LOGINคำถามสุดท้ายแล่นวาบเข้ามาบีบคั้นหัวใจดวงน้อย จนต้องเมินสายตาหนีจากภาพตรงหน้า ไม่เคยมีวันไหนที่เธอไม่คิดถึงพี่อิสร์ แม้จะพยายามลืมเขาเท่าไหร่ แต่ก็ลืมไม่ได้เสียที คล้ายดั่งว่าเธอถูกสาปมาให้รักแต่เขา แล้วพี่อิสร์ล่ะคิดถึงเธอบ้างไหม หรือว่าในหัวใจของเขาหลงเหลือไว้แต่ความเกลียดชังให้กับเธอ
คำตอบว่านานป่านนี้เขาคงลืมเธอแล้ว ดังก้องกังวานขึ้นมาจนมือที่จับภาพถ่ายใบนั้นสั่นเทา ทว่าไม่ว่าความจริงจะโหดร้ายแค่ไหน แต่เขาก็เป็นความทรงจำเดียวที่แสนจะสวยงามของเธอ ดังนั้นเอมมาลินจึงเดินไปหัวเตียง แล้ววางรูปไว้บนนั้นแทน
เมื่อใช้เวลาช่วงหนึ่งไปกับความหลังเก่าๆ เสร็จ เอมมาลินก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปดูแลพ่อ เพื่อให้พยาบาลได้พักผ่อนบ้าง เย็นนั้นเธอทำหน้าที่ป้อนข้าวป้อนยาพ่อด้วยตัวเอง ก่อนจะไปทานอาหารค่ำเงียบๆ คนเดียว เพราะทั้งนงนภากับนงนภัสยังไม่กลับ และหลังจากพาผู้เป็นพ่อเข้านอนได้ชั่วโมงกว่าๆ เอมมาลินจึงเห็นนงนภากลับมา ส่วนนงนภัสนั้นกลับในเวลาเกือบสามทุ่ม โดยมีรถยุโรปคันหรูขับมาส่ง ซึ่งนงนภาก็ไม่ได้กล่าวตำหนิติเตียนใดๆ แต่กลับมีท่าทีสนับสนุนและเห็นดีเห็นงามด้วยซ้ำที่ลูกสาวมีผู้ชายรวยๆ มาส่ง
เอมมาลินออกมาทักทายคนทั้งคู่ตามประสาคนที่อยู่บ้านเดียวกัน และทั้งนงนภากับนงนภัสเองก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน คือมีท่าทีมึนตึงเมินเฉยใส่เธออย่างไรก็ยังเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเอมมาลินจึงเลือกที่จะกลับเข้าห้องตัวเองเงียบๆ และหวังเพียงว่าจะอยู่ที่นี่เพื่อทำหน้าที่ลูกอย่างดีที่สุดเท่านั้น
เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ ทำให้ร่างบางสะดุ้งตื่น ตาคู่สวยลืมขึ้นมองเพดานแล้วกะพริบตาถี่ๆ และทบทวนความจำว่าตอนนี้เธอไม่ได้นอนอยู่ในห้องที่ประเทศอังกฤษ แต่นอนอยู่ในบ้านตัวเอง เมื่อประสาทการรับรู้ปรับสภาพได้แล้ว จึงเงี่ยหูฟังว่าเสียงเอะอะโวยวายนั้นเป็นเสียงใครและดังมาจากไหน ครั้นพอจับน้ำเสียงได้ว่าเป็นเสียงของนงนภา มือเล็กเลยรีบคว้าเอาเสื้อคลุมมาสวมลวกๆ แล้วเดินแกมวิ่งลงไปชั้นล่าง ด้วยความเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับผู้เป็นพ่อ
“เธอจะออกแบบไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้าแบบนี้ไม่ได้นะ มันผิดข้อตกลงในสัญญาจ้าง” นงนภากำลังโวยวายใส่พยาบาลพิเศษที่ทำหน้าที่ดูแลธนิน
“ดิฉันจะออกค่ะ ในเมื่อคุณเองก็ผิดสัญญาเรื่องค่าจ้างเหมือนกัน นี่มันเดือนที่สามแล้วนะคะที่คุณไม่จ่ายค่าจ้างดิฉัน”
“ก็บอกแล้วไงว่ายังไม่มี ขอผลัดไปก่อน พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”
