แชร์

บทที่ 3 ของแทนใจ - 100%

ผู้เขียน: จรสจันทร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-26 19:05:32

“ตกลงจะกลับบ้านอาทิตย์หน้าจริงหรือ”

จู่ ๆ นฤบดินทร์ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน พราวนภาหันไปมองเขาพร้อมกับอมยิ้มแล้วพูดว่า

“ถามทำไมหรือ อ๋อ...หนูพราวไม่อยู่ พี่ดินก็เลยเหงาใช่ไหมล่ะ” เธอหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดต่อ

“ความจริงแล้วที่พราวไปนอนบ้านคุณแม่ก็เพราะอยากฝึกตัวเองน่ะ”

ได้ยินอย่างนั้น ชายหนุ่มจึงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “ฝึกอะไร”

หญิงสาวถอนหายใจแผ่ว “ก็อีกหน่อยพี่ดินต้องไปอเมริกาแล้วนี่นา พราวเคยชินกับการเจอหน้าพี่เกือบทุกวัน อยากเจอเวลาไหนก็แค่เดินไปหา แต่ถ้าพี่ไปอเมริกาแล้วพราวคงเดินไปหาพี่ไม่ได้ พราวก็เลยอยากฝึกตัวเองให้ชินเข้าไว้เวลาที่พี่ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”

ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปนานเมื่อฟังเธอพูดจบ บรรยากาศในรถที่ต่างคนต่างเงียบจึงให้ความรู้สึกเศร้าจาง ๆ ปกคลุมคนทั้งคู่ แม้จะมีเสียงเพลงจังหวะสนุกสนานเปิดคลอ หากแต่ทั้งสองคนก็ไม่มีอารมณ์ร่วมไปกับเพลง

“แค่สามสี่ปีเอง แป๊บ ๆ ก็ผ่านไปแล้ว” เสียงทุ้มพูดขึ้นแผ่วเบา พราวนภาหันไปมองเขา ทำท่าราวกับอยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่าสุดท้ายหญิงสาวก็ไม่พูด

นฤบดินทร์จอดรถแอบไว้ริมกำแพงบ้านจันทร์เจ้า จากนั้นก็ลงจากรถเพื่อเข้าไปส่งหญิงสาวในบ้านและถือโอกาสไหว้ลาผู้ใหญ่ด้วย ชายหนุ่มอยู่คุยกับชินดนัยไม่กี่ประโยคก็ขอตัวกลับโดยมีพราวนภาเดินมาส่งขึ้นรถ

ก่อนเขาจะเคลื่อนรถออกไป นฤบดินทร์เลื่อนกระจกลงแล้วพูดกับหญิงสาวว่า “ถ้าอยากกลับบ้านวันไหนก็บอกละกันจะได้มารับ ไม่ต้องรบกวนพวกผู้ใหญ่เขา”

พราวนภายิ้มหวานพร้อมกับพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ เธอมองส่งเขาจนกระทั่งไม่เห็นไฟท้ายรถแล้วจึงเดินเข้าบ้าน รีบคว้ากระเป๋าสะพายและหิ้วถุงห้างสรรพสินค้าพะรุงพะรังเต็มสองมือขึ้นห้องไปอย่างลิงโลด

เมื่อถึงห้องนอนของตัวเอง หญิงสาวก็วางของทั้งหมดลงบนเตียงจากนั้นก็เปิดกระเป๋าเพื่อจะหยิบโทรศัพท์มาโทร. หาเพื่อนสนิทเล่าเรื่องที่ออกเดตกับนฤบดินทร์วันนี้ให้เพื่อนฟัง

แต่ไม่ว่าเธอจะรื้อค้นที่ซอกมุมไหนของกระเป๋าก็ไม่เห็นโทรศัพท์มือถือของตนอยู่ในนั้นเลย

“เฮ้ย...แย่แล้ว เราทำโทรศัพท์หายหรือเนี่ย!”

