“ความจริงเกรซคิดมาแล้วละว่าจะขายบ้าน แต่ต้องรอแม่ออกจากไอซียูก่อน ดินก็รู้ว่าจะขายบ้านสักหลังไม่ใช่ว่าจะได้เงินวันนี้พรุ่งนี้ แต่เงินสามแสนนี่เกรซจำเป็นต้องใช้ตอนนี้จริง ๆ เพราะไม่อย่างนั้นแม่ก็จะไม่ได้ผ่าตัด เกรซมีแม่แค่คนเดียว” พูดจบเธอก็เม้มปากแน่นราวกับสะกดกลั้นก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกอยู่ตรงคอ
นฤบดินทร์ลอบกลอกตามองไปทางอื่นอย่างแนบเนียน แม้ผู้หญิงคนนี้จะเคยคบหากับเขามาช่วงหนึ่งถึงขั้นลึกซึ้งมีอะไรกันด้วยซ้ำ แต่เจ้าหล่อนกลับไม่รู้จักนิสัยของเขาเอาเสียเลยว่าการใช้น้ำตาของผู้หญิงนั้นไม่มีผลกับเขา และที่สำคัญ เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษแสนดีที่เห็นคนเดือดร้อนแล้วจะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
“เมื่อกี้เกรซเห็นดินซื้อของให้แฟนเป็นหมื่น ๆ เลย แฟนดินยังดูเด็กอยู่เลยเนอะเห็นเดินเลือกของอยู่ตั้งนานแถมยังเลือกตั้งเยอะแน่ะ แต่เกรซก็รู้ว่าดินคงใจดีจ่ายให้ทุกบาทเหมือนเดิมเพราะตอนเราคบกันดินก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าเกรซอยากได้อะไรดินก็ซื้อให้ทุกอย่าง...ความจริงเกรซยังรักดินอยู่นะ ถ้าดินไม่รังเกียจ ดินจะมาหาเกรซบ้างก็ได้”
การที่หญิงสาวเชิญชวนให้เขาไปนอนด้วยนั้นไม่เคยอยู่ในความคิดเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้นฤบดินทร์ตวัดตามองคนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ก็เพราะอีกฝ่ายพูดถึงพราวนภามากกว่า เกรซพูดแบบนี้ก็หมายความว่าเธอแอบติดตามดูเขากับพราวนภามาสักพักแล้ว ถ้าเธอมาตามดูเขาคนเดียวจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่เจ้าตัวกลับไปตามดูพราวนภาในช่วงที่เขาไม่อยู่ มิเช่นนั้นเกรซจะรู้ได้อย่างไรว่าพราวนภาใช้เวลาเดินเลือกของนาน ซึ่งการทำแบบนี้เขาถือว่าอีกฝ่ายล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว ใครหน้าไหนที่บังอาจมายุ่งกับคนของเขา เขาจะไม่ให้มันได้อยู่อย่างสงบแน่นอน
“ทุกวันนี้ยังอยู่บ้านหลังเดิมรึเปล่า เผื่อคืนนี้จะแวะเอาเงินไปให้ที่บ้าน” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อนพลางมองหน้าหญิงสาวนิ่ง สายตาของเขาทำให้เกรซเข้าใจผิดคิดว่านฤบดินทร์ต้องการมาเก็บ “ดอกเบี้ย” กับตนล่วงหน้าจึงยิ้มกว้างด้วยความยินดี
“เปล่า ๆ ตอนนี้เกรซอยู่คอนโดฯ แถวรัชดาน่ะ บ้านหลังใหญ่ขนาดนั้นเกรซไม่อยากอยู่คนเดียวเพราะคิดถึงแม่”
“ส่งพิกัดมาละกัน คืนนี้จะแวะไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แค่นั้นก็ทำให้คนฟังดีใจจนหน้าระรื่น