“รู้ค่ะ แต่ดิฉันก็มีครอบครัวที่ต้องกินต้องใช้เหมือนกัน ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่นั่งอดทนอยู่ถึงสามเดือนอย่างดิฉันหรอก”
“มีเรื่องอะไรกันคะ” เอมมาลินแทรกถามขึ้น ทำให้ทั้งนงนภาและพยาบาลต่างหันไปมองคนถาม ก่อนที่พยาบาลพิเศษจะเป็นคนตอบ
“ดิฉันจะออกค่ะ เพราะไม่ได้รับค่าจ้างมาสามเดือนแล้ว”
“อย่าเพิ่งออกเลยนะคะ ฉันขอร้อง ไม่ทราบว่าเงินค่าจ้างของคุณที่ครอบครัวของฉันค้างอยู่รวมทั้งหมดเท่าไหร่คะ”
“เดือนละสี่หมื่น สามเดือนก็รวมเป็นแสนสองค่ะ”
“งั้นรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้เอง”
เอมมาลินกลับไปบนห้อง หยิบเอาเงินปอนด์ในกระเป๋าออกมาเกือบหมดทุกใบ ซึ่งเธอคำนวณดูแล้วว่าแลกเป็นเงินไทยได้มากกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นบาทแน่ๆ จึงกลับลงมาชั้นล่างและส่งเงินจำนวนนั้นให้กับพยาบาล
“คุณเอาไปแลกเองได้ไหมคะ ฉันรับรองค่ะว่าได้มากกว่าแสนสอง”
“ขอบคุณค่ะ” พยาบาลรับไป สีหน้าค่อยดีขึ้น
“ยังไงก็อย่าออกเลยนะคะ ฉันขอร้องให้คุณอยู่ดูแลพ่อต่อไป”
“ถ้าคุณรับปากว่าจะไม่ค้างค่าจ้างอีก ดิฉันก็จะอยู่ต่อให้ค่ะ”
“ฉันรับปากค่ะ” เสียงหวานเอ่ยรับปากหนักแน่น ทั้งที่ตอนนี้เงินในกระเป๋าเหลือแค่ประมาณเจ็ดพันบาทไทยเท่านั้น
“ดีนะ คนอื่นลำบากกันจะเป็นจะตาย ตัวเองเสวยสุขอยู่เมืองนอก” นงนภาว่าประชดประชัดและเบ้ปากใส่ลูกเลี้ยง
“เอมไม่ได้มีความสุขเท่าไหร่หรอกค่ะ”
“ถ้าไม่มีความสุขแล้วไปเอาเงินถุงเงินถังมาจากไหน งั้นนับจากนี้ไปค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้านหลังนี้ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลพ่อเธอ เธอก็รับผิดชอบเองก็แล้วกัน เพราะฉันรับผิดชอบมานานพอแล้ว”
พูดแค่นั้นนงนภาก็เดินกลับขึ้นห้องตัวเอง เอมมาลินถอนหายใจออกมาเพื่อระบายความหนักหน่วง จริงอยู่ว่าสี่ปีแรกที่เธออยู่อังกฤษ เธอใช้เงินอย่างสุขสบาย มีหน้าที่แค่เรียนอย่างเดียว แต่ปีที่ห้าและหกที่เธอเรียนปริญญาโท เงินที่พ่อส่งให้ก็น้อยลงๆ กระทั่งในที่สุดเธอก็ต้องหางานพิเศษทำ เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในระหว่างเรียน และมีเงินเก็บกลับมาอีกเล็กน้อย โดยไม่คิดว่าเงินจำนวนนั้นจะหมดลงเพียงแค่วันเดียวที่เธอกลับถึงบ้าน
เมื่อสถานการณ์บังคับเช่นนั้น เอมมาลินจึงเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อหางาน แล้วส่งประวัติไปตามบริษัทต่างๆ ที่ประกาศรับอยู่ และดูเหมือนโชคจะเข้าข้าง เพราะเพียงแค่ตอนบ่ายของวันนั้นก็มีหนึ่งบริษัทโทร.มาเรียกไปสัมภาษณ์
