Home / โรแมนติก / โอบฟ้ามาห่มดิน / บทที่ 10 ปีสุดท้าย - 75%

Share

บทที่ 10 ปีสุดท้าย - 75%

last update Last Updated: 2025-06-09 13:06:51

“ถ้าคุณแม่ไม่พูดป่าวประกาศออกไปก็ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ” ปวันรัตน์เถียงมารดากลับไปอย่างเหนื่อยหน่าย

“ฉันน่ะไม่มีทางพูดแน่เรื่องเสื่อมเสียแบบนี้รู้ถึงไหนอายถึงนั่น แกทำให้ฉันผิดหวังมากนะ ฉันอุตส่าห์เลี้ยงแกมาอย่างดี เงินทองอยากได้เท่าไรก็ไม่เคยเกี่ยงขอแค่เป็นเด็กดีและเชื่อฟัง โตขึ้นจะได้ทำงานที่มีเกียรติและหาสามีดี ๆ ให้เป็นที่เชิดหน้าชูตา แล้วนี่อะไร แกตอบแทนฉันแบบนี้หรือ”

“หนูก็เป็นเด็กดีให้คุณแม่แล้วไงคะ หนูไม่ชอบวิทย์คณิต อยากเรียนศิลป์ภาษาเพราะอยากเป็นแอร์ คุณแม่ก็บังคับให้หนูเรียนสายวิทย์ และบอกให้หนูสอบเข้าคณะแพทย์ คุณแม่ให้หนูเรียนพิเศษทั้งเสาร์อาทิตย์ สารพัดวิชาที่คุณแม่อัดมาให้หนูก็เรียนตามที่คุณแม่บอก หนึ่งอาทิตย์มีเจ็ดวันหนูต้องเรียนซ้ำ ๆ ซาก ๆ กับสิ่งที่หนูไม่ชอบทั้งเจ็ดวันก็เพราะไม่อยากขัดใจคุณแม่ แต่คุณแม่เคยถามหนูบ้างไหมว่าเหนื่อยรึเปล่า เครียดไหม เรียนหนักเกินไปไหม อยากพักผ่อนบ้างรึเปล่า...ไม่เลย คุณแม่ไม่เคยถามหนูสักครั้ง คุณแม่เอาแต่พูดว่าสอบเทอมนี้เกรดห้ามต่ำกว่าสามจุดห้า ถ้าต่ำกว่านี้หนูจะโดนตัดเงินเดือน และต้องเรียนเสริมเพ

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 10 ปีสุดท้าย - 75%

    “ถ้าคุณแม่ไม่พูดป่าวประกาศออกไปก็ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ” ปวันรัตน์เถียงมารดากลับไปอย่างเหนื่อยหน่าย“ฉันน่ะไม่มีทางพูดแน่เรื่องเสื่อมเสียแบบนี้รู้ถึงไหนอายถึงนั่น แกทำให้ฉันผิดหวังมากนะ ฉันอุตส่าห์เลี้ยงแกมาอย่างดี เงินทองอยากได้เท่าไรก็ไม่เคยเกี่ยงขอแค่เป็นเด็กดีและเชื่อฟัง โตขึ้นจะได้ทำงานที่มีเกียรติและหาสามีดี ๆ ให้เป็นที่เชิดหน้าชูตา แล้วนี่อะไร แกตอบแทนฉันแบบนี้หรือ”“หนูก็เป็นเด็กดีให้คุณแม่แล้วไงคะ หนูไม่ชอบวิทย์คณิต อยากเรียนศิลป์ภาษาเพราะอยากเป็นแอร์ คุณแม่ก็บังคับให้หนูเรียนสายวิทย์ และบอกให้หนูสอบเข้าคณะแพทย์ คุณแม่ให้หนูเรียนพิเศษทั้งเสาร์อาทิตย์ สารพัดวิชาที่คุณแม่อัดมาให้หนูก็เรียนตามที่คุณแม่บอก หนึ่งอาทิตย์มีเจ็ดวันหนูต้องเรียนซ้ำ ๆ ซาก ๆ กับสิ่งที่หนูไม่ชอบทั้งเจ็ดวันก็เพราะไม่อยากขัดใจคุณแม่ แต่คุณแม่เคยถามหนูบ้างไหมว่าเหนื่อยรึเปล่า เครียดไหม เรียนหนักเกินไปไหม อยากพักผ่อนบ้างรึเปล่า...ไม่เลย คุณแม่ไม่เคยถามหนูสักครั้ง คุณแม่เอาแต่พูดว่าสอบเทอมนี้เกรดห้ามต่ำกว่าสามจุดห้า ถ้าต่ำกว่านี้หนูจะโดนตัดเงินเดือน และต้องเรียนเสริมเพ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 10 ปีสุดท้าย - 50%

