นฤบดินทร์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ระหว่างที่รอให้พนักงานปรึกษากับผู้จัดการ ชายหนุ่มจึงจับแผ่นไม้ที่วางรองกล่องดนตรีหมุนไปช้า ๆ เพื่อดูสินค้าให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง มุมปากของเขายกขึ้นยิ้มด้วยความพอใจที่กล่องดนตรีชิ้นนี้ดูดีกว่าที่คิดไว้มากนัก
“ไม่มีปัญหาค่ะคุณลูกค้า เสร็จทันกลางเดือนหน้าแน่นอน”
“ดีครับ จริงสิ ถ้าผมจะรบกวนช่วยเปลี่ยนน้ำในลูกแก้วให้ด้วยได้ไหมครับ เพราะน้ำในนี้มันออกเหลืองแล้ว” เขาชี้ไปที่โกลบ และเชื่อว่าทางร้านต้องมีบริการนี้ด้วยแน่นอนเพราะสโนว์โกลบหลายลูกที่วางโชว์อยู่ในตู้อีกฝั่งนั้น ส่วนใหญ่น้ำในลูกแก้วจะใสราวกับของใหม่ ทั้งที่สินค้าเหล่านั้นเป็นของมือสองทั้งหมด และน่าจะมีอายุหลายปีแล้ว
“ยินดีค่ะ ความจริงทางร้านเราจะเปลี่ยนน้ำให้ลูกค้าก่อนส่งมอบอยู่แล้วค่ะ เดี๋ยวรบกวนคุณลูกค้าเขียนชื่อเพลงที่อยากได้ไว้ในเอกสารให้ด้วยนะคะ ถ้าเป็นไปได้ขอชื่อคนร้องด้วยก็ดีค่ะ” พนักงานสาววางเอกสารการจองสินค้าไว้ให้ตรงหน้าพร้อมกับปากกาหนึ่งด้าม
“โอเคครับ” ชายหนุ่มก้มลงอ่านข้อความในเอกสารครู่หนึ่งก่อนหยิบปากกามาเซ็นชื่อตัวเองลงไป จากนั้นก็เขียนชื่อเพลงที่ต้องการเอาไว้ในช่องหมายเหตุ
...เพลงขอเป็นตัวเลือก วงกะลา...
พราวนภาเดินดูสินค้าที่เกี่ยวกับเท็ดดี้แบร์ด้วยความเพลิดเพลินจนลืมเวลา หญิงสาวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านฤบดินทร์หายไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ครั้นพอชายหนุ่มกลับมา เธอจึงได้แต่ยิ้มกว้างให้เขาอย่างประจบเพราะตอนนี้ในตะกร้าสินค้ามีของที่เลือกไว้อยู่หลายชิ้น
นฤบดินทร์มองของในตะกร้าในตะกร้าครู่หนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ในนั้นมีชุดตุ๊กตาทั้งของผู้หญิงและผู้ชายหลายชุด แต่กลับไม่มีชุดแต่งงานทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเห็นพราวนภาจับดูอยู่หลายครั้ง เธอเดินผ่านแต่ละทีก็ต้องหยิบมาดู จนเขาคิดว่าเธอต้องซื้อแน่นอน
“ทำไมพี่ดินทำหน้าอย่างนั้นล่ะ หนูพราวซื้อเยอะไปหรือ” เธอทำสายตาเว้าวอนใส่เขา อีกทั้งยังแทนตัวเองว่าหนูพราว ซึ่งทุกครั้งที่หญิงสาวแทนตัวเองด้วยคำนี้ก็หมายความว่าเธอกำลังออดอ้อนเขาอยู่ และแน่นอนว่าเขาแพ้ทุกที
“เปล่า ก็บอกแล้วว่าถ้าอยากได้อะไรก็ซื้อเลย น้าจ่ายให้เอง” จากนั้นชายหนุ่มก็ชี้ไปทางชุดตุ๊กตาที่แขวนเรียงกันอยู่ ซึ่งแถวแรกนั้นเป็นชุดแต่งงานทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวแล้วถามว่า
