หลายคนหากคิดถึงโตเกียว…คงคิดถึงแลนด์มาร์คสำคัญอย่างโตเกียวสกายทรี แต่สำหรับฉัน…ความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นที่นี่ ที่ที่ได้ผู้ญี่ปุ่นตกถึงท้อง ไม่ว่าจะความเมาก็ดี ผีผลักก็ช่าง สุดท้ายเราทั้งสองก็สร้างครอบครัวไปด้วยกัน มีเจ้าก้อนน้อยเป็นพยานรักหนึ่งคน และคนที่สองสามอาจตามมาเร็ว ๆ นี้ครับ!
View Moreว่ากันว่าเรามักจะ “ซ่อน” คนคนหนึ่งไว้ในบทเพลง...
ท่อนฮุคเพลง “ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ” แม่งโคตรตรง
ฉันเอง...ก็เป็นหนึ่งในนั้นความจริงไม่อยากจะปิดบังหรือซ่อนเร้นมากมายอะไรขนาดนั้นเพราะตัวฉันเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า…
พ่อของลูกเป็นใคร!
ความจริงฉันก็ไม่ได้ใจง่ายและฟรีเซ็กซ์ขนาดนั้นแต่เพราะความเมาประจวบกับเลี้ยงส่งวันสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นเครื่องกลับไทยรู้ตัวอีกทีตื่นมาในโรงแรมใจกลางเมืองประจวบกับเวลาขึ้นเครื่องเหลือแค่ไม่กี่ชั่วโมงตัดสินใจแต่งตัวเก็บข้าวของออกมาจากโรงแรมโดยมีชายหนุ่มที่ไหนไม่รู้นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงไม่มีคำทักทายเอื้อนเอ่ยใดๆเวลาไม่คอยท่ารีบพาตัวเองออกมาแล้วนั่งแท็กซี่มุ่งตรงไปยังสนามบินฮาเนดะทันที
โชคดีที่ก่อนกลับได้ขนกระเป๋าบางส่วนไปเก็บไว้ที่ล็อกเกอร์สนามบินบ้างแล้วบางส่วนก็แพ็กส่งไปรษณีย์ไปยังเมืองไทยเรียบร้อยเลยเดินตัวปลิวไปเอากระเป๋าใบเล็กที่เตรียมไปที่ล็อกเกอร์มาเข้าคิวรออาบน้ำชำระร่างกายก่อนเช็กอินขึ้นเครื่องกลับไทย
“คงไม่สด...หรอกมั้ง” ฉันคิดเข้าข้างตัวเองในใจคิดว่ากลับไปถึงไทยจะซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินคิดอีกทีจะติดโรคมั้ยวะเนี่ยยืนสำรวจร่างเปลือยเปล่าตัวเองหน้ากระจกแม่เจ้า...เนินอกมีแต่รอยสีกุหลาบบริเวณแขนขวามีรอยเขี้ยวขนาดใหญ่สีม่วงคล้ำอีกไม่กี่วันต้องออกเขียวแน่ๆยังดีที่รอยพวกนี้อยู่ในร่มผ้าหมดไม่งั้น...หลายคนคงคิดว่าฉันถูกรุมโทรมแน่ๆแล้วหนุ่มที่ฉันหิ้วมาค้างด้วยใครวะเนี่ยเมาจนจำอะไรไม่ได้เลยเมาจนภาพตัด
