แชร์

บทที่ 152

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
หรงจือจือมองประเมินฉีจื่อฟู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าทีหนึ่ง คร้านจะระเบิดอารมณ์ใส่เขา

เพียงถามเสียงเอื่อยว่า “ไม่รู้ว่าที่ซื่อจื่อลุกจากเตียงได้ ก็รีบมาหาข้าทันที มีอะไรจะชี้แนะหรือ? หรือเพียงแค่ต้องการจะประณามที่ข้าไม่สนใจท่าน?”

ฉีจื่อฟู่เพียงรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ อะไรที่เรียกว่าแค่ต้องการจะประณาม?

หรือว่าข้อนี้ยังไม่ร้ายแรงพออีกหรือ?

นางผู้เป็นฮูหยินของตน ไม่แยแสสามีเช่นนี้ นี่เป็นปัญหาใหญ่แค่ไหนนางไม่รู้หรือ?

เขาตอบกลับทั้งหน้าคล้ำดำเขียว “ข้าว่าเจ้าคงร่ำเรียนคุณธรรมสตรีและเตือนสตรี[1]เสียเปล่าแล้ว!”

หรงจือจือจิบน้ำชาคำหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับอย่างไม่แยแส “ก่อนหน้านี้ข้าก็ทำตามหนังสือสองเล่มนั้น แต่ดูท่าตอนนี้ หนังสือสองเล่มนั้นจะไม่ใช่หนังสือดีเด่นอะไร ทำตามแล้วไม่เห็นจะมีจุดจบที่ดีอะไร”

ฉีจื่อฟู่เห็นกิริยาท่าทางของนาง ใบหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง “เจ้ายังติดใจเรื่องที่ข้าจะลดภรรยาเอกเป็นอนุก่อนหน้านี้อยู่อีกหรือ? เรื่องนี้มันก็ผ่านไปนานแล้ว? เหตุใดเจ้าจึงใจกว้างอีกหน่อยไม่ได้เล่า?”

หรงจือจือวางจอกน้ำชาลงอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ข้าเองก็แค่ไม่ได้ไปเยี่ยมซื่อจื่อเท่านั้น คงเป็นเพราะซื่อจื่อ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
WLFJ
ซื่อื่อเป็นบ้าอะไรหาเรื่องนางเอกได้ตลอด
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 153

    ครั้นฉีจื่อฟู่ฟังหรงจือจือกล่าวจบ ก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “เหตุใดเจ้าต้องพูดกลับผิดเป็นถูก? เรื่องพวกนั้นที่เจ้าเอ่ยมามันก็เป็นแค่ของนอกกายเท่านั้น หากเจ้าสนใจข้าจริง จะสนใจเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน?”หรงจือจือแสยะยิ้ม ใช่ หากสนใจเขา ก็ควรทำเป็นว่าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นไม่เอาศักดิ์ศรี ไม่เอาหน้าตา ไม่เอาฐานะตำแหน่ง ไม่เอาความทระนง เหลือเพียงการเสียสละที่ไม่โกรธไม่เกลียด และการมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีหน้ามีตาโชคดีที่ในวันนี้ตนไม่สนใจเขาแล้วเพียงแต่พูดเรื่องพวกนี้กับเขา ก็ไม่มีความหมายอะไร เขาไม่มีทางฟังเข้าหูอยู่แล้ว มีแต่จะเปลืองน้ำลายเท่านั้นนางเพียงกล่าวเสียงเอื่อย “เจาซี เจ้าบอกซื่อจื่อไปสิ เหตุใดวันนั้นข้าถึงลงโทษอนุอวี้”เจาซีขานรับเสียงหนึ่ง “เจ้าค่ะ”จากนั้นก็ถ่ายทอดคำพูดที่อวี้ม่านหวาเหยียดหยามหรงจือจือในวันนั้น ให้ฉีจื่อฟู่ฟังทีละคำทีละประโยคหลังฉีจื่อฟู่ได้ยินดังนั้น ก็เอ่ยขึ้นทั้งหน้าคล้ำดำเขียว “ไร้สาระ! ม่านหวานิสัยอ่อนโอน ใช่คนพรรค์นั้นเสียที่ไหน?”หรงจือจือ “ใช่ นางไม่ใช่คนที่จะพูดจาพรรค์นี้ ข้าอาจจะเป็นคนชั่วที่จงใจใส่ร้ายนาง ในเมื่อในใจของซื่อจื่อมีความเห็นที

