แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: เขียว_หวาน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-11 19:13:22

              ในชาติอดีต...

              “เป็นยังไงบ้างจันทร์ พี่ได้ยินข่าวจากแก้วแล้วล่ะ แย่เลย เจอคนชั่ว ๆ แบบนี้ แล้วจันทร์คิดจะแจ้งความสองคนผัวเมียนี้ไหม” คะนึงนิจเอ่ยด้วยความห่วงใย

              “มันมีเงินกับเส้นสาย จันทร์จะไปทำอะไรได้ ไอ้ที่มันลวนลามก็ถือว่าให้หมามันกินไป เมียมันก็หมาบ้ามาก เข้ามาตบหน้าจันทร์ต่อหน้าลูกน้องในบริษัท ไม่ถามไม่สืบหาความจริงอะไรเลย จันทร์เลยอยู่ต่อไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ก็เดินออกจากบริษัทมันเลย ไม่กล้ากลับเข้าไปอีก กลัวโดนมันทำร้ายอีกค่ะ”

              “เป็นพี่ พี่จะแจ้งความสองคนผัวเมียนี่ไว้ก่อน เพื่อป้องกันตัว อย่างน้อยก็ให้มันรู้ว่าเราสู้กลับ แต่ก็ช่างเถอะ แล้วแต่จันทร์จะตัดสินใจ แล้วโทรมาวันนี้มีอะไรให้พี่ช่วยไหม”

              “ตอนนี้จันทร์พยายามหางานใหม่ทำอยู่ค่ะ แต่ก็หายากมากเพราะบริษัทเก่าจันทร์ไปโพนทะนาเรื่องของจันทร์กับบางบริษัทไว้ด้วยค่ะ กลุ้มใจเลย พอดีพี่แก้วบอกจันทร์ว่า สามีพี่นิจกำลังหาเลขาฯ ส่วนตัวอยู่ พี่นิจพอจะช่วยคุยให้จันทร์ได้ไหมคะ จันทร์มีประสบการณ์ด้านนี้มาค่ะ”

              “ได้เลยจ้ะ จันทร์ เดี๋ยวพี่จะลองถามพี่ภูให้ ถ้ายังหาคนไม่ได้ พี่จะแนะนำจันทร์ให้ ว่าแต่ช่วยส่งเรซูเม่กับเอกสารวุฒิการศึกษากับเอกสารประจำตัวมาให้พี่ทางอีเมลจะสะดวกไหม พี่จะได้ส่งต่อให้พี่ภูพิจารณาดู”

              “พี่นิจ ขอบคุณมากค่ะ จันทร์ดีใจจังเลย เดี๋ยวจันทร์จะรีบส่งให้นะคะ”

              หลังจากคะนึงนิจพูดคุยกับภูวินทร์ เธอพยายามอธิบายถึงคุณสมบัติและประสบการณ์ของจันทร์รวีอย่างตรงไปตรงมา เธอคิดเพียงว่าการช่วยเหลือคนรู้จักที่กำลังลำบากไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ภูวินทร์ฟังเงียบ ๆ ไม่ได้ตอบรับทันที เขาขอเวลาไตร่ตรองอยู่สองสามวัน ก่อนจะตกลงรับจันทร์รวีเข้าทำงาน

เธอไม่รู้เลยว่า...การยื่นมือช่วยในครั้งนี้จะกลายเป็นการชักนำความวิบัติมาสู่ความสัมพันธ์ของเธอกับภูวินทร์

จากความหวังดีที่อยากช่วยเหลือ กลับกลายเป็นการ เปิดทางให้ผู้หญิงอีกคนได้ยืนเคียงข้างเขา

และในที่สุด สิ่งที่เธอได้รับตอบแทนจากความเมตตา ก็คือ “ความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต”

เธอจำได้ดี ทุกภาพ ทุกเสียง ทุกแววตาในวันนั้นยังคงฝังอยู่ในใจ ภาพของภูวินทร์ที่กอดก่ายผู้หญิงคนนั้น มันคือรอยแผลที่ไม่เคยลบเลือน แม้ผ่านการเกิดใหม่อีกครั้ง

...