ใครที่เคยอยู่ที่ญี่ปุ่นจะรู้ว่า “โนมิไก” เป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมญี่ปุ่นในการเข้าสังคมการทำงานเรียนและถือว่าเป็นมารยาททางสังคมอย่างหนึ่งจำได้ว่าเรานัดกันไปที่ร้านแรกจากนั้นก็ร้านที่ 2,3 จบที่ร้านคาราโอเกะจากนั้นก็ภาพตัดจำอะไรไม่ได้อีกเลยเป็นงานเลี้ยงฉลองเลี้ยงจบปริญญาโทของฉันเองและยินดีที่ได้งานทำที่เมืองไทยทันทีหลังเรียนจบ
บอกตรงๆไม่กล้าทักไปถามเรื่องเมื่อคืนกับเพื่อนในกลุ่มไลน์ด้วยซ้ำมีแต่เพื่อนต่างชาติเหมือนเพื่อนร่วมคลาสที่ไม่ได้สนิทมากพอจะถามเรื่องส่วนตัวหรือบอกเล่าอะไรหลายๆอย่างเหมือนคำว่า ‘เพื่อน’ ในเมืองไทยพวกเราจะคุยกันแค่เฉพาะเรื่องงานเรื่องเรียนนอกเหนือจากเรื่องส่วนตัวเราจะไม่ถามไม่เซ้าซี้อยากรู้เรื่องของอีกฝ่ายแต่เรื่องเมื่อคืน...คาใจฉันมากๆไม่รู้ว่าใครหิ้วใครทำอีท่าไหนถึงมาจบที่ห้องกับอีกฝ่ายได้แล้วฉันไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง
โอ๊ย!!ให้ตายเถอะไม่รู้อีกฝ่ายจะมีโรคประจำตัวอะไรไหมเนี่ย...บ้าบอชะมัดสมกับเลข 25 ต้อนรับเบญจเพสกันซินะ
แลนดิ้งถึงไทยปุ๊บขนของสัมภาระต่างๆเข้าคอนโดจัดแจงข้าวของต่างๆให้เข้าที่จากนั้นก็สลบหลับเป็นตายโชคดีก่อนกลับจากญี่ปุ่นให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดไว้ก่อนแล้วลืมเรื่องสำคัญต่างๆนานาไปมัวแต่พะวงถึงเรื่องงานที่จะต้องไปรายงานตัววันแรกวันจันทร์ที่จะถึงนี้หลายคนคงเป็นเหมือนกันตอนที่เริ่มงานเปลี่ยนจากชีวิตนักศึกษามาเป็นวัยทำงานเต็มตัวคงประหม่าตื่นเต้นมากไม่น้อยฉันก็เหมือนกันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับนอนพลิกไปพลิกมาจนนาฬิกาปลุกให้รู้เวลาก่อนเตรียมตัวเกินเดินทางไปทำงานโชคดีที่บริษัทอยู่ไม่ไกลนั่งรถไฟฟ้าแค่ไม่กี่ป้ายก็ถึง
เพราะความกังวลในเรื่องงานการเดินทางที่ทุลักทุเลกว่าจะถึงห้องจนทำให้ฉันหลงลืมเรื่องสำคัญอะไรไปบางอย่างบวกกับชะล่าใจเพราะเห็นซากถุงยางที่ใช้แล้วอยู่บนพื้นเราต่างก็เป็นคนแปลกหน้าและไม่คิดว่าจะใจกล้าสดกับคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเอาจริงฉันไม่กล้าไปพลิกหน้าดูด้วยซ้ำว่าพ่อหนุ่มคนนั้นที่ฉันได้กินเป็นใครต่อให้จำหน้าได้ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกผ่านมาแล้วก็ผ่านไป…ถือซะว่าเป็นประสบการณ์หนึ่งในชีวิตแต่ทว่าความคิดของฉันมันตื้นเขินเกินไปล่ะมั้งคิดว่าอะไรก็คงจะเป็นดั่งใจไปเสียหมดโดยไม่รู้ตัวเลยว่าชีวิตของฉันกำลังจะเปลี่ยนไปหลังจากคืนนั้นณบัดนาว!
