แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: เขียว_หวาน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-11 18:46:59

“นิจ พี่กลับมาแล้วจ้ะ เหนื่อยไหม ลูกเป็นยังไงบ้าง ซนมากหรือเปล่า”

เสียงทุ้มของภูวินทร์ดังขึ้นทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน

เขาเดินตรงเข้าไปโอบกอดคะนึงนิจและก้มลงหอมแก้มลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนของภรรยา

คะนึงนิจขยับตัวหลบอย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกเคอะเขินและห่างเหินยังไม่คลาย เพราะในใจเธอยังคงมีรอยแผลจากอดีตชาติ...ความแค้นที่เขาเคยนอกใจยังคงฝังลึก

“ไม่เหนื่อยค่ะ ก็เรื่อย ๆ”

เธอตอบเรียบ ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อกับชายตรงหน้า ชีวิตที่ไม่มีเขามานานกว่าสามสิบปี ทำให้วันนี้ภูวินทร์ดูเหมือนคนแปลกหน้ามากกว่าจะเป็นสามี

“มา พี่อุ้มลูกให้ดีกว่า เจ้าหมูน้อยนี่หนักไม่ใช่เล่น เดี๋ยวนิจจะปวดแขนเปล่า ๆ”

ภูวินทร์เอ่ยพลางยื่นมือมาจะรับลูกจากอ้อมแขนของเธอ

แต่คะนึงนิจกลับเบี่ยงตัวหลบอีกครั้ง ความรู้สึกไม่ไว้ใจและรังเกียจแล่นวูบขึ้นมาในอก เธอไม่อยากให้เขาแตะต้องลูกของเธอ...แม้เพียงนิดเดียว

ภูวินทร์รู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีของภรรยาในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

เธอดูห่างเหิน เหมือนจงใจเว้นระยะห่างระหว่างกัน ทั้งยังพยายามกันเขาไม่ให้เข้าใกล้ลูกชายตัวน้อยด้วยซ้ำ

แต่เขาก็พยายามปลอบใจตัวเองด้วยเหตุผลที่ฟังขึ้น   คะนึงนิจอาจแค่เหนื่อยกับการเลี้ยงลูกตามลำพัง ทั้งยังต้องดูแลบ้านทุกอย่างด้วยตัวเอง

“นิจ พี่มีเรื่องอยากคุยหน่อย”

เขาเอ่ยเสียงนุ่ม พลางมองใบหน้าที่เรียบเฉยของเธอ

“พี่คิดว่า...ถ้าเราจ้างพี่เลี้ยงกับแม่บ้านมาช่วย จะดีกว่านี้นะ อย่างน้อยนิจจะได้พักบ้าง ไม่ต้องเหนื่อยกับงานบ้านหรือเลี้ยงลูกตลอดเวลา”

ในคราแรก คะนึงนิจแทบจะหลุดปากปฏิเสธสิ่งที่ภูวินทร์เสนอทันที

ด้วยทิฐิและความเชื่อฝังใจว่าเธอควรเลี้ยงลูกด้วยมือตัวเอง ไม่ควรปล่อยให้ใครเข้ามาแตะต้องหรือก้าวก่ายหน้าที่ของแม่

เธอไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น...ไม่แม้แต่สามีที่ยืนอยู่ตรงหน้า

แต่ขณะเดียวกัน ความคิดอีกเสียงหนึ่งในใจก็เอื้อมมาดึงรั้งไว้ เตือนให้เธอหยุดคิด

ตอนนี้ เธอยังเป็น “คะนึงนิจ” ผู้เป็นภรรยาของภูวินทร์

ยังไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้น

ยังเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาทั้งสองคนยังรักกันดีอยู่ มีลูกน้อยเป็นดั่งสายใยผูกพัน

แต่ความทรงจำจากอดีตชาติยังคงฝังแน่นในจิตใจ

เธอจำได้ดีว่า...ชีวิตครั้งนั้น เธอมุ่งแต่จะเลี้ยงลูกและทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