นฤบดินทร์เลี้ยวรถเข้าไปจอดในร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง เวลานี้เพิ่งเป็นเวลาหัวค่ำลูกค้าจึงบางตา ชายหนุ่มเดินเข้าไปในด้านในอย่างคุ้นเคยแต่ไม่ได้เข้าไปนั่งตามโต๊ะเหมือนลูกค้ารายอื่น เขากลับเดินผ่านเข้าไปในส่วนของหลังร้านซึ่งมีป้ายติดเอาไว้ที่ประตูว่าสำหรับพนักงานเท่านั้น

เขายิ้มบาง ๆ ให้พนักงานที่เอ่ยปากทักทายก่อนจะเคาะประตูห้องที่อยู่ด้านหน้าสุด จากนั้นก็หมุนลูกบิดเปิดเข้าไปทันทีโดยไม่สนใจว่าคนที่อยู่ในห้องจะอนุญาตหรือไม่

“โหมึง นี่ถ้ากูกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับสาว ๆ อยู่แล้วมึงเปิดพรวดมาแบบนี้ กูไม่ขายหน้าลูกน้องแย่หรือวะไอ้ดิน” ศิวัฒน์บ่นให้เพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก

“กูรู้ว่ามึงไม่กล้าทำอะไรที่นี่หรอก อย่ามาปากดี” นฤบดินทร์แค่นยิ้มพลางทรุดตัวนั่งบนโซฟาตัวยาวฝั่งตรงข้ามกับเพื่อนสนิท บนโต๊ะกลางของชุดรับแขกมีเอกสารกองโตวางระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ ส่วนผู้ที่นั่งจมกองเอกสารก็หัวคิ้วขมวดมุ่นขณะที่จดจ่อกับการนั่งคัดแยกกระดาษตรงหน้าทีละใบ

“พี่โตว่าไง” นฤบดินทร์เอ่ยปากถามเข้าเรื่องทันที ศิวัฒน์จึงเงยหน้ามองเพื่อนแล้วตอบว่า

“พี่กูกำลังมา คงใกล้ถึงแล้วมึงก็คุยกับเขาเองละกัน ว่าแต่มึงจะทำงั้นจริงหรือวะเพื่อน ไม่อาลัยอาวรณ์สักหน่อยหรือวะในฐานะที่เคยเป็นแฟนกันมาก่อน เพราะถ้าพี่กูเอาจริง ยายเกรซนี่อนาคตดับเลยนะเว้ย”

นฤบดินทร์ได้ยินอย่างนั้นก็แค่นยิ้ม “ดับมานานแล้วรึเปล่าวะ ทำตัวเองทั้งนั้นกูไม่เกี่ยวสักหน่อย”

เขาไม่ได้เล่าเรื่องที่เกรซยืมเงินตนสามแสนเพื่อไปรักษาแม่ให้ศิวัฒน์ฟัง เขาบอกแค่ว่าบังเอิญเจออีกฝ่ายที่ห้างสรรพสินค้าและได้พูดคุยกันเล็กน้อยเท่านั้น

“มึงนี่น้า ใจร้ายกับสาว ๆ ตลอด” ศิวัฒน์ส่ายหน้าทั้งรอยยิ้ม เป็นเวลาเดียวกับที่โทรศัพท์ของนฤบดินทร์มีข้อความเข้ามา ชายหนุ่มจึงหยิบขึ้นมาอ่าน

Proud : พี่ดิน พราวทำโทรศัพท์หาย T_T

Din : หาดูดีแล้ว?

Proud : ในกระเป๋าไม่มีเลย ทำไงดีพราวไม่อยากได้เครื่องใหม่

Din : อาจจะทำหล่นในรถรึเปล่า จะดูให้ละกัน

Proud : ขอให้เป็นอย่างนั้น พี่ดินดูให้พราวหน่อยนะ

Din : อืม แล้วนี่ใช้อะไรแชตมา คอม?