จิรัติกรมางานแต่งเพื่อนชาวญี่ปุ่นด้วยความไม่คาดคิด ไม่คาดคิดว่าเพื่อนเขาจะสละโสดเร็วกว่าใคร ๆ ในรุ่น ก็แหงล่ะ…เจ้าชู้ประตูดินเสียขนาดนั้น แต่พอมาเจอเจ้าสาวในวันนี้ เขายังรับรู้ได้เลยว่าเพื่อนรักของเขามีความสุขในการแต่งงานครั้งนี้จริง ๆ แถมลูกชายยังน่ารักน่าชัง อ้วนท้วนสมบูรณ์เชียวนึกถึงตอนที่มาขอให้ช่วยรวบหัวรวบหางสาวเจ้าแล้วก็อดขำไม่ได้เพื่อนเขาถึงต้องลงทุนมากมายเพื่อทะเบียนสมรสฉบับเดียวแทนที่จะเป็นหญิงสาวคนนั้นที่ต้องอ้อนวอนขอทะเบียนสมรสจากริวอิจิน่ะส่งเพื่อนเข้าประตูวิวาห์พลันอดที่จะคิดถึงตัวเองไม่ได้…แล้วชีวิตคู่ของเขาจะเป็นแบบไหนเจ้าสาวจะเป็นใครแม้ว่าไม่เคยฉุกคิดเรื่องนี้ในหัวมาก่อนเลยก็ตามความคิดในหัวแตกกระเจิงเมื่อเจอใครบางคนคนคนนั้นที่ติดอยู่ในหัวของเขาแมวขโมย! สองแขนของปานประดับถูกกระชากอย่างแรงหลังจากที่เธอเพิ่งจะเรียงจานชามบนโต๊ะได้ไม่นาน“อะ” ฉันร้องเสียงหลงแถมยังต้องตกใจจนหน้าขาวซีดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครโลกมันจะกลมเกินไปแล้วอีกอย่างฉันเองก็คอยระมัดระวังตัวตลอด…“ไง” เขาถามด้วยใบหน้าราบเรียบแต่แววตากลับวาวโรจน์“คะ” ฉันตีเนียนแต่มือไม้เย็นจนเกือบจะถือถาดในมือไว้ไม
งานแต่งงานของฉันกับริวอิจิที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นการแต่งงานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่งในโตเกียว เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ ซึ่งคุณนายเคอิเป็นคนขอเอาไว้เนื่องจากเราแต่งงานที่ไทยกันมาแล้ว เลยอยากจะจัดงานแบบญี่ปุ่นบ้าง ฉันเลือกชุดกิโมโนสีขาว ส่วนเจ้าบ่าวเป็นสีดำ พิธีการค่อนข้างเคร่งครัดและเป็นระเบียบ แขกเหรื่อจะต้องยืนยันว่าจะมาร่วมงานเพราะชุดอาหารนับตามจำนวนคนและแพงมาก แม่เจ้า! รวมไปถึงของชำร่วยที่แขกเหรื่อจะเป็นคนเลือกเอง แต่สำหรับฉันพิธีการเรียบง่ายแต่กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเป็นการบอกกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าฉันจะมาเป็นสะใภ้ของที่นี่ ทุกคนให้การต้อนรับฉันอย่างดีไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในสถานะที่แตกต่างออกไปในตอนแรกฉันมาเยือนโตเกียวด้วยวีซ่านักเรียนแต่พอมาอีกครั้งกลับมาในสถานะภรรยาของชาวญี่ปุ่นจัดงานเสร็จสรรพใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ฉันชอบความเรียบง่ายเลยไม่ได้จัดการฉลองที่โรงแรมอีกอีกอย่างเราก็มีลูกเล็กด้วยกระเตงออกงานทั้งวันคงเหนื่อยน่าดูที่สำคัญเจ้าเด็กอ้วนยังติดพี่เลี้ยงมากๆอีกด้วยพี่ไผ่เองตอนนี้ก็เปรียบเสมือนญาติอีกคนที่เข้าร่วมพิธีการในครั้ง
