มหาราชครูหรงขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับนาง และทำราวกับมองนางอีกแวบเดียว ก็ทำให้เขาทนไม่ไหวจึงทำหน้าขรึม มองหรงซื่อเจ๋ออย่างผิดหวัง แล้วเอ่ยปากว่า “ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นคนทำ คิดว่าคงจะเต็มใจรับโทษแล้วใช่หรือไม่?”หรงซื่อเจ๋อ “แน่นอนขอรับ ท่านพ่อโปรดลงโทษลูกเถอะ!”เขาจะไม่กลัวการถูกตีเสียที่ไหนกัน? แส้ของท่านพ่อ ฟาดทีถึงเนื้อ และฟาดแต่ละทียังสามารถทำให้เขาเนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะ แต่ตอนนี้เขาไม่ตอบรับแล้วจะทำอย่างไรได้?หากไม่ตอบรับ คนที่จะถูกตีก็คือเจียวเจียวแล้ว!หรงเจียวเจียวรีบเอ่ยปากร้องขอ “ท่านพ่อ พี่ชายไม่ได้ตั้งใจ ท่านอย่าลงโทษเขาเลยเจ้าค่ะ ข้าไม่ถือสากับเรื่องนี้แล้ว ข้าไม่ถือสาแล้ว...”ขณะที่พูด น้ำตาของนางก็ไหลลงมาเพราะนางรู้ดี ว่าหากครั้งนี้หรงซื่อเจ๋อถูกลงโทษรุนแรงมากเท่าใด ความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับตนเองในภายภาคหน้า ก็จะยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนางยังต้องการให้หรงซื่อเจ๋อช่วยตนเองจัดการกับหรงจือจืออยู่มหาราชครูหรงมองนางพลางยิ้มเสียงเย็น “เจ้าไม่ถือสาแล้ว? เมื่อครู่ตอนที่คิดว่าจือจือเป็นคนทำ เจ้ายังแทบอยากจะให้พ่อฆ่านางเลยมิใช่หรือ!”หรงเจียวเจียวสี
ท่านมหาราชครูหรงฟังคำพูดของหรงซื่อเจ๋อ ก็ขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยปากถามประโยคหนึ่งว่า “ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นฝีมือเจ้า?”หรงซื่อเจ๋อกัดฟันตอบโดยไม่ลังเล “ใช่ เป็นข้าเอง!”ท่านมหาราชครูหรงมองไปยังหรงเจียวเจียว ถามประโยคหนึ่งว่า “แล้วเจ้าเล่า? เจ้าก็คิดว่าเป็นฝีมือพี่ชายของเจ้าหรือ?”หรงเจียวเจียวไม่กล้าสบตาท่านมหาราชครูหรงเลยแม้แต่น้อยนางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หากตอนนี้นางยอมรับว่าเป็นฝีมือตนเอง ท่านพ่อต้องตีตนเองตายแน่แต่ถ้านางยอมรับ พี่ชายก็จะไม่ผิดหวังในตัวนางมากนัก จะได้รู้ว่าในใจนางยังคงมีเขาผู้เป็นพี่ชายคนนี้อยู่ท่านมหาราชครูหรงกล่าวเสียงเย็นชา “หรงเจียวเจียว ข้ากำลังถามเจ้าอยู่!”หรงเจียวเจียวตัดสินใจแน่วแน่ เอ่ยปากว่า “ข้าก็ไม่รู้! แต่ในเมื่อพี่ชายบอกว่าเป็นเขา เขาก็... ก็คงเป็นเขากระมังเจ้าคะ!”นางคิดถี่ถ้วนแล้ว หรงซื่อเจ๋อโง่เขลาปานนั้น ตนเองค่อยกลับไปหลอกเขาอีกที พูดจาหวานหูสักสองสามคำ เขาก็คงจะให้อภัยตนเองแล้วมิใช่หรือ?แต่หากท่านพ่อโกรธนางจริงๆ การส่งตนเองไปอยู่เรือนชนบทก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!เรื่องงานเลี้ยงชมกวีคราวก่อน ท่านพ่อก็ยังไม่พอใจตนเองอยู่เลย จ