Proud : พราวเอาโน้ตบุ๊กมาด้วยไง ก็เลยแชตผ่านทางนี้

รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นที่มุมปากของนฤบดินทร์ โทรศัพท์ของพราวนภาไม่ได้หายไปไหนเพราะเขาเป็นคนเอาซ่อนไว้ใต้เบาะในรถเอง กะไว้ว่าพรุ่งนี้จะนำไปคืนให้เธอที่บ้านมารดา หรือไม่ก็อาจจะถ่วงเวลาไปสักสองสามวัน

ถ้าไอ้หมอนั่นไม่พูดว่าจะโทรศัพท์มาคุยกับเธอตอนค่ำ เขาก็คงไม่ทำอย่างนี้หรอก

ประตูห้องเปิดออกอีกครั้งตามมาด้วยร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบต้น ๆ คนหนึ่ง นฤบดินทร์เห็นดังนั้นยกมือไหว้อีกฝ่ายทันที

“ทางพี่พร้อมแล้วนะ แกจะไปด้วยกันรึเปล่า” ศิระยังคงยืนอยู่ที่ประตู ไม่ได้เดินมานั่งกับกลุ่มของน้องชาย

“ผมคงไปซุ่มอยู่แถวนั้นแหละพี่ คงไม่ขึ้นไปด้วย ผมจะโทร. ไปบอกเขาก่อนว่าอาจจะเอาเงินไปให้เขาช้าหน่อยเพราะติดธุระ ระหว่างนั้นพี่ก็ขึ้นไปได้เลย” นฤบดินทร์บอกอีกฝ่ายตามที่วางแผนเอาไว้ในหัว

“แกแน่ใจนะว่าชัวร์” ศิระถามเพื่อความแน่ใจ นฤบดินทร์ก็ตอบด้วยความมั่นใจเช่นกัน

“ชัวร์ครับ วันนี้ผมเจอเขาที่ห้าง เขายืมเงินผมสามแสนบอกว่าจะเอาไปจ่ายค่ารักษาแม่และจะขายบ้านเอาเงินมาคืนผม แต่ที่ผมรู้มาก่อนหน้านี้คือเขาขายบ้านไปตั้งนานแล้ว ส่วนแม่เขาก็เส้นเลือดในสมองแตกจริง แต่ตายไปตั้งแต่ปีที่แล้วน่ะ เห็นว่าโมโหจนความดันขึ้นที่ลูกสาวเอาบ้านไปขายเพราะติดยาอย่างหนัก”

“และที่สำคัญนะพี่ พวกผมได้ข่าวมาว่าตอนนี้ยายเกรซน่ะกำลังคบกับไอ้เวย์ ขาใหญ่ย่านดอนเมือง และคอนโดฯ ที่ยายนั่นนัดให้ไอ้ดินไปหาน่ะก็คือคอนโดฯ ของไอ้เวย์มัน เจตนาแบบนี้มันชัดเจนเลยว่าพวกนั้นมันสมคบคิดกันจะปอกลอกไอ้ดิน หรือไม่ก็แบล็กเมล์ไอ้ดินแน่นอน โทษฐานที่ไปนอนกับผู้หญิงของมัน” ศิวัฒน์พูดเสริม

“พูดตามตรงนะพี่โต ความจริงแล้วผมมีเพื่อนบางคนที่เล่นยาไอซ์ยาเคเหมือนกัน และเพื่อนผมคนนี้มันก็ซื้อมาจากเกรซนี่แหละ เกรซเอายามาปล่อยให้พวกนักศึกษา บางครั้งเพื่อนผมยังตามไปซื้อยาที่คอนโดฯ นั้นเลย ผมถามเพื่อนมาแล้ว เป็นคอนโดฯ เดียวกันกับที่เกรซส่งพิกัดมาให้นั่นแหละ”

นฤบดินทร์ไม่ได้บอกไปว่าครั้งล่าสุดที่เพื่อนของเขาไปซื้อยาถึงคอนโดมิเนียมของเกรซนั่นคือเมื่อวาน เพราะฉะนั้นเขาจึงค่อนข้างมั่นใจว่าในห้องที่หญิงสาวอาศัยอยู่จะต้องมียาเสพติดไว้จำนวนหนึ่งเพื่อจำหน่ายแน่

“โอเค ถ้าอย่างนั้นพวกพี่จะได้ลุยเลยเพราะมีหมายค้นแล้ว” ศิระยิ้มก่อนจะดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า

“แกโทร. ไปหาผู้หญิงคนนั้นได้เลยนะ เพราะพี่จะกลับไปสน.ก่อน”

“ครับพี่” นฤบดินทร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็โทร. ออกไปยังหมายเลขที่โทร. เข้ามาล่าสุด...เกรซ...

