Share

5 คนร่วมบ้าน

last update Last Updated: 2025-11-18 13:26:38

ชลาธิปเดินจูงมือน้องสาวร่วมบ้านไปจนถึงจุดที่รถยนต์จอดรออยู่ พี่เลี้ยงของเด็กทั้งสองคนเมื่อเห็น เด็กหญิงอยู่ในสภาพไม่น่าดูนักก็รีบลงจากรถเข้ามาดูแล

“คุณอันเป็นอะไรคะ ทำไมเสื้อผ้าถึงเลอะเทอะมอมแมมแบบนี้” ดาวใจรีบหยิบกระดาษทิชชูเปียกออกมาเช็ดเสื้อผ้าให้กับเด็กหญิง

เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นันท์ลินีไม่อยากตอบคำถาม ผู้เป็นน้องจึงสะกิดให้เด็กหนุ่มเป็นคนตอบ

“ล้มน่ะครับ สะดุดก้อนหินล้มเลยมอมแมมไปหน่อย” เขารู้ว่านันท์ลินีคงไม่อยากพูดความจริง จึงไม่ได้บอกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้พี่เลี้ยงและคนขับรถรับรู้

“เป็นแบบนั้นเหรอคะ” ดาวใจยังไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ชลาธิปพูดนัก

“ค่ะ อย่างที่น้ำบอก” นันท์ลินีเออออไปกับอีกฝ่าย

โชคดีที่เขาหัวไว คิดเรื่องโกหกออกมาได้แนบเนียน และยิ่งออกมาจากปากของเด็กหนุ่มคนนี้ใคร ๆ ก็พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดหมด

เมื่อเห็นว่าดาวใจเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ชลาธิปจึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เด็กหนุ่มจึงเดินไปขึ้นรถฝั่งที่ตัวเองนั่งประจำ

รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกมาจากจุดจอดรถไปเรื่อย ๆ เพราะว่าเด็กทั้งสองคนมาช้าไปราว 20 นาที นั่นก็เพียงพอจะทำให้ ทั้งหมดติดแหงกอยู่บนท้องถนนของเมืองหลวง

นันท์ลินีไม่คิดว่าชลาธิปกับเพื่อนจะมาช่วยเหลือ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอกลั่นแกล้งเขาแทบเป็นแทบตาย เด็กหญิงเปิดสมุดเรียนของตนเอง ก่อนจะเขียนอะไรบางอย่างลงไป

‘ขอบคุณ’ นันท์ลินีเขียนเสร็จแล้ว แต่ลังเลว่าควรจะส่งให้กับพี่ชายร่วมบ้านคนนี้หรือเปล่า และดูเหมือนว่าชลาธิปจะรับรู้ความรู้สึก

เพราะรู้สึกว่าน้องสาวร่วมบ้านกำลังทำตัวแปลก ๆ อีกทั้งยังหันมาทางเขาอยู่บ่อย ๆ เด็กหนุ่มจึงหันไปดูว่าเธอกำลังทำอะไร เด็กหญิงในชุดนักเรียนโรงเรียนเอกชน กำลังนั่งก้มหน้าจดอะไรบางอย่างยุกยิกอยู่ในสมุด แสงอาทิตย์สุดท้ายก่อนจะลับขอบฟ้าสาดส่องเข้ามาภายในรถ ทำให้นันท์ลินีดูน่ารักอย่างแปลกประหลาด ถ้ายายเด็กคนนี้ไม่ใช่ยายตัวแสบ ในสายตาของเขา เธอก็นับว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักมาก ๆ คนหนึ่ง

จู่ ๆ ก็นึกอยากรู้ว่าน้องสาวร่วมบ้านคนนี้กำลังเขียนอะไร เด็กหนุ่มจึงยืดตัวขึ้นไปดู ถึงได้เห็นข้อความสั้น ๆ ที่เธอเขียน

‘ขอบคุณ’

ขอบคุณงั้นเหรอยายเด็กนี่ คิดจะขอบคุณเขางั้นเหรอ

“เขียนวันที่ไว้ด้วย แล้วก็เขียนกำกับเอาไว้ด้วยว่า นี่เป็นการขอบคุณครั้งแรกของอัน” ชลาธิปพูดลอย ๆ

“น้ำ!! ทำไมถึงมาอ่านของของคนอื่นแบบนี้” นันท์ลินีโกรธที่ถูกจับได้

“ก็นั่นจะเขียนให้พี่ไม่ใช่เหรอ” เด็กหนุ่มกอดอกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่ายายตัวแสบกำลังเขินจนหน้าแดง