เอมมาลินแต่งตัวออกจากบ้าน ตรงไปยังบริษัทดังกล่าว และผลสัมภาษณ์ก็คือ ทางผู้สัมภาษณ์ค่อนข้างพอใจในโปรไฟล์ของเธอ แต่ยังไม่ได้ตกลงในทันทีว่าจะรับเธอเข้าทำงาน บอกเพียงว่าจะติดต่อกลับมาอีกที
แม้จะค่อนข้างผิดหวัง ทว่าเอมมาลินก็เผื่อใจมาแล้วว่าผลอาจจะเป็นเช่นนี้ ดังนั้นหลังจากสัมภาษณ์เสร็จ เธอจึงโบกแท็กซี่ให้พากลับบ้านทันที
“ว่าไงตะวัน” “จะโทร.มาถามว่าเรื่องนั้นตกลงแกว่าไง” “แกนี่มันบ้าว่ะตะวัน ลูกฉันยังไม่โตเลยนะเว้ย” กวินภพต่อว่าเพื่อน แต่พร้อมกันนั้นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่รังสิมันต์ที่โทร.มาทาบทามลูกสาวของเขา แต่เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็เริ่มคุยกันเป็นจริงเป็นจังแล้วว่าจะให้ลูกใครคู่กับลูกใครบ้าง “ก็เพราะยังไม่โตนี่แหละเลยต้องรีบจองไว้ก่อน” “แล้วน้องนิลลูกไอ้ปรัชญ์ล่ะ” “คนนั้นพี่กริชจองไว้ให้ลูกชายแล้ว” “แต่ลูกพี่กริชอายุน้อยกว่าน้องนิลไม่ใช่เหรอวะ” “อายุมันใช่ปัญหาที่ไหนล่ะ”“แล้วลูกพี่ปราณต์ล่ะ”“ก็คู่กับน้องโอมลูกชายคนรองแกไง เอาละๆ แกไม่ต้องเฉไฉ ตอบมาคำเดียวว่าแกจะยกหนูอินธ์ให้เป็นว่าที่ลูกสะใภ้คนโตของฉันหรือเปล่า หรือถ้าไม่ได้น้องอินธ์จะเป็นน้องอัยย์ก็ได้นะเว้ย” คราวนี้รังสิมันต์ข่มขู่แบบจริงจังสุดๆ กวินภพเลยต้องถอนหายใจออกมา “แกนี่มันบ้าเข้าขั้นจริงๆ ว่ะตะวัน ถามจริงแกปรึกษาจันทร์บ้างหรือเปล่า”“จันทร์ตามใจฉันอยู่แล้ว”“แน่ใจเหรอ ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้โรคกลัวเมียของแกกำลังกำเริบหนักนี่”“ใครโทร.มาสาระแนเรื่องชาวบ้านล่ะ ไอ้ปรัช
“ไม่เบื่อบ้างหรือไงคะ หอมวันละกี่รอบก็ไม่รู้”“ไม่เบื่อ ไม่มีวันเบื่อ อีกอย่างเดี๋ยวนี้มีลูกๆ มาคอยแย่งหอมแก้มแม่ พี่ยิ่งต้องรีบหอมเวลาที่มีโอกาส”คำพูดนั้นทำให้เอมมาลินหัวเราะออกมาเบาๆ โดยที่ตายังคงทอดมองภาพลูกสาวคนโตอยู่เช่นเดิม ก่อนจะรำพึงออกมากับสามี“ยัยอินธ์ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนน้ากรอง จนบางครั้งเอมอดคิดไม่ได้ว่า น้ากรองคงมาเกิดเป็นลูกของเรา เหมือนที่เอมเคยอธิษฐานไว้ ว่าขอให้เอมได้มีโอกาสได้ดูแลและตอบแทนน้ากรองบ้างไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง”“แม่คงคิดถึงเราสองคน ถึงได้กลับมาอยู่ด้วย”ริมฝีปากอิ่มยิ้มบางๆ กับความสุขที่โอบล้อมอยู่รอบตัวในตอนนี้ เธอมองไปยังลูกสาวคนโตด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักสุดหัวใจ ซึ่งไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่น้ากรองที่มาเกิดใหม่ แต่ทุกวันนี้สิ่งที่เธอทำเป็นประจำก็คือใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้กับน้ากรองกับพ่อเหมือนเดิม และทุกครั้งที่มีโอกาสเธอก็จะให้พี่อิสร์พาไปที่วัดเพื่อเยี่ยมพ่อกับน้ากรองเสมอ“ตาโอมเป็นยังไงบ้างคะ หลับหรือยัง” เสียงหวานเอ่ยถามถึงลูกชายคนรองกับสามี เพราะเขาเพิ่งจะกลับออกมาจากห้องนั่งเล่น ซึ่งเมื่อครู่นี้สองคนพ่อลูกเล่นอยู่ด้วยกันในนั้น“หลับไปแล้วละ