เรื่องที่หญิงสาวทั้งเสพและค้ายานั้น นฤบดินทร์รู้มาสักพักแล้ว แต่เขาไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตน ทว่าวันนี้ที่เจอกัน เธอมาล้ำเส้นเขาก่อน เพราะหากหยิบยืมเงินเขาได้ครั้งหนึ่งแล้วย่อมมีครั้งต่อไป ดีไม่ดี เขาอาจจะโดนเธอกับแฟนเล่นงานเข้าสักวันก็ได้ เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องชิงเล่นงานอีกฝ่ายก่อน จะได้ไม่ต้องมีเรื่องอะไรมากวนใจเขาก่อนไปอเมริกา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 15 โค้ชจำเป็น - 50%

    “ก็ไม่มีนะ ทุกอย่างมันเป็นไปเองตามธรรมชาติ บางเรื่องมันไม่ต้องพูดอะไรเยอะแยะหรอก แค่มองตาก็รู้กัน” เขาไม่เคยจีบพราวนภาก่อน และเธอก็ไม่เคยจีบเขาเช่นกัน เขารู้แต่ว่าสายใยเส้นบาง ๆ ระหว่างกันยิ่งนานวันก็ยิ่งถักทอแน่นหนาขึ้นเรื่อย ๆ กว่าจะรู้ตัวอีกที พราวนภาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว“เออ! พ่อคนหล่อ รีบกินเถอะย่ะ จะได้ไปคุยกับแมทธิว เขารอแกอยู่ที่ร้านเนี่ย” หญิงสาวนั่งเท้าคางกดดันให้เพื่อนรีบกิน เพราะเวลานี้แฟนหนุ่มของตนรอคุยรายละเอียดเรื่องการเรียนชกมวยกับเขาอยู่ในเวลาเดียวกัน ห้องพักของอันธิกายังคงสลัวลางเพราะเจ้าของห้องไม่ยอมรูดม่านเพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามา หญิงสาวนอนมองเพดานด้วยแววตาเลื่อนลอย ภาพในอดีตหลั่งไหลเข้ามาในหัวฉากแล้วฉากเล่ามัธยมปลาย เธอเคยเป็นดาวเด่นของโรงเรียน เพราะนอกจากหน้าตาสะสวยแล้วยังเรียนเก่งอีกด้วย เธอเคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน ไปไหนมีแต่คนมองด้วยความชื่นชม วันวาเลนไทน์มีแต่หนุ่ม ๆ มาให้ดอกไม้เธอเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศได้ บิดามารดาต่างดีใจ ญาติ ๆ และเพื่อนบ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 15 โค้ชจำเป็น - 25%

    หลังจากส่งบิดามารดาของพวกตนขึ้นรถกลับไปแล้ว อภัสราก็หันมาพูดกับพราวนภาทันทีราวกับตนเก็บคำพูดนี้ไว้นานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้พูด“พราว! นั่นพ่อเธอจริง ๆ น่ะหรือ หล่อมากกก” คำสุดท้ายเจ้าตัวลากเสียงยาวจนกาญจน์เกล้าได้แต่ยิ้มพลางส่ายหน้าไปมา“ก็จริงน่ะสิ เธอว่าหน้าฉันไม่เหมือนคุณพ่อหรือ มีแต่คนบอกว่าเหมือนจะตายไป ลักยิ้มยังมีข้างเดียวกันเลย” พราวนภาชี้ลักยิ้มของตัวเองบนแก้มซ้าย ก่อนจะพูดต่อ“ตอนหนุ่ม ๆ คุณพ่อหล่อกว่านี้อีก คุณแม่เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยที่ท่านเป็นนักบินนะ สาว ๆ เพียบเลย” เธอหมายถึงแม่จันทร์เจ้าที่เป็นคนเล่าให้ฟัง เพราะตอนที่บิดาคบหากับแม่มัลลิกาแล้วนั้น ท่านถอดเขี้ยวเล็บแล้ว“เคยเป็นนักบินมาก่อนนี่เอง มิน่าละ บุคลิกคุณพ่อเธอถึงดูดีมากเลย แต่ท่านก็ยังดูหนุ่มอยู่มากจริง ๆ นะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีลูกสาววัยมหา’ลัยแบบเธอแล้วน่ะ บ้านเธอนี่หน้าตาดีกันทั้งครอบครัวเลยจริง ๆ เพราะคุณแม่เธอก็สวยแซ่บมาเชียว” กาญจน์เกล้าพูดขึ้นบ้าง ยอมรับว่าตอนแรกที่เห็นบิดามารดาของพราวนภายังอดแปลกใจไม่ได