โชคดีที่มหาราชครูหรงยังไม่เลอะเลือนไปเสียหมด เขาเหลือบมองนางหวังอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าอย่างนั้นตามที่เจ้าพูด คนที่ควรถูกตำหนิที่สุดก็คือเจียวเจียว!”“เป็นบุตรสาวตระกูลหรงเหมือนกัน ตอนนั้นคนที่สอนงานปักผ้าให้พวกนางก็เป็นอาจารย์คนเดียวกัน เหตุใดนางถึงเรียนสู้พี่สาวไม่ได้?”“ที่เกิดเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ขึ้น ไม่ใช่เพราะนางฝีมือไม่ดีพอหรอกหรือ? วันๆ เอาแต่ทำตัวออดอ้อนแสร้งโง่ ยังจะให้พี่สาวปักกระโปรงให้อีก เอาความกล้ามาจากไหนกัน!”หรงเจียวเจียวได้ฟังคำพูดดูหมิ่นของบิดา น้ำตาแทบจะไหลออกมาหรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ก็นับว่าโชคดีที่ข้าอู้งาน ไม่ได้ทำกระโปรงตัวนี้ให้น้องสาม มิฉะนั้นวันนี้ ต่อให้ข้ากระโดดลงแม่น้ำเหลืองก็คงล้างมลทินให้ตนเองไม่ได้”มหาราชครูหรงได้ฟังคำพูดนี้ พลางนึกว่าตอนแรกตนเองก็เกือบจะใส่ร้ายจือจือไปแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนใจสายตาเย็นชาจับจ้องไปมาระหว่างหรงซื่อเจ๋อและหรงเจียวเจียวเขาถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “พูดมา ใครเป็นคนทำกันแน่? หรือจะให้ข้าส่งพวกเจ้าพร้อมกับช่างปักผ้าและบ่าวไพร่ข้างกายพวกเจ้า ไปให้ศาลาว่าการสอบสวน?”ไม่มีความแค้นเคืองใดๆ ต่อกัน เขาไม่เชื่อหรอก
คำพูดที่เมื่อครู่เขาใช้ด่าหรงจือจือ ถูกส่งคืนกลับมาให้เขาแบบคำต่อคำแต่ทว่า เขากลับอึดอัดคับข้องใจแทบตาย ทั้งยังไม่มีหน้าจะโต้ตอบอะไรได้ ก็ได้แต่ฝืนทนจนใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความโกรธกลายเป็นเขียวคล้ำนางหวังได้ยินดังนั้นก็กล่าวอย่างไม่พอใจ “หรงจือจือ เรื่องราวยังไม่กระจ่างเลย เจ้ากล่าวหาซื่อเจ๋อส่งเดชทำไม?”หรงจือจือเลียนแบบคำพูดที่นางหวังใช้กับตนเมื่อครู่ “ไม่ใช่ซื่อเจ๋อแล้วจะเป็นใครได้อีก? หรือจะเป็นเจียวเจียวทำร้ายตัวเอง เพียงเพื่อจะป้ายสีซื่อเจ๋องั้นหรือ?”“น้องรอง น่าสงสารน้องสามที่เห็นเจ้าเป็นพี่ชายที่ดีมาตลอด ให้ความเคารพนอบน้อมต่อเจ้า คาดไม่ถึงว่าเจ้ากลับใช้ความไว้ใจที่นางมีต่อเจ้า มาลงมือกับเสื้อผ้าเพื่อทำร้ายนาง! เจ้ามันใจร้ายเกินไปแล้ว!”นางหวังฟังหรงจือจือเลียนแบบตนเอง ก็โกรธจัด ชี้ไปที่นางแล้วพูดว่า “เจ้า เจ้า เจ้า...”พูดคำว่าเจ้าอยู่นาน ก็พูดอะไรต่อไม่ออกใบหน้าของหรงเจียวเจียวซีดขาวไปหมด ลูกตากลอกไปมาอย่างรวดเร็ว คิดว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดีหรงจือจือก็จ้องนางแล้วกล่าวว่า “น้องสาม กระโปรงตัวนั้นพี่รองของเจ้าเป็นคนส่งไป และก็เป็นพี่รองของเจ้าที่ให้คนไปซื้อมา เจ้