จนละเลยผู้ชายที่เรียกว่าสามี ละเลยความอ่อนโยนที่ควรมีต่อกัน

เธอเชื่อว่าแค่มีลูก ความรักของสามีภรรยาก็จะมั่นคงไปเอง

แต่ความจริง...มันไม่เคยเป็นเช่นนั้น

ผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่พร้อมจะเปลี่ยนใจได้เสมอ

เพียงแค่ได้กลิ่นใหม่ หรือเห็นแววอบอุ่นจากใครอีกคน เขาก็อาจหันหลังจากไปโดยไม่ลังเล

คะนึงนิจหลุบตาลง เธอต้องดูแลหัวใจของเขาให้มากกว่าที่เคย ช่องว่างเล็ก ๆ ที่เคยทำลายชีวิตคู่ของเธอในชาติที่แล้ว เธอไม่ปรารถนาที่จะเห็นมันเกิดขึ้นอีก

คะนึงนิจนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ สายตาเธอมองลูกชายในอ้อมแขนแล้วค่อยหันกลับมาสบตาภูวินทร์

“พี่ภูพูดมาก็มีเหตุผลค่ะ”

เสียงของเธอแผ่วเบาและอ่อนโยน “บางทีนิจอาจจะเหนื่อยเกินไปจริง ๆ การมีคนมาช่วยบ้างก็คงจะดี”

“ถ้าอย่างนั้น...พี่จะให้วิทยา เลขาฯ ของพี่เริ่มหาแม่บ้านกับพี่เลี้ยงตั้งแต่วันพรุ่งนี้นะ”

ภูวินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่ม แต่แฝงด้วยความตั้งใจจะทำให้ภรรยาสบายขึ้น

เขาหันกลับมามองคะนึงนิจ พลางยิ้มบาง ๆ เหมือนนึกอะไรขึ้นได้

“อ้อ...พี่ลืมบอกนิจไป พี่เพิ่งรับเลขาฯ ส่วนตัวคนใหม่มาทำงาน ชื่อวิทยา เพิ่งเริ่มงานเมื่อวานนี้เอง หน่วยก้านดีทีเดียว คล่องแคล่ว ขยัน แล้วก็รู้หน้าที่”

เขาหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี “พี่ว่าก็สะดวกดีเหมือนกันนะที่ได้เลขาฯ ผู้ชาย เวลาต้องออกไปพบลูกค้าข้างนอก มันคล่องตัวกว่าเยอะเลย”

“ไว้วันไหนนิจแวะไปที่บริษัท พี่จะแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับ”

เขาพูดอย่างอบอุ่นและจริงใจ โดยไม่รู้เลยว่า...เพียงประโยคเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ นั้น กลับสั่นสะเทือนบางสิ่งในใจของคะนึงนิจ

กำแพงที่เธอสร้างไว้เพื่อปกป้องหัวใจ พังทลายลงอย่างไม่อาจห้ามได้

ไม่ใช่เพราะความหวานในน้ำเสียงของเขา...

แต่เพราะคำว่า “เลขาฯ คนใหม่” ที่หลุดออกมาจากปากของภูวินทร์ ประโยคนั้นเหมือนสะกิดความทรงจำเก่าจนหัวใจของเธอไหววูบ

เธอเงยหน้ามองเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและสับสน

เหตุการณ์ครั้งนี้แตกต่างจากอดีตชาติอย่างสิ้นเชิง

ในครั้งนั้น ภูวินทร์ไม่มีเลขาฯ ส่วนตัวใหม่เลย...

จนกระทั่ง เธอเอง เป็นคนแนะนำผู้หญิงคนนั้นให้เข้ามาทำงานด้วยความไว้ใจ ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความพังพินาศในชีวิตคู่ของเธอ

หัวใจของคะนึงนิจเต้นแรงราวกับถูกย้ำเตือนจากโชคชะตา

หรือว่า...การกลับมาเกิดใหม่ในครั้งนี้ จะทำให้เส้นทางของเหตุการณ์เปลี่ยนไปจริง ๆ?