“ไม่เอาชุดนั้นไปด้วยหรือ เห็นจับ ๆ วาง ๆ อยู่ตั้งหลายรอบ”
พราวนภาหันไปมองตามที่เขาชี้แล้วก็ต้องยิ้มกว้างกว่าเดิม ก่อนจะยื่นตะกร้าให้เขาถือแล้วพูดว่า
“ตอนแรกหนูพราวเกรงใจพี่ดินค่ะ แต่ในเมื่อพี่ดินเสนอมาให้ หนูพราวจะปฏิเสธก็กระไรอยู่ ฝากหน่อยนะคะ ขอหนูพราววิ่งไปเลือกแป๊บหนึ่ง”
พูดจบเธอก็วิ่งไปทางนั้นแล้วยืนเลือกชุดให้ตุ๊กตา ขณะที่เลือกก็หันมามองเขาเป็นระยะพร้อมกับรอยยิ้มเช่นเคย
นฤบดินทร์ไม่ได้ยิ้มตอบ หากแต่สายตาที่มองหญิงสาวนั้นอ่อนเชื่อมและเจือความอาวรณ์เล็กน้อย ทว่าพอพราวนภาเลือกเสร็จและเดินมาทางเขา สายตาของชายหนุ่มก็กลับมาเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ดังเดิม
จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองคนก็พากันไปนั่งในร้านอาหารไทยร้านหนึ่ง หลังจากสั่งอาหารแล้วพราวนภาก็หยิบของที่ซื้อมาออกจากถุงแล้ววางบนโต๊ะเพื่อชื่นชมทีละชิ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นฤบดินทร์มองอาการบ้าเห่อของหญิงสาวแล้วก็ได้แต่อมยิ้มอย่างเอ็นดู จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแอบกดบันทึกภาพรอยยิ้มของคนตรงหน้าไว้โดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังแอบถ่ายภาพพราวนภาอยู่นั้น เขาก็ได้รับข้อความจากใครบางคนเข้ามาพอดี อีกทั้งยังส่งเข้ามาติดกันหลายข้อความ โชคดีที่เขาไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์เอาไว้ เสียงข้อความเข้าจึงไม่รบกวนคนในร้าน
เขามองคนที่กำลังเห่อของเล่นด้วยแววตาอ่อนแสง น้ำเสียงที่พูดออกไปจึงอ่อนลงกว่าเดิมไปด้วย
“เดี๋ยวน้ามานะ ขอไปห้องน้ำก่อน”
เขาลุกขึ้นยืนพลางหยิบโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง แต่ไม่ได้หยิบกุญแจรถกับกระเป๋าสตางค์ไปด้วย
พราวนภาเงยหน้ามองเขา “ถ้ากับข้าวมาเสิร์ฟ พราวจะรอกินพร้อมพี่ดินนะ”
ชายหนุ่มยิ้มพลางยื่นมือไปจับศีรษะของเธอโยกเบา ๆ อย่างลืมตัว ก่อนจะเดินออกจากร้านอาหารโดยมีสายตาของหญิงสาวมองตามจนกระทั่งแผ่นหลังของเขาลับสายตาไปแล้ว เธอจึงก้มหน้าลงมาสนใจกับของที่ซื้อมาอีกครั้ง
นฤบดินทร์ไม่ได้ไปห้องน้ำตามที่บอกพราวนภาไว้แต่ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสอง เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่งแต่ไม่ได้เข้าไป ชายหนุ่มยืนกอดอกอยู่แถวหน้าร้านราวกับรอใครบางคน
เขายืนรอไม่ถึงหนึ่งนาที คนที่ส่งข้อความมาขอนัดเจอเพราะมีเรื่องด่วนก็ปรากฏตัวขึ้น
