แชร์

บทที่ 302

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
เป็นดังคาด เมื่อนางเซี่ยได้ฟัง แววตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “เรื่องนี้ข้าจะพิจารณาให้ถี่ถ้วน ขอบคุณเจ้ามากที่ใส่ใจ”

กล่าวจบ นางก็ตบมือหรงจือจือเบาๆ “ตระกูลเดิมของข้ายังมีหลานชายอีกหลายคน ที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่ละคนก็เป็นจวี่เหริน ทั้งยังไม่มีนิสัยเสียอะไร หากเจ้าถูกใจใคร ก็บอกข้าได้เลย ข้าจะเป็นแม่สื่อให้เจ้าเอง!”

ในสายตาของนางเซี่ย หรงจือจือไม่คู่ควรกับบุตรชายคนโตของนาง แต่ตระกูลเซี่ยมีทายาทมากมาย จะจับคู่ให้สักคนก็ไม่เป็นไร

หากบุตรชายคนเล็กของนางได้แต่งงานกับจงเจิ้งอวี๋ หรงจือจือก็ถือว่าทำคุณงามความดีให้นางอย่างใหญ่หลวง อีกทั้งวันนี้หรงจือจือก็แสดงออกได้ดีมาก นางก็เป็นคนที่มีน้ำใจตอบแทนผู้อื่นเช่นกัน

หรงจือจือยิ้ม “พระชายาซื่อจื่อเกรงใจเกินไปแล้ว”

นางเซี่ย “ข้าพูดจริงนะ! เจ้าลองคิดดูให้ดี”

นางเซี่ยก็มีเจตนาส่วนตัวเช่นกัน หากหรงจือจือแต่งงานออกเรือนไปเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เลือกจีอู๋เหิง บางทีบุตรชายของนางอาจจะไม่คิดถึงนางอีก

หรงจือจือ “ข้าจะจดจำไว้ ขอบคุณพระชายาซื่อจื่อ ข้าขอตัวกลับก่อน”

ฟังดูน่าขันยิ่งนัก แม้แต่นางเซี่ยที่ดูถูกนางเช่นนี้ มองว่านางไม่คู่ควรกั
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 303

    หยางหมัวมัวมองสีหน้าของนายหญิงของตน ก็เข้าใจทุกอย่างในทันทีในใจนางถอนหายใจ นางรู้ว่าวันนี้ต้องมาถึงในที่สุดนางเซี่ยก็กัดฟัน นางเชื่อว่าบุตรชายของนางจะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ ตราบใดที่ผ่านพ้นไปได้ ก็ถือว่าผ่านพ้นเคราะห์กรรมรักนี้ไปได้แม้นางจะเสียใจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองทำผิด!ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น......เมื่อหรงจือจือเพิ่งกลับมาถึงหน้าประตูจวนหรง นางก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น “จือจือ”นางขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ หันไปมองกลับกลายเป็นฉีจื่อฟู่เขากลับมาด้วยความมุ่งมั่น แม้จะลุกจากเตียงไม่ได้ ก็ยังนั่งรถเข็นมาถึงหน้าประตูจวนตระกูลหรงฉีจื่อฟู่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าว “จือจือ ข้าขอคุยกับเจ้าตามลำพังได้หรือไม่”หรงจือจือรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น นางกำลังจะเบนสายตาหนีฉีจื่อฟู่ก็กล่าว “เป็นเรื่องของม่านหวา! ข้าอยากจะคุยกับเจ้าเรื่องของม่านหวา”หรงจือจือลังเลไปชั่วขณะ คิดในใจ หรือว่าฉีจื่อฟู่จะรู้เรื่องราวเบื้องลึกอะไรบางอย่าง นางจึงกล่าวเสียงเรียบ “คุยกันตามลำพังไม่จำเป็นหรอก ท่านมีอะไรก็พูดตรงนี้เถอะ”ฉีจื่อฟู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 304