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 14 ถูกบูลลี่ - 100%

    “ว่า-ไง-นะ” น้ำเสียงของนฤบดินทร์เน้นหนักอย่างที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก ซึ่งพราวนภารู้ดีว่าทุกครั้งที่เขาพูดจาลักษณะนี้นั่นหมายความว่าชายหนุ่มกำลังโกรธ ดังนั้นเธอจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างหมดเปลือก“โคตรน่าโมโหเลย อย่างนี้ต้องเล่นให้หนัก เอาให้มันอยู่มหา’ลัยไม่ได้ต้องลาออกไปอยู่ที่อื่น”นฤบดินทร์พูดเสียงห้วน หญิงสาวฟังแล้วกลับรู้สึกอุ่นใจที่เขาเป็นเดือดเป็นร้อนเวลาเธอถูกรังแก ทำให้อดคิดถึงตอนเป็นเด็กไม่ได้ ทุกครั้งที่เธอถูกเด็กผู้ชายในหมู่บ้านกลั่นแกล้ง เขามักจะไปเอาคืนให้เสมอจนผู้ปกครองของเด็กพวกนั้นต่างพากันมาฟ้องบิดามารดาของเขาว่าเขาเป็นอันธพาลไล่ต่อยตีคนอื่น แต่เขาก็ไม่เคยปริปากแก้ตัวสักคำว่าที่ทำลงไปนั้นเป็นเพราะเอาคืนให้เธอ“พรุ่งนี้พ่อเราจะไปมหา’ลัยด้วยใช่ไหม ดี! พี่เชื่อว่าพ่อเราจัดหนักแน่”“ใช่ คุณพ่อไม่ปล่อยไว้แน่นอน นี่ก็เพิ่งกลับมาจากสถานีตำรวจเอง เพราะต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อน ตอนพราวโดนตบนะ โกรธมากเลยเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนใครตบจนหน้าหันอย่างนี้มาก่อน พวกนั้

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 14 ถูกบูลลี่ - 75%

    “พี่ก็แค่เตือนเอาไว้ ถ้าไม่ยุ่งอย่างที่น้องพูดมาจริงมันก็ดี แต่เท่าที่พี่เห็นมันไม่ใช่ไง” รุ่นพี่คนนั้นยังคงพูดต่อ พราวนภากำลังจะอ้าปากเถียงก็มีนักศึกษาคนอื่นมาเข้าห้องน้ำด้วยเช่นกัน และดูเหมือนนักศึกษารุ่นพี่เหล่านั้นก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับคนที่กำลังหาเรื่องเธออยู่“หนูกับพี่ตาร์ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้นนอกจากรุ่นพี่รุ่นน้อง เข้าใจซะใหม่ด้วยนะคะ” พราวนภาเริ่มอารมณ์ขุ่นมัว ต่อให้กลุ่มคนตรงหน้าจะมีกันถึงสามคนเธอก็ไม่กลัว เพราะหากคนพวกนี้ทำอะไรเธอแม้แต่ปลายก้อย เธอจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และจะไม่มีการยอมความหรือรอมชอมใด ๆ ทั้งสิ้น!“พวกเด็กไซด์ไลน์ก็ตอแหลอย่างนี้ทุกคนนั่นแหละ” หนึ่งในนั้นโพล่งขึ้นมาพร้อมกับเบะปากใส่ ยิ่งทำให้พราวนภาเดือดจัดที่ถูกกล่าวหาและต่อว่าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย“เดี๋ยวนะพี่ ไซด์ไลน์อะไร ใครเป็นไซด์ไลน์ และพี่ว่าใครตอแหล!”เธอเริ่มขึ้นเสียงใส่พวกรุ่นพี่ หนึ่งในนั้นจึงยกมือเท้าเอวแล้วชี้หน้าเธออย่างเอาเรื่อง“ก็แกไงนังกะหรี่ แล้วกล้าดียังไงถึงมาขึ้นเสียงใส่รุ่นพี่แบบนี้ กราบขอ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 14 ถูกบูลลี่ - 50%