“ปะ..เปล่าสักหน่อย” นันท์ลินีตะกุกตะกักพูดได้ไม่เป็นภาษา

ก่อนที่สุดท้ายเด็กหนุ่มจะคว้าสมุดของนันท์ลินีไปจากมือของเธอ

“ลายมือสวยดีนี่ ตอนเด็ก ๆ ไม่เห็นลายมือสวยแบบนี้เลย” เด็กหนุ่มถือวิสาสะเปิดสมุดเรียนของเด็กหญิง การบ้านหรืองานที่อยู่ด้านในถูกเขียนออกมาได้เป็นระเบียบ มีการระบายสีสวยงามตามแบบที่เธอชอบ เห็นแล้วคิดถึงตอนเด็ก ๆ “ตอนเด็ก ๆ ลายมืออันน่ะเป็นไส้เดือนเลย”

พูดจบเขาก็ฉีกกระดาษสมุดหน้าที่เธอเขียนคำว่าขอบคุณ และจับมันพับยัดใส่กระเป๋าเสื้อนักเรียนของตัวเอง

“น้ำ มาฉีกสมุดของคนอื่นได้ยังไง” นันท์ลินีโวยวาย เด็กหญิงทุบไหล่พี่ชายร่วมบ้านไปหนึ่งที “แล้วนั่นเอาไปทำไม มันเป็นกระดาษของอันนะ”

“ก็เขียนไอ้นี่ให้พี่ไม่ใช่เหรอ”

“เปล่า เพ้อเจ้อละ ไม่ได้เขียนให้น้ำสักหน่อย...” นันท์ลินีหน้าแดงก่อนจะรีบเฉไฉไปเรื่องอื่น “ตั้งใจ...เขียนให้เพื่อนน้ำต่างหาก”

ได้ยินสิ่งที่นันท์ลินีพูดออกมาจากปาก มันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดอย่างแปลกประหลาด คนที่ช่วยเธอเอาไว้คือเขาต่างหาก ไอ้หมอนั่นมันมาทีหลังจะไปขอบคุณอะไรเพื่อนของเขากัน

“งั้นเหรอ!” พูดจบเขาก็หยิบกระดาษแผ่นที่ฉีกออกมาเมื่อครู่ส่งคืนให้กับเธอ “เอาคืนไป แล้วก็ไปให้มันเอง” น้ำเสียงของชลาธิปชัดเจนว่ากำลังงอน

“น้ำ” เด็กหญิงเดาทางเขาไม่ถูก ไม่รู้ว่าเขากำลังรู้สึกยังไง อันที่จริงก็ตั้งใจจะให้เขานั่นแหละ แต่เป็นเธอที่ปากแข็งไม่ยอมบอกกับเขาไปตามตรง

ก็ในอดีตเธอน่ะทำนิสัยแย่กับเขาจะตายไป ถ้าจู่ ๆ มาพูดขอบคุณกันตอนนี้ก็ดูเสียฟอร์มไปหน่อย

ทั้งดาวใจและเฉิดชายผู้ที่เป็นคนขับรถ เป็นผู้ที่ผ่านน้ำร้อนมาก่อนมองจากมุมของผู้ใหญ่ ใครก็รู้ว่าเด็กหนุ่มที่โตกว่ากำลังงอน

รถแล่นเข้าสู่ตัวบ้านหลังใหญ่อีกครั้ง ทันทีที่รถจอดเด็กหญิงก็รีบมุ่งหน้ากลับเข้าบ้านในทันที เพราะเธอไม่อยากให้ผู้เป็นบิดาและมารดารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง ร่างเล็กคิดว่าการไม่บอกกับผู้ใหญ่น่าจะดีกว่า จึงรีบวิ่งกลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และนันท์ลินีมั่นใจว่าอย่างไรชลาธิปก็คงไม่บอกความจริงด้วยเช่นกัน

มื้ออาหารเย็นผ่านไปแล้วเด็กหญิงนั่งอ่านข้อความในกระดาษที่ชลาธิปส่งคืนมาให้เธอ ซ้ำไปซ้ำมา อย่างไรคำขอบคุณนี้เธอก็ตั้งใจจะมอบให้กับเขา เธอนึกถึงคำพูดของเด็กหนุ่มเรื่องที่เขาบอกให้เขียนวันที่กำกับลงไปในกระดาษ มันเป็นอย่างที่เขาพูดจริง ๆ นั่นแหละ ว่านี่เป็นการขอบคุณครั้งแรกของเธอ ตั้งแต่เขาถูกบิดาและมารดาของเธอพามาอยู่ด้วย ซึ่งเธอไม่เคยพูดดีกับเขาเลยสักคำ