    “ตอนนี้ข้าไม่ใช่สะใภ้ตระกูลฉี ไม่มีอำนาจจัดการเด็กในท้องของอวี้ม่านหวา หากข้าทำจริง ย่อมต้องถูกลงโทษ”ฉีจื่อฟู่รีบกล่าวว่า “ข้าก็กลัวเจ้าจะถูกลงโทษ อยากจะช่วยเจ้า ถึงได้มานี่! ถ้าไม่ไหวจริงๆ เจ้าก็บอกว่า ข้าเป็นคนสั่งให้เจ้าไปทำแท้ง นั่นลูกของข้า ข้ามีสิทธิ์ที่จะไม่เอา อย่างนี้เจ้าก็จะพ้นผิดไปได้!”หรงจือจือหมดแรงจะต่อว่าเขาจริงๆ “ต่อไปนี้ท่านอย่าคิดจะช่วยข้าเลย การที่ท่านไม่ปรากฏตัวต่อหน้าข้า ก็คือการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับข้าแล้ว”“จำไว้ ข้าหรงจือจือไม่คิดจะลดตัวไปจัดการกับเด็กที่ยังไม่เกิด ท่านเอาแต่พูดว่ารักข้า แต่ท่านไม่เคยเข้าใจข้าอย่างแท้จริงเลย”เมื่อกล่าวจบแล้ว นางไม่มองฉีจื่อฟู่อีกแม้แต่แวบเดียว ก้าวเร็วๆ เข้าจวนตระกูลหรงไปฉีจื่อฟู่ “จือจือ…”แต่ก็ไม่ได้รับแม้แต่การเหลียวหลังกลับมามอง ประตูใหญ่ของจวนตระกูลหรงปิดลงต่อหน้าเขาชิวยี่กระซิบเสียงเบาอย่างกระอักกระอ่วน “คุณชาย บ่าวก็บอกแล้วว่า ท่านควรจะถามก่อนว่าใช่ท่านหญิงทำหรือไม่…”นี่พอมาถึงก็ตัดสินว่าท่านหญิงผิดเลย ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ท่านหญิงโกรธแล้วฉีจื่อฟู่ขมวดคิ้วกล่าว “มีอะไรต้องถามอีก? เรื่องนี้มันไม่ชั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 305

    เมื่อหรงจือจือเพิ่งกลับถึงเรือนของตน นางหวังก็ปรี่เข้ามาราวกับคนเสียสติ เงื้อฝ่ามือหมายจะทำร้าย ทว่านางกำนัลเฉินคว้าข้อมือนางไว้ได้ทัน ยังบิดมันอย่างแรงในที่สุดนางหวังก็กรีดร้องออกมา “อ๊าก...”นางกำนัลเฉินก้าวถอยหลังด้วยสีหน้าเฉยเมย “ฮูหยิน บ่าวเคยเรียนท่านแล้วว่าบ่าวพอมีวิชาป้องกันตัวอยู่บ้าง หากใครบังอาจไม่เคารพท่านหญิง บ่าวจะไม่ไว้หน้าเป็นอันขาด” สีหน้าของนางหวังบิดเบี้ยว นางกุมแขนที่เจ็บปวดแทบขาดใจ มองหน้านางกำนัลเฉิน “เจ้ากล้าทำร้ายข้าจริงๆ หรือ?”นางนึกว่าอีกฝ่ายคงแค่มาทำทีขู่ให้กลัว แต่บัดนี้นางเพิ่งรู้ว่าตนเองคิดผิดมหันต์ กระดูกข้อมือแทบจะแหลกละเอียด!นางกำนัลเฉินเตือนว่า “ท่านหญิงเจ้าคะ บ่าวเป็นทูตของฮ่องเต้!”นางหวังตวัดสายตาอย่างดุดัน “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าลูกสาวข้าเจียวเจียว กำลังจะแต่งงานกับท่านเสนาบดี หากเจ้ากล้าหือกับข้า เจ้าจะไม่มีวันได้ตายดี!”นางกำนัลเฉินกล่าวด้วยท่าทีสงบนิ่งไม่สะทกสะท้าน “เช่นนั้นบ่าวก็ขอให้ฮูหยินทำให้บ่าวตายสมใจปรารถนาเถิดเจ้าค่ะ”นางหวัง “เจ้า...”นางเบนสายตาจากนางกำนัลเฉินอย่างเคียดแค้น พยายามสงบสติอารมณ์ นางกำนัลเฉินเป็นแม่นมของฮ่องเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 306