“ได้สิ เกรซจะส่งพิกัดไปให้นะ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะดิน เกรซรู้อยู่แล้วว่าดินจะต้องช่วย ดินจะให้เกรซทำอะไรเกรซยินดีทำทุกอย่างเลย จริง ๆ นะขอแค่ดินบอกมาแค่นั้น”
“อืม แล้วเจอกัน” พูดจบเขาก็เดินจากมาโดยไม่หันไปมองหน้าของหญิงสาวอีกเลย เขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะยิ้มร่าด้วยความดีใจแค่ไหน เพราะเธอก็คงได้ยิ้มแค่ตอนนี้เท่านั้น หลังจากคืนนี้เป็นต้นไปเธอก็จะยิ้มไม่ออกอีกแล้ว
เมื่อนฤบดินทร์กลับเข้าไปในร้านอาหารอีกครั้ง พราวนภาก็ยิ้มกว้างให้เช่นเคย อาหารบนโต๊ะทยอยมาเสิร์ฟแล้วสองอย่างแต่หญิงสาวยังไม่ตักกินเพราะต้องการรอให้เขากลับมาก่อน
เมื่อชายหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ พราวนภาก็ลุกขึ้นมานั่งติดกับเขาทั้งยังเอนตัวเข้ามาใกล้
“ทำอะไรน่ะเรา” เขาเบี่ยงตัวห่างออกมาเล็กน้อย แต่พอเห็นเธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเปิดโหมดถ่ายภาพ เขาก็รู้ทันทีว่าพราวนภาต้องการถ่ายรูปคู่กับเขา
“พราวอยากถ่ายรูปคู่กับพี่ดินนี่นา เดือนหน้าพี่จะไปเมืองนอกแล้ว...พี่ดินมองกล้องนะ ยิ้มหน่อยเร็ว”
ชายหนุ่มมองพราวนภาจากหน้าจอโทรศัพท์ รอยยิ้มเจิดจ้าของเธอเขาจดจำได้ขึ้นใจ ทว่าอีกไม่นานเขาก็คงไม่ได้เห็นอีกแล้ว และบางทีหลังจากที่เขาเรียนจบกลับมา ป่านนั้นพราวนภาก็คงมีคนรักเป็นตัวเป็นตนแล้วกระมัง
ถ่ายรูปเสร็จหญิงสาวก็กลับไปนั่งที่ของตน จากนั้นก็เธอก็นำกุญแจรถกับกระเป๋าสตางค์ของเขายื่นส่งให้ เมื่อนฤบดินทร์รับมาแล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นสิ่งแปลกปลอมบางอย่างห้อยอยู่กับกุญแจรถของเขา
“มาจากไหนเนี่ย” เขาเปรยขึ้นเบา ๆ พลางมองเลยไปยังคนที่นั่งยิ้มอวดรอยบุ๋มที่แก้ม
“หนูพราวซื้อให้พี่ดินเองแหละ ตอนแรกว่าจะซื้อที่ห้อยโทรศัพท์ แต่พี่ดินเป็นคนขี้รำคาญคงไม่ชอบให้มีอะไรมาป้วนเปี้ยนตรงหูเวลาคุยก็เลยซื้อเป็นพวงกุญแจมาให้ นี่พราวเลือกแบบที่ไม่รุงรังมากนะเพราะรู้ว่าพี่ไม่ชอบ หนูพราวไม่ขออะไรมาก ขอแค่พี่พกมันไปอเมริกาด้วยก็พอ เวลาพี่เห็นมันจะได้คิดถึงพราวไง”
“ได้สิ” นฤบดินทร์ยิ้มบาง ๆ พลางมองพวงกุญแจรูปหมีเท็ดดี้ใส่ชุดสีชมพูและติดโบว์สีแดง หากเพื่อนสนิทมาเห็นเขาห้อยหมีเท็ดดี้ในชุดหวานแหววกับกุญแจรถคงโดนแซวไม่เลิกเป็นแน่ ถ้าคนอื่นให้มาเขาคงเอาออกทันที แต่นี่เป็นพราวนภา ซึ่งเขาถือว่าเป็นของแทนใจจากเธอ