คะนึงนิจสูดลมหายใจเงียบ ๆ ก่อนกลับมาจดจ่อกับปัจจุบัน เสียงปลายสาย...เสียงของผู้หญิงที่เธอเกลียดที่สุดในชีวิต

“พี่นิจคะ”

น้ำเสียงของจันทร์รวีดังขึ้นเบา ๆ แต่ฟังดูสั่นไหวเล็กน้อย

“พี่แก้วบอกว่า ตอนนี้สามีพี่นิจต้องการเลขาฯ ส่วนตัว จันทร์เลยอยากรบกวนพี่นิจช่วยพูดให้หน่อยได้ไหมคะ จันทร์เคยทำงานตำแหน่งเลขานุการผู้บริหารมาก่อน พอจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง”

คะนึงนิจนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนกดความรู้สึกชิงชังลงไป

“ขอโทษด้วย จันทร์...” เธอตอบเสียงนุ่มแต่เย็นชา “ตำแหน่งนี้ ทางบริษัทรับคนไปเรียบร้อยแล้ว พี่เองก็เพิ่งรู้”

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงของจันทร์รวีจะกลับมาอีกครั้ง

“งั้น...พี่นิจพอจะช่วยให้จันทร์ได้งานที่บริษัทสามีพี่ได้ไหมคะ?”

เสียงของหญิงสาวสั่นน้อย ๆ แฝงความหวังอย่างน่าเห็นใจ “ตอนนี้จันทร์สมัครไปหลายที่แล้วค่ะ แต่ยังไม่มีที่ไหนเรียกสัมภาษณ์เลย อาจเพราะบริษัทเก่า...เขาเอาเรื่องของจันทร์ไปพูดเสีย ๆ หาย ๆ ไว้น่ะค่ะ”

คะนึงนิจหลุบตาลง เธอฟังเสียงนั้นเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรทันที ในใจกลับพลุ่งพล่าน ความทรงจำในอดีตชาติผุดขึ้นทีละภาพเหมือนเงาที่ตามไม่ห่าง

คำพูดแบบนี้เอง...

เธอเคยได้ยินมาแล้วครั้งหนึ่งในชาติที่แล้ว และหลงเชื่อด้วยความรู้สึกสงสาร

ความจริงที่คะนึงนิจรับรู้จากทั้งประสบการณ์ตรงและข่าววงใน คือเรื่องราวของจันทร์รวี...หญิงสาวที่ภายนอกดูอ่อนหวานและนอบน้อม แต่ภายใต้รอยยิ้มหวานนั้นกลับเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานเงียบ ๆ

จันทร์รวีพยายามเข้าหาเจ้าของบริษัทเก่าที่เธอทำงานอยู่ ด้วยความหวังว่าจะได้ก้าวเข้าสู่ชีวิตที่สุขสบายในฐานะภรรยาลับ

ทว่าแผนการนั้นกลับล้มเหลว เมื่อภรรยาตัวจริงของชายคนนั้นจับได้ทันเวลา ความฝันที่จะได้เกาะเกี่ยวผู้ชายรวยจึงดับวูบลงกลางอากาศ

และตอนนี้...จันทร์รวีกำลังมองหาเหยื่อรายใหม่

ความพยายามของจันทร์รวีที่จะเข้าทำงานในบริษัทของ  ภูวินทร์ทำให้คะนึงนิจเดาได้ไม่ยากเลยว่า “เป้าหมายคนใหม่” ของอีกฝ่ายคือใคร

“ภูวินทร์”

ชายหนุ่มผู้มีทั้งฐานะ หน้าที่การงาน และความอบอุ่นเป็นแฟมิลี่แมนที่ผู้หญิงบางจำพวกเห็นแล้วก็อยากวิ่งเข้าหา

แม้จันทร์รวีจะรู้ดีว่าเขามีครอบครัวแล้ว

แต่สำหรับผู้หญิงแบบเธอ...การมีครอบครัวแล้วไม่ใช่อุปสรรค หากเป็นเพียง “กำแพงที่รอวันปีนข้าม”

