Share

4 เริ่มต้น

last update Last Updated: 2025-11-18 13:26:15

“น้ำ น้องสาวนายนี่ก็เอาเรื่องดีเหมือนกันนะ”

ภาคภูมิสะกิดไหล่เพื่อนสนิท

“อือ” ชลาธิปรับคำสั้น ๆ ง่าย ๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ

เขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากมุมไกล ๆ แต่ไม่รู้ว่าตรงนั้นกำลังสนทนาอะไรกันและเขาเองก็รู้ว่า ยายเด็กนั่นต้องเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ตอนที่ภาคภูมิบอกให้เขาแสดงตัวไปช่วยเหลือเธอ จึงไม่ได้คิดจะออกไปช่วยตั้งแต่แรก

“แต่ยังไงก็ระวังเอาไว้บ้างก็ดีนะ ในโรงเรียนไอ้หมอนั่นอาจจะทำอะไรน้องนายไม่ได้ แต่นอกโรงเรียนก็ระวังหน่อย ฉันได้ยินว่าครอบครัวมันทำงานสีเทา ๆ” ภาคภูมิเป็นห่วงน้องสาวของเพื่อนสนิท มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนันท์ลินีและชลาธิปว่าเป็นอะไรกัน

“เข้าใจแล้ว” เด็กหนุ่มยังคงเฉยชาอยู่เช่นเดิม แต่ก็ยอมรับฟังคำเตือนของเพื่อนสนิท

ถึงเวลาเลิกเรียน เพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอและชลาธิป นันท์ลินีกับเขาจึงตกลงกันเอาไว้ว่าให้รถของที่บ้านจอดอยู่ห่างจากโรงเรียนไปอีกสักหน่อย เธอที่อยู่ในระดับมัธยมต้นจะได้รับการปล่อยให้ออกจากโรงเรียนก่อนจะเดินไปรอเขาที่นั่น พอเขาเลิกเรียนแล้วก็ค่อยให้เขาตามมาทีหลัง

ในตอนแรกทั้งนพดลและสาวิตรีก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยนักเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของเด็กหญิง แต่ในเมื่อไม่ว่าจะใช้เหตุผลอะไรก็ตามนันท์ลินีไม่มีทีท่าว่าจะยอมง่าย ๆ สองสามีภรรยาจึงตกลงทำตามคำขอร้องของเด็กหญิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอีกทางเลือกหนึ่งก็คือถ้าทั้งสองคนไม่ยอม เธอจะนั่งรถสาธารณะกลับเอง ผู้เป็นผู้ปกครองจึงจำเป็นต้องยอมแพ้ให้กับเธอ

ตรอกเล็ก ๆ แคบ ๆ อันเป็นเส้นทางที่เด็กหญิงเดินไปยังจุดจอดรถของที่บ้าน โดยปกติเวลาเลิกเรียนซอยนี้มักจะมีเด็กนักเรียนและผู้คนเดินสัญจรไปมาอยู่ตลอดเวลา แต่วันนี้บรรยากาศกลับดูแตกต่างกันออกไป นันท์ลินีเดินมุ่งหน้าไปยังที่จอดรถตามปกติเหมือนที่เคยทำ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ปกติ เมื่อเดินมาจนถึงจุดหนึ่งร่างเล็กของเด็กสาวจึงรู้ตัวว่ากำลังถูกตาม เมื่อหันไปก็พบกับรุ่นพี่ ม.5 ที่มากวนใจเธอเมื่อตอนกลางวัน

“น้องอัน” เขายิ้มอารมณ์ดี

“....” นันท์ลินีไม่ได้อยากจะเสวนากับอีกฝ่าย จึงเลือกเดินหนีไปเสียดีกว่า แต่กลายเป็นว่าเพื่อนของรัฐศาสตร์อีกสองคนกระโดดลงจากกำแพงมาขวางทางเธอเอาไว้

“พี่ก็แค่อยากคุยกับอันดี ๆ ก็เท่านั้น” รัฐศาสตร์โอบไหล่ของเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า