หลังจากซื้อของและรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว สองหนุ่มสาวก็พากันเดินทางกลับ เพราะหากอยู่นานกว่านี้ พราวนภาจะต้องออดอ้อนให้นฤบดินทร์ดูภาพยนตร์เป็นเพื่อนแน่ ซึ่งชายหนุ่มไม่ต้องการอย่างนั้น อีกทั้งเขารู้ตัวเองดีว่าหากโดนหญิงสาวตื๊อมากเข้าตนคงใจอ่อน ฉะนั้นการกลับบ้านจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
นฤบดินทร์มองใบหน้ายิ้มแย้มของพราวนภาที่กำลังชื่นชมของสะสมที่ซื้อมาก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ หญิงสาวขี้เห่อมาตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งที่ซื้ออะไรมาใหม่เจ้าตัวมักจะเปิดกล่องดูทันที ไม่ยอมอดใจรอไปเปิดดูที่บ้าน
“อยากให้พี่ดินเห็นตู้โชว์เท็ดดี้ของพราวจังเลย พราวจัดตู้ใหม่แล้วนะ เอาไว้พราวกลับบ้านเมื่อไร พี่ดินต้องมาดูที่ห้องพราวให้ได้นะ” เธอพูดไปยิ้มไป แต่คนฟังอย่างเขากลับเห็นใบหน้าถมึงทึงของภาวิน บิดาของหญิงสาวผุดวาบขึ้นมาในหัวทันทีอย่างช่วยไม่ได้
“น้าจะขึ้นไปได้ยังไง นั่นมันห้องนอนเธอนะ” เขาเอ่ยปากเตือนเพราะหลายครั้งพราวนภาก็มักลืมตัวเสมอว่าตนไม่ใช่เด็กหญิงตัวน้อยในวันวานอีกแล้ว
“ไม่เห็นเป็นไรเลย เมื่อก่อนพี่ดินยังอุ้มพราวไปส่งที่ห้องบ่อยไป” เธอทำหน้าง้ำโดยที่สายตายังให้ความสนใจกับบรรดาเท็ดดี้แบร์บนตัก
ชายหนุ่มคร้านจะเถียงกับพราวนภา ทั้งที่ใจอยากพูดออกไปเหลือเกินว่าเมื่อก่อนที่เธอพูดถึงนั้นคือตอนเจ้าตัวยังอายุแค่เจ็ดแปดขวบ ตอนนี้เธอสิบเจ็ดแล้ว หากเขาอุ้มเธอขึ้นห้องนอนมีหวังได้โดนบิดาจอมหวงของเธอเล่นงานแน่
พลันนั้น นฤบดินทร์ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ชายหนุ่มขับรถไปก็มองหาร้านสะดวกซื้อริมทางไปด้วย เมื่อเจอแล้วเขาก็จอดชิดทางเท้าแล้วหันไปบอกพราวนภาว่า
“พราวลงไปซื้อน้ำเปล่าให้น้าหน่อยสิ” เขาปลดล็อกรถพลางยื่นธนบัตรให้เธอ
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะมองไปที่ประตูฝั่งคนขับ ตรงนั้นมีน้ำเปล่าเหลืออยู่ประมาณครึ่งขวด ชายหนุ่มจึงหยิบน้ำขวดนั้นออกมาแล้วยื่นส่งให้พร้อมกับพูดว่า
“ฝากทิ้งด้วย มันไม่เย็นแล้ว”
พราวนภายิ้มขำ “เจ้าค่ะคุณชาย” จากนั้นหญิงสาวก็ลงจากรถไป
ครั้นพอเห็นเธอเข้าร้านสะดวกซื้อไปแล้ว นฤบดินทร์จึงรีบเปิดกระเป๋าสะพายของหญิงสาวแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา จากนั้นก็จัดการปิดเครื่องแล้วนำมันไปแอบไว้ใต้เบาะที่เธอนั่ง เสร็จเรียบร้อยก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จนกระทั่งพราวนภาขึ้นรถมาพร้อมกับน้ำเปล่าเย็นเฉียบสองขวด
“พราวเอามือพิสูจน์ความเย็นแทบจะทุกขวดเลยนะเนี่ยเพราะเห็นพี่ดินชอบดื่มน้ำเย็น ๆ”