อีกทั้งฉันเองก็ขอร้องว่า…ไม่ต้องใส่ซองอะไรมาให้อีกอย่างทุกคนก็เสียสละวันหยุดมางานกันแล้วไหนจะเสื้อผ้าหน้าผมอีกแต่ทุกคนกลับมีของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อยติดมือมาให้อยู่ดีคุณนายเคอิเองก็ยิ้มแช่มชื่นแม้จะมีอุปสรรคทางภาษาแต่เอแคร์เองก็พูดควบสองภาษาเพื่อให้คนทั้งงานเอนจอยไปด้วยกันแถมเพื่อนรักอย่างจิรัติกรเองก็มาร่วมงานด้วย“ไง” จิรัติกรเอ่ยทักเจ้าบ่าวข้างกายฉันพลางส่งของขวัญในมือให้“ขอบใจ” “งานสำคัญของนายทั้งทีฉันต้องมาอยู่แล้วน่า”“ยินดีด้วยนะครับคุณ…เอ่อ”“เจค่ะ”“ยินดีด้วยนะครับคุณเจ” “ขอบคุณมากค่ะ” แถมเขายังเข้ามาหยอกล้อเจ้าตัวน้อยที่นั่งหันหน้าบนเป้นั่งคาดเอวด้วยความเอ็นดู“นี่มันริวอิจิฉบับจิ๋วชัดๆ” เขาว่าพลางหัวเราะในคอแต่พลันสายตาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นพนักงานที่คอยเติมอาหารและเครื่องดื่มในงาน“ขอตัวก่อนนะครับ” “ค่ะ” ฉันผายมือให้เขาเข้าไปในงานก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มลูกน้อยที่แทะยีราฟตัวสีเหลืองอย่างมันเขี้ยวโดยไม่รู้เลยว่าบริเวณหลังร้านคนสองคนกำลังมีปากเสียงกันอยู่ เพราะเน้นความเรียบง่ายห้าโมงเย็นทุกอย่างก็เป็นอันสิ้นสุดนิ้วนางข้างซ้ายของฉันและเขาต่างประดับด้วยแหวนแต่งงานที่เราต่างแลกแห
“แต่พี่ก็ดีใจนะ อย่างน้อยเจก็ไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนอย่างตอนแรก ให้ตาย! ตอนแรกพี่เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน หลังคลอดเราจะอยู่ยังไงกันสองคน พอรู้ว่าน้องเจมีคนคอยดูแลพี่ก็เบาใจ” พี่น้ำตาลที่ผ่านการมีลูกเต้ามาก่อนเอ่ยพร้อมกับเดินมาตบต้นแขนให้กำลังใจฉันยิ้มทั้งน้ำตา“ขอบคุณนะคะแต่ยังไงก็ยังเป็นเจคนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป” ทุกคนพยักหน้าให้ “วันหลังเอาอากิระมาให้พี่ๆอุ้มบ้างพวกเราจะได้กอดหอมตอนยังเด็กนี่แหละ” เอแคร์ว่า“โตขึ้นมาพี่สาวคนนี้จองตัวเป็นผู้จัดการดาราเลยนะคะ” บรรยากาศผ่อนคลายลงมากภพที่ยังพูดน้อยเหมือนเดิมเอ่ยเพียงสองสามประโยค“ยินดีด้วยนะเจ”“ขอบคุณนะภพ” จะว่าไปเขาเป็นคนแรกๆก็ว่าได้ที่รู้ว่าพ่อในท้องของผู้หญิงตรงหน้าเป็นใครเป็นการพบกันโดยบังเอิญไม่ว่าจะรถของหญิงสาวที่ท่านประธานคนใหม่ใช้อยู่เนืองๆไหนจะตอนที่คนทั้งสองไปซื้อของด้วยกันตอนแรกเขาทั้งตกใจและคาดไม่ถึง…ตอนแรกเขายอมรับว่าสนใจผู้หญิงคนนี้อยู่เหมือนกันแต่เหมือนเจ้าหล่อนก็ไม่เปิดโอกาสให้ใครหน้าไหนได้เข้าหามีกำแพงบางๆกั้นเอาไว้หากเธอไม่ท้องหรือมีครอบครัวไปเสียก่อนเขาก็ยังหวังว่าเราจะมีโอกาสได้สานต่อ…“แหมน้องภพมองตาละห้อยเชียวพ