คะนึงนิจหลับตาลงช้า ๆ ราวกับพยายามกักเก็บอารมณ์ทุกอย่างไว้ข้างใน ชาตินี้ เธอไม่มีวันยอมเดินซ้ำรอยเดิมอีกต่อไปในเมื่อมีโอกาสกลับมาอีกครั้ง เธอจะแก้ไขให้โชคชะตาของลูกเธอดีขึ้นและได้รับประโยชน์จากการเป็นลูกของภูวินทร์อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

“ไว้จะลองถามให้ดูนะ ว่ามีตำแหน่งว่างหรือเปล่า ขอคุยแค่นี้ก่อนนะ ต้องไปดูลูกแล้ว”

น้ำเสียงของคะนึงนิจเรียบเฉย ไร้แววสนใจ

“ได้ค่ะ พี่นิจ ยังไงจันทร์ก็ขอขอบคุณพี่นิจล่วงหน้าสำหรับความช่วยเหลือครั้งนี้ ถ้าได้งานที่บริษัทของสามีพี่นิจ จันทร์สัญญาว่าจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ค่ะ”

ปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงขอบคุณและมีความหวังอย่างเต็มที่

คะนึงนิจตัดสายทันทีด้วยท่าทีรังเกียจ

“ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่งั้นเหรอ...พูดออกมาได้” เธอพึมพำอย่างเย้ยหยัน

คะนึงนิจเดินกลับเข้าห้องนอนลูกด้วยฝีเท้าเบาแทบไร้เสียง

หญิงสาวนั่งนิ่งข้างเตียง มองลูกชายที่หลับสนิท ดวงตาเธอทอดต่ำลงด้วยความคิดคำนึง

เธอไม่คิดจะเสนองานในบริษัทของภูวินทร์ให้ผู้หญิงคนนี้แน่นอน ตัดโอกาสไม่ให้ทั้งคู่ได้เจอะเจอกัน

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คะนึงนิจเหลือบมองลูกชายตัวน้อยที่หลับอยู่ เห็นเขาขยับเอียงตัวเล็กน้อย ริมฝีปากเล็กขยับนิด ๆ ราวกับกำลังฝันดี

เธอยืนมองอยู่นิ่ง ๆ ความอบอุ่นค่อย ๆ แผ่ซ่านเข้าสู่หัวใจ เมื่อได้เห็นลูกนอนหลับอย่างสงบ ใบหน้าเล็กสะอาด อ่อนเยาว์ และไร้เดียงสา มือจิ๋วขยับเบา ๆ ใต้ผ้าห่ม ก่อนจะนิ่งสนิทอีกครั้งในนิทราอันแสนสงบ

เธอถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งใจ แล้วโน้มตัวลงไปใกล้ ก้มลงหอมเบา ๆ ที่แก้มของลูกชาย

“แม่รักลูกนะคะ”

เธอกระซิบเบา ๆ ด้วยกลัวจะรบกวนเจ้าตัวเล็ก

คะนึงนิจค่อย ๆ นั่งลงข้างเตียงลูก คิดถึงเรื่องเก่าก่อนต่อ

...

ในอดีตชาติ...

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะ นิจ”

ป้าสร้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ก่อนจะกอดคะนึงนิจและลูกชายที่เดินเข้ามาในบ้านสวนหลังเก่า

บ้านหลังนี้...บ้านที่คะนึงนิจอาศัยอยู่ตั้งแต่วันที่แม่จากไป บ้านที่เธอเติบโตขึ้นท่ามกลางความรักและการดูแลของป้าสร้อย บ้านที่กลายเป็นที่พักใจในวันที่พ่อเลือกจะมีผู้หญิงคนใหม่หลังแม่เสียชีวิต และไม่เหลียวแลเธอกับน้องชายอีกเลย

พ่อของเธอยังคงเป็นคนเดิม ผู้ชายที่มีผู้หญิงใหม่เข้ามาในชีวิตไม่ขาดสาย และดูเหมือนว่าแต่ละคนจะอายุน้อยลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งข่าวล่าสุดที่เธอได้ยิน...ผู้หญิงคนใหม่ของพ่อ อายุน้อยกว่าเธอเสียอีก