    นางก็ไม่ได้พูดแข็งกร้าวเกินไป เพียงแค่กล่าวว่า “ลูกจะเชื่อฟังท่านพ่อ และพิจารณาให้ดีเจ้าค่ะ”สีหน้าของมหาราชครูหรงอ่อนลงเล็กน้อย พลางพยักหน้าเบา ๆ และกล่าว “ไปเถอะ! ท่านแม่ของเจ้าเลอะเลือนไปบ้าง แต่นางถึงอย่างไรก็ให้กำเนิดเจ้า เจ้าอย่าได้โต้เถียงกับนางเลย!”คำพูดนี้ของเขา ไม่ได้เกินความคาดหมายของหรงจือจือเลยแม้แต่น้อยท่านพ่อเป็นคนให้ความสำคัญกับความกตัญญูมากที่สุด เพราะเหตุนี้ จนถึงตอนนี้นางยังไม่เคยบอกท่านพ่อเลยว่า ความสัมพันธ์ของตนเองกับนางหวังถึงจุดทะเลาะกันจนขาดสะบั้นไปนานแล้วหากพูดเช่นนี้แล้ว นางหวังจะโดนดุ ส่วนตนเองไม่แน่ว่าจะต้องโดนตีหรงจือจือ “ลูกขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”มหาราชครูหรงพยักหน้าเล็กน้อย หลังนางจากไป เขาก็ถอนหายใจยาว ๆ ทีหนึ่ง หากบุตรสาวสามารถแต่งงานกับลู่อวี๋ซินอย่างเชื่อฟัง และใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดีได้ ตนเองก็ถือว่ามีคำอธิบายต่อท่านแม่แล้ว……เมื่อออกมาจากห้องหนังสือ และกลับเรือนของตนเอง หรงจือจือก็พบกับหรงซื่อเจ๋อนางไม่มองเขา และยิ่งไม่มีความคิดจะทักทายท่าทางเช่นนี้ ทำให้หรงซื่อเจ๋ออึดอัดใจ “หรงจือจือ เจ้าไม่เห็นข้าหรือ?”หรงจือจือทำเป็นไม่ได้ยินหรงซื

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 307

    เซิ่งเฟิง “...”เจ้ารู้จักหาเหตุผลในตัวเองนี่นะครานี้เสิ่นเยี่ยนซูนิ่งเงียบลง ก็กล่าวเพียงว่า “ลำบากเจ้าแล้ว ข้ายังมีน้ำหมึกที่ประเมินราคาไม่ได้อยู่ ประเดี๋ยวจะส่งคนเอาไปให้เจ้าทีหลังแล้วกัน”เซินเฮ่อยืดอกและเชิดคางขึ้น พลางยิ้มออกมาด้วยฟันขาวใหญ่อีกครั้ง “ขอบคุณท่านเสนาบดีมากขอรับ!”แถมยังมองเซิ่งเฟิงอย่างยั่วยุอีกครั้งหนึ่งเซิ่งเฟิง “?”บางครั้งยังรู้สึกว่าเซินเฮ่อป่วยหรือไม่ แม้ทุกคนจะแข่งขันกันทั้งแบบเปิดเผยหรือซ่อนเร้นเพื่อชิงตำแหน่งคนสำคัญอันดับหนึ่งของท่านเสนาบดี แต่คนผู้นี้กลับมักจะทำตัวราวกับหญิงสาวในเรือนหลังที่แย่งชิงความโปรดปรานอยู่เสมอช่างทำให้รู้สึกหนาวสะท้านใจจริง ๆเมื่อเห็นเสิ่นเยี่ยนซูยังคงดูกลยุทธ์พวกนั้นอยู่ เซิ่งเฟิงก็ประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านเสนาบดี สิ่งนี้ยังมีอะไรน่าดูอีกหรือขอรับ?”เสิ่นเยี่ยนซูกล่าวด้วยเสียงเรียบว่า “ดูเสียหน่อย วันหลังจะได้รู้ว่าควรจะคุยกับนางอย่างไร”หลายครั้งที่พบนาง ก็มักจะหาบทสนทนาไม่เจอมาโดยตลอดหรือจะบอกว่าเพราะกังวลว่าหัวข้อของเขา นางจะไม่สนใจ จึงมักจะนิ่งเงียบจนเกินไปอยู่เสมอแต่กลยุทธ์สามร้อยข้อที่เซินเฮ่อให้มา แม้จะวนเว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 308