    “เออว่ะ หายไปทั้งคู่เลย ไปห้องน้ำมั้ง” ภัทรวีนึกอยากส่งข้อความไปหาเพื่อนทั้งสองคนแต่ติดที่กฎของโรงเรียนห้ามใช้โทรศัพท์ในเวลาเรียน จึงได้แต่นั่งรอพลางมองไปที่ประตูห้องเป็นระยะ“จะเช็กชื่อแล้วด้วยว่ะ สองคนนั้นยังไม่มาอีก” มนัสนันท์มองไปทางหน้าห้องด้วยความหวาดหวั่นเพราะอาจารย์ที่ปรึกษากำลังไล่เช็กชื่อนักเรียนตามเลขที่ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเลขที่ของปวันรัตน์“ปวันรัตน์” อาจารย์โฉมสุดามองไปรอบห้องแต่ไม่เห็นมีคนยกมือขานรับจึงถามขึ้น “ขาดเรียนหรือ”“ตอนเข้าแถวยังเห็นอยู่นะคะอาจารย์ น่าจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ” เพื่อนในห้องคนหนึ่งเป็นฝ่ายตอบ ภัทรวีกับมนัสนันท์จึงมองหน้ากันด้วยความโล่งอกขณะเดียวกัน พราวนภาที่ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเสียงครางแผ่วปนสะอื้นดังมาจากห้องที่ปวันรัตน์เข้าไปใช้ หญิงสาวจึงเดินไปยืนหน้าห้องนั้นแล้วถามเบา ๆ“เปิ้ล แกเป็นอะไรรึเปล่า” ถามออกไปแล้วก็ต้องสงสัยมากกว่าเดิมเมื่อเสียงของเพื่อนที่ได้ยินผ่านประตูออกมานั้นราวก

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 10 ปีสุดท้าย - 25%

    นฤบดินทร์ได้ยินคำถามก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบสั้น ๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำ “มีแล้ว”“ก็ว่างั้นแหละ อย่างแกนี่ไม่น่าโสด” ชลณิชาพูดกลั้วหัวเราะ เธอจำได้ดีว่าตอนเรียนมัธยมปลายด้วยกันมาสามปีเต็มนั้น นฤบดินทร์ฮอตมากแค่ไหน เทศกาลสำคัญโดยเฉพาะวันวาเลนไทน์ เขามักได้ของขวัญหรือขนมดี ๆ มาเพียบ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเธอที่เป็นเพื่อนสนิทนั้นก็พลอยได้อานิสงส์ไปด้วย“รุ่นเดียวกันรึเปล่า แล้วเขาเรียนเมืองไทยหรือ ทำไมไม่มาเรียนที่นี่ด้วยกันล่ะ” หญิงสาวถามต่อ แต่ชายหนุ่มเหลือบตามองคนถามพลางยิ้มอ่อน“แกนี่มันช่างซักช่างถามเหมือนเดิมเลยนะมิ้นต์” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปที่บันทึกไว้ในนั้นแล้วส่งให้เพื่อนดูบ้าง พร้อมกับพูดต่ออีกว่า“รุ่นน้อง ยังเรียนไม่จบก็เลยยังมาไม่ได้”ชลณิชาได้ยินคำตอบห้วน ๆ สั้น ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่ายจึงส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้“แกก็ถามคำตอบคำเหมือนเดิมนั่นแหละวะ แหม...แล้วมาบอกว่าฉันช่างถาม ก็ฟังแกตอบเข้าสิ แทนที่จะบอกมาให้ครบเลยว่าเรียนปีอะไรแล้ว อยู่ม

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 9 นอนคนเดียว - 100%

    เมื่อได้ยินเพื่อนพูดมาแบบนั้น พราวนภาก็อดแย้งขึ้นไม่ได้ เพราะหากพูดกันตามตรงแล้วเธอก็เคยเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่พร้อมจะมีลูกเช่นกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยังอยู่มาได้จนถึงตอนนี้“มันก็ไม่แย่ขนาดนั้นหรอกมั้ง ท้องตอนเรียนไม่จบก็ออกมาคลอดแล้วกลับไปเรียนใหม่ก็ได้นี่นา เปิ้ลมันหัวดีอยู่แล้ว ภาษามันก็ดี ครอบครัวก็มีเงิน ฉันว่าต่อให้มันลาออกกลางคันแล้วมาหาทำธุรกิจอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็น่าจะไปรอดนะแพม สมัยนี้งานบางอย่างมันไม่ต้องใช้ใบปริญญาด้วยซ้ำ”“เออเนอะ” เธอได้ยินเสียงภัทรวีถอนหายใจ จากนั้นก็ตามมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“พราว! ไอ้เปิ้ลมันโทร. มา แค่นี้ก่อนนะ ฉันรับสายมันก่อน”พราวนภานึกถึงเรื่องของตัวเองที่บิดากับแม่จันทร์เจ้าเคยเล่าให้ฟัง เพียงตะวัน มารดาบังเกิดเกล้าของเธอก็ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมเช่นกัน บิดาของเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของตนกำลังจะลืมตาดูโลก แต่มารดาก็ตัดสินใจเก็บเธอไว้แม้ว่าตอนนั้นครอบครัวจะเจอมรสุมใหญ่ก็ตามหญิงสาวลุกขึ้นแล้วหันหลังกลับเพื่อเดินเข้าบ้าน แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อเห็น