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 154

    เมื่อได้ยินเขาพล่ามประโยคนี้ เจาซีก็เดือดดาลจนตัวสั่นเทา นางสงสัยไม่ใช่แค่ครั้งเดียวจริง ๆ ว่า จวนซิ่นหยางโหวที่ดูคล้ายกับที่ที่มนุษย์อาศัย อันที่จริงแล้วเป็นรังสุนัข เจ้านายที่เลี้ยงดูมา คนหนึ่งเห่าเก่งกว่าอีกคนดีที่คุณหนูหย่ากับฉีจื่อฟู่แล้ว ไม่เช่นนั้นคุณหนูบ้านนางได้ถูกชาติสุนัขเหล่านี้พาติดร่างแห ซวยไปด้วยกันเป็นแน่หรงจือจือคร้านจะโต้แย้งไปมาอะไรกับฉีจื่อฟู่อีกจึงกล่าวอย่างไม่รีบไม่ช้าว่า “หากซื่อจื่อไม่มีอะไรแล้ว ก็กลับไปเถอะ หากท่านไม่พอใจข้า ขอเพียงท่านพ่อตกลง ซื่อจื่อเขียนหนังสือปลดข้าจากการเป็นภรรยาได้ตลอดเวลา”ฉีจื่อฟู่ “เจ้า...เจ้าคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว ว่าท่านพ่อไม่มีทางยอมให้ข้าเขียนหนังสือปลดเจ้าจากการเป็นภรรยา ถึงได้โอหังเช่นนี้อย่างนั้นหรือ? หรงจือจือ ข้ามองเจ้าผิดไปแล้วจริง ๆ!”หรงจือจือตอบกลับชืด ๆ “อืม เช่นนั้นต่อไปซื่อจื่อก็จับตาดูให้ดี ๆ ล่ะว่า ข้าตัวจริงเป็นเช่นไร”นางสิไม่มีทางสนใจว่าในสายตาของฉีจื่อฟู่ นางเป็นคนดีหรือว่าคนเลวเขาคือคนสำคัญมากอย่างนั้นหรือ?เขาก็แค่รองเท้าซอมซ่อที่ตนเคยสวมแล้วรู้สึกว่ากัดเท้า กระทั่งยังทิ่มแทง ไม่คิดจะเอาแล้วก็แค่นั้น

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 155

    หากไม่ใช่เพราะการโวยวายของฉีจื่อฟู่ในวันนี้ ทำให้หรงจือจือสะอิดสะเอียน นางก็ไม่ได้คิดจะทวงเงินก้อนนี้กลับมาหรอกอวี้หมัวมัว “เจ้าค่ะ!”เจาซีรีบเอ่ย “บ่าวจะไปจัดการเรื่องนี้กับอวี้หมัวมัวด้วยเจ้าค่ะ บ่าวความจำดี จะไม่ทำให้เงินที่ครอบครัวพวกเขาใช้ของคุณหนูตกหล่นแม้แต่สลึงเดียวแน่นอนเจ้าค่ะ”อวี้หมัวมัวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ถือว่าเจ้าฉลาดเฉียบแหลม!”หรงจือจือกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อเจ้าไม่รังเกียจที่จะลำบาก เช่นนั้นก็ไปจัดการกับอวี้หมัวมัวเถอะ จะได้แบ่งอวี้หมัวมัวมารับผิดชอบสองสามส่วนด้วยพอดี”เจาซีตอบตกลงด้วยความปลาบปลื้มจังหวะนี้เจาอู้ก็เข้ามา แล้วกล่าวกับหรงจือจือด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณหนูเจ้าคะ คนของเราติดตามอยู่สองวัน ในที่สุดก็มั่นใจแล้วเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ในหอน้ำชา ในจดหมายที่ผู้ติดตามของท่านสมุหราชเลขาธิการให้คุณหนู ข่าวที่เกี่ยวกับฮูหยินถานมารดาของถานผิงถิงเหล่านั้น เป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ”หรงจือจือไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อยก่อนหน้านี้คิดว่าเฉินเยี่ยนซูเป็นขุนนางในราชสำนักเดียวกับบิดา บางทีการเข้าใกล้ตน เป็นเพราะมีเจตนาร้ายแอบแฝง ทว่านึกย้อนไปคิดดูแล้ว ตนคล้า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 156