“ดิน! ดีใจจังที่ดินยอมมาพบเกรซ” หญิงสาวหน้าตาสวยหวาน แต่เหมือนมีความหม่นหมองบางอย่างปกคลุมอยู่ เธอยิ้มให้เขาด้วยความดีใจ สายตาแทบไม่ละไปจากใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ทว่านฤบดินทร์กลับไม่ได้แสดงท่าทียินดีหรือความรู้สึกอื่นใดให้เห็น สีหน้าและแววตาเฉยชานั้นดูเหมือนว่าหญิงสาวตรงหน้าก็คุ้นเคยและรู้จักตัวตนของเขาดีจึงไม่ได้มีท่าทีตัดพ้ออะไร ชายหนุ่มแค่พยักหน้าให้ช้า ๆ หากแต่ในใจนั้นทั้งตกใจและคาดไม่ถึงอยู่บ้าง เพราะไม่อยากเชื่อว่าข่าวลือที่ตนได้ยินมานั้นจะเป็นเรื่องจริง
“ผู้หญิงคนนั้น...เอ่อ...แฟนใหม่ดินหรือ น่ารักดีเนอะ” เกรซพยายามยิ้มแต่ก็ฝืดเฝื่อนเต็มที
“เรียกเรามามีอะไรรึเปล่า” นฤบดินทร์ไม่ตอบเพราะเขาไม่ต้องการให้พราวนภามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น
“เอ่อ...” เกรซมีท่าทางลังเล หญิงสาวมองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าบริเวณนี้คนพลุกพล่านจึงพยักหน้าเป็นเชิงให้เขาเดินตามไปอีกที่หนึ่ง ซึ่งไม่ห่างไปจากร้านกาแฟเท่าไรนักแต่คนไม่ค่อยเดินผ่าน
“คือว่า...เกรซบอกตรง ๆ เลยนะว่าเกรซไม่กล้าพูด เกรซอายดิน แต่ก็ต้องพูด” เสียงของเธอเริ่มสั่นด้วยแรงสะอื้น นฤบดินทร์เองก็ไม่ถามว่าเธอมีเรื่องอะไร เขายังคงยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงและรอฟังอย่างนิ่งเฉย
“คือ...ตอนนี้เกรซกำลังเดือดร้อนมากเลยดิน แม่ของเกรซจู่ ๆ ก็เส้นเลือดในสมองแตก ตอนนี้อยู่ไอซียูมาสามวันแล้วยังไม่ฟื้นเลย ดินก็รู้ว่าเกรซอยู่กับแม่แค่สองคน และตอนนี้เกรซก็ไม่มีเงินไปจ่ายค่ารักษาให้แม่เลยด้วย” พูดถึงตรงนี้หญิงสาวก็น้ำตาไหลลงมา จากนั้นก็ยื่นมือมาจับแขนของชายหนุ่มไว้
“ดินจะว่าอะไรไหมถ้าเกรซจะขอยืมเงินสักสามแสน เกรซไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วจริง ๆ วันนี้เกรซมาสัมภาษณ์งานที่โรงแรม โชคดีจริง ๆ ที่ได้เจอดินอีกครั้ง...ได้ไหมดิน เห็นแก่ที่เราเคยคบกัน”
นฤบดินทร์ลอบถอนหายใจ เธอบอกว่าโชคดีที่ได้เจอเขา แต่สำหรับเขาถือเป็นโชคร้ายมากกว่า เขามีกฎของตัวเองหนึ่งข้อนั่นคือจะไม่ให้เพื่อนหยิบยืมเงินเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่ามีเรื่องคอขาดบาดตายจริง ๆ และหญิงสาวตรงหน้านี้ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เบื้องหลังของเธอ
“สามแสน” เขาแค่นยิ้มมุมปากแล้วถอนหายใจออกมาเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ
“เธอคิดว่าบ้านเราผลิตเงินใช้เองได้รึไงเกรซ”
เกรซส่ายหน้ารัวพร้อมกับกำแขนของชายหนุ่มแน่นกว่าเดิม