“งั้นวันหลังพี่อิสร์เปิดรูปพวกนั้นให้เอมดูหน่อยนะคะเอมอยากเห็น”“ได้สิ แล้วนอกจากเรื่องต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ เอมมีอะไรอยากจะถามพี่อีกมั้ย รีบถามเลย เพราะหลังจากนี้พี่จะไม่เปิดโอกาสให้ถามแล้วนะ เพราะพี่จะชวนเอมทำอย่างอื่น”ท่าทีและถ้อยคำยั่วเย้าของเขา ทำให้เอมมาลินวาบหวามและอุ่นซ่านในอก รู้ดีว่าสามีต้องการอะไร แต่เธอก็ยังหาเรื่องประวิงเวลาต่อ“มีอีกเรื่องค่ะ เอมอยากรู้ว่าช่วงนี้พี่อิสร์หายไปไหนบ่อยๆ”“ไปดูช่างทาสีบ้านกับตกแต่งสวนใหม่ ตอนนี้บ้านเอมสวยเหมือนเดิมแล้วนะ อีกไม่กี่วันพี่จะปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ มันน่าจะโตไปพร้อมๆ กับลูกคนโตของเรา เอาไว้อาทิตย์หน้าพี่จะพาไปดู”“ทำไมพี่อิสร์ไม่ขายซะล่ะคะ บ้านก็ไม่มีคนอยู่นานแล้ว”“มันเคยเป็นบ้านของเอม พี่ไม่อยากขาย ตอนที่พี่ซื้อบ้านหลังนั้นเอาไว้ ก็เพราะแอบหวังลึกๆ ว่าพี่จะมีโอกาสได้คืนมันให้เอม หรือถ้าไม่มีโอกาสจริงๆ พี่ก็ยังมีของที่ระลึกให้ได้คิดถึงเอม”“ไหนบอกว่าจะเอาไว้ทำเรือนหอ”“แค่คำพูดพล่อยๆ ของคนใจร้ายเท่านั้นเอง เอมจ๋าลืมมันได้มั้ย” กวินภพออดอ้อน พอคิดถึงความเลวร้ายที่ตัวเองเคยทำ หัวใจก็พลอยเจ็บปวดเพราะสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้เหลือเก
“สัญญาแล้วต้องทำตามสัญญาด้วย เอมคือหัวใจ คือชีวิตของพี่ พี่อยากทำทุกๆ วันให้เอมมีความสุข เพื่อชดเชยเวลาที่เคยเสียไปกับเรื่องเลวร้ายที่พี่ทำกับเอม”“ทุกวันนี้เอมก็มีความสุขมากแล้ว และความสุขของเอมก็คือการมีพี่อิสร์อยู่ข้างๆ ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ได้ตื่นมาเจอกัน ได้กินข้าวพร้อมกัน และได้นอนพร้อมกัน ขอบคุณที่ดูแลเอมอย่างดี เอมรักพี่อิสร์นะคะ”“พี่ก็รักเอมและรักลูกของเรา ขอบคุณที่ยอมตามใจพี่ ที่ยอมมีลูกกับพี่”กล่าวจบปากหยักอุ่นซ่านก็ประทับจูบลงบนกลีบปากนุ่ม จูบเธออย่างดูดดื่ม รักใคร่ และลึกซึ้ง ซึ่งเอมมาลินเองก็ยอมให้จูบและจูบตอบเขาอย่างเต็มใจเช่นกัน“เรื่องห้องลูก เอมตั้งใจว่าจะทำให้ลูกอยู่แล้ว พี่อิสร์มีหน้าที่จ่ายเงินค่าอุปกรณ์ต่างๆ ก็พอแล้วค่ะ” เอมมาลินบอกกับสามีอีกครั้งหลังจากจูบอันเนิ่นนานของทั้งคู่ผ่านไป“ไม่เอาค่าจ้างเหรอ”“ไม่เอาหรอกค่ะ ห้องลูกของเรานะคะ เอมจะเอาได้ยังไง”“แต่พี่อยากให้ อยากจ้างเมียตัวเอง”“ทุกวันนี้ก็ให้จนเอมใช้ไม่หมดอยู่แล้วค่ะ”“เอมแทบจะไม่ใช้เลยต่างหาก” กวินภพเอ่ยแย้งพลางยกมือขึ้นไล้แก้มนวลเบาๆ อย่างทะนุถนอม“ไม่รู้จะใช้ซื้ออะไรนี่คะ พี่อิสร์หามาให้หมดทุกอย