    ส่วนทางด้านนั้น ฉีจื่อฟู่กลับมายังห้องของตนทั้งหน้าคล้ำดำหมองอวี้ม่านหวารีบเดินเข้ามา แล้วถามขึ้นว่า “ท่านพี่ฟู่ ท่านกับฮูหยินซื่อจื่อไม่ได้กระทบกระทั่งกันใช่หรือไม่?”ครั้นฉีจื่อฟู่ได้ยินดังนั้น ก็มองนางด้วยอารมณ์สับสน “เจ้าสนใจแค่เราทะเลาะกันหรือไม่ แต่ไม่สนใจว่าข้าระบายความโกรธแทนเจ้าหรือไม่สักนิดเลยหรือ?”อวี้ม่านหวาปาดหยาดน้ำตาพร้อมตอบ “ท่านพี่ฟู่ ขอแค่ท่านสบายใจ ดีกับฮูหยินซื่อจื่อ ข้าต้องน้อยเนื้อต่ำใจนิดหน่อยจะเป็นไรไป”“สองสามวันมานี้ข้าเห็นท่านโมโห ก็เอาแต่นึกเสียใจว่าวันนั้นไม่ควรกลับมา ไม่ควรพูดเรื่องที่ถูกฮูหยินซื่อจื่อทรมานกับท่าน”“เพียงแต่ตอนนั้นในใจข้าน้อยเนื้อต่ำใจเกินไป ในเวลาเพียงชั่วครู่จึงไม่ได้คิดให้เยอะ ๆ เมื่อเห็นท่านพี่ฟู่ ก็คล้ายกับเห็นเสาหลัก ในตอนนี้ถึงได้อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว จะว่าไปแล้ว ตอนนั้นข้าเองก็เลอะเลือน...”ขณะพูด ใบหน้าของนางก็เปี่ยมไปด้วยการตำหนิตนเอง ครั้นฉีจื่อฟู่ได้ยินเช่นนั้น ก็ซาบซึ้งจนโอบนางมาสวมกอดในอ้อมอก พร้อมเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า! ทั้งใจของเจ้ามีแต่ข้า ถูกรังแกจึงบอกข้า นี่มีความผิดอะไรกัน?”“ย

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 157

    “เกรงว่าจะมีเจตนาพูดให้กลัวจริง ๆ! ไม่แน่ว่าฮูหยินซื่อจื่ออาจเป็นคนเรียกให้หมอเทวดามาขู่ท่านให้กลัวก็ได้ พี่หญิงเองก็เช่นกัน ต่อให้มีอะไรไม่พอใจซื่อจื่อ ก็ไม่ควรทำเช่นนี้!”“เฮ้อ ข้าก็ช่างเลอะเลือนเสียจริง เหตุใดจึงเรียกฮูหยินซื่อจื่อว่าพี่หญิงอีกแล้ว เกรงว่านางได้ยินคงจะโกรธอีก...”ฉีจื่อฟู่กล่าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าเรียกนางว่าพี่หญิงเป็นการให้เกียรตินาง! เจ้าวางใจ ต่อไปข้าจะคอยปกป้องเจ้าเอง จะไม่ยอมให้นางรังแกเจ้าอีก!”“นางเองก็เลอะเลือนไปแล้วจริง ๆ ถึงขั้นเรียกหมอเทวดามาทำให้ข้ากลัว เพราะเรื่องหลังบ้านแค่นี้ หากทำข้ากลัวจนไม่กล้าไปที่ว่าการ เตะถ่วงอนาคตของข้า หรือว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับนางอย่างนั้นหรือ?”อวี้ม่านหวา “ซื่อจื่อใจเย็น ๆ ก่อนนะเจ้าคะ คิดว่าพี่หญิงคงโกรธจนขึ้นสมอง ไม่ได้ตั้งใจ...”ฉีจื่อฟู่ถูกนางโน้มน้าวอยู่ครู่หนึ่ง เขาจุมพิตบนหน้าผากของนาง “เจ้าเป็นภรรยาที่ดีของข้าจริง ๆ!”หรงจือจือเทียบไม่ติดเลยชิวยี่ “...”พวกเขาพูดคุยกันถึงแค่ตรงนี้ ชิวยี่เป็นเพียงบ่าวรับใช้ ย่อมไม่กล้าเอ่ยอะไรทั้งสิ้น เขากลัวว่าซื่อจื่อกับอนุอวี้จะสงสัยว่าตนถูกฮูหยินซื่อจื่อซื้อตัวไปจ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 158