“ไม่ใช่นะ เกรซรู้ว่าเงินไม่ใช่น้อย ๆ แต่เกรซเดือดร้อนจริง ๆ นะดิน ตอนที่เราคบกันดินก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเกรซไม่เคยเบียดเบียนเงินของดินเลย แต่ตอนนี้เกรซไม่รู้จะหันไปพึ่งใครแล้วจริง ๆ นะ เกรซสัญญาว่าจะรีบหาเงินมาคืนดินให้เร็วที่สุด” พูดถึงตรงนี้หญิงสาวก็น้ำตาคลอเบ้าอีกครั้งก่อนพูดต่อ
“แหม พี่ดินไม่ต้องคิดมากเรื่องพราวหรอก พราวมากกว่าที่น่าจะเป็นฝ่ายคิดมาก พี่ไปอยู่ที่นั่นไม่รู้จะมีสาว ๆ มาปิ๊งบ้างไหม ตัวเองยิ่งเสน่ห์แรงอยู่” เธอทำหน้ายู่ใส่เขา ชายหนุ่มยิ้มให้แล้วพูดว่า“มีอะไรต้องคิดมากละหืม...พราวน่าจะรู้ดีที่สุดว่าพี่เป็นคนยังไง พี่ชอบกินอะไรก็จะกินอยู่แต่อย่างนั้นไม่เคยเบื่อ กับพราวก็เหมือนกัน”พราวนภารู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นทันที แม้เขาจะไม่ได้บอกรักออกมาโต้ง ๆ แต่ประโยคของเขากลับฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความหนักแน่นในหัวใจของคนพูดได้เป็นอย่างดีนฤบดินทร์ยืนกอดอกมองแมทธิวจ้วงกำปั้นใส่กระสอบทรายรัว ๆ อย่างไม่มีแบบแผนแต่กระสอบทรายแทบไม่ขยับ เขาเริ่มรู้สึกทนมองไม่ได้จึงต้องตะโกนสั่งให้หยุดแล้วเดินเข้าไปหาพลางสวมนวมให้ตัวเองไปด้วย“นายเหวี่ยงหมัดแบบนั้นไม่ได้เพราะจะทำให้เหนื่อยง่ายและความแรงของกำปั้นไม่เพียงพอ นายดูนี่”ชายหนุ่มยืนแยกขาเล็กน้อย ตั้งการ์ดขึ้นแล้วพูดต่อ “ตั้งการ์ดไว้ตลอดเวลา ถ้านายถนัดขวานายต้องเอาแขนขวาไว้ข้างหลังแล้วให้แขนซ้ายอยู่ข้างหน้าเล็กน้อยเ
“ก็ไม่มีนะ ทุกอย่างมันเป็นไปเองตามธรรมชาติ บางเรื่องมันไม่ต้องพูดอะไรเยอะแยะหรอก แค่มองตาก็รู้กัน” เขาไม่เคยจีบพราวนภาก่อน และเธอก็ไม่เคยจีบเขาเช่นกัน เขารู้แต่ว่าสายใยเส้นบาง ๆ ระหว่างกันยิ่งนานวันก็ยิ่งถักทอแน่นหนาขึ้นเรื่อย ๆ กว่าจะรู้ตัวอีกที พราวนภาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว“เออ! พ่อคนหล่อ รีบกินเถอะย่ะ จะได้ไปคุยกับแมทธิว เขารอแกอยู่ที่ร้านเนี่ย” หญิงสาวนั่งเท้าคางกดดันให้เพื่อนรีบกิน เพราะเวลานี้แฟนหนุ่มของตนรอคุยรายละเอียดเรื่องการเรียนชกมวยกับเขาอยู่ในเวลาเดียวกัน ห้องพักของอันธิกายังคงสลัวลางเพราะเจ้าของห้องไม่ยอมรูดม่านเพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามา หญิงสาวนอนมองเพดานด้วยแววตาเลื่อนลอย ภาพในอดีตหลั่งไหลเข้ามาในหัวฉากแล้วฉากเล่ามัธยมปลาย เธอเคยเป็นดาวเด่นของโรงเรียน เพราะนอกจากหน้าตาสะสวยแล้วยังเรียนเก่งอีกด้วย เธอเคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน ไปไหนมีแต่คนมองด้วยความชื่นชม วันวาเลนไทน์มีแต่หนุ่ม ๆ มาให้ดอกไม้เธอเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศได้ บิดามารดาต่างดีใจ ญาติ ๆ และเพื่อนบ