    ในฐานะที่เขาเป็นลูกศิษย์ของท่านเสนาบดี เขาจะต้องรู้ให้ได้ และเขาไม่เชื่อว่าลู่อวี๋ซินจะกล้าไม่พูด!แม้เช่นนี้จะเป็นการเปิดเผยความจริงเรื่องที่ตนเองแอบฟังคนอื่นคุยกัน แต่เพื่อความสุขของท่านเสนาบดี เขาไม่สนใจเรื่องนี้มากนักแต่ทว่านั่งรถม้าออกไปได้ไม่นาน บ่าวรับใช้ก็บอกว่า เห็นรถม้าของจวนสกุลลู่แล้วเซินเฮ่อคิดสักพัก ก็ให้คนตามไปกลับพบว่าอีกฝ่ายไปหอคณิกาขณะที่กำลังวางแผนว่าจะคุยเรื่องนี้กันวันหลัง สุดท้ายกลับเห็นเกี้ยวของเซียวจวิ้นอ๋องก็จอดอยู่ที่ปากประตู และลู่อวี๋ซินยังก้าวไปคารวะอยู่ด้านหน้าเซียวจวิ้นอ๋องอย่างนอบน้อมเซินเฮ่อรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ธรรมดา จึงแอบตามเข้าไปแล้วแม่เล้าเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มพลางกล่าว “คุณชายท่านนี้ ไม่ทราบว่าท่านชอบแม่นางแบบใดหรือ ข้าน้อยจะจัดเตรียมให้ท่านเองเจ้าค่ะ...”เซินเฮ่อกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าอยากรู้ว่าสองคนนั่นมาคุยอะไรกัน”รอยยิ้มที่อยู่ใบบนหน้าของแม่เล้าแข็งค้าง “คุณชายพูดล้อเล่นแล้ว พวกแขกคนอื่น ๆ คุยอะไรกัน ท่านจะรู้ได้อย่างไร ให้ข้าน้อยจัดคนมาให้ท่านเสียสองสามคนไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ...”เซินเฮ่อยื่นเงินให้นางหนึ่งใบ “นี่คือเงินห้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 309

    เสิ่นเยี่ยนซูชะงักไปเล็กน้อยเซิ่งเฟิงก็รีบกล่าว “จะเป็นไปได้อย่างไร? เจ้าคงไม่ได้เห็นว่ากลยุทธ์ของเจ้าไร้ประโยชน์ จึงจงใจมาขู่ท่านเสนาบดีหรอกกระมัง?”เซินเฮ่อตัวชาไปหมดแล้ว จึงรีบกล่าว “เรื่องใหญ่เช่นนี้ ข้ายังจะล้อเล่นได้อีกหรือ?”จากนั้น เขาก็เล่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลู่อวี๋ซินทั้งหมดให้ฟังหลังพูดจบ เซินเฮ่อถ็ถาม “ท่านเสนาบดี ตอนที่ท่านขอแต่งงานกับมหาราชครูหรง ได้พูดชัดเจนหรือไม่ว่าเป็นบุตรสาวคนใดขอรับ?”คำถามนี้กลับถามไปยังเสิ่นเยี่ยนซูแล้วเขากล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่น่าจะเป็นหรงจือจือ”เซิ่งเฟิงก็กล่าวต่อทันทีว่า “คนปกติก็คงคิดว่าเป็นคุณหนูใหญ่สกุลหรงกระมัง ตอนนั้นมหาราชครูหรงได้ถามก่อนแล้วว่า ท่านเสนาบดีมองเรื่องที่คนนอกพูดไม่ดีเกี่ยวกับคุณหนูใหญ่หรงว่าอย่างไร”“ท่านเสนาบดีพูดไปว่าข่าวลือย่อมหยุดลงที่ผู้มีปัญญา จากนั้นเขาก็คุยเรื่องแต่งงานแล้ว”“หรือว่าประโยคหน้าถามถึงบุตรสาวคนโต และประโยคหลังกลับพูดถึงบุตรสาวคนเล็กงั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นจริง มหาราชครูหรงบ้าไปแล้วหรือไร?”คนคนนี้พูดคุย แบบนั้นก็กระโดดข้ามไปมาเกินไปแล้ว!คนปกติที่ใดจะพูดคุยอย่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 310