    หรงจือจือยังไม่ทันเดินเข้าไปในสวนฉางโซ่ง ก็ได้ยินเสียงร่ำไห้โวยวายของนางหลิวแล้ว และยังมีเสียงร่ำไห้แตกสลายของถานผิงถิงด้วย“น้องถาน ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ต้องหาคำอธิบายมาให้เราแม่ลูก! พี่ชายของเจ้ามีแค่ผิงถิงเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว เจ้าแข็งใจยอมให้ทั้งชีวิตของผิงถิงพังทลายไปทั้งอย่างนี้จริง ๆ ได้หรือ?”“ท่านอาสะใภ้ ข้าเคารพท่าน เกรงใจท่านมาตลอด หลายปีมานี้เทียวมาที่จวนโหวอยู่บ่อย ๆปรนนิบัติท่านแทบจะเต็มที่กว่าปรนนิบัติท่านแม่ข้าเสียอีก ตอนนี้อวี่เยียนทำร้ายข้าถึงเพียงนี้ ท่านจะไม่ช่วยข้าเลยหรือ?”ครั้นหรงจือจือได้ยินคำพูดของถานผิงถิง มุมปากก็กระตุกการเย้ยหยันออกมาอันที่จริงเป็นเนื่องจากคำพูดนี้ของถานผิงถิง เป็นเรื่องจริง คงเป็นเพราะนางอยากเป็นฮูหยินซื่อจื่อแห่งจวนซิ่นหยางโหวเกินไป และอยากเป็นฮูหยินโหวในอนาคตมากเกินไป这几年一直对นางถาน百般讨好,就是她的亲生母亲刘氏,她都是往后放的。หลายปีมานี้เอาอกเอาใจนางถานสารพัดมาตลอด กระทั่งนางหลิวแม่ผู้ให้กำเนิดของนาง นางยังละทิ้งไว้เบื้องหลังวันนี้มาคิด ๆ ดูแล้ว หลังนางหลิวครองตนเป็นม่าย ก็มีเพียงบุตรสาวผู้เดียว ทว่าในใจของบุตรสาวกลับมีแต่ท่านอาสะใภ้ ในสิบวันปรารถนาเป

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 159

    ซึ่งก็คือให้ฉีอวี่เยียนเข้าคุกแล้ว ใบหน้าของบุตรสาวก็ไม่มีวันหาย!นางพลันคว้าแขนของหรงจือจือเอาไว้ “ฮูหยินซื่อจื่อ เจ้าอย่าเพิ่งไป อย่างไรเจ้าก็เป็นคนดูแลหุงหาอาหารในจวน เรื่องนี้เจ้าเองก็ควรหารือร่วมกับเราสิถึงจะถูก!”หลังกล่าวกับหรงจือจือจบนางหลิวก็มองนางถานอย่างไม่สบอารมณ์ “หากไม่ใช่เพราะเจ้าเอาแต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ หาวิธีพูดออกมาไม่ได้ หลานสะใภ้จะมาได้อย่างไร? เจ้าไม่แม้แต่จะฟังด้วยซ้ำ หรือคิดจะให้ผิงถิงของข้ากลืนความเดือดดาลนี้ลงไปโดยไร้สาเหตุเช่นนั้นหรือ?”ครั้นเห็นนางหลิวโวยวายเช่นนี้นางถานเองก็จนใจ ได้แต่มองหรงจือจือแล้วกล่าวว่า “ได้ นางหรง เจ้าว่ามาสิ! หากเจ้าพูดอะไรที่เป็นเหตุเป็นผลออกมาไม่ได้ วันนี้ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!”นางเองก็ปวดหัวแล้วจริง ๆ ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดีในตอนนี้ถานผิงถิงเองก็มองหรงจือจืออย่างระมัดระวังเช่นกัน อันที่จริงนางเองก็ไม่เชื่อว่าหรงจือจือจะมีเจตนาดี และคิดหาวิธีดี ๆ ให้ตนจริง ๆเรื่องอื่นไม่พูดถึง สองสามปีมานี้ตนเคยสะอิดสะเอียนหรงจือจือมาแล้วเท่าไร เคยสร้างปัญหาให้หรงจือจือ ตัวนางย่อมจำได้ขึ้นใจครั้นเห็นสายตาของทุกคนต่างจ้องมองมาที่ต