หลังจากส่งบิดามารดาของพวกตนขึ้นรถกลับไปแล้ว อภัสราก็หันมาพูดกับพราวนภาทันทีราวกับตนเก็บคำพูดนี้ไว้นานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้พูด“พราว! นั่นพ่อเธอจริง ๆ น่ะหรือ หล่อมากกก” คำสุดท้ายเจ้าตัวลากเสียงยาวจนกาญจน์เกล้าได้แต่ยิ้มพลางส่ายหน้าไปมา“ก็จริงน่ะสิ เธอว่าหน้าฉันไม่เหมือนคุณพ่อหรือ มีแต่คนบอกว่าเหมือนจะตายไป ลักยิ้มยังมีข้างเดียวกันเลย” พราวนภาชี้ลักยิ้มของตัวเองบนแก้มซ้าย ก่อนจะพูดต่อ“ตอนหนุ่ม ๆ คุณพ่อหล่อกว่านี้อีก คุณแม่เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยที่ท่านเป็นนักบินนะ สาว ๆ เพียบเลย” เธอหมายถึงแม่จันทร์เจ้าที่เป็นคนเล่าให้ฟัง เพราะตอนที่บิดาคบหากับแม่มัลลิกาแล้วนั้น ท่านถอดเขี้ยวเล็บแล้ว“เคยเป็นนักบินมาก่อนนี่เอง มิน่าละ บุคลิกคุณพ่อเธอถึงดูดีมากเลย แต่ท่านก็ยังดูหนุ่มอยู่มากจริง ๆ นะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีลูกสาววัยมหา’ลัยแบบเธอแล้วน่ะ บ้านเธอนี่หน้าตาดีกันทั้งครอบครัวเลยจริง ๆ เพราะคุณแม่เธอก็สวยแซ่บมาเชียว” กาญจน์เกล้าพูดขึ้นบ้าง ยอมรับว่าตอนแรกที่เห็นบิดามารดาของพราวนภายังอดแปลกใจไม่ได
“ว่า-ไง-นะ” น้ำเสียงของนฤบดินทร์เน้นหนักอย่างที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก ซึ่งพราวนภารู้ดีว่าทุกครั้งที่เขาพูดจาลักษณะนี้นั่นหมายความว่าชายหนุ่มกำลังโกรธ ดังนั้นเธอจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างหมดเปลือก“โคตรน่าโมโหเลย อย่างนี้ต้องเล่นให้หนัก เอาให้มันอยู่มหา’ลัยไม่ได้ต้องลาออกไปอยู่ที่อื่น”นฤบดินทร์พูดเสียงห้วน หญิงสาวฟังแล้วกลับรู้สึกอุ่นใจที่เขาเป็นเดือดเป็นร้อนเวลาเธอถูกรังแก ทำให้อดคิดถึงตอนเป็นเด็กไม่ได้ ทุกครั้งที่เธอถูกเด็กผู้ชายในหมู่บ้านกลั่นแกล้ง เขามักจะไปเอาคืนให้เสมอจนผู้ปกครองของเด็กพวกนั้นต่างพากันมาฟ้องบิดามารดาของเขาว่าเขาเป็นอันธพาลไล่ต่อยตีคนอื่น แต่เขาก็ไม่เคยปริปากแก้ตัวสักคำว่าที่ทำลงไปนั้นเป็นเพราะเอาคืนให้เธอ“พรุ่งนี้พ่อเราจะไปมหา’ลัยด้วยใช่ไหม ดี! พี่เชื่อว่าพ่อเราจัดหนักแน่”“ใช่ คุณพ่อไม่ปล่อยไว้แน่นอน นี่ก็เพิ่งกลับมาจากสถานีตำรวจเอง เพราะต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อน ตอนพราวโดนตบนะ โกรธมากเลยเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนใครตบจนหน้าหันอย่างนี้มาก่อน พวกนั้