คนตัวเล็กยิ้มเล็กน้อย “บอกแล้วยังไงคะ อันไม่คุยกับคนที่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน กับพวกสวะอันก็ไม่คุยนะคะ” เธอยังคงพูดจาอวดดีอยู่เช่นเดิม แม้ว่าตอนนี้จะเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม

เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมวันนี้ถึงไม่มีใครใช้ซอยนี้เลย คนตัวเล็กล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ตั้งใจจะกดโทรหาตำรวจ แต่กลับถูกเด็กหนุ่มที่ตัวสูงกว่าแย่งสมาร์ตโฟนราคาแพงไปจากมือ

“คิดว่าพี่จะให้โทรได้ง่าย ๆ เหรอ” รัฐศาสตร์คว้าโทรศัพท์ออกมาจากมือของรุ่นน้อง ม.2

“เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ” นันท์ลินีพยายามยื้อแย่งโทรศัพท์ของตัวเองคืนมา แต่อีกฝ่ายแกล้งโยนลงอ่างบัวของชาวบ้านแถวนั้น “ไอ้เลว” เด็กหญิงโวยวาย

ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังถูกเพื่อนของรัฐศาสตร์กระชากเอากระเป๋านักเรียนไป ครั้นจะวิ่งหนีก็ถูกเขาจับตัวเอาไว้ เด็กหญิงทำท่าจะส่งเสียงร้องดังโวยวาย ก็ถูกเด็กพวกนั้นเอามือมาปิดปาก ตอนที่พวกมันกำลังจะพาตัวของนันท์ลินีไปไหนได้ไกลกว่านั้น ร่างของเด็กหนุ่ม ม.5 ก็ล้มกลิ้งลงกับพื้นเพราะถูกใครบางคนกระโดดถีบ

“อัน!!!” ชลาธิปเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องนี้ขึ้นแน่ ๆ แต่เพราะต้องทำหน้าที่ของสภานักเรียนทำให้เขาตามมาช้าเกินไป

“น้ำ” นันท์ลินีเรียกชื่อของเด็กหนุ่มรุ่นพี่ ใบหน้าเปียกปอนไปด้วยคราบน้ำตา “ทำไมมาช้า” คนตัวเล็กเริ่มร้องไห้

“ปล่อยน้องกูได้แล้ว” สีหน้าของชลาธิปจริงจัง

“อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่นหน่อยเลยพี่น้ำ ไปทำตัวเป็นสภานักเรียนดีเด่นเหมือนเดิมเถอะ” รัฐศาสตร์ที่เพิ่งลุกขึ้นมาจากพื้นเหมือนจะฟังไม่ชัดว่าอีกฝ่ายพูดอะไร

“กูบอกว่าปล่อยน้องสาวกูได้แล้ว” ชลาธิปเริ่มเสียงแข็ง

“อีเด็กนี่มันเป็นน้องสาวพี่เหรอ” เพื่อนคนหนึ่งของรัฐศาสตร์ลังเลเมื่อได้ยินว่านันท์ลินีเป็นน้องสาวของประธานสภานักเรียน

“เออ นั่นน้องสาวกู พวกมึงปล่อยอันก่อน” เด็กหนุ่ม ม.6 ย้ำอีกรอบ

ทันทีที่มือหยาบของคนพวกนั้นปล่อย เด็กหญิงก็รีบวิ่งไปหลบอยู่หลังพี่น้องไม่แท้ของเธอทันที

“ขอโทษที่มาช้า” ภาคภูมิกับเพื่อนนักเรียน ม.6 วิ่งตามมาสมทบอีกหลายคน “น้องสาวนายเป็นอะไรไหม” ภาคภูมิโน้มตัวลงพูดคุยกับเด็กหญิงที่เกาะหลังเพื่อนสนิทแน่น ท่าทางของเธอยังคงมีความหวาดกลัว เด็กหญิงยังคงแต่เอาหน้ามุดกับแผ่นหลังของชลาธิปไม่ได้สนใจที่เขาพูดเลยสักนิด