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 160

    ทว่านางถานเห็นด้วยเสียที่ไหน? แม้ในสายตาของนางถานเงินในคลังจวนโหว ก็เป็นเงินของนางเช่นกัน แต่อย่างไรเงินสินเดิมก็ไม่เหมือนกันเดิมทีเงินสินเดิมทั้งหมดเป็นของตน ขณะนางคิดทุกบัญชี ก็ไม่เคยคิดจะนำออกมาตอนแรกที่จวนตกที่นั่งลำบากที่สุด ตอนร้านรวงไม่มีกำไร นางก็ใช้ให้คนเบื้องล่างไปบอกให้หรงจือจือชักตั๋วเงินจากสินเดิมที่สกุลหรงให้ไปโปะที่ร้าน นางตัดใจแตะต้องสินเดิมของตัวเองไม่ได้ซิ่นหยางโหวไม่จัดการเรื่องในจวน และไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ฉะนั้นอันที่จริงจนถึงตอนนี้สินเดิมของนางยังไม่ได้ถูกแตะเลยแม้แต่อีแปะเดียว เงินที่ใช้ในวันปกติ สินสอดที่เตรียมให้ฉีจื่อฟู่ ล้วนใช้ของจวนโหวทั้งสิ้นตอนนี้ครั้นเอ่ยปากขึ้นมาก็จะให้นางชักออกมากึ่งหนึ่ง ให้ตายนางก็ไม่ยอมอยู่แล้วนางรีบสวนกลับ “ไม่ได้! ไม่ได้เป็นอันขาด!”หรงจือจือมองนางคล้ายกับอยู่เหนือความคาดหมายทีหนึ่ง “ฮะ? แต่ว่าตอนแรกสินเดิมของท่านแม่ ท่านพ่อของน้องผิงก็เป็นคนเตรียมให้ท่านมิใช่หรือ?”“ตอนนี้ท่านลุงไม่อยู่แล้ว ท่านชักออกมาเป็นสินสอดทองหมั้นให้น้องถิงกึ่งหนึ่งก็ไม่เต็มใจหรือ? น้องถิงเข้ามาเป็นอนุชั้นสูงเชียวนะเจ้าคะ อนุชั้นสูงในราชวงศ์เรา

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 338

    เสิ่นเยี่ยนซูดวงตาเย็นยะเยือก และเดินไปตรงหน้าหรงเจียวเจียวเขามองนางด้วยสายตาที่เหนือกว่า พลางถามเสียงเย็นว่า “เจ้าว่าผู้ใดเป็นคนชั้นต่ำ?”เขามักจะมีอำนาจในฐานะผู้เหนือกว่าอยู่เสมอ ทำเอาหรงเจียวเจียวตกใจสีหน้าซีดเผือด อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าและถอยหลังไปหนึ่งก้าว น้ำตาก็คลอเบ้า จนแทบจะไหลลงมาอีกครั้งนางกล่าวด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “ข้า ข้า ข้า...”ดวงตาที่เสิ่นเยี่ยนซูมองนาง มองราวกับเป็นของที่ตายแล้ว “วันนี้ข้าจะให้เกียรติมหาราชครูหรง”“เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่สองชั่วยาม ตบหน้าหนึ่งร้อยที ก็จะสามารถลุกขึ้นได้”“หากครั้งหน้าข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก ลิ้นของเจ้าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป องครักษ์หลงสิงมีวิธีดึงลิ้นออกมามากมาย เข้าใจหรือไม่?”หรงเจียวเจียวตกใจมากจนฉี่จะราดอยู่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่รู้ว่า ชายที่ตนเองชื่นชอบ มีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย จึงกล่าวด้วยตัวสั่นเทิ้มว่า “เข้า เข้าใจเจ้าค่ะ!”เสิ่นเยี่ยนซูหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไปหรงจือจือเห็นเช่นนี้ ยังตกตะลึงอยู่เล็กน้อยแม้ท่านย่าจะเอ็นดูนาง แต่ก็ไม่ค่อยออกไปด้านนอก ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่นางสัม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 337