ชายหนุ่มยิ้มอ่อน ไม่ได้พูดอะไร เขาเปิดขวดน้ำแล้วยกดื่มอึกหนึ่งก่อนจะวางไว้ข้างประตูเช่นเคย จากนั้นจึงขับรถต่อเพื่อไปส่งหญิงสาวที่บ้าน
“เยี่ยมเลยเมียจ๋า” วิเศษยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะ ณ เวลานี้นอกจากเขาจะได้นอนมองภูเขาไฟฟูจิแล้ว ตรงหน้าเขาก็ยังมีสาวเปลือยหุ่นเซ็กซี่มาส่ายบั้นท้ายสวย ๆ สร้างความสุขให้เขาอีกด้วย แม้จะเห็นแค่แผ่นหลังของเธอ แต่แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องมากระทบร่างของหญิงสาวจนทำให้ดูเหมือนร่างทั้งร่างของเธอเปล่งประกายขึ้น ก็ยิ่งทำให้ภาพเบื้องหน้าเขาตอนนี้สวยงามราวกับศิลปะชิ้นเอกสองปีกว่าที่อยู่ในฐานะคู่หมั้น แต่เขากับเธอใช้ชีวิตร่วมกันในคอนโดฯ ไม่ต่างจากสามีภรรยาคู่หนึ่ง จะต่างก็แค่พราวนภาไม่ได้นอนค้างกับเขาเพราะต้องกลับไปนอนที่บ้าน เขาเองก็เช่นกันที่ต้องกลับไปนอนบ้านของตัวเอง นอกเหนือจากนั้นเราสองคนต่างดูแลกันและกันเป็นอย่างดีเขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้พราวนภาทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ทั่วไป ให้เงินเธอใช้ และดูแลให้เธอสุขสบายเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ส่วนพราวนภาก็คอยมาดูแลทำความสะอาดห้องในคอนโดฯ ให้เขา ทำกับข้าวให้กิน และดูแลเขาในเรื่องอื่น ๆ ไม่ต่างจากภรรยาคนหนึ่งดังนั้นเขาจึงเห็นว่าถ้าพราวนภาเรียนจบเมื่อไรจึงอยากจัดงานแต่งงานทันที เพราะอยา
พราวนภาค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียจากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำราวกับยังไม่ตื่นดี เธอเข้าไปสักพักก็ออกมาด้วยสีหน้าแจ่มใส ตามไรผมมีหยดน้ำเกาะอยู่ประปรายบ่งบอกว่าเจ้าตัวล้างหน้าเพื่อความสดชื่น“พี่ดินทำเสร็จแล้วหรือ” หญิงสาวมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่วางเรียงรายกันหกเครื่องแล้วก็ห่อปากทำตาโต“โห อย่างกับฐานปฏิบัติการในซีรีส์ฝรั่งเลย แต่พี่ต้องรอให้เขามาติดอินเทอร์เน็ตให้ก่อนใช่ไหม”“ใช่ แต่ทำเรื่องขอไปแล้วละ รอเขาติดต่อกลับมา พราวหิวรึยัง แล้วทำไมดูเหมือนเดินขาสั่น ๆ ล่ะ”เขาแกล้งถามทั้งที่รู้ดีแก่ใจ วันนี้เขาให้หญิงสาวขึ้นคุมเกมทั้งควบทั้งขย่มได้ตามต้องการ เธอเร่าร้อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเขาก็ชอบมากที่หญิงสาวปลดปล่อยอารมณ์ปรารถนาออกมาอย่างเต็มที่ คู่หมั้นของเขาแซ่บลืมโลกขนาดนี้แล้วทำไมเขาต้องรับไมตรีจากผู้หญิงคนอื่นมาทำให้ชีวิตคู่ของเขาต้องวุ่นวายอีกเล่า“ยังจะถามอีกนะ” เธอหันมาค้อนให้วงใหญ่ก่อนจะพูดอีกว่า“พราวไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าคนนิ่ง ๆ แบบพี่ดินจะหื่นจัดได้ขนาดนี้”นฤบดินทร์ห