“พี่ก็แค่เตือนเอาไว้ ถ้าไม่ยุ่งอย่างที่น้องพูดมาจริงมันก็ดี แต่เท่าที่พี่เห็นมันไม่ใช่ไง” รุ่นพี่คนนั้นยังคงพูดต่อ พราวนภากำลังจะอ้าปากเถียงก็มีนักศึกษาคนอื่นมาเข้าห้องน้ำด้วยเช่นกัน และดูเหมือนนักศึกษารุ่นพี่เหล่านั้นก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับคนที่กำลังหาเรื่องเธออยู่“หนูกับพี่ตาร์ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้นนอกจากรุ่นพี่รุ่นน้อง เข้าใจซะใหม่ด้วยนะคะ” พราวนภาเริ่มอารมณ์ขุ่นมัว ต่อให้กลุ่มคนตรงหน้าจะมีกันถึงสามคนเธอก็ไม่กลัว เพราะหากคนพวกนี้ทำอะไรเธอแม้แต่ปลายก้อย เธอจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และจะไม่มีการยอมความหรือรอมชอมใด ๆ ทั้งสิ้น!“พวกเด็กไซด์ไลน์ก็ตอแหลอย่างนี้ทุกคนนั่นแหละ” หนึ่งในนั้นโพล่งขึ้นมาพร้อมกับเบะปากใส่ ยิ่งทำให้พราวนภาเดือดจัดที่ถูกกล่าวหาและต่อว่าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย“เดี๋ยวนะพี่ ไซด์ไลน์อะไร ใครเป็นไซด์ไลน์ และพี่ว่าใครตอแหล!”เธอเริ่มขึ้นเสียงใส่พวกรุ่นพี่ หนึ่งในนั้นจึงยกมือเท้าเอวแล้วชี้หน้าเธออย่างเอาเรื่อง“ก็แกไงนังกะหรี่ แล้วกล้าดียังไงถึงมาขึ้นเสียงใส่รุ่นพี่แบบนี้ กราบขอ
ชายหนุ่มยื่นกระเป๋าใบนั้นให้โอเวนแล้วพูดว่า“นายเอาไปคืนให้เธอหน่อยสิ ถ้าฉันเอาไปคืนด้วยตัวเอง แอนคงคิดเป็นตุเป็นตะอีกว่าฉัน...” เขาไม่อยากพูดจบประโยคเพราะเกรงว่าจะฟังดูใจร้ายเกินไป จึงได้แต่กลอกตามองเพดานแทนโอเวนหัวเราะเบา ๆ แล้วรับกระเป๋าของอันธิกาไป นฤบดินทร์จึงนั่งลงที่เดิมแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเข้าไปดูเฟซบุ๊กของพราวนภาเพราะอยากรู้ว่าวันแรกของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยของเธอนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเขาเชื่อว่าหญิงสาวจะต้องอัปเรื่องราวต่าง ๆ บนไทม์ไลน์ของตัวเองไว้แน่นอนและก็เป็นตามคาด พราวนภาโพสต์ภาพต่าง ๆ ลงไปไม่ว่าจะเป็นเพื่อนใหม่ สถานศึกษาใหม่ ตึกเรียนที่ตนเรียน กิจกรรมที่ตนเข้าร่วม รวมไปถึงการถ่ายรูปกับชายหนุ่มคนหนึ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส...ไอ้หน้าขาวนี่ใครวะ!นฤบดินทร์ได้แต่เก็บความสงสัย แต่เมื่อเห็นว่ารูปนั้นมีการแท็กชื่อผู้ชายที่อยู่ในภาพด้วย เขาจึงกดเข้าไปที่ชื่อนั้นแล้วไล่ดูหน้าไทม์ไลน์ของอีกฝ่าย ทำให้เขาได้รู้ว่าผู้ชายหน้าขาวปากแดงคนนี้ชื่อตาร์ ทั้งยังเป็นพี่รหัสของพราวนภาอีกต่างหาก ความหงุดหงิดไม่สบอารมณ์เข้าครอ