ในตอนนี้ หรงซื่อเจ๋อก็ได้ยินข่าวและมาถึง เขาโกรธจัดพอเข้ามาก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ผลักหรงจือจือไปทีหนึ่ง “เหตุใดเจ้าถึงได้ใจร้ายเช่นนี้? เจียวเจียวเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเจ้านะ เจ้าก็ยังลงมือทำได้!”โชคดีที่หรงจือจือเตรียมตัวระวังอยู่ก่อนแล้ว จึงขยับหลบไปก้าวหนึ่งทำให้หรงซื่อเจ๋อผลักไปโดนอากาศว่างเปล่าหรงจือจือเหลือบมองมหาราชครูหรง กล่าวเสียงเรียบว่า “ท่านพ่อ บางครั้งข้าก็รู้สึกแปลกใจจริงๆ จวนของเราก็ถือได้ว่าเป็นตระกูลสูงศักดิ์”“แต่เหตุใดคนในบ้าน ถึงได้เอาแต่พูดจาหยาบคาย หรือพอพูดจาไม่เข้าหู ซื่อเจ๋อผู้เป็นน้องชาย ถึงกับผลักพี่สาวได้”“ตระกูลหรงของเรา ยังคงเป็นตระกูลที่เชิดหน้าชูตาในเมืองหลวงนี้ได้จริงๆ หรือ?”มหาราชครูหรงฟังคำพูดของนางจบ ก็รู้สึกเสียหน้าเช่นกันมองไปยังนางหวังอย่างไม่พอใจ “หลังจากท่านแม่สิ้นไป เจ้าดูแลบ้านนี้จนกลายเป็นสภาพใดแล้ว! เจ้าดูสภาพเจ้าลูกไม่รักดีอย่างซื่อเจ๋อสิ!”ต่อให้หรงจือจือทำผิดจริงๆ ก็ควรเป็นพ่อแม่ที่สั่งสอน เขาเป็นแค่น้องชาย ไปลงไม้ลงมือมันจะเป็นเรื่องได้อย่างไร?นางหวังถูกด่าโดยไม่ทันตั้งตัว ในใจก็โกรธมากหรงซื่อเจ๋อเชิดคอกล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้
หรงจือจือขมวดคิ้ว แล้วพูดขึ้นอย่างไม่ยี่หระ: “ท่านพ่อ หากคิดจะลงโทษให้ลูกคุกเข่าจริง ๆ ก็ควรจะอธิบายเหตุผลให้ชัดเจนก่อนหรือไม่?”ท่านมหาราชครูหรงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้ายังมีหน้ามาถามอีกหรือ?”ตอนนี้ นางหวังที่อยู่ข้างๆ ก็ร้องห่มร้องไห้เสียงดัง “จือจือ ถึงแม้ช่วงนี้เจ้ากับเจียวเจียวจะไม่ลงรอยกันอยู่บ้าง เจ้าก็ไม่ควรคิดปองร้ายน้องสาวของเจ้าเลยนะ!”หรงจือจือมองนางอย่างประหลาดใจ “คำพูดของท่าน ข้าไม่เข้าใจ!”นางไปคิดร้ายหรงเจียวเจียวตั้งแต่เมื่อใดกัน?แม้กระทั่ง หลังจากครั้งก่อนที่ตนกลับมาจากจวนอัครมหาเสนาบดี เพราะหรงเจียวเจียวถูกลงโทษให้คัดลอกพระสูตรอยู่ในเรือนเฮ่าเย่ว์ ตนยังไม่ได้พบหน้านางเลยด้วยซ้ำท่านพ่อให้หรงเจียวเจียวคัดอักษรมากมายขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าจะคัดเสร็จได้ในเวลาสั้นๆ เลยหรงเจียวเจียวร้องไห้พลางกล่าวว่า “พี่หญิง มาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านยังไม่ยอมรับอีกหรือ? เป็นเพราะท่านแท้ๆ ข้าถึงได้มีผื่นขึ้นเต็มตัวไปหมด”“ท่านหมอบอกว่าโชคดีที่พบได้เร็ว มิฉะนั้นข้าคงไม่รอดแล้ว!”หัวใจของหรงจือจือกระตุกวูบ หรือว่าที่อีกฝ่ายพูด จะเป็นเรื่องต้นปะการังนั้นก่อนหน้านี้? บนปะการังนั้นต