“ป้าสร้อย สวัสดีค่ะ” คะนึงนิจเอ่ยพลางไหว้ก้มศีรษะเล็กน้อยด้วยความเกรงใจ

“น้องคิน ธุคุณยายจ้ะลูก”

เธอย่อตัวลงคุยกับลูกชายพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“น้องคินค่ะป้า...เคยเจอกันตอนยังเป็นเด็กแบเบาะ ตอนนี้สามขวบแล้วค่ะ วิ่งเก่งมากด้วยนะคะ”

ป้าสร้อยยิ้มกว้าง ลูบหัวหลานชายอย่างเอ็นดู

เสียงหัวเราะเล็ก ๆ ของเด็กน้อยดังขึ้นเมื่อโดนลูบหัวและกอดเบา ๆ

“แล้วหนุ่ยออกไปทำงานแล้วใช่ไหมคะ” คะนึงนิจเอ่ยถามถึงน้องชายของเธอ ผู้เพิ่งสำเร็จการศึกษา และกำลังเริ่มงานในบริษัทใหม่ในตำแหน่งวิศวกรไฟฟ้า

“ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ” ป้าสร้อยตอบพลางพยักหน้า “เห็นบอกว่าวันนี้มีงานวิ่งรอก ดูหน้างานบริษัทลูกค้าสามที่” เธอเสริมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเล็กน้อย

“ช่วงนี้ เจ้าหนุ่ยงานหนักนะ เห็นบอกว่าเจ้านายชอบใช้งานเพราะดูแลลูกค้าได้ละเอียดรอบคอบ มีแต่คำชมจากลูกค้า แล้วลูกค้าก็เรียกร้องให้หนุ่ยไปตรวจงานเป็นประจำด้วย ดีแล้วล่ะ”

คะนึงนิจยิ้มดีใจและรู้สึกภูมิใจกับความสำเร็จของน้องชาย

“แล้วข้าวของของนิจกับน้องคินมีเยอะมากไหม? ตอนนี้หยิบเอาเฉพาะส่วนที่ต้องใช้มาก่อนก็ได้ รอช่วงเย็นตอนที่เจ้าหนุ่ยกลับมา ค่อยให้ช่วยขนทีเดียว”

ป้าสร้อยเอ่ยขึ้นพลางจูงมือเด็กน้อยเดินเข้าตัวบ้าน ข้างหลังมีคะนึงนิจเดินตามอย่างเงียบงัน

“นิจกับลูกไปพักผ่อนก่อนเถอะ ห้องเดิมของนิจ ป้ายังคอยทำความสะอาดให้เรื่อย ๆ พาน้องคินไปนอนก่อน ดูท่าทางน่าจะง่วงแล้วซิ”

“เป็นช่วงใกล้นอนกลางวันแล้วค่ะ เดี๋ยวนิจป้อนข้าวกับนมให้น้องคินก่อน แล้วพาเขาไปนอนค่ะ”

คะนึงนิจตอบพลางยกมือลูกศีรษะของลูกน้อยเบา ๆ

“ฝากป้าดูแลน้องคินแป๊บนึงนะคะ ขอนิจไปหยิบของที่น้องคินต้องใช้จากรถก่อน”

“มา น้องคิน ไปกับยาย ไปดูห้องของหนูกับแม่กันว่าชอบไหม”

ป้าสร้อยยิ้มแล้วจับจูงมือเด็กน้อย เดินไปทางห้องนอนเก่าของคะนึงนิจ

              คะนึงนิจมองตามสองยายหลานที่เดินจากไปพร้อมกัน รอยยิ้มบางคลี่บนริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว

ก่อนหน้านี้ เธอยังอดกังวลเรื่องภาคินทร์ไม่ได้ กลัวว่าลูกจะงอแงเมื่อต้องย้ายออกจากบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิด

แต่วันนี้...เธอโล่งใจแล้ว เมื่อเห็นว่าลูกชายตัวน้อยไม่ดื้อ ไม่งอแง ราวกับรับรู้ถึงความรู้สึกของแม่ และคอยเป็นกำลังใจให้เธออย่างเงียบ ๆ

เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง พร้อมเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุดเท่าที่คนเป็นแม่คนหนึ่งจะทำได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 16

    ภูวินทร์ลืมตาขึ้น เมื่อเสียงลมแรงพัดกระทบกระจกหน้าต่างดังแผ่ว ๆ ความคิดของเขาถูกดึงกลับจากอดีตอันขมขื่นสู่ปัจจุบัน เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาวราวกับอยากระบายบางสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในอกให้หลุดออกไปกับลมหายใจนั้นชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนอนของลูกเพื่อดูความเรียบร้อย แสงไฟจากโถงทางเดินลอดผ่านประตูแง้มเข้าไป เผยให้เห็นภาคินทร์นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเล็ก ใบหน้าไร้เดียงสาของลูกชายทำให้หัวใจที่หนักอึ้งของเขาอ่อนยวบลง“ฝันดีนะ...ลูกพ่อ” เขาพึมพำเสียงแผ่ว พลางดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวลูกให้มิดชิด ก่อนจะปิดประตูห้องอย่างเบามือจากนั้น เดินกลับไปยังห้องนอนใหญ่ของตนกับคะนึงนิจ เสียงน้ำจากฝักบัวดังคลอเบา ๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงียบลง ภูวินทร์เช็ดตัว ลูบผมให้แห้ง แล้วเอนกายลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาคะนึงนิจนอนอยู่ด้านหนึ่งของเตียง แสงไฟสีอบอุ่นจากโคมหัวเตียงอีกฝั่งหนึ่งสะท้อนให้เห็นใบหน้าสงบนิ่งยามหลับสนิทของเธอบางส่วน เขามองภาพนั้นนิ่งก่อนจะดับไฟที่โคมหัวเตียงข้างตัว ขยับตัวเข้าใกล้ วาดแขนโอบรอบร่างของภรรยาอย่างแผ่วเบา เขาหลับตาลงช้า ๆคืนนี้ เขายังมีเธออยู่ตรงนี้ มีลูกน้อยที่รอการปกป้องอยู่

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 15

    ตอนสายของวัน ภูวินทร์เดินเข้าบ้านอย่างเงียบเชียบ เสียงหัวเราะสดใสของภาคินทร์ดังแว่วออกมาจากมุมห้องนั่งเล่นคะนึงนิจนั่งอยู่บนโซฟา กำลังอ่านนิทานให้ลูกชายฟัง เมื่อเห็นสามีก้าวเข้ามา เธอเงยหน้าขึ้น ยิ้มอ่อนโยนตามเคย“พี่ภูกลับมาแล้วเหรอคะ นิจเป็นห่วงทั้งคืนเลย” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลภูวินทร์หลบสายตา ก่อนฝืนยิ้มตอบจาง ๆ “จ้ะ... เมื่อคืนขอโทษด้วยนะ พอดีดื่มมากไปหน่อย กลัวจะกลับมากวนทั้งนิจกับลูก พี่เลยนอนค้างที่ออฟฟิศ เพราะอยู่ใกล้กับที่จัดเลี้ยง มือถือพี่ก็ดันแบตหมด พี่ไม่ทันดูตอนเผลอหลับไปก่อนจะโทรบอกนิจ”น้ำเสียงของเขาเรียบเรื่อยเหมือนพยายามพูดให้เป็นเรื่องปกติ ทว่ามีบางอย่างในแววตาและท่าทางนั้น...ไม่เหมือนเดิม คล้ายคนที่กำลังปิดบังบางสิ่งไว้ใต้รอยยิ้มอ่อนล้าและคำแก้ตัวที่พยายามอธิบายอย่างเบี่ยงประเด็นเขาพูดพลางย่อตัวลงจูบหน้าผากลูกน้อยเบา ๆ ภาคินทร์ยิ้มกว้าง ก่อนจะโผเข้ากอดคอพ่อแน่นด้วยความดีใจ“นิจก็เป็นห่วงอยู่พอดี โชคดีที่พี่ภูบอกไว้ก่อนแล้วว่าจะมีงานเลี้ยง พี่ภูขึ้นไปอาบน้ำก่อนไหมคะ เดี๋ยวนิจเตรียมข้าวเช้าให้”“อืม...พี่ทานมาแล้ว พอดีวิทยามาออฟฟิศแต่เช้า เลย