ริวอิจิส่งข้อความมาบ้างแต่เราก็แทบไม่ได้คุยกันเลยตารางชีวิตแต่ละคนยุ่งสุดๆแต่แล้วความทรมานในการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงกดออดที่หน้าห้องเมื่อเห็นในมอนิเตอร์ว่าเป็นใครฉันก็เปิดประตูให้อย่างเร็วรี่แม้ใบหน้าเขาจะเหนื่อยล้าสุดๆแต่กลับยิ้มแฉ่งเข้ามากอดและอุ้มฉันจนตัวลอย“ว้ายเล่นอะไรคะเนี่ย” ฉันแหวใส่เขาเมื่อถูกอุ้มจนเท้าไม่ติดพื้นแถมในตอนนี้เจ้าตัวน้อยเริ่มจะคว่ำแล้วคอกเด็กที่สั่งทำเอาไว้ก็ได้ฤกษ์ใช้เสียที“อากิระคุง” เสียงมาก่อนตัวริวอิจิที่สองมือหอบข้าวของพะรุงพะรังมามากมายก็ไม่ลืมที่จะรีบไปล้างมือหมายจะรีบมาอุ้มลูกชายแต่โดนฉันเบรกไว้ก่อน“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าคะ” พ่อหมาทำหน้าละห้อยเหงื่อไหลโทรมกายขนาดนั้นอีกอย่างเชื้อโรคก็เยอะด้วยกันไว้ดีกว่าแก้เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างเงียบเชียบบริเวณข้างๆคอกเด็กฉันรีบไปอุ้มเจ้าก้อนมาไว้แนบอกนั่งหันหน้าออก“ปะป๊ากลับมาแล้วดีใจไหมครับ” เจ้าก้อนดิ้นดุ๊กดิ๊กมือเท้าปัดป่ายกลางอากาศอย่างน่ารักฉันอุ้มเขาไม่กี่อึดใจอากิระคุงก็ถูกริวอิจิอุ้มไปฟัดในคอกเด็กสองพ่อลูกคุยกันงุ้งงิ้งอยู่นานสองนานส่วนฉันก็รีบกลับมาเคลียร์งานที่ค้างไว้ต่อพี่ไผ่เองก็เก็บของเตรียมต
“แค่ก แค่ก ๆ” เมื่อเขาถอนออก ฉันสำลักหน้าดำหน้าแดง อีตาบ้ากดมาได้! ฉันทำได้เพียงก่นด่าเขาในใจเท่านั้น ไม่นานแผ่นหลังก็แนบติดกับประตู ชุดนอนกระโปรงถูกถกมากองไว้ที่เอว ขาข้างหนึ่งพาดบนท่อนแขนแกร่ง ยืนอย่างหมิ่นเหม่เพื่อให้เขาตอกอย่างถนัดถนี่“อื้อ” ฉันครางเครือแทบไม่เป็นภาษาเข็มยักษ์นี้ไม่รู้ว่าจะทำให้ฉันหายไข้หรือว่าป่วยเพิ่มกันแน่ยิ่งเข้าสุดออกสุดอย่างนี้ฉันจิกเล็บกับต้นแขนเขาอย่างแรงเมื่อเอวสอบเร่งจังหวะไม่ว่าจะเสียงเฉอะแฉะของน้ำลายน้ำหล่อลื่นส่วนล่างที่เชื่อมต่อกันอยู่หรือเสียงเนื้อกระทบเนื้อต่างก็พาอารมณ์พุ่งทะยานสุดกู่ริมฝีปากจูบคลอเคลียกันไม่ห่างช่วงล่างเองก็เช่นกันฉันตบต้นแขนเขาเป็นเชิงให้เปลี่ยนท่าก่อนจะผลักเขาลงกับเตียงกว้างถอดชุดนอนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดีก้าวเข้าไปควบคี่กลายเป็นคนคุมเกมและจังหวะเสียเอง สองมือสอดประสานกันเพื่อให้ฉันพยุงตัวแถมเขายังกระเด้งเอวขึ้นมาตอบรับจังหวะของฉันอีกที “อึกอื้อ” เสียงปักปักของเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วห้องนอนฉันหลับตาพริ้มคอเชิดแหงนเมื่อจุดกระสันถูกแทงย้ำๆอย่างไม่ปรานีย้ำๆจุดนั้นไม่กี่ทีฉันก็ตัวสั่นกระตุกหอบเสียงครางเครือเท้าแขนไว้ข้างศีรษะเขา
Comments