“พี่ดิน เดี๋ยวพี่ รอผมก่อน” เสียงห้าวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านตะโกนเรียกมาแต่ไกล ทำให้นฤบดินทร์ต้องหยุดรออย่างเสียไม่ได้ เมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นวิ่งมาถึงก็ยื่นช่อดอกกุหลาบช่อเล็กที่มักทำขายกันในวันวาเลนไทน์มาให้เขาแล้วพูดว่า“ผมฝากให้พราวหน่อยสิพี่ วันนี้ขี่จักรยานผ่านหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่เห็นพราวออกจากบ้านเลย นะพี่นะ”นฤบดินทร์ยืนเท้าเอวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องทันที “นี่ไอ้อั๋น มึงเอากลับไปเลยนะ หรือจะเอาไปให้สาวที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่พราว น้องมันเพิ่งอยู่ม.สองมึงจะมาให้ดอกไม้บ้าบออะไรเนี่ย เดี๋ยวกูเตะให้เลย”“โธ่พี่ผมไหว้ล่ะ ผมชอบพราวจริง ๆ นะแต่ผมไม่กล้าเอาไปให้ที่บ้าน ผมกลัวพ่อเขาน่ะ” อั๋นยิ้มแหยเมื่อพูดถึงบิดาของพราวนภานฤบดินทร์ทำทีเป็นหักนิ้วดังเป๊าะ ๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยว่า “แล้วมึงไม่กลัวกูรึไง กูก็มีศักดิ์เป็นน้าของพราวนะเว้ยมึงอย่าลืม หลานกูยังเด็ก โอเค้ มึงไปไกล ๆ ตีนกูเลยก่อนที่กูจะของขึ้น”“โธ่พี่ จะหวงไว้กินเองรึไงเนี่ย เหวอ!”
“ไม่จริงมั้งพี่ต่าย วันก่อนผมเห็นนะว่าพี่ควงสาวไปกินซูชิน่ะ สาวคนนั้นก็หน้าคุ้น ๆ ซะด้วยสิเหมือนว่าจะทำงานที่นี่เหมือนกันด้วยนี่นา” เขาพูดไปแค่นั้น ในแผนกก็ฮือฮาขึ้นทันที ต่างพากันรุมถามกันยกใหญ่ว่าหญิงสาวที่ต่ายพาไปออกเดตนั้นคือใคร แต่นฤบดินทร์ไม่ตอบเพราะต้องการให้เจ้าตัวพูดเอง“แหมไอ้นี่ พี่อุตส่าห์แกล้งทำเป็นไม่เห็นแกกับสาวนักศึกษาคนนั้นแล้วนะ แต่แกเสือกเห็นพี่ด้วยหรือวะ” ต่ายพูดไปยิ้มไป ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย“เห็นสิพี่ ผมยังชี้ให้แฟนผมดูเลยว่านั่นน่ะรุ่นที่พี่แผนก ส่วนสาวคนนั้นก็...พวกพี่ไปสอบถามกันเองละกันนะ ผมพับไมค์ละ” เขาเว้นเอาไว้เพราะจะให้ทุกคนไปถามกับเจ้าตัวเลยดีกว่าหลังจากเลิกงาน นฤบดินทร์รีบไปที่คอนโดมิเนียมที่ตนซื้อเอาไว้เพราะช่างโทรศัพท์มาแจ้งว่าเดินสายไฟเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว และอยากให้เขาเข้าไปตรวจเช็กความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่งเมื่อตรวจดูและทดสอบทุกจุดแล้วไม่มีปัญหา อีกทั้งช่างก็เก็บงาน และทำรางเก็บสายไฟเอาไว้ให้ด้วยทำให้นฤบดินทร์พอใจมาก จึงโอนเงินค่าจ้างส่วนที่เหลือให้ช่างทันที ครา