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 14

    ภูวินทร์นั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน ข้างกายมีขวดวิสกี้วางอยู่ เงาแสงจากโคมไฟสะท้อนบนแก้วที่เหลือวิสกี้อยู่ค่อนแก้ว ใบหน้าของเขาดูนิ่งสงบ แต่แววตาเหม่อลอยคล้ายคนหลงอยู่ในภวังค์เบื้องนอก หน้าต่างบานใหญ่เผยให้เห็นท้องฟ้ามืดสนิท ไร้แม้แต่แสงดาว มีเพียงแสงจันทร์ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาแต้มเงาบางบนพื้นห้องทั้งห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงนาฬิกาที่เดินเป็นจังหวะภูวินทร์เอนหลังลงบนโซฟา ปล่อยให้แอลกอฮอล์ไหลซึมเข้าสู่กระแสเลือดช้า ๆ ความอุ่นจากของเหลวในลำคอไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อยเขานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ความคิดค่อย ๆ ลอยย้อนกลับไปทีละน้อย ความทรงจำที่ผ่านไปเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึก ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตใจในอดีตชาติ...“นิจ วันนี้พี่ได้รับรางวัล สตาร์ทอัพดาวรุ่งแห่งปี จากกระทรวงพาณิชย์ด้วยนะ นี่ไง...โล่รางวัลของพี่”ภูวินทร์ในชุดสูทดำเรียบหรูพอดีตัวเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เขาชูโล่รางวัลขึ้นให้ภรรยาสาวดู ดวงตาเปล่งประกายด้วยความดีใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาล้มลุกคลุกคลานไม่น้อยกว่าจะพาบริษัทก้าวมาถึงจุดนี้ได้ วันที่ทุกอย่างเริ่มมั่นคง แล

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 13

    ภาคินทร์หันซ้ายหันขวาอยู่ในอ้อมแขนของภูวินทร์ เด็กน้อยดูตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัว สีสันสดใสจากร้านรวงและของตกแต่งดึงดูดสายตาเขาให้หันมองไม่หยุดภูวินทร์อาสาอุ้มลูกเอง เพราะไม่อยากให้ลูกน้อยนั่งรถเข็นอยู่ลำพังโดยมองไม่เห็นพ่อแม่ ถึงลูกจะเริ่มตัวโตและหนักขึ้น แต่ในอ้อมแขนของเขากลับรู้สึกเบาสบาย เขามีความสุขที่ได้อุ้มลูกไว้แนบอก คอยชี้ชวนให้ดูนั่นดูนี่ระหว่างเดินบางครั้ง ภาคินทร์ก็พูดเลียนเสียงพ่อออกมาสั้น ๆ หนึ่งหรือสองพยางค์ เสียงใส ๆ นั้นทำให้ภูวินทร์หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู หัวใจของเขาอิ่มเอมจนพองโตที่ได้ใกล้ชิดลูกในวันนี้“เฮ้ย ภู มาได้ยังไงเนี่ย ฉันก็นึกว่านายเข้าออฟฟิศซะอีก เลยฝากเอกสารไว้กับเลขาฯ นายไปแล้ว”เสียงของวุฒิดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง หญิงสาวที่เดินเคียงข้างมากับเขารีบปล่อยมือที่เกาะแขนชายหนุ่มไว้แทบจะทันที“อ้าว วุฒิ บังเอิญจริง” ภูวินทร์เอ่ยเรียบ ๆ พลางยกคิ้วเล็กน้อย “วันนี้พอดีมีธุระตอนเช้า ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จกี่โมง ก็เลยบอกวิทยาไว้ก่อนว่าไม่เข้า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบดูเอกสารให้นะ”“สวัสดีครับ นิจ ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย” วุฒิหันมาทักคะนึงนิจด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง“สวัสดี