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 9 นอนคนเดียว - 75%

    “พี่ว่าเราอย่ายืนคุยกันตรงนี้ดีกว่าแดดมันร้อนน่ะ น้องพราวนั่งรถไปกับพี่ละกันครับไหน ๆ เราก็จะไปที่เดียวกันอยู่แล้ว พี่เข็นจักรยานไปเก็บให้นะ”ภราดรกุลีกุจอเข็นจักรยานไปไว้ในโรงรถตามเดิมพร้อมกับปิดประตูรั้วให้อย่างเรียบร้อย ก่อนจะผายมือให้หญิงสาวขึ้นไปนั่งข้างคนขับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“ขอบคุณค่ะพี่บาส” พราวนภายิ้มจนแก้มบุ๋มก่อนจะเดินอ้อมตัวรถไปนั่งอีกฝั่งโดยมีสายตาของภราดรมองใบหน้าสวยหวานที่มีลักยิ้มบนแก้มซ้ายนั่นตามหลังไปตาปรอยชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วก่อนจะเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ เห็นเธอกำลังคาดเข็มขัดนิรภัยเขาจึงลอบมองเสี้ยวหน้าของหญิงสาวอย่างอดใจไม่อยู่เขาเองก็แอบชอบพราวนภาเช่นเดียวกับเพื่อนรักอย่างนฤบดินทร์ แต่เขาเพิ่งมารู้สึกชอบเธอเมื่อตอนที่หญิงสาวขึ้นชั้นมัธยมปลาย ผิดกับนฤบดินทร์ที่แทบจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกันไปแล้ว และเพราะความเป็นเพื่อนที่มีมาอย่างยาวนาน เขาจึงยอมถอยเพราะรู้ดีว่าความรู้สึกที่นฤบดินทร์มีให้หญิงสาวนั้นลึกซึ้งมากกว่าเขานักแต่พอได้มาอยู่ใกล้กันอย่างนี้ เขาก็อดหวั่นไหวไม่ได้ คิดแล้วก็นึกโทษตัวเองที่

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 9 นอนคนเดียว - 50%

    “อาทิตย์หน้าพราวเปิดเทอมแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มเปลี่ยนโหมดโทรศัพท์มาใช้กล้องหน้าตามเดิม“ใช่ พราวอยากให้เปิดเร็ว ๆ เพราะอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ อยากจบม.หกเร็ว ๆ อยากให้สามปีผ่านไปเร็ว ๆ” ประโยคหลังเธอพูดเสียงเบาแต่นฤบดินทร์ก็ยังได้ยินอยู่ดีเพราะเสียงของเธอเข้าลำโพงมา“ตอนนี้ก็บอกว่าอยากจบม.ปลายเร็ว ๆ แต่พอถึงเวลาเข้าจริง ๆ ก็ใจหายนะ” ชายหนุ่มหย่อนตัวนั่งบนเตียง“ก็ใช่ อีกแค่แป๊บเดียวพราวก็จะได้เป็นนักศึกษา เท่ากับว่าพี่ดินจะกลับเมืองไทยตอนพราวอยู่ปีสองพอดีเลยสิ”“ปีสามสิ แต่ถ้ามีโอกาสได้ฝึกงานกับบริษัทดี ๆ ก็อาจจะอยู่ต่ออีกสักปีแล้วค่อยกลับไทย” เขาพูดไปตามที่คิด เพราะความตั้งใจที่มาเรียน MIT นั้นก็เพื่อปูทางสำหรับการทำงานในอนาคตโดยเฉพาะ และถ้าได้ฝึกงานกับบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของโลกก็ยิ่งเป็นโอกาสดีที่เขาไม่ควรปล่อยผ่าน“โหย...พูดมาแบบนี้แสดงว่าคิดเอาไว้แล้วใช่ไหมว่าน่าจะเกินสามปีอย่างที่บอก” พราวนภาพูดเสียงอ่อย“ก็พูดเผื่อไว้ไง จะว่าไปแล้ว ไม่ว่าจะสามปีหรือห้าปีมันก็ไม่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status