ภูวินทร์ยิ้มนิด ๆ ตอบรับกับท่าทางประหลาดใจของภรรยา

ในแววตานั้นมีบางสิ่งแปรเปลี่ยน ความอ่อนโยนเจือด้วยความโหยหาอาลัยที่ไม่อาจปิดบังได้

เมื่อคะนึงนิจขอตัวพาลูกชายออกไปเดินเล่นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน

เขาเพียงพยักหน้าเงียบ ๆ แต่หัวใจกลับเต้นแรงอย่างประหลาด

เพียงครู่เดียว เขาก็ตัดสินใจเดินตามออกไปอย่างเงียบ ๆ

แสงแดดยามเย็นทอดอุ่นทั่วสวน เสียงหัวเราะเล็ก ๆ ของลูกชายดังแผ่วพลิ้วไปตามลม

เด็กน้อยก้าวเท้าเล็ก ๆ อย่างระมัดระวัง เขย่งย่องทีละนิด มือเล็กทั้งสองเกาะมือใหญ่ของหญิงสาวไว้แน่น และยิ้มปากกว้างจนน้ำลายไหลเยิ้ม

ภูวินทร์ยืนนิ่งอยู่ห่าง ๆ สายตาไม่อาจละไปจากภาพตรงหน้าได้เลย

ภาพแผ่นหลังของคะนึงนิจในชุดเรียบง่ายกับลูกน้อยที่เพิ่งหัดเดิน...

มันคือภาพในฝันที่เขาเคยอยากเห็นมานานแสนนาน

ความอิ่มเอิบในหัวใจปนกับความเจ็บปวดบางอย่างคลอเคลียอยู่ในอก

น้ำตาซึมขึ้นโดยไม่รู้ตัว ไม่แน่ใจว่ามันคือความซาบซึ้ง หรือความกลัวว่าจะสูญเสียช่วงเวลานี้ไปอีกครั้ง

เช้าวันนี้ อากาศร้อนน้อยกว่าทุกวัน แสงแดดสีทองสาดลอดผ่านม่านบาง เข้ามาแตะผิวโต๊ะอาหาร ทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้น

คะนึงนิจมองสามีที่นั่งทานอาหารเช้าเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

วันนี้ภูวินทร์ดูทานได้มากกว่าทุกวัน โดยเฉพาะข้าวต้มทรงเครื่องที่เธอเพิ่งทำสด ๆ จากครัว

ตามปกติแล้ว เขามักจะแค่ตักชิมสองสามคำแล้ววางช้อน

แต่เช้านี้กลับต่างออกไป เขาทานจนหมดชาม แล้วยังเงยหน้าขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงความอ่อนโยน

“นิจ...ตักให้พี่เพิ่มอีกชามได้ไหมครับ”

เธอเลิกคิ้วขึ้นนิด พลางมองเขาด้วยแววตาแปลกใจ “วันนี้พี่ภูหิวมากเหรอคะ?”

ภูวินทร์ยิ้มบาง ๆ ก่อนตอบเรียบ ๆ “พี่มีประชุมทั้งวัน คงไม่มีเวลาทานข้าวเที่ยงเลยกินเผื่อไว้หน่อยก็ดี”

คะนึงนิจหัวเราะในลำคอเบา ๆ พลางยื่นชามข้าวต้มอีกถ้วยให้ “ปกติ พี่ภูจะไม่ชอบข้าวต้มทรงเครื่องนี่คะ”

“วันนี้ ข้าวต้มอร่อยมาก” เขาตอบสั้น ๆ แต่แววตากลับอบอุ่นจนเธอต้องหลบสายตา

เป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน...ที่บรรยากาศรอบโต๊ะอาหารดูผ่อนคลายขึ้น แม้เพียงเล็กน้อย

ภูวินทร์มองชามข้าวต้มที่ว่างเปล่าตรงหน้าอย่างเงียบงัน

กลิ่นหอมของข้าวผสมขิงยังอวลอยู่ในอากาศ กลิ่นที่เขาโหยหามาโดยตลอด

วันนั้น วันที่ความสัมพันธ์ยังรักใคร่กันดีอยู่ เธอก็ทำข้าวต้มให้เขาเหมือนกัน

แต่เขาตักทานเพียงเล็กน้อย

เขาจำได้ดี สีหน้าของเธอตอนนั้นอ่อนโยน น้ำเสียงเหมือนรู้สึกผิดว่า “ถ้าพี่ภูไม่ชอบ ก็ไม่ต้องฝืนกินก็ได้ค่ะ” ยังดังก้องอยู่ในใจเขามาจนถึงวันนี้

เขายกช้อนขึ้นช้า ๆ ราวกับต้องการจดจำรสชาติในปัจจุบันให้แน่ชัดที่สุด

ข้าวต้มทรงเครื่องธรรมดาชามนี้กลับมีรสอุ่นอย่างประหลาด...