ทั้งที่เธอทำร้ายเขาขนาดนั้นแต่ในช่วงเวลาที่เธอกำลังอยู่ในอันตราย เขาก็เป็นคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเธอเอาไว้ คนตัวเล็กลุกขึ้นเปิดกระเป๋าใส่เครื่องเขียนก่อนจะลงมือตกแต่งกระดาษที่เขียนข้อความนั้นเป็นอย่างดี

นันท์ลินีค่อย ๆ ย่องไปที่ห้องนอนของเด็กหนุ่มรุ่นพี่ รอให้เขาออกจากห้องไปเธอจึงรีบพุ่งตัวเอากระดาษแผ่นนั้นไปวางไว้บนเตียงนอนและรีบพุ่งตัวกลับออกไปทันที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   6 เป็นอะไรกันไปหมด

    นันท์ลินีคิดถึงเรื่องเก่า ๆ เมื่อหลายปีก่อน เธอจำได้ว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่ได้เจอกับภาคภูมิเป็นครั้งแรก อันที่จริง เขาก็ไม่ได้หล่อไปกว่าชลาธิปเลยสักนิด แต่หลังจากเรียนจบมัธยมภาคภูมิก็ผันตัวเข้าสู่วงการบันเทิง ส่วนพี่ชายร่วมบ้านของเธอเรียนบริหารธุรกิจ ถึงแม้จะเดินกันคนละเส้นทางแต่กระนั้นทั้งสองคนก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่เช่นเดิมส่วนเธอเองช่วงหลังก็ได้จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ในวงการเดียวกันกับภาคภูมิด้วยเช่นกัน เขาจึงกลายเป็นทั้งเพื่อนสนิทของชลาธิป เป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิง รวมถึงเป็นผู้ชายที่เธอแอบชอบ“น้องอัน....ถึงคิวแต่งหน้าทำผมแล้วค่ะ” ผู้จัดการกองถ่ายเรียกตัวให้นันท์ลินีเดินไปแต่งหน้าคนตัวเล็กเหลือบตาดูเวลาในโทรศัพท์ก่อนจะเห็นว่า สายไปครึ่งชั่วโมง“สายไปครึ่งชั่วโมงนะคะ” น้ำเสียงของนันท์ลินีแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ “เพราะอะไรล่ะคะ ทุกคนก็รู้ว่าอันเป็นคนรักษาเวลา” ผู้จัดการกองถ่ายหน้าเสีย ไม่รู้จะบอกกับนางร้ายคนนี้ยังไงดีเพราะถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ไม่ค่อยดีเท่า

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   5 คนร่วมบ้าน

    ชลาธิปเดินจูงมือน้องสาวร่วมบ้านไปจนถึงจุดที่รถยนต์จอดรออยู่ พี่เลี้ยงของเด็กทั้งสองคนเมื่อเห็น เด็กหญิงอยู่ในสภาพไม่น่าดูนักก็รีบลงจากรถเข้ามาดูแล“คุณอันเป็นอะไรคะ ทำไมเสื้อผ้าถึงเลอะเทอะมอมแมมแบบนี้” ดาวใจรีบหยิบกระดาษทิชชูเปียกออกมาเช็ดเสื้อผ้าให้กับเด็กหญิงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นันท์ลินีไม่อยากตอบคำถาม ผู้เป็นน้องจึงสะกิดให้เด็กหนุ่มเป็นคนตอบ“ล้มน่ะครับ สะดุดก้อนหินล้มเลยมอมแมมไปหน่อย” เขารู้ว่านันท์ลินีคงไม่อยากพูดความจริง จึงไม่ได้บอกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้พี่เลี้ยงและคนขับรถรับรู้“เป็นแบบนั้นเหรอคะ” ดาวใจยังไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ชลาธิปพูดนัก“ค่ะ อย่างที่น้ำบอก” นันท์ลินีเออออไปกับอีกฝ่ายโชคดีที่เขาหัวไว คิดเรื่องโกหกออกมาได้แนบเนียน และยิ่งออกมาจากปากของเด็กหนุ่มคนนี้ใคร ๆ ก็พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดหมดเมื่อเห็นว่าดาวใจเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ชลาธิปจึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เด็กหนุ่มจึงเดินไปขึ้นรถฝั่งที่ตัวเองนั่งประจำรถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกมาจากจุดจอดรถไปเรื่อย ๆ เพราะว่าเด็กทั้งสองคนมาช้าไปราว 20 นาที นั่นก็เพียงพอจะทำให้ ทั้งหมดติดแหงกอยู่บนท้องถนนของเมืองหล