“ไม่มาซะพรุ่งนี้เลยล่ะ” ชลาธิปบ่น

“เออก็มาแล้วนี่ไง” ภาคภูมิตอบ

“แล้วนี่ได้ถ่ายคลิปหลักฐานไว้หรือเปล่าจะเอาไปส่งให้ผู้ใหญ่ ไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” ชลาธิปหันไปถามเพื่อน

“พี่น้ำ ผมว่าเรามาคุยกันดี ๆ เถอะ” รัฐศาสตร์รู้แล้วว่าตัวเองทำผิด ภาคภูมิเป็นเพื่อนสนิทของชลาธิป เขาเป็นลูกชายนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมา เกรงว่าจะส่งผลกระทบถึงธุรกิจสีเทาของครอบครัวซึ่งเรื่องนี้เป็นชนักติดหลังของรัฐศาสตร์อยู่

“น้ำ!! ไม่คุย ไม่อยากคุยกลับบ้านกันเถอะ กลับบ้าน” นันท์ลินีไม่อยากคุยอะไรทั้งนั้น เธอไม่อยากอยู่ที่นี่และไม่อยากเสียเวลาสนทนากับรัฐศาสตร์

“อือ...เข้าใจแล้ว” ชลาธิปรับฟังสิ่งที่นันท์ลินีต้องการ “ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ แล้วอย่ามาเข้าใกล้น้องสาวกูอีก”

“ไม่อยากนั้นจะหาว่าพี่ภาคไม่เตือนนะครับ” ภาคภูมิพูดต่อจากเพื่อนสนิท

แม้จะเจ็บใจแค่ไหน แต่รัฐศาสตร์ก็จำเป็นที่จะต้องปล่อยเรื่องนี้ไป เพราะหากเรื่องราวไปถึงหูของผู้ใหญ่จะเป็นเรื่องเอาได้ ไว้ค่อยหาจังหวะดี ๆ ในอนาคต อีกสิบปีค่อยแก้แค้นอีเด็กนั่นก็ยังไม่สาย

ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เมื่อนันท์ลินีรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเธอจึงยอมเงยหน้าออกมาจากแผ่นหลังของชลาธิป

“พวกนั้นไปหมดแล้วค่ะ” ภาคภูมิยิ้มอย่างใจดี ใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มรุ่นพี่โน้มลงมาอยู่ใกล้ ๆ กับเธอ “เราได้คุยกันสักทีนะคะน้องอัน” ร่างสูงลูบหัวเด็กหญิงเบา ๆ

ใบหน้าของภาคภูมิอยู่ใกล้กับใบหน้าของนันท์ลินีห่างกันแค่เอื้อมหัวใจของเด็กหญิงเต้นตึกตักอย่างบอกไม่ถูก คนตัวเล็กรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองในเวลานี้กำลังเห่อร้อน

“น้ำกลับเถอะ” เพราะทนให้ภาคภูมิจ้องหน้าไม่ไหว นันท์ลินีจึงให้พี่ชายร่วมบ้านพาเธอออกไปจากตรงนี้สักที

“อือ พรุ่งนี้เจอกันนะภาค” ผู้เป็นพี่ร่ำลากับเพื่อนสนิทก่อนจะเก็บซากกระเป๋าและโทรศัพท์ของนันท์ลินีพาเธอเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้วยกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   6 เป็นอะไรกันไปหมด