อุ่นพอจะทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปวันที่เขามีความสุข

“อย่างน้อยก็เริ่มต้นเช้าวันใหม่...ด้วยรอยยิ้มของนิจ”

เขาพึมพำในใจ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองคะนึงนิจที่กำลังเก็บจานชามอย่างตั้งใจ

ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ให้กับภาพตรงหน้า...ภาพที่เขาคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีก

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแผ่วเบา แต่สำหรับแม่คนหนึ่งที่เพิ่งกล่อมลูกให้หลับได้ คะนึงนิจถึงกับสะดุ้ง เธอรีบเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือที่หัวเตียง ก่อนกดรับสายแทบจะทันทีด้วยเกรงว่าเสียงเรียกนั้นจะปลุกเจ้าตัวเล็กให้ตื่นขึ้นมา

“ฮัลโหล...” เธอกดเสียงให้เบาที่สุด ขณะเหลียวมองลูกชายที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงข้าง ๆ

วันนี้ลูกน้อยของเธอโยเยมากกว่าทุกวัน

เธอไม่แน่ใจว่าเพราะฟันซี่ใหม่กำลังจะขึ้น หรือเพราะไม่สบายตัวด้วยเหตุอื่น

กว่าจะกล่อมให้หลับได้ ก็เล่นเอาแทบหมดแรง ทั้งร้อง ทั้งอุ้ม ทั้งเดินวนรอบห้องอยู่เกือบชั่วโมง

คะนึงนิจค่อย ๆ เดินออกจากห้องนอนลูกชาย ปิดประตูอย่างแผ่วเบา จนได้ยินเพียงเสียงคลิกเบา ๆ ของกลอนประตู เธอไม่อยากให้เสียงสนทนาของตนไปรบกวนการนอนของลูกน้อยที่เพิ่งหลับสนิท

“พี่นิจ...จันทร์เองค่ะ พอจะสะดวกคุยไหมคะ”

เสียงปลายสายดังขึ้นอย่างสุภาพและเกรงใจ แต่เพียงได้ยินชื่อ...หัวใจของคะนึงนิจก็ชะงักงัน

เธอนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเลื่อนสายตาลงมองหน้าจอโทรศัพท์ในมือ

ชื่อที่ปรากฏอยู่บนนั้น ทำให้เลือดในกายเธอเย็นเฉียบทันที

“จันทร์...”

ชื่อที่เธอจำได้ขึ้นใจ แม้ผ่านมากว่าสามสิบปีในชาติที่แล้ว

หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น “น้องคนสนิท” ที่เธอไว้ใจที่สุด หญิงสาวที่กลายเป็นต้นเหตุของความพังทลายในชีวิตรักของเธอ

หากเมื่อครู่เธอได้เหลือบดูหน้าจอก่อนรับสาย เธอคงไม่ลังเลที่จะกดตัดสายไปโดยไม่ต้องคิด

คะนึงนิจสูดลมหายใจลึก พยายามบังคับเสียงให้นิ่งที่สุด

“อืม...”

เธอตอบกลับสั้น  ๆ อย่างข่มอารมณ์ ทั้งที่ในอกปั่นป่วนไปหมด

รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฎขึ้นบนใบหน้า

 “จันทร์รวี” หญิงสาวที่ดูอ่อนหวาน สุภาพ น่าสงสาร จนเธอหลงให้ความช่วยเหลือด้วยความจริงใจ

และในที่สุด...ผู้หญิงคนนี้ก็พรากความสุขไปจากเธอ

คะนึงนิจหลับตาแน่นเพียงเสี้ยววินาที

เธอจำได้ดี...โทรศัพท์ครั้งนี้ในชาติที่แล้ว “จันทร์รวี” โทรมาขอให้เธอช่วยหางานให้ทำ