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   4 เริ่มต้น

    “น้ำ น้องสาวนายนี่ก็เอาเรื่องดีเหมือนกันนะ”ภาคภูมิสะกิดไหล่เพื่อนสนิท“อือ” ชลาธิปรับคำสั้น ๆ ง่าย ๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อเขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากมุมไกล ๆ แต่ไม่รู้ว่าตรงนั้นกำลังสนทนาอะไรกันและเขาเองก็รู้ว่า ยายเด็กนั่นต้องเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ตอนที่ภาคภูมิบอกให้เขาแสดงตัวไปช่วยเหลือเธอ จึงไม่ได้คิดจะออกไปช่วยตั้งแต่แรก“แต่ยังไงก็ระวังเอาไว้บ้างก็ดีนะ ในโรงเรียนไอ้หมอนั่นอาจจะทำอะไรน้องนายไม่ได้ แต่นอกโรงเรียนก็ระวังหน่อย ฉันได้ยินว่าครอบครัวมันทำงานสีเทา ๆ” ภาคภูมิเป็นห่วงน้องสาวของเพื่อนสนิท มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนันท์ลินีและชลาธิปว่าเป็นอะไรกัน“เข้าใจแล้ว” เด็กหนุ่มยังคงเฉยชาอยู่เช่นเดิม แต่ก็ยอมรับฟังคำเตือนของเพื่อนสนิทถึงเวลาเลิกเรียน เพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอและชลาธิป นันท์ลินีกับเขาจึงตกลงกันเอาไว้ว่าให้รถของที่บ้านจอดอยู่ห่างจากโรงเรียนไปอีกสักหน่อย เธอที่อยู่ในระดับมัธยมต้นจะได้รับการปล่อยให้ออกจากโรงเรียนก่อนจะเดินไปรอเขาที่นั่น พอเขาเลิกเรียนแล้วก็ค่อยให้เขาตามมาทีหลังในตอนแรกทั้งนพดลและสาวิตรีก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยนักเพราะเป็นห่

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   3 จะจำเรื่องวันนี้เอาไว้

    หลังจากเสร็จงานศพของบิดามารดาของชลาธิป นพดลและสาวิตรี ต้องต่อสู้กับการพาตัวเด็กชายเข้ามาอยู่ในการอุปการะ ทั้งข้อกำหนดทางกฎหมายและญาติพี่น้องที่ทำตัวเป็นเหลือบไร พอไม่มีบิดามารดาของชลาธิปแล้วพวกนั้นก็หมดที่พึ่งพิง สุดท้ายก็ตั้งใจเตรียมตัวจะฮุบทรัพย์สินในส่วนที่เป็นของเด็กชายและดูเหมือนว่าสองสามีภรรยาที่จากไปแล้วนั้นจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถึงได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้ และไว้ใจให้เพื่อนสนิทอย่างนพดลและสาวิตรีเป็นผู้พาเด็กชายไปเลี้ยงดู ส่วนทรัพย์สินที่ควรจะเป็นของเด็กชาย ผู้ปกครองตามกฎหมายอย่างคุณน้าทั้งสองจะเป็นผู้ดูแลให้โดยไม่แตะต้อง แต่อาจจะมีการนำบางส่วนไปลงทุนให้กับเด็กชาย จนกว่าชลาธิปจะบรรลุนิติภาวะเด็กชายวัย 12 ปี จำต้องย้ายที่อยู่จากบ้านริมน้ำเงียบสงบในต่างจังหวัด เข้ามาอยู่ในกรุงเทพสภาพแวดล้อมทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลายปีผ่านไป...“อันฉันได้ยินว่าพี่น้ำที่อยู่ ม.6 เป็นพี่ชายของอันเหรอ” เด็กสาวคนหนึ่งถามนันท์ลินีอย่างใคร่รู้เด็กหญิงวัยมัธยมต้นหน้าบึ้ง ทันทีที่เพื่อนสนิทในกลุ่มพูดถึงเด็กชายที่ที่บ้านของเธออุปการะ“ใครบอกพวกเธอ” นันท์ลินีคิ้วขมวด มือเรียวเล็กกดปิดหน้าจอโทรศัพท