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 12

    “แล้วก็...ป้าลืมบอกนิจไป พรุ่งนี้ป้าจะไปโรงพยาบาลกับภูนะ”ป้าสร้อยพูดขึ้นพลางตักข้าวเข้าปาก “ภูคุยกับป้าเมื่อวานซืน ว่าอยากให้ป้าไปตรวจสุขภาพบ้าง ป้าว่าก็ดีเหมือนกันเลยตกลงไป ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ท้องอืดบ่อย แล้วก็มีอาการท้องเสียถี่ ๆ ด้วย ป้าเลยว่าจะให้หมอตรวจดูให้แน่ใจ”“แล้วมีอาการอื่นที่ผิดปกติอีกไหมคะป้า”คะนึงนิจถามพลางวางช้อนในมือลง เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยด้วยความตกใจและเป็นห่วงเธอรู้สึกตื่นตระหนก หัวใจเหมือนถูกบีบรัดทันทีที่ได้ยินคำว่า ท้องอืดบ่อย...ท้องเสียถี่ความทรงจำจากชาติที่แล้วแล่นวาบเข้ามาในหัว ครั้งนั้น กว่าที่จะรู้ว่าป้าสร้อยป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ ก็สายเกินกว่าที่จะรักษาไปแล้ว ระยะสุดท้าย...หมอก็บอกได้เพียงให้เตรียมใจในชาติก่อน เธอวุ่นวายอยู่กับงานจนไม่มีเวลาแม้แต่จะหันมามองคนใกล้ตัวด้วยงานที่หนักและวุ่นวาย จนเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับการทำงาน คะนึงนิจผลักภาระการดูแลลูกให้ป้าสร้อยแทบทั้งหมด โดยไม่รู้เลยว่าคนที่เธอรักมากที่สุด...กำลังเจ็บป่วยอยู่เงียบ ๆและในชาตินี้ เธอกลับกำลังทำสิ่งเดิมซ้ำอีกครั้งความรู้สึกผิดแล่นวูบขึ้นในใจ คะนึงนิจเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนเอ่ยด้วยเสียง

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 11

    ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จันทร์รวีเริ่มเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของภูวินทร์อย่างเงียบ ๆเธอศึกษาทุกอย่าง ตั้งแต่เวลาที่เขาเข้าหรือออกจากสำนักงาน ช่วงที่เขาออกไปประชุม หรือแม้กระทั่งนิสัยส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มณีรัตน์ เลขาฯ หน้าห้องมักเผลอหลุดปากเล่าให้ฟังระหว่างพักกลางวัน“คุณภูเป็นคนตรงเวลาเป๊ะเลยค่ะ ขนาดประชุมที่ว่าด่วนแค่ไหน ก็ไม่เคยให้ลูกน้องรอนาน” มณีรัตน์เคยพูดอย่างชื่นชมจันทร์รวีเพียงยิ้มบาง “แหม ผู้ชายแบบนี้สิคะ ที่น่าชื่นชม”ในขณะที่มือเรียวกำลังถือแก้วกาแฟ เธอแอบสังเกตสายตาของเลขาฯ สาวที่พูดถึงเจ้านายด้วยน้ำเสียงชื่นชอบเกินกว่าความเคารพตามหน้าที่มณีรัตน์เองก็คงชอบเขาอยู่สินะ...แต่เธอไม่ทันฉันหรอก จันทร์รวีคิดพลางยกแก้วจิบเบา ๆเธอเริ่มวางแผนอย่างเป็นขั้นตอนเริ่มจากการปรากฏตัว “โดยบังเอิญ” ตามจุดต่าง ๆ ที่เขาผ่าน เช่น ล็อบบี้บริษัท ห้องอาหารชั้นล่าง หรือแม้แต่ลิฟต์โดยสารที่เธอคำนวณเวลาไว้ล่วงหน้าเขาแทบไม่มองเธอเลย แต่เธอก็ไม่เร่งรีบ จันทร์รวีรู้ดีว่า ผู้ชายอย่างเขา...ต้องการเวลาและช่องว่างที่พอดีให้ความสนใจค่อย ๆ เติบโตจนกระทั่งวันหนึ่ง ระหว่างที่ภูวินทร์กำลังรอรถอยู่หน้าตึก เ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status