และเพราะเธอมีจิตใจที่เมตตาเกินไป จึงแนะนำให้เข้าทำงานกับภูวินทร์

...จุดเริ่มต้นของหายนะในชีวิตครอบครัวของเธอ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 16

    ภูวินทร์ลืมตาขึ้น เมื่อเสียงลมแรงพัดกระทบกระจกหน้าต่างดังแผ่ว ๆ ความคิดของเขาถูกดึงกลับจากอดีตอันขมขื่นสู่ปัจจุบัน เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาวราวกับอยากระบายบางสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในอกให้หลุดออกไปกับลมหายใจนั้นชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนอนของลูกเพื่อดูความเรียบร้อย แสงไฟจากโถงทางเดินลอดผ่านประตูแง้มเข้าไป เผยให้เห็นภาคินทร์นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเล็ก ใบหน้าไร้เดียงสาของลูกชายทำให้หัวใจที่หนักอึ้งของเขาอ่อนยวบลง“ฝันดีนะ...ลูกพ่อ” เขาพึมพำเสียงแผ่ว พลางดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวลูกให้มิดชิด ก่อนจะปิดประตูห้องอย่างเบามือจากนั้น เดินกลับไปยังห้องนอนใหญ่ของตนกับคะนึงนิจ เสียงน้ำจากฝักบัวดังคลอเบา ๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงียบลง ภูวินทร์เช็ดตัว ลูบผมให้แห้ง แล้วเอนกายลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาคะนึงนิจนอนอยู่ด้านหนึ่งของเตียง แสงไฟสีอบอุ่นจากโคมหัวเตียงอีกฝั่งหนึ่งสะท้อนให้เห็นใบหน้าสงบนิ่งยามหลับสนิทของเธอบางส่วน เขามองภาพนั้นนิ่งก่อนจะดับไฟที่โคมหัวเตียงข้างตัว ขยับตัวเข้าใกล้ วาดแขนโอบรอบร่างของภรรยาอย่างแผ่วเบา เขาหลับตาลงช้า ๆคืนนี้ เขายังมีเธออยู่ตรงนี้ มีลูกน้อยที่รอการปกป้องอยู่

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 15

    ตอนสายของวัน ภูวินทร์เดินเข้าบ้านอย่างเงียบเชียบ เสียงหัวเราะสดใสของภาคินทร์ดังแว่วออกมาจากมุมห้องนั่งเล่นคะนึงนิจนั่งอยู่บนโซฟา กำลังอ่านนิทานให้ลูกชายฟัง เมื่อเห็นสามีก้าวเข้ามา เธอเงยหน้าขึ้น ยิ้มอ่อนโยนตามเคย“พี่ภูกลับมาแล้วเหรอคะ นิจเป็นห่วงทั้งคืนเลย” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลภูวินทร์หลบสายตา ก่อนฝืนยิ้มตอบจาง ๆ “จ้ะ... เมื่อคืนขอโทษด้วยนะ พอดีดื่มมากไปหน่อย กลัวจะกลับมากวนทั้งนิจกับลูก พี่เลยนอนค้างที่ออฟฟิศ เพราะอยู่ใกล้กับที่จัดเลี้ยง มือถือพี่ก็ดันแบตหมด พี่ไม่ทันดูตอนเผลอหลับไปก่อนจะโทรบอกนิจ”น้ำเสียงของเขาเรียบเรื่อยเหมือนพยายามพูดให้เป็นเรื่องปกติ ทว่ามีบางอย่างในแววตาและท่าทางนั้น...ไม่เหมือนเดิม คล้ายคนที่กำลังปิดบังบางสิ่งไว้ใต้รอยยิ้มอ่อนล้าและคำแก้ตัวที่พยายามอธิบายอย่างเบี่ยงประเด็นเขาพูดพลางย่อตัวลงจูบหน้าผากลูกน้อยเบา ๆ ภาคินทร์ยิ้มกว้าง ก่อนจะโผเข้ากอดคอพ่อแน่นด้วยความดีใจ“นิจก็เป็นห่วงอยู่พอดี โชคดีที่พี่ภูบอกไว้ก่อนแล้วว่าจะมีงานเลี้ยง พี่ภูขึ้นไปอาบน้ำก่อนไหมคะ เดี๋ยวนิจเตรียมข้าวเช้าให้”“อืม...พี่ทานมาแล้ว พอดีวิทยามาออฟฟิศแต่เช้า เลย

