันตอนแรกเขาทั้งตกใจและคาดไม่ถึง…ตอนแรกเขายอมรับว่าสนใจผู้หญิงคนนี้อยู่เหมือนกันแต่เหมือนเจ้าหล่อนก็ไม่เปิดโอกาสให้ใครหน้าไหนได้เข้าหามีกำแพงบางๆกั้นเอาไว้หากเธอไม่ท้องหรือมีครอบครัวไปเสียก่อนเขาก็ยังหวังว่าเราจะมีโอกาสได้สานต่อ…“แหมน้องภพมองตาละห้อยเชียวพ
ริวอิจิส่งข้อความมาบ้างแต่เราก็แทบไม่ได้คุยกันเลยตารางชีวิตแต่ละคนยุ่งสุดๆแต่แล้วความทรมานในการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงกดออดที่หน้าห้องเมื่อเห็นในมอนิเตอร์ว่าเป็นใครฉันก็เปิดประตูให้อย่างเร็วรี่แม้ใบหน้าเขาจะเหนื่อยล้าสุดๆแต่กลับยิ้มแฉ่งเข้ามากอดและอุ้มฉันจนตัวลอย“ว้ายเล่นอะไรคะเนี่ย” ฉันแหวใส่เขาเมื่อถูกอุ้มจนเท้าไม่ติดพื้นแถมในตอนนี้เจ้าตัวน้อยเริ่มจะคว่ำแล้วคอกเด็กที่สั่งทำเอาไว้ก็ได้ฤกษ์ใช้เสียที“อากิระคุง” เสียงมาก่อนตัวริวอิจิที่สองมือหอบข้าวของพะรุงพะรังมามากมายก็ไม่ลืมที่จะรีบไปล้างมือหมายจะรีบมาอุ้มลูกชายแต่โดนฉันเบรกไว้ก่อน“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าคะ” พ่อหมาทำหน้าละห้อยเหงื่อไหลโทรมกายขนาดนั้นอีกอย่างเชื้อโรคก็เยอะด้วยกันไว้ดีกว่าแก้เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างเงียบเชียบบริเวณข้างๆคอกเด็กฉันรีบไปอุ้มเจ้าก้อนมาไว้แนบอกนั่งหันหน้าออก“ปะป๊ากลับมาแล้วดีใจไหมครับ” เจ้าก้อนดิ้นดุ๊กดิ๊กมือเท้าปัดป่ายกลางอากาศอย่างน่ารักฉันอุ้มเขาไม่กี่อึดใจอากิระคุงก็ถูกริวอิจิอุ้มไปฟัดในคอกเด็กสองพ่อลูกคุยกันงุ้งงิ้งอยู่นานสองนานส่วนฉันก็รีบกลับมาเคลียร์งานที่ค้างไว้ต่อพี่ไผ่เองก็เก็บของเตรียมต
“แค่ก แค่ก ๆ” เมื่อเขาถอนออก ฉันสำลักหน้าดำหน้าแดง อีตาบ้ากดมาได้! ฉันทำได้เพียงก่นด่าเขาในใจเท่านั้น ไม่นานแผ่นหลังก็แนบติดกับประตู ชุดนอนกระโปรงถูกถกมากองไว้ที่เอว ขาข้างหนึ่งพาดบนท่อนแขนแกร่ง ยืนอย่างหมิ่นเหม่เพื่อให้เขาตอกอย่างถนัดถนี่“อื้อ” ฉันครางเครือแทบไม่เป็นภาษาเข็มยักษ์นี้ไม่รู้ว่าจะทำให้ฉันหายไข้หรือว่าป่วยเพิ่มกันแน่ยิ่งเข้าสุดออกสุดอย่างนี้ฉันจิกเล็บกับต้นแขนเขาอย่างแรงเมื่อเอวสอบเร่งจังหวะไม่ว่าจะเสียงเฉอะแฉะของน้ำลายน้ำหล่อลื่นส่วนล่างที่เชื่อมต่อกันอยู่หรือเสียงเนื้อกระทบเนื้อต่างก็พาอารมณ์พุ่งทะยานสุดกู่ริมฝีปากจูบคลอเคลียกันไม่ห่างช่วงล่างเองก็เช่นกันฉันตบต้นแขนเขาเป็นเชิงให้เปลี่ยนท่าก่อนจะผลักเขาลงกับเตียงกว้างถอดชุดนอนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดีก้าวเข้าไปควบคี่กลายเป็นคนคุมเกมและจังหวะเสียเอง สองมือสอดประสานกันเพื่อให้ฉันพยุงตัวแถมเขายังกระเด้งเอวขึ้นมาตอบรับจังหวะของฉันอีกที “อึกอื้อ” เสียงปักปักของเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วห้องนอนฉันหลับตาพริ้มคอเชิดแหงนเมื่อจุดกระสันถูกแทงย้ำๆอย่างไม่ปรานีย้ำๆจุดนั้นไม่กี่ทีฉันก็ตัวสั่นกระตุกหอบเสียงครางเครือเท้าแขนไว้ข้างศีรษะเขา