    สวีเจ๋อไม่โง่ถึงขนาดตั้งใจจะไปต่อต้านอาจารย์ของตนเองหรอก ก็แค่ไม่พอใจเสิ่นเยี่ยนซูเท่านั้นเขาสั่งการอย่างใจเย็น “ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือน คำสั่งแต่งตั้งและโยกย้ายขุนนางออกจากตำแหน่งในปีหน้าก็จะส่งออกมา ลู่อวี๋ซินมีความประพฤติที่ไม่ดี แจ้งเสนาธิการฝั่งซ้ายของกรมขุนนาง ปลดเขาออกจากตำแหน่ง โดยไม่ต้องอธิบายรายละเอียดของเหตุผล”เซินเฮ่อ “ขอรับ”ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนและราชเลขาธิการ การแต่งตั้งหรือโยกย้ายอาลักษณ์ในกรมโยธาธิการคนเดียว ท่านเสนาบดีไม่จำเป็นต้องให้เหตุผล......เช้าวันรุ่งขึ้นพ่อบ้านหวงก็ส่งบัตรเยี่ยมไปที่จวนมหาราชครู เพื่อแสดงเจตนาว่าเสิ่นเยี่ยนซูต้องการจะเข้าไปเยี่ยมเยียนพ่อบ้านหวง “ท่านเสนาบดี รอจวนมหาราชครูตอบกลับมาแล้ว บ่าวจะไปรายงานท่านขอรับ”เสิ่นเยี่ยนซูหยักหน้า “อืม”หลังจากขานรับ เขาก็นั่งอยู่บนรถม้า ไปยังพระราชวังเพื่อเข้าเฝ้าในท้องพระโรงหลายวันมานี้รักษาบาดแผล การเข้าเฝ้าเช้าควรได้รับยกเว้นไปหลายวัน เพียงแต่เขาไม่มีเวลาว่างมากนัก เพราะเรื่องที่ฝ่าบาททรงลังเล ล้วนส่งมาให้เขาตัดสินใจทั้งหมดภาระราชการไม่มีละเลย แต่บาดแผลบนร่างกายกลับหายช้าลงเสียเล็กน้อย

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 338

    เสิ่นเยี่ยนซูดวงตาเย็นยะเยือก และเดินไปตรงหน้าหรงเจียวเจียวเขามองนางด้วยสายตาที่เหนือกว่า พลางถามเสียงเย็นว่า “เจ้าว่าผู้ใดเป็นคนชั้นต่ำ?”เขามักจะมีอำนาจในฐานะผู้เหนือกว่าอยู่เสมอ ทำเอาหรงเจียวเจียวตกใจสีหน้าซีดเผือด อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าและถอยหลังไปหนึ่งก้าว น้ำตาก็คลอเบ้า จนแทบจะไหลลงมาอีกครั้งนางกล่าวด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “ข้า ข้า ข้า...”ดวงตาที่เสิ่นเยี่ยนซูมองนาง มองราวกับเป็นของที่ตายแล้ว “วันนี้ข้าจะให้เกียรติมหาราชครูหรง”“เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่สองชั่วยาม ตบหน้าหนึ่งร้อยที ก็จะสามารถลุกขึ้นได้”“หากครั้งหน้าข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก ลิ้นของเจ้าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป องครักษ์หลงสิงมีวิธีดึงลิ้นออกมามากมาย เข้าใจหรือไม่?”หรงเจียวเจียวตกใจมากจนฉี่จะราดอยู่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่รู้ว่า ชายที่ตนเองชื่นชอบ มีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย จึงกล่าวด้วยตัวสั่นเทิ้มว่า “เข้า เข้าใจเจ้าค่ะ!”เสิ่นเยี่ยนซูหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไปหรงจือจือเห็นเช่นนี้ ยังตกตะลึงอยู่เล็กน้อยแม้ท่านย่าจะเอ็นดูนาง แต่ก็ไม่ค่อยออกไปด้านนอก ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่นางสัม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 337

    สายตาที่ประจบของฮูหยินหลี่ มองไปทางหรงจือจือ “จือจือ ได้ยินว่าเจ้าเป็นสตรีผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาตั้งนาน ไม่สู้เจ้าแต่งกวีเสียหนึ่งบท จะได้เปิดหูเปิดตาให้พวกข้าด้วย!”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้เตรียมตัว ให้คนอื่นแต่งดีกว่าเจ้าค่ะ”สีหน้าของฮูหยินหลี่ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่แล้ว แต่ก็รู้ ว่าก่อนหน้านี้ตนเองประพฤติตัวไม่ดี หรงจือจือจะโกรธก็สมควร ดังนั้นจึงเดินไปตรงหน้าหรงจือจือเมื่อจับมือของนาง ขณะที่ยิ้มก็กล่าว “เจ้ามีความคิดที่ปราดเปรื่อง การแต่งบทกวีจำเป็นต้องเตรียมตัวเสียที่ใด? ตอนนี้สุ่มเขียนมาเสียหนึ่งบท คิดดูแล้วก็ดีมากแล้ว”หรงจือจือดึงมือของตนเองออกมาจากอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พูดขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นป้าสะใภ้บอกว่า วันนี้ข้าไม่ได้รับเชิญไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ท่านเสนาบดี ทุกท่าน ขอให้เพลิดเพลินให้เต็มที่ ข้าขอตัวลาไปก่อนเจ้าค่ะ!”ขณะที่พูด หรงจือจือก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไปฮูหยินหลี่ตื่นตระหนกแล้ว จึงรีบกล่าว “นี่...จือจือ เข้าใจผิด! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ป้าสะใภ้แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะจึงพู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 336