    นันท์ลินีคิดถึงเรื่องเก่า ๆ เมื่อหลายปีก่อน เธอจำได้ว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่ได้เจอกับภาคภูมิเป็นครั้งแรก อันที่จริง เขาก็ไม่ได้หล่อไปกว่าชลาธิปเลยสักนิด แต่หลังจากเรียนจบมัธยมภาคภูมิก็ผันตัวเข้าสู่วงการบันเทิง ส่วนพี่ชายร่วมบ้านของเธอเรียนบริหารธุรกิจ ถึงแม้จะเดินกันคนละเส้นทางแต่กระนั้นทั้งสองคนก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่เช่นเดิมส่วนเธอเองช่วงหลังก็ได้จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ในวงการเดียวกันกับภาคภูมิด้วยเช่นกัน เขาจึงกลายเป็นทั้งเพื่อนสนิทของชลาธิป เป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิง รวมถึงเป็นผู้ชายที่เธอแอบชอบ“น้องอัน....ถึงคิวแต่งหน้าทำผมแล้วค่ะ” ผู้จัดการกองถ่ายเรียกตัวให้นันท์ลินีเดินไปแต่งหน้าคนตัวเล็กเหลือบตาดูเวลาในโทรศัพท์ก่อนจะเห็นว่า สายไปครึ่งชั่วโมง“สายไปครึ่งชั่วโมงนะคะ” น้ำเสียงของนันท์ลินีแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ “เพราะอะไรล่ะคะ ทุกคนก็รู้ว่าอันเป็นคนรักษาเวลา” ผู้จัดการกองถ่ายหน้าเสีย ไม่รู้จะบอกกับนางร้ายคนนี้ยังไงดีเพราะถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ไม่ค่อยดีเท่า

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   5 คนร่วมบ้าน

    ชลาธิปเดินจูงมือน้องสาวร่วมบ้านไปจนถึงจุดที่รถยนต์จอดรออยู่ พี่เลี้ยงของเด็กทั้งสองคนเมื่อเห็น เด็กหญิงอยู่ในสภาพไม่น่าดูนักก็รีบลงจากรถเข้ามาดูแล“คุณอันเป็นอะไรคะ ทำไมเสื้อผ้าถึงเลอะเทอะมอมแมมแบบนี้” ดาวใจรีบหยิบกระดาษทิชชูเปียกออกมาเช็ดเสื้อผ้าให้กับเด็กหญิงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นันท์ลินีไม่อยากตอบคำถาม ผู้เป็นน้องจึงสะกิดให้เด็กหนุ่มเป็นคนตอบ“ล้มน่ะครับ สะดุดก้อนหินล้มเลยมอมแมมไปหน่อย” เขารู้ว่านันท์ลินีคงไม่อยากพูดความจริง จึงไม่ได้บอกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้พี่เลี้ยงและคนขับรถรับรู้“เป็นแบบนั้นเหรอคะ” ดาวใจยังไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ชลาธิปพูดนัก“ค่ะ อย่างที่น้ำบอก” นันท์ลินีเออออไปกับอีกฝ่ายโชคดีที่เขาหัวไว คิดเรื่องโกหกออกมาได้แนบเนียน และยิ่งออกมาจากปากของเด็กหนุ่มคนนี้ใคร ๆ ก็พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดหมดเมื่อเห็นว่าดาวใจเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ชลาธิปจึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เด็กหนุ่มจึงเดินไปขึ้นรถฝั่งที่ตัวเองนั่งประจำรถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกมาจากจุดจอดรถไปเรื่อย ๆ เพราะว่าเด็กทั้งสองคนมาช้าไปราว 20 นาที นั่นก็เพียงพอจะทำให้ ทั้งหมดติดแหงกอยู่บนท้องถนนของเมืองหล