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 14

    ภูวินทร์นั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน ข้างกายมีขวดวิสกี้วางอยู่ เงาแสงจากโคมไฟสะท้อนบนแก้วที่เหลือวิสกี้อยู่ค่อนแก้ว ใบหน้าของเขาดูนิ่งสงบ แต่แววตาเหม่อลอยคล้ายคนหลงอยู่ในภวังค์เบื้องนอก หน้าต่างบานใหญ่เผยให้เห็นท้องฟ้ามืดสนิท ไร้แม้แต่แสงดาว มีเพียงแสงจันทร์ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาแต้มเงาบางบนพื้นห้องทั้งห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงนาฬิกาที่เดินเป็นจังหวะภูวินทร์เอนหลังลงบนโซฟา ปล่อยให้แอลกอฮอล์ไหลซึมเข้าสู่กระแสเลือดช้า ๆ ความอุ่นจากของเหลวในลำคอไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อยเขานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ความคิดค่อย ๆ ลอยย้อนกลับไปทีละน้อย ความทรงจำที่ผ่านไปเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึก ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตใจในอดีตชาติ...“นิจ วันนี้พี่ได้รับรางวัล สตาร์ทอัพดาวรุ่งแห่งปี จากกระทรวงพาณิชย์ด้วยนะ นี่ไง...โล่รางวัลของพี่”ภูวินทร์ในชุดสูทดำเรียบหรูพอดีตัวเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เขาชูโล่รางวัลขึ้นให้ภรรยาสาวดู ดวงตาเปล่งประกายด้วยความดีใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาล้มลุกคลุกคลานไม่น้อยกว่าจะพาบริษัทก้าวมาถึงจุดนี้ได้ วันที่ทุกอย่างเริ่มมั่นคง แล

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 13

    ภาคินทร์หันซ้ายหันขวาอยู่ในอ้อมแขนของภูวินทร์ เด็กน้อยดูตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัว สีสันสดใสจากร้านรวงและของตกแต่งดึงดูดสายตาเขาให้หันมองไม่หยุดภูวินทร์อาสาอุ้มลูกเอง เพราะไม่อยากให้ลูกน้อยนั่งรถเข็นอยู่ลำพังโดยมองไม่เห็นพ่อแม่ ถึงลูกจะเริ่มตัวโตและหนักขึ้น แต่ในอ้อมแขนของเขากลับรู้สึกเบาสบาย เขามีความสุขที่ได้อุ้มลูกไว้แนบอก คอยชี้ชวนให้ดูนั่นดูนี่ระหว่างเดินบางครั้ง ภาคินทร์ก็พูดเลียนเสียงพ่อออกมาสั้น ๆ หนึ่งหรือสองพยางค์ เสียงใส ๆ นั้นทำให้ภูวินทร์หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู หัวใจของเขาอิ่มเอมจนพองโตที่ได้ใกล้ชิดลูกในวันนี้“เฮ้ย ภู มาได้ยังไงเนี่ย ฉันก็นึกว่านายเข้าออฟฟิศซะอีก เลยฝากเอกสารไว้กับเลขาฯ นายไปแล้ว”เสียงของวุฒิดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง หญิงสาวที่เดินเคียงข้างมากับเขารีบปล่อยมือที่เกาะแขนชายหนุ่มไว้แทบจะทันที“อ้าว วุฒิ บังเอิญจริง” ภูวินทร์เอ่ยเรียบ ๆ พลางยกคิ้วเล็กน้อย “วันนี้พอดีมีธุระตอนเช้า ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จกี่โมง ก็เลยบอกวิทยาไว้ก่อนว่าไม่เข้า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบดูเอกสารให้นะ”“สวัสดีครับ นิจ ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย” วุฒิหันมาทักคะนึงนิจด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง“สวัสดี