“เพิ่งซื้อเมื่อไม่กี่วันนี่เอง เป็นคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่น่ะ ความจริงแล้วพี่ซื้อดาวน์ต่อมาจากคนอื่นเพราะเขาผ่อนต่อไม่ไหว จะเอาไว้แอบกินอีหนูคนนี้นี่แหละเพราะมีอยู่คนเดียวเนี่ย” เขายื่นหน้าไปจูบริมฝีปากอิ่ม“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานแล้วนะ พราวคงต้องติดรถพ่อไปเรียนเหมือนเดิมแล้วละ”“อืม แต่คุณตากับคุณยายยังไม่รู้เลยใช่ไหมว่าพี่ได้งานทำแล้ว” พราวนภายังคงติดเรียกบิดามารดาของเขาว่าคุณตาคุณยายอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากเคี่ยวเข็ญว่าต้องเปลี่ยน เอาที่เธอสบายใจดีกว่า“ใช่ อยากเห็นจริง ๆ ว่าพรุ่งนี้จะทำหน้ากันยังไง คงเหวอน่าดู” เขาหัวเราะคิกคัก คนอื่นอาจจะชอบแกล้งเพื่อนแกล้งแฟน แต่เขาชอบแกล้งบิดามารดาของตัวเอง“คอนโดฯ ที่พี่ดินซื้ออยู่แถวที่ทำงานหรือ” หญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนคว่ำแล้วยกตัวช่วงบนขึ้น ส่งผลให้ทรวงอกกลมกลึงชูช่ออะร้าอร่ามอวดสายตาจนชายหนุ่มได้แต่มองตาปรอย“ใช่ เพราะบ้านพี่มันไม่มีพื้นที่สำหรับทำห้องทำงานน่ะ บ้านพี่หลังเล็กไม่ใหญ่เหมือนบ้านพราวก็เลยต้องออกมาซื้อข้างนอกไว้ทำออฟฟิศส่
บิดามารดาของนฤบดินทร์มองดูบุตรชายที่กำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอย่างไม่ทุกข์ร้อน ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกจนกระทั่งหมั้นกับสาวข้างบ้านไปแล้วเรียบร้อย เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าจะออกไปหางานทำอย่างที่ควรจะเป็น จนในที่สุดผู้เป็นบิดาก็ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามออกไปในที่สุด“ไอ้ดิน นี่แกไม่คิดจะออกไปหางานหาการทำรึไงเนี่ย แกจะเอ้อระเหยเกินไปแล้วนะ”“ไว้ก่อนครับ ขี้เกียจ” เจ้าตัวตอบมาสั้น ๆ พลางหยิบขนมในจานมากินทั้งที่ยังนอนอยู่“ตาดิน แกจะทำตัวอย่างนี้ไม่ได้นะลูก เรามีคู่หมั้นคู่หมายแล้วนะ นี่ถ้าบ้านโน้นเขาเห็นแกยังนอนไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ยอมออกไปหางานทำเขาจะคิดยังไง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากเตือนขึ้นมาบ้าง เพราะกิจวัตรประจำวันของบุตรชายตอนนี้นอกจากไปรับส่งคู่หมั้นสาวที่มหาวิทยาลัยทุกวันแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีกนอกจากนอนดูโทรทัศน์“เอาน่า ถ้าผมอยากไปหางานทำเมื่อไรเดี๋ยวก็ไปเองนั่นแหละ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงหรอก” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ยิ่งได้ยินบิดามารดาบ่นกันตามประสาคนแก่ เขาก็แทบกลั้นขำไม่ไหว นั่นเ