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   4 เริ่มต้น

    “น้ำ น้องสาวนายนี่ก็เอาเรื่องดีเหมือนกันนะ”ภาคภูมิสะกิดไหล่เพื่อนสนิท“อือ” ชลาธิปรับคำสั้น ๆ ง่าย ๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อเขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากมุมไกล ๆ แต่ไม่รู้ว่าตรงนั้นกำลังสนทนาอะไรกันและเขาเองก็รู้ว่า ยายเด็กนั่นต้องเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ตอนที่ภาคภูมิบอกให้เขาแสดงตัวไปช่วยเหลือเธอ จึงไม่ได้คิดจะออกไปช่วยตั้งแต่แรก“แต่ยังไงก็ระวังเอาไว้บ้างก็ดีนะ ในโรงเรียนไอ้หมอนั่นอาจจะทำอะไรน้องนายไม่ได้ แต่นอกโรงเรียนก็ระวังหน่อย ฉันได้ยินว่าครอบครัวมันทำงานสีเทา ๆ” ภาคภูมิเป็นห่วงน้องสาวของเพื่อนสนิท มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนันท์ลินีและชลาธิปว่าเป็นอะไรกัน“เข้าใจแล้ว” เด็กหนุ่มยังคงเฉยชาอยู่เช่นเดิม แต่ก็ยอมรับฟังคำเตือนของเพื่อนสนิทถึงเวลาเลิกเรียน เพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอและชลาธิป นันท์ลินีกับเขาจึงตกลงกันเอาไว้ว่าให้รถของที่บ้านจอดอยู่ห่างจากโรงเรียนไปอีกสักหน่อย เธอที่อยู่ในระดับมัธยมต้นจะได้รับการปล่อยให้ออกจากโรงเรียนก่อนจะเดินไปรอเขาที่นั่น พอเขาเลิกเรียนแล้วก็ค่อยให้เขาตามมาทีหลังในตอนแรกทั้งนพดลและสาวิตรีก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยนักเพราะเป็นห่

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   3 จะจำเรื่องวันนี้เอาไว้

    หลังจากเสร็จงานศพของบิดามารดาของชลาธิป นพดลและสาวิตรี ต้องต่อสู้กับการพาตัวเด็กชายเข้ามาอยู่ในการอุปการะ ทั้งข้อกำหนดทางกฎหมายและญาติพี่น้องที่ทำตัวเป็นเหลือบไร พอไม่มีบิดามารดาของชลาธิปแล้วพวกนั้นก็หมดที่พึ่งพิง สุดท้ายก็ตั้งใจเตรียมตัวจะฮุบทรัพย์สินในส่วนที่เป็นของเด็กชายและดูเหมือนว่าสองสามีภรรยาที่จากไปแล้วนั้นจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถึงได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้ และไว้ใจให้เพื่อนสนิทอย่างนพดลและสาวิตรีเป็นผู้พาเด็กชายไปเลี้ยงดู ส่วนทรัพย์สินที่ควรจะเป็นของเด็กชาย ผู้ปกครองตามกฎหมายอย่างคุณน้าทั้งสองจะเป็นผู้ดูแลให้โดยไม่แตะต้อง แต่อาจจะมีการนำบางส่วนไปลงทุนให้กับเด็กชาย จนกว่าชลาธิปจะบรรลุนิติภาวะเด็กชายวัย 12 ปี จำต้องย้ายที่อยู่จากบ้านริมน้ำเงียบสงบในต่างจังหวัด เข้ามาอยู่ในกรุงเทพสภาพแวดล้อมทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลายปีผ่านไป...“อันฉันได้ยินว่าพี่น้ำที่อยู่ ม.6 เป็นพี่ชายของอันเหรอ” เด็กสาวคนหนึ่งถามนันท์ลินีอย่างใคร่รู้เด็กหญิงวัยมัธยมต้นหน้าบึ้ง ทันทีที่เพื่อนสนิทในกลุ่มพูดถึงเด็กชายที่ที่บ้านของเธออุปการะ“ใครบอกพวกเธอ” นันท์ลินีคิ้วขมวด มือเรียวเล็กกดปิดหน้าจอโทรศัพท