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 12

    “แล้วก็...ป้าลืมบอกนิจไป พรุ่งนี้ป้าจะไปโรงพยาบาลกับภูนะ”ป้าสร้อยพูดขึ้นพลางตักข้าวเข้าปาก “ภูคุยกับป้าเมื่อวานซืน ว่าอยากให้ป้าไปตรวจสุขภาพบ้าง ป้าว่าก็ดีเหมือนกันเลยตกลงไป ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ท้องอืดบ่อย แล้วก็มีอาการท้องเสียถี่ ๆ ด้วย ป้าเลยว่าจะให้หมอตรวจดูให้แน่ใจ”“แล้วมีอาการอื่นที่ผิดปกติอีกไหมคะป้า”คะนึงนิจถามพลางวางช้อนในมือลง เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยด้วยความตกใจและเป็นห่วงเธอรู้สึกตื่นตระหนก หัวใจเหมือนถูกบีบรัดทันทีที่ได้ยินคำว่า ท้องอืดบ่อย...ท้องเสียถี่ความทรงจำจากชาติที่แล้วแล่นวาบเข้ามาในหัว ครั้งนั้น กว่าที่จะรู้ว่าป้าสร้อยป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ ก็สายเกินกว่าที่จะรักษาไปแล้ว ระยะสุดท้าย...หมอก็บอกได้เพียงให้เตรียมใจในชาติก่อน เธอวุ่นวายอยู่กับงานจนไม่มีเวลาแม้แต่จะหันมามองคนใกล้ตัวด้วยงานที่หนักและวุ่นวาย จนเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับการทำงาน คะนึงนิจผลักภาระการดูแลลูกให้ป้าสร้อยแทบทั้งหมด โดยไม่รู้เลยว่าคนที่เธอรักมากที่สุด...กำลังเจ็บป่วยอยู่เงียบ ๆและในชาตินี้ เธอกลับกำลังทำสิ่งเดิมซ้ำอีกครั้งความรู้สึกผิดแล่นวูบขึ้นในใจ คะนึงนิจเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนเอ่ยด้วยเสียง

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 11

    ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จันทร์รวีเริ่มเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของภูวินทร์อย่างเงียบ ๆเธอศึกษาทุกอย่าง ตั้งแต่เวลาที่เขาเข้าหรือออกจากสำนักงาน ช่วงที่เขาออกไปประชุม หรือแม้กระทั่งนิสัยส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มณีรัตน์ เลขาฯ หน้าห้องมักเผลอหลุดปากเล่าให้ฟังระหว่างพักกลางวัน“คุณภูเป็นคนตรงเวลาเป๊ะเลยค่ะ ขนาดประชุมที่ว่าด่วนแค่ไหน ก็ไม่เคยให้ลูกน้องรอนาน” มณีรัตน์เคยพูดอย่างชื่นชมจันทร์รวีเพียงยิ้มบาง “แหม ผู้ชายแบบนี้สิคะ ที่น่าชื่นชม”ในขณะที่มือเรียวกำลังถือแก้วกาแฟ เธอแอบสังเกตสายตาของเลขาฯ สาวที่พูดถึงเจ้านายด้วยน้ำเสียงชื่นชอบเกินกว่าความเคารพตามหน้าที่มณีรัตน์เองก็คงชอบเขาอยู่สินะ...แต่เธอไม่ทันฉันหรอก จันทร์รวีคิดพลางยกแก้วจิบเบา ๆเธอเริ่มวางแผนอย่างเป็นขั้นตอนเริ่มจากการปรากฏตัว “โดยบังเอิญ” ตามจุดต่าง ๆ ที่เขาผ่าน เช่น ล็อบบี้บริษัท ห้องอาหารชั้นล่าง หรือแม้แต่ลิฟต์โดยสารที่เธอคำนวณเวลาไว้ล่วงหน้าเขาแทบไม่มองเธอเลย แต่เธอก็ไม่เร่งรีบ จันทร์รวีรู้ดีว่า ผู้ชายอย่างเขา...ต้องการเวลาและช่องว่างที่พอดีให้ความสนใจค่อย ๆ เติบโตจนกระทั่งวันหนึ่ง ระหว่างที่ภูวินทร์กำลังรอรถอยู่หน้าตึก เ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status