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   2 กลัวจะแย่งความรัก

    นพดลพาเด็กชายขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ตั้งใจจะให้เด็กชายอยู่ร่วมกันแบบเจ้านายคนหนึ่งของบ้าน เขาไม่ต้องการให้ชลาธิปรู้สึกด้อยไปกว่าเด็กคนอื่น ๆ เขารับปากเพื่อนสนิทของภรรยาเอาไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรนพดลก็ต้องทำให้ได้ อย่างน้อย ๆ ตอนที่ภรรยาเขาลำบากบิดามารดาของเด็กชายก็เคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้ทั้งเขาและสาวิตรี ร่วมถึงบิดาของตนนั้นไม่เท่าไหร่ ติดปัญหาอยู่ที่เด็กหญิงตัวแสบนั่นมากกว่า เขายังคิดเสียใจที่เลี้ยงบุตรสาวให้กลายเป็นแบบนี้ ถ้าเขากล้าดุหรือสั่งสอนเธอสักหน่อยเรื่องคงไม่ดำเนินมาถึงขั้นนี้“เป็นยังไงน้ำ เราอยู่ได้ไหม” นพดลถามไถ่เด็กชายยิ้มและตอบรับอย่างมีมารยาท“ครับ ดีกว่าที่ผมเคยอยู่ซะอีก” เขาตอบ ถ้าให้เทียบกับบ้านริมน้ำที่เคยอยู่ร่วมกันกับครอบครัว ที่นี่นับว่าดีมาก“เพราะว่าที่บ้านเรา ไฟมันไหม้ไปหมดแล้ว ก็คงไม่มีอะไรเหลือแล้วล่ะ หลังจากเสร็จงานศพของพ่อกับแม่เรา น้าจะพาไปซื้อเสื้อผ้าใส่นะ แล้วก็จากนี้คงต้องย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพด้วยกัน” สาวิตรีปลอบประโลมเด็กชายบิดาและมารดาของเด็กชายเสียชีวิตเมื่อวันก่อน และก่อนที่พวกเขาจะจากไปได้ขอร้องให้สาวิตรีช่วยดูแลเด็กชาย ผู้เป็นนายหญิงของบ้านรู้ว่าช

  • ใครจะอยากเป็นนางร้าย   1 อยู่ร่วมกัน

    เด็กหญิงผมเปียใบหน้าน่ารักสมวัยสีหน้าไม่ค่อยดีนักเมื่อได้ยินว่าบิดาของตัวเองพาเด็กผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในบ้าน สภาพมอมแมมไม่ต่างอะไรจากเด็กข้างถนน เด็กหญิงนันท์ลินีไม่ค่อยชอบใจนัก เธอต้องการเป็นจุดศูนย์รวมของความรักของคนทั้งบ้าน ไม่ได้ต้องการมีพี่น้องหรือสมาชิกอื่นใด เพิ่มเข้ามาในครอบครัวอีก“น้องอันทำไมทำหน้าแบบนั้นละคะ” สาวิตรี ผู้เป็นมารดาเห็นหน้าของบุตรสาวบึ้งตึงจึงเข้าไปปลอบประโลม“ไอ้เด็กนั่นเป็นใครคะ” เธอรู้อยู่แล้วว่ามารดาจะต้องถามคำถามนี้“เด็กนั่น!! ทำไมน้องอันพูดไม่เพราะเลยล่ะคะ” ผู้เป็นมารดาดุ เธอจำได้ว่าไม่เคยสอนให้เด็กหญิงมีนิสัยเช่นนี้“แล้วมันเป็นใครล่ะคะคุณแม่” นันท์ลินียังคงรอคำตอบจากปากของมารดาสาวิตรีถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ที่เด็กหญิงตัวน้อยมีท่าทางเช่นนั้น คงเป็นเพราะเธอตามใจบุตรสาวมากจนเกินไป เพราะในอดีตกว่าที่เธอจะตั้งครรภ์นันท์ลินี ก็ใช้เวลาเฝ้ารออยู่หลายปี เมื่อเด็กหญิงถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งครอบครัวเลยค่อนข้างตามใจแม้จะรู้ว่าในอนาคตเด็กหญิงจะต้องเสียคนอย่างแน่ ๆ แต่ทั้งผู้เป็นบิดาและมารดายามเมื่อเห็นน้ำตาของเด็กหญิง ทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน“ใจเย็น ๆ นะ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status