    แม้หรงจือจือเห็นท่าทางของเซิ่งเฟิง ล้วนยังต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดมุมปากไว้เล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนซูไปหาคนที่มีอารมณ์ขันเช่นนี้มาจากที่ใดช่างน่าสนุกยิ่งนัก!เดิมทีหรงเจียวเจียวไม่สบายใจ ยังถูกเซิ่งเฟิงก่อเรื่องเช่นนี้อีก ก็เกิดความคิดอยากตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว “ข้า ข้า...”คิดว่าวันนี้ชื่อเสียงของตนเองคงเสียหายเป็นแน่ นางจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัวไปเลย!ขณะมองหรงจือจืออย่างดุร้ายก็กล่าวว่า “หรงจือจือ เจ้าตั้งใจขโมยงานแต่งของข้าใช่หรือไม่? เจ้าก็แค่ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี เจ้า...”หรงจือจือยังไม่ทันได้เอ่ยปากเสิ่นเยี่ยนซูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไร้สาระ! เดิมทีก็เป็นของของนาง เหตุใดต้องพูดถึงการขโมยด้วย? เจ้าไม่ลองดูใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเจ้า และคิดดูอีกทีว่าควรจะพูดจาไร้สาระต่อไปหรือไม่”เพียงคำพูดเดียว ก็ทำให้หรงเจียวเจียวสั่นสะเทือนแล้วจากสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนซู นางมองออก ว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่นกับนาง หากตนเองโวยวายต่อไป มีหวังโดนตบหน้าจริง ๆ แน่เห็นนางสงบลงได้เสียทีฮูหยินหนิงกั๋วกงก็ยิ้มพลางกล่าว “ครั้งก่อนข้าไปงานเลี้ยงของสกุลฉี เห็นสกุลฉีวุ่นวายไปหมด แม่นา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 335

    เขาเอ่ยเน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจน “คุณหนูสามหรง เจ้าฟังให้ดี ก่อนหน้าวันนี้ แม้แต่หน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไรข้าก็ยังไม่รู้ชัด ไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งเจ้าเป็นชายาเลยแม้แต่น้อย”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่ข้าต้องการสู่ขอ ก็คือพี่สาวของเจ้ามาโดยตลอด หากเจ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปสอบถามบิดาของเจ้าดูเถิด”หรงเจียวเจียวส่ายศีรษะไปมา ไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้นางยังคงคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าหาใช่ความจริงไม่ แต่เป็นเพียงฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น นางยิ่งร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม “ไม่จริง เป็นไปได้อย่างไร... เป็นไปไม่ได้...”ในชั่วขณะนั้นเอง บ่าวรับใช้ของจวนตระกูลหลี่ ก็ได้พาเหวินหมัวมัวเข้ามาด้านในพอเหวินหมัวมัวเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็รู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแล้วเป็นแน่เฉินเยี่ยนซูเหลือบมองเหวินหมัวมัวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูท่าแล้ว เจ้าคงมาเพื่อจะบอกคุณหนูสามของเจ้ากระมัง ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่ข้าต้องการหมั้นหมายด้วยคือผู้ใดกันแน่?”เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีเอ่ยถาม มีหรือที่เหวินหมัวมัวจะกล้าไม่ตอบ? นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าซีดขา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 334