    สายตาที่ประจบของฮูหยินหลี่ มองไปทางหรงจือจือ “จือจือ ได้ยินว่าเจ้าเป็นสตรีผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาตั้งนาน ไม่สู้เจ้าแต่งกวีเสียหนึ่งบท จะได้เปิดหูเปิดตาให้พวกข้าด้วย!”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้เตรียมตัว ให้คนอื่นแต่งดีกว่าเจ้าค่ะ”สีหน้าของฮูหยินหลี่ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่แล้ว แต่ก็รู้ ว่าก่อนหน้านี้ตนเองประพฤติตัวไม่ดี หรงจือจือจะโกรธก็สมควร ดังนั้นจึงเดินไปตรงหน้าหรงจือจือเมื่อจับมือของนาง ขณะที่ยิ้มก็กล่าว “เจ้ามีความคิดที่ปราดเปรื่อง การแต่งบทกวีจำเป็นต้องเตรียมตัวเสียที่ใด? ตอนนี้สุ่มเขียนมาเสียหนึ่งบท คิดดูแล้วก็ดีมากแล้ว”หรงจือจือดึงมือของตนเองออกมาจากอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พูดขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นป้าสะใภ้บอกว่า วันนี้ข้าไม่ได้รับเชิญไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ท่านเสนาบดี ทุกท่าน ขอให้เพลิดเพลินให้เต็มที่ ข้าขอตัวลาไปก่อนเจ้าค่ะ!”ขณะที่พูด หรงจือจือก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไปฮูหยินหลี่ตื่นตระหนกแล้ว จึงรีบกล่าว “นี่...จือจือ เข้าใจผิด! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ป้าสะใภ้แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะจึงพู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 336

    แม้หรงจือจือเห็นท่าทางของเซิ่งเฟิง ล้วนยังต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดมุมปากไว้เล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนซูไปหาคนที่มีอารมณ์ขันเช่นนี้มาจากที่ใดช่างน่าสนุกยิ่งนัก!เดิมทีหรงเจียวเจียวไม่สบายใจ ยังถูกเซิ่งเฟิงก่อเรื่องเช่นนี้อีก ก็เกิดความคิดอยากตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว “ข้า ข้า...”คิดว่าวันนี้ชื่อเสียงของตนเองคงเสียหายเป็นแน่ นางจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัวไปเลย!ขณะมองหรงจือจืออย่างดุร้ายก็กล่าวว่า “หรงจือจือ เจ้าตั้งใจขโมยงานแต่งของข้าใช่หรือไม่? เจ้าก็แค่ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี เจ้า...”หรงจือจือยังไม่ทันได้เอ่ยปากเสิ่นเยี่ยนซูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไร้สาระ! เดิมทีก็เป็นของของนาง เหตุใดต้องพูดถึงการขโมยด้วย? เจ้าไม่ลองดูใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเจ้า และคิดดูอีกทีว่าควรจะพูดจาไร้สาระต่อไปหรือไม่”เพียงคำพูดเดียว ก็ทำให้หรงเจียวเจียวสั่นสะเทือนแล้วจากสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนซู นางมองออก ว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่นกับนาง หากตนเองโวยวายต่อไป มีหวังโดนตบหน้าจริง ๆ แน่เห็นนางสงบลงได้เสียทีฮูหยินหนิงกั๋วกงก็ยิ้มพลางกล่าว “ครั้งก่อนข้าไปงานเลี้ยงของสกุลฉี เห็นสกุลฉีวุ่นวายไปหมด แม่นา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 335

    เขาเอ่ยเน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจน “คุณหนูสามหรง เจ้าฟังให้ดี ก่อนหน้าวันนี้ แม้แต่หน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไรข้าก็ยังไม่รู้ชัด ไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งเจ้าเป็นชายาเลยแม้แต่น้อย”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่ข้าต้องการสู่ขอ ก็คือพี่สาวของเจ้ามาโดยตลอด หากเจ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปสอบถามบิดาของเจ้าดูเถิด”หรงเจียวเจียวส่ายศีรษะไปมา ไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้นางยังคงคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าหาใช่ความจริงไม่ แต่เป็นเพียงฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น นางยิ่งร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม “ไม่จริง เป็นไปได้อย่างไร... เป็นไปไม่ได้...”ในชั่วขณะนั้นเอง บ่าวรับใช้ของจวนตระกูลหลี่ ก็ได้พาเหวินหมัวมัวเข้ามาด้านในพอเหวินหมัวมัวเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็รู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแล้วเป็นแน่เฉินเยี่ยนซูเหลือบมองเหวินหมัวมัวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูท่าแล้ว เจ้าคงมาเพื่อจะบอกคุณหนูสามของเจ้ากระมัง ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่ข้าต้องการหมั้นหมายด้วยคือผู้ใดกันแน่?”เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีเอ่ยถาม มีหรือที่เหวินหมัวมัวจะกล้าไม่ตอบ? นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าซีดขา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 334