    ชายหนุ่มยื่นกระเป๋าใบนั้นให้โอเวนแล้วพูดว่า“นายเอาไปคืนให้เธอหน่อยสิ ถ้าฉันเอาไปคืนด้วยตัวเอง แอนคงคิดเป็นตุเป็นตะอีกว่าฉัน...” เขาไม่อยากพูดจบประโยคเพราะเกรงว่าจะฟังดูใจร้ายเกินไป จึงได้แต่กลอกตามองเพดานแทนโอเวนหัวเราะเบา ๆ แล้วรับกระเป๋าของอันธิกาไป นฤบดินทร์จึงนั่งลงที่เดิมแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเข้าไปดูเฟซบุ๊กของพราวนภาเพราะอยากรู้ว่าวันแรกของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยของเธอนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเขาเชื่อว่าหญิงสาวจะต้องอัปเรื่องราวต่าง ๆ บนไทม์ไลน์ของตัวเองไว้แน่นอนและก็เป็นตามคาด พราวนภาโพสต์ภาพต่าง ๆ ลงไปไม่ว่าจะเป็นเพื่อนใหม่ สถานศึกษาใหม่ ตึกเรียนที่ตนเรียน กิจกรรมที่ตนเข้าร่วม รวมไปถึงการถ่ายรูปกับชายหนุ่มคนหนึ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส...ไอ้หน้าขาวนี่ใครวะ!นฤบดินทร์ได้แต่เก็บความสงสัย แต่เมื่อเห็นว่ารูปนั้นมีการแท็กชื่อผู้ชายที่อยู่ในภาพด้วย เขาจึงกดเข้าไปที่ชื่อนั้นแล้วไล่ดูหน้าไทม์ไลน์ของอีกฝ่าย ทำให้เขาได้รู้ว่าผู้ชายหน้าขาวปากแดงคนนี้ชื่อตาร์ ทั้งยังเป็นพี่รหัสของพราวนภาอีกต่างหาก ความหงุดหงิดไม่สบอารมณ์เข้าครอ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 13 ถูกบูลลี่ - 25%

    นฤบดินทร์กลับเข้าไปในบ้านพักตากอากาศอีกครั้งหลังจากที่ดื่มไวน์หมดขวดแล้ว ครั้นพอชายหนุ่มเดินเข้าไปในบ้าน โรเบิร์ตก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “นี่นายไม่ได้นอนอยู่ข้างบนหรือ ฉันนึกว่านายจะไปนอนพักเสียอีก”นฤบดินทร์ยิ้มอ่อนพลางทรุดตัวนั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกับโรเบิร์ต ขณะที่เพื่อนอีกหลายคนจดจ่ออยู่ที่จอแอลซีดีขนาดใหญ่ซึ่งกำลังถ่ายทอดเทปบันทึกการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล“เปล่า ฉันออกไปนั่งรับลมที่ชายหาดน่ะ เอารอยัล เดอมาเรียไปนั่งดื่มด้วย” นฤบดินทร์พูดไปยิ้มไป แต่คนฟังนั้นพ่นเบียร์ในปากออกมาทันทีพร้อมกับหันมามองเขาตาเหลือก“นายว่าอะไรนะดิน รอยัล เดอมาเรีย? นายล้อฉันเล่นใช่ไหม นายเอารอยัล เดอมาเรียไปนั่งดื่มที่ชายหาดเนี่ยนะ พระเจ้า! นั่นไวน์ของพ่อฉัน”โรเบิร์ตกุมขมับแทบหายเมาเป็นปลิดทิ้งเพราะไวน์ยี่ห้อ Royal DeMaria นั้นสนนราคาขวดละสามหมื่นกว่าเหรียญ...เขาถูกพ่อฆ่าแน่นฤบดินทร์หัวเราะออกมาทันทีด้วยความสะใจที่หลอกเพื่อนได้ ก่อนจะยอมเฉลยความจริง“ล้อเล่นน่า ฉันหยิบแค่ชาร์โต มูตองไปเท่านั้นเอง&rd

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status