    ครานี้ ทุกผู้คนต่างตกตะลึงงัน สายตาตำหนิหลายคู่พลันจับจ้องไปยังฮูหยินหลี่อะไรกัน! ในเมื่อไม่ได้หมั้นหมาย แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาหลอกลวงพวกเรา? เช่นนั้นเมื่อครู่พวกเราก็ประจบเอาใจนางเสียเปล่าไปตั้งนานนะสิ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่พวกเราต้องสรรหาคำเยินยอหรงเจียวเจียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเมื่อครู่นั้น มันต้องสิ้นเปลืองความคิดอ่านไปมากเพียงใด? สมองแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!ฮูหยินหลี่เองก็ตกตะลึงงันไปเช่นกัน ตามเหตุผลแล้ว นาวหวังไม่น่าจะวิปลาสถึงขั้นกุเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้! เมื่อเห็นสายตาตำหนิของผู้คนจับจ้องมา นางจึงพยายามอธิบายอย่างตะกุกตะกัก “ไม่... ไม่ใช่! ข้า... เจียวเจียว นี่มันเรื่องอันใดกันแน่!”หรงเจียวเจียวมองไปยังเฉินเยี่ยนซู ด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอัครมหาเสนาบดี! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้! ท่านเห็นข้าโกรธจนเอ่ยปากขอถอนหมั้น ท่านไม่คิดจะง้อก็แล้วไปเถิด แต่ยังจะกล่าวปดว่าไม่เคยมาสู่ขอข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ประกอบกับเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของหรงเจียวเจียว ผู้คนก็เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความกังขาจับจ้องสลับไปมาระหว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 333

    หรงเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง “อ๊ะ?”จ้าวหมัวมัวกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดีคงต้องการจะแสดงอำนาจความเป็นสามี ทั้งยังต้องการจะดูท่าทีคุณหนูด้วยว่าจะยอมอ่อนข้อให้เขาหรือไม่ อย่างไรเสีย ฐานะฮูหยินของราชเลขาธิการผู้ทรงเกียรติ จะเป็นเพียงสตรีที่เอาแต่ใจตน พอเขาขุ่นเคืองก็เอาแต่ร้องขออภัยไปเสียทุกเรื่องไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”หรงเจียวเจียวมีสีหน้าลังเล “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”จ้าวหมัวมัวกล่าว “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ต้องเป็นเช่นนี้เป็นแน่! คุณหนู ท่านต้องรู้จักแสดงความอ่อนแอบ้าง คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งและทรงอำนาจเช่นท่านอัครมหาเสนาบดี หรือจะยอมลดตัวลงมาง้อคุณหนูได้เล่าเจ้าคะ?”หากไม่เช่นนั้นแล้ว จะอธิบายได้อย่างไรว่าเหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจึงจงใจสร้างความลำบากให้คู่หมั้นของตนต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้เล่า?เมื่อสองนายบ่าวปรึกษาหารือกันเสร็จสิ้นในที่สุดหรงเจียวเจียวก็รวบรวมความกล้าได้ นางรอจนกระทั่งบัณฑิตผู้หนึ่งแต่งบทกวีเสร็จสิ้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี... ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ท่านจะโปรดให้ข้าลุกขึ้นได้หรือไม่เจ้าคะ เจียวเจียวปวดเข่าเหลือเกิน พื้นก็ทั้งเย็นทั้งแข็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 332

    ทุกคนย่อมเห็นแผ่นหลังของหรงเจียวเจียวที่กำลังหันหลังจากไป และพอจะเดาได้ว่านางกำลังแสดงความเอาแต่ใจออกมาบรรดาสตรีที่สนิทสนมกับหรงเจียวเจียวต่างแอบตำหนิอัครมหาอัครมหาเสนาบดีเฉินอยู่ในใจ ว่าช่างไม่รู้จักถนอมบุปผาเทิดทูนหยกล้ำค่าเอาเสียเลย เหตุใดจึงไม่รู้จักไว้หน้าคู่หมั้นของตนเองเช่นนี้?เฉินเยี่ยนซูสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของหรงเจียวเจียวอยู่แล้ว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หยุดอยู่ตรงนั้น!”ฝีเท้าของหรงเจียวเจียวพลันชะงัก นางคิดในใจ ในที่สุดเขาก็เรียกข้าแล้ว หรือว่าในใจเขายังคงเป็นห่วงข้าอยู่?นางแค่นเสียงหึเบาๆ แล้วหันไปมองเฉินเยี่ยนซู “ในใจของท่าน ไม่ใช่มีเพียงแต่พี่สาวของข้าหรอกหรือ? แล้วจะมารั้งข้าไว้อีกด้วยเหตุใด?”กล่าวจบ นางก็เช็ดน้ำตาพลางหันเสี้ยวหน้าอย่างดื้อรั้นให้เฉินเยี่ยนซูมองนางเชื่อว่าเมื่อเขาเห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จะต้องสำนึกได้แน่ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว นางเคยส่องกระจกพิจารณาดูตนเองยามร้องไห้อย่างละเอียดแล้ว รู้อยู่แก่ใจว่าท่าทางเช่นนี้จะยิ่งขับเน้นความงดงามแววตาของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “ในใจของข้ามีผู้ใดอยู่ ถึงตาเจ้ามาสอดปากวิจารณ์ด้วยหรือ?”หรงเจียวเจียวฟั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 331

    ถึงจะอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ แต่เมื่อนางทำผิด หากเฉินเยี่ยนซูไม่เอ่ยอนุญาต นางก็ไม่อาจนั่งได้เมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งจากเฉินเยี่ยนซู หลี่เซียงเหยากลับยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ นางรู้สึกราวกับว่าพี่เขยสาม ผู้นี้กำลังตบหน้านางอย่างแรง แล้วค่อยยื่นขนมหวานปลอบใจ ทว่าการตบหน้านี้ช่างหนักหน่วงเหลือเกินนางร่ำไห้ออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อระคนน้อยใจ “ขอบคุณท่านอัครมหาเสนาบดีเจ้าค่ะ!”เมื่อครู่หรงเจียวเจียว ไม่ได้ออกหน้าช่วยนาง ตอนนี้จึงรีบเข้ามากล่าวกลบเกลื่อน “เหยาเหยา เห็นหรือไม่ ท่านอัครมหาเสนาบดียังคงให้ความสำคัญกับเจ้านะ ถึงได้อนุญาตให้เจ้าอยู่ในงานเลี้ยงแต่งบทกวีต่อ!”เฉินเยี่ยนซูเอ่ย “ย่อมต้องให้ความสำคัญ”หรงเจียวเจียวพลันยิ้มออก นางคิดว่าอย่างไรเสียท่านอัครมหาเสนาบดีก็ต้องไว้หน้านางบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนซู จะเอ่ยประโยคถัดมาว่า “หากนางจากไปแล้ว ไม่มีนางอยู่ที่นี่เป็นข้อเปรียบเทียบ ผู้ใดจะรู้เล่าว่าจุดจบของการลบหลู่ท่านหญิงเป็นเช่นไร?”ทุกคน “…”เหล่าสตรีที่เมื่อครู่ร่วมวงนินทาหรงจือจือ ตอนนี้ต่างรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ!ส่วนหรงเจียวเจียวยิ่งหน้าเขียวคล้ำ นางเข้าใจในท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 330

    วันนี้หรงจือจือถึงได้รู้ว่า อันที่จริงเฉินเยี่ยนซูคนผู้นี้ใจดำอำมหิตเป็นอย่างมาก บางทีก่อนหน้านี้ที่เขาไม่รู้จักเจียวเจียวอาจเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ที่บิดเบือนความหมายของหรงเจียวเจียว เขาต้องจงใจเป็นแน่สายตาของทุกคนเองก็ตกไปที่ตัวหรงจือจือที่พวกเขากระแหนะกระแหนอยู่นานสองนานนี่...เหตุใดท่านเสนาบดีจัดการเรื่อง ไม่ให้หน้าหรงเจียวเจียวแม้แต่น้อยก็ช่างมันเถอะ ยังจะถามความเห็นของหรงจือจืออีก? นี่หากไม่รู้ ยังคิดว่าคู่ที่ดูตัวหมั้นหมายกัน เป็นหรงจือจือจริง ๆ เสียอีก!หรงจือจือทำทีท่าไม่เกี่ยวกับตน ตอบกลับชืด ๆ ว่า “เรื่องนี้ท่านเสนาบดีตัดสินใจก็พอเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซูพยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่หรงเจียวเจียว “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะถูกตบปากไปด้วย?”จากสายตาของเขา หรงเจียวเจียวมองออกว่า เขาพูดจริง และไม่ได้ล้อเล่นกับตน สีหน้าของนางก็ยิ่งซีดเผือดเข้าไปอีกนางรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ข้า...ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ!”หลี่เซียงเหยามองพี่หญิงสามของตนอย่างยากจะเชื่อทีหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะตนช่วยนางพูด ก็คงไม่ตกมาอยู่ในขั้นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากแยแสตนเฉินเยี่ยนซูกวาดสา

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status