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   2 กลัวจะแย่งความรัก

    นพดลพาเด็กชายขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ตั้งใจจะให้เด็กชายอยู่ร่วมกันแบบเจ้านายคนหนึ่งของบ้าน เขาไม่ต้องการให้ชลาธิปรู้สึกด้อยไปกว่าเด็กคนอื่น ๆ เขารับปากเพื่อนสนิทของภรรยาเอาไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรนพดลก็ต้องทำให้ได้ อย่างน้อย ๆ ตอนที่ภรรยาเขาลำบากบิดามารดาของเด็กชายก็เคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้ทั้งเขาและสาวิตรี ร่วมถึงบิดาของตนนั้นไม่เท่าไหร่ ติดปัญหาอยู่ที่เด็กหญิงตัวแสบนั่นมากกว่า เขายังคิดเสียใจที่เลี้ยงบุตรสาวให้กลายเป็นแบบนี้ ถ้าเขากล้าดุหรือสั่งสอนเธอสักหน่อยเรื่องคงไม่ดำเนินมาถึงขั้นนี้“เป็นยังไงน้ำ เราอยู่ได้ไหม” นพดลถามไถ่เด็กชายยิ้มและตอบรับอย่างมีมารยาท“ครับ ดีกว่าที่ผมเคยอยู่ซะอีก” เขาตอบ ถ้าให้เทียบกับบ้านริมน้ำที่เคยอยู่ร่วมกันกับครอบครัว ที่นี่นับว่าดีมาก“เพราะว่าที่บ้านเรา ไฟมันไหม้ไปหมดแล้ว ก็คงไม่มีอะไรเหลือแล้วล่ะ หลังจากเสร็จงานศพของพ่อกับแม่เรา น้าจะพาไปซื้อเสื้อผ้าใส่นะ แล้วก็จากนี้คงต้องย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพด้วยกัน” สาวิตรีปลอบประโลมเด็กชายบิดาและมารดาของเด็กชายเสียชีวิตเมื่อวันก่อน และก่อนที่พวกเขาจะจากไปได้ขอร้องให้สาวิตรีช่วยดูแลเด็กชาย ผู้เป็นนายหญิงของบ้านรู้ว่าช

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   1 อยู่ร่วมกัน

    เด็กหญิงผมเปียใบหน้าน่ารักสมวัยสีหน้าไม่ค่อยดีนักเมื่อได้ยินว่าบิดาของตัวเองพาเด็กผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในบ้าน สภาพมอมแมมไม่ต่างอะไรจากเด็กข้างถนน เด็กหญิงนันท์ลินีไม่ค่อยชอบใจนัก เธอต้องการเป็นจุดศูนย์รวมของความรักของคนทั้งบ้าน ไม่ได้ต้องการมีพี่น้องหรือสมาชิกอื่นใด เพิ่มเข้ามาในครอบครัวอีก“น้องอันทำไมทำหน้าแบบนั้นละคะ” สาวิตรี ผู้เป็นมารดาเห็นหน้าของบุตรสาวบึ้งตึงจึงเข้าไปปลอบประโลม“ไอ้เด็กนั่นเป็นใครคะ” เธอรู้อยู่แล้วว่ามารดาจะต้องถามคำถามนี้“เด็กนั่น!! ทำไมน้องอันพูดไม่เพราะเลยล่ะคะ” ผู้เป็นมารดาดุ เธอจำได้ว่าไม่เคยสอนให้เด็กหญิงมีนิสัยเช่นนี้“แล้วมันเป็นใครล่ะคะคุณแม่” นันท์ลินียังคงรอคำตอบจากปากของมารดาสาวิตรีถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ที่เด็กหญิงตัวน้อยมีท่าทางเช่นนั้น คงเป็นเพราะเธอตามใจบุตรสาวมากจนเกินไป เพราะในอดีตกว่าที่เธอจะตั้งครรภ์นันท์ลินี ก็ใช้เวลาเฝ้ารออยู่หลายปี เมื่อเด็กหญิงถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งครอบครัวเลยค่อนข้างตามใจแม้จะรู้ว่าในอนาคตเด็กหญิงจะต้องเสียคนอย่างแน่ ๆ แต่ทั้งผู้เป็นบิดาและมารดายามเมื่อเห็นน้ำตาของเด็กหญิง ทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน“ใจเย็น ๆ นะ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status