“ถ้ามัวแต่เรียกชื่อเอมอยู่แบบนี้ เอมจะไม่ยอมมีลูกด้วย”“ถึงเอมจะไม่ยอม พี่ก็จะปล้ำแบบมาราธอน งานนี้ถ้าเอมไม่ท้อง พี่ก็ไม่พากลับ”ริมฝีปากอุ่นๆ ประทับลงจูบปากนุ่มอย่างดูดดื่ม เอมมาลินจูบตอบเขา แต่ไม่ได้หลับตาเหมือนทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ปากยังถูกจูบ ตาของเธอจ้องมองเขา ประกายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และเชิญชวนอย่างไม่รู้ตัว และภาษากายเหล่านั้นก็ทำให้ความอบอุ่นอ่อนหวานกลายเป็นความเร่าร้อนขึ้นในทันทีทุกตารางนิ้วบนเรือนกายเปลือยเปล่าของเอมมาลินถูกจูบถูกสัมผัสจนเธอพรั่งพร้อม เขาก็เป็นฝ่ายพลิกตัวลงนอนหงายกับที่นอน แล้วจับร่างบางขึ้นไปอยู่เหนือร่างใหญ่ เอมมาลินเขินอายไม่น้อยเมื่อรู้ความต้องการของสามี แต่เธอก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ด้วยการค่อยๆ นำพาเขาและเธอให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันเอมมาลินขยับกายบดสะโพกเป็นจังหวะช้าเร็ว ตามแต่ธรรมชาติและความเร่าร้อนวาบหวามจะนำทาง ทว่ากลับทำให้คนที่ทำตัวเป็นเบี้ยล่างชั่วคราวพอใจและเปล่งเสียงครางออกมาอย่างสุขสม และความสุขสมเหล่านั้นมันก็คือรางวัลที่ดีงามที่สุดสำหรับเธอความอุ่นซ่านแล่นลึกเข้ามาสู่ท้องน้อยและหัวใจ ในช่วงสุดท้ายของท่วงทำนองคลองรัก เอมมาลินรู้ดีว่ามันคือต
“ไม่หรอกครับ สำหรับบางอย่างหรือบางเรื่อง การเว้นช่องว่างและปล่อยให้เป็นเส้นขนานคือทางที่ดีที่สุดแล้ว พี่ว่าภัสเองก็คงเข้าใจเหมือนกัน” “เหมือนครั้งหนึ่งที่เอมเคยคิดว่า เรื่องระหว่างเอมกับพี่อิสร์มันคงเป็นเส้นขนานไปแล้ว” “ยกเว้นเรื่องของเราที่รัก พี่รักเอมมากเกินกว่าจะปล่อยให้เรื่องระหว่างเราสองคนกลายเป็นเส้นขนาน” “ขอบคุณที่พี่อิสร์ยกโทษให้เอม และขอบคุณที่กลับเข้ามาในชีวิตของเอม” “ขอบคุณเอมเหมือนกันที่ยอมยกโทษให้พี่ และยอมให้โอกาสพี่ได้ดูแลเอม” ตาสองคู่สบประสานกันอย่างลึกซึ้ง ถ่ายทอดความรักความเข้าใจให้กันและกันผ่านทางหน้าต่างของหัวใจ ก่อนที่เอมมาลินจะเป็นฝ่ายชวนสามีไปไหว้พ่อกับแม่อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก “ไปไหว้พ่อกับแม่ของเรากันเถอะค่ะ” “พี่จะขออโหสิกับพ่อของเอมและแนะนำตัวกับท่านว่าตอนนี้พี่เป็นลูกเขยท่านแล้ว เอมเองก็อย่าลืมบอกแม่พี่นะว่าเอมเป็นลูกสะใภ้ท่านแล้ว” ใบหน้าสวยหวานแดงระเรื่อ หัวใจพองคับอกและเต็มไปด้วยความอุ่นซ่าน มือใหญ่จูงมือเล็กไปยังหน้าสถูปของผู้เป็นบิดา ก่อนจะเดินไปยังสถูปของแม่ของเขา บอกกล่าวทุกอย่างให้ท่า