    ครานี้ ทุกผู้คนต่างตกตะลึงงัน สายตาตำหนิหลายคู่พลันจับจ้องไปยังฮูหยินหลี่อะไรกัน! ในเมื่อไม่ได้หมั้นหมาย แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาหลอกลวงพวกเรา? เช่นนั้นเมื่อครู่พวกเราก็ประจบเอาใจนางเสียเปล่าไปตั้งนานนะสิ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่พวกเราต้องสรรหาคำเยินยอหรงเจียวเจียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเมื่อครู่นั้น มันต้องสิ้นเปลืองความคิดอ่านไปมากเพียงใด? สมองแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!ฮูหยินหลี่เองก็ตกตะลึงงันไปเช่นกัน ตามเหตุผลแล้ว นาวหวังไม่น่าจะวิปลาสถึงขั้นกุเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้! เมื่อเห็นสายตาตำหนิของผู้คนจับจ้องมา นางจึงพยายามอธิบายอย่างตะกุกตะกัก “ไม่... ไม่ใช่! ข้า... เจียวเจียว นี่มันเรื่องอันใดกันแน่!”หรงเจียวเจียวมองไปยังเฉินเยี่ยนซู ด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอัครมหาเสนาบดี! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้! ท่านเห็นข้าโกรธจนเอ่ยปากขอถอนหมั้น ท่านไม่คิดจะง้อก็แล้วไปเถิด แต่ยังจะกล่าวปดว่าไม่เคยมาสู่ขอข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ประกอบกับเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของหรงเจียวเจียว ผู้คนก็เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความกังขาจับจ้องสลับไปมาระหว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 333

    หรงเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง “อ๊ะ?”จ้าวหมัวมัวกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดีคงต้องการจะแสดงอำนาจความเป็นสามี ทั้งยังต้องการจะดูท่าทีคุณหนูด้วยว่าจะยอมอ่อนข้อให้เขาหรือไม่ อย่างไรเสีย ฐานะฮูหยินของราชเลขาธิการผู้ทรงเกียรติ จะเป็นเพียงสตรีที่เอาแต่ใจตน พอเขาขุ่นเคืองก็เอาแต่ร้องขออภัยไปเสียทุกเรื่องไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”หรงเจียวเจียวมีสีหน้าลังเล “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”จ้าวหมัวมัวกล่าว “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ต้องเป็นเช่นนี้เป็นแน่! คุณหนู ท่านต้องรู้จักแสดงความอ่อนแอบ้าง คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งและทรงอำนาจเช่นท่านอัครมหาเสนาบดี หรือจะยอมลดตัวลงมาง้อคุณหนูได้เล่าเจ้าคะ?”หากไม่เช่นนั้นแล้ว จะอธิบายได้อย่างไรว่าเหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจึงจงใจสร้างความลำบากให้คู่หมั้นของตนต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้เล่า?เมื่อสองนายบ่าวปรึกษาหารือกันเสร็จสิ้นในที่สุดหรงเจียวเจียวก็รวบรวมความกล้าได้ นางรอจนกระทั่งบัณฑิตผู้หนึ่งแต่งบทกวีเสร็จสิ้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี... ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ท่านจะโปรดให้ข้าลุกขึ้นได้หรือไม่เจ้าคะ เจียวเจียวปวดเข่าเหลือเกิน พื้นก็ทั้งเย็นทั้งแข็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 332

    ทุกคนย่อมเห็นแผ่นหลังของหรงเจียวเจียวที่กำลังหันหลังจากไป และพอจะเดาได้ว่านางกำลังแสดงความเอาแต่ใจออกมาบรรดาสตรีที่สนิทสนมกับหรงเจียวเจียวต่างแอบตำหนิอัครมหาอัครมหาเสนาบดีเฉินอยู่ในใจ ว่าช่างไม่รู้จักถนอมบุปผาเทิดทูนหยกล้ำค่าเอาเสียเลย เหตุใดจึงไม่รู้จักไว้หน้าคู่หมั้นของตนเองเช่นนี้?เฉินเยี่ยนซูสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของหรงเจียวเจียวอยู่แล้ว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หยุดอยู่ตรงนั้น!”ฝีเท้าของหรงเจียวเจียวพลันชะงัก นางคิดในใจ ในที่สุดเขาก็เรียกข้าแล้ว หรือว่าในใจเขายังคงเป็นห่วงข้าอยู่?นางแค่นเสียงหึเบาๆ แล้วหันไปมองเฉินเยี่ยนซู “ในใจของท่าน ไม่ใช่มีเพียงแต่พี่สาวของข้าหรอกหรือ? แล้วจะมารั้งข้าไว้อีกด้วยเหตุใด?”กล่าวจบ นางก็เช็ดน้ำตาพลางหันเสี้ยวหน้าอย่างดื้อรั้นให้เฉินเยี่ยนซูมองนางเชื่อว่าเมื่อเขาเห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จะต้องสำนึกได้แน่ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว นางเคยส่องกระจกพิจารณาดูตนเองยามร้องไห้อย่างละเอียดแล้ว รู้อยู่แก่ใจว่าท่าทางเช่นนี้จะยิ่งขับเน้นความงดงามแววตาของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “ในใจของข้ามีผู้ใดอยู่ ถึงตาเจ้ามาสอดปากวิจารณ์ด้วยหรือ?”หรงเจียวเจียวฟั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 331

    ถึงจะอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ แต่เมื่อนางทำผิด หากเฉินเยี่ยนซูไม่เอ่ยอนุญาต นางก็ไม่อาจนั่งได้เมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งจากเฉินเยี่ยนซู หลี่เซียงเหยากลับยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ นางรู้สึกราวกับว่าพี่เขยสาม ผู้นี้กำลังตบหน้านางอย่างแรง แล้วค่อยยื่นขนมหวานปลอบใจ ทว่าการตบหน้านี้ช่างหนักหน่วงเหลือเกินนางร่ำไห้ออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อระคนน้อยใจ “ขอบคุณท่านอัครมหาเสนาบดีเจ้าค่ะ!”เมื่อครู่หรงเจียวเจียว ไม่ได้ออกหน้าช่วยนาง ตอนนี้จึงรีบเข้ามากล่าวกลบเกลื่อน “เหยาเหยา เห็นหรือไม่ ท่านอัครมหาเสนาบดียังคงให้ความสำคัญกับเจ้านะ ถึงได้อนุญาตให้เจ้าอยู่ในงานเลี้ยงแต่งบทกวีต่อ!”เฉินเยี่ยนซูเอ่ย “ย่อมต้องให้ความสำคัญ”หรงเจียวเจียวพลันยิ้มออก นางคิดว่าอย่างไรเสียท่านอัครมหาเสนาบดีก็ต้องไว้หน้านางบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนซู จะเอ่ยประโยคถัดมาว่า “หากนางจากไปแล้ว ไม่มีนางอยู่ที่นี่เป็นข้อเปรียบเทียบ ผู้ใดจะรู้เล่าว่าจุดจบของการลบหลู่ท่านหญิงเป็นเช่นไร?”ทุกคน “…”เหล่าสตรีที่เมื่อครู่ร่วมวงนินทาหรงจือจือ ตอนนี้ต่างรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ!ส่วนหรงเจียวเจียวยิ่งหน้าเขียวคล้ำ นางเข้าใจในท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 330

    วันนี้หรงจือจือถึงได้รู้ว่า อันที่จริงเฉินเยี่ยนซูคนผู้นี้ใจดำอำมหิตเป็นอย่างมาก บางทีก่อนหน้านี้ที่เขาไม่รู้จักเจียวเจียวอาจเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ที่บิดเบือนความหมายของหรงเจียวเจียว เขาต้องจงใจเป็นแน่สายตาของทุกคนเองก็ตกไปที่ตัวหรงจือจือที่พวกเขากระแหนะกระแหนอยู่นานสองนานนี่...เหตุใดท่านเสนาบดีจัดการเรื่อง ไม่ให้หน้าหรงเจียวเจียวแม้แต่น้อยก็ช่างมันเถอะ ยังจะถามความเห็นของหรงจือจืออีก? นี่หากไม่รู้ ยังคิดว่าคู่ที่ดูตัวหมั้นหมายกัน เป็นหรงจือจือจริง ๆ เสียอีก!หรงจือจือทำทีท่าไม่เกี่ยวกับตน ตอบกลับชืด ๆ ว่า “เรื่องนี้ท่านเสนาบดีตัดสินใจก็พอเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซูพยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่หรงเจียวเจียว “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะถูกตบปากไปด้วย?”จากสายตาของเขา หรงเจียวเจียวมองออกว่า เขาพูดจริง และไม่ได้ล้อเล่นกับตน สีหน้าของนางก็ยิ่งซีดเผือดเข้าไปอีกนางรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ข้า...ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ!”หลี่เซียงเหยามองพี่หญิงสามของตนอย่างยากจะเชื่อทีหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะตนช่วยนางพูด ก็คงไม่ตกมาอยู่ในขั้นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากแยแสตนเฉินเยี่ยนซูกวาดสา

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status