ย้อนอดีต/ชีวิตน้ำหวานไร้แม่...
ตั้งแต่วันนั้นน้ำหวานเฝ้าคอยแม่มารับทุกวัน จากวัน สู่เดือน จนกลายเป็นปี ชีวิตเด็กน้อยไร้อ้อมกอดมารดาจึงถูกเดือนแม่เลี้ยง พยายามเป่าหูพ่อให้ตีเธออยู่หลายครั้ง แต่เพราะความรู้สึกผิดที่ได้กระทำต่อภรรยา...คู่ทุกข์คู่ยาก...กว่าจะเป็นเศรษฐี เจ้าของสวนมะพร้าวผู้ร่ำรวยเงินทองได้นั้นก็เพราะมีภรรยาที่เก่งกาจ น้ำหวานเป็นเพียงเด็กแต่ฉายแววสวยและความฉลาดเหมือนแม่ เธอเปรียบเสมือนตัวแทนภรรยา พ่อจึงไม่ดุด่า หรือตีน้ำหวาน ยิ่งพยายามสร้างความรักความอบอุ่นให้แก่เธอ แต่การที่พ่อทำเช่นนี้มันสร้างความไม่พอใจให้ฝ่ายภรรยาน้อยเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่พ่อออกไปทำงาน เธอก็จะถูกแม่เลี้ยงใจร้ายกลั่นแกล้งสารพัด น้ำหวานทำได้เพียงแค่ทนในทุกวัน .......... เวลาผ่านไปสิบห้าปี... เด็กน้อยในวันนั้นกลายเป็นหญิงสาวผู้งดงาม น้ำหวานในวัย 22 ปี เรียนมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งเอกครุศาสตร์สาขาพัฒนาปฐมวัย อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะจบการศึกษา แต่เธอไม่เคยลืมแม่และพี่สาวในสักวัน...เฝ้าคอยเสมอ และได้แต่หวังว่าให้แม่กับพี่สาวใช้ชีวิตให้ดี และในวันที่เธอสำเร็จการศึกษากำลังถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ ในมหาลัยก่อนเข้ารับจริงในวันพรุ่ง... กลับได้รับโทรศัพท์จากทางโรงพยาบาล น้ำหวานวิ่งออกไปโดยไม่เอ่ยคำพูดใด ๆ จนเพื่อนร่วมชั้นงง กันเป็นแถว อย่าเป็นอะไรนะคะพ่อ ถึงแม้พ่อจะทำไม่ดีกับแม่ของหนู...แต่พ่อก็ห้ามเป็นอะไรโดยเด็ดขาด พรุ่งนี้หนูรอถ่ายรูปคู่กับพ่ออยู่นะคะ เธอนึกในใจพลางวิ่งไปขับรถที่จอดอยู่ด้วยความหวาดกลัวและอาการมือไม้สั่น ณ โรงพยาบาลเอกชน เธอวิ่งออกจากลิฟต์มุ่งหน้ามาหยุดยืนหน้าห้องฉุกเฉิน ในขณะเดียวกันนั้นประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก คุณหมอวัยกลางคนเดินออกมา เธอวิงวอนในใจขอให้เทพเจ้าทุกพระองค์อย่าทำให้เธอผิดหวัง “ญาติของคนไข้ชื่อธงพันครับ” “ค่ะ หนูเป็นลูกสาวค่ะ พ่อหนูปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ” เธอถามชี้นำหมอในสิ่งที่อยากได้ยิน ” หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ คนไข้ขาดยาเป็นเวลานานอาการเลย่ำแย่” “จะเป็นไปได้อย่างไรคะหมอ พ่อทานยาตรงเวลาทุกวัน” “หมอคะ ได้โปรดช่วยพ่อหนูด้วย” เธอขอร้องหมอให้ช่วยพ่ออีกครั้ง “ช่วยไม่ได้จริง ๆ ครับ หมอขอตัวก่อน” ขณะเดียวกันร่างที่ไร้วิญญาณถูกเข็นออกมา จากห้อง เธอเข้าไปกอดและร้องเรียก “พ่อคะ...” ” ไหนบอกว่าจะไปถ่ายรูปรับปริญญา..." " พ่อไม่รักษาสัญญาอีกแล้วนะคะ” เสียงเรียกพร้อมทั้งหยดน้ำตาไหลอาบแก้มไม่อาจเรียกพ่อของเธอให้ฟื้นคืนมาได้ แต่มันเป็นทางเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้ ” ร้องแล้วได้อะไรขึ้นมา " "พ่อแกตายไปแล้ว น้ำตาไม่มีทางทำให้ฟื้นขึ้นมาหรอก” เสียงแหลมคมที่คุ้นหู เดือนแม่เลี้ยงและดาวน้องสาวต่างมารดาของเธอยืน อยู่ด้านหลังมองพ่อของเธอด้วยแววตาว่างเปล่าไร้ความรู้สึก "ทำไมตอนนั้นแกถึงไม่หนีไปพร้อมแม่ของแก" " อยู่ขวางหูขวางตาพวกเราสองแม่ลูก" "น่าสงสารนะ…ถ้าแม่รักแกจริง ก็คงไม่ทิ้งลูกไว้ใช่ไหม" "แม่ของพี่อาจจะหนีตามชู้รักไปก็ได้"ดาวเอ่ย "ห้ามพูดถึงแม่พี่แบบนั้นนะ!” "ทำไมถึงจะว่าไม่ได้ แม่แกทิ้งแกไป คนดีที่ไหนจะกล้าทิ้งลูก" เดือนแม่เลี้ยงยังคงกล่าวล่วงเกินแม่เธอ คำพูดดูถูกทุกท้อยคำ ออกจากปาก คนที่ทำครอบครัวเธอพัง ได้ยินมันตั้งแต่เด็ก ๆ แม้ไม่ชอบใจแต่เพื่อรักษาชีวิตเฝ้ารอวันเจอแม่และพี่อีกครั้ง น้ำหวานจึงเงียบมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้เธอโตและเข้มแข็งพอที่จะปกป้องตัวเองและคนที่รัก จึงไม่จำเป็นต้องทนฟังอีกต่อไป "น้าเดือนว่าเป็นเพราะอะไรคะ!" สายตาที่เดือนแม่เลี้ยงไม่เคยเห็น กลับถูกใช้ในขณะนี้ "อย่ามามองฉันแบบนี้นะ!" เดือนคิดว่ายังควบคุมน้ำหวานได้จึงเงื้อมมือสุดแรง ตบลงที่ใบหน้าเนียน นี่ไม่ใช่ครั้งแรก! น้ำหวานรู้ทันคว้าข้อมือแม่เลี้ยงเอาไว้ได้ "น้าอย่าได้ใช้ลูกไม้แบบเดิมมาเล่นงานฉันอีก สถานะคุณนายอะไร ก็แค่เมียน้อย" "นี่ แก อีนังเด็ก! เมื่อวานซืน" มือที่ว่างอีกข้างของแม่เลี้ยงกำลังจะฟาดมาที่หน้าของเธอ แต่น้ำหวานระวังตัวตลอดเวลาจึงใช้มืออีกข้างจับไว้ได้ทัน พร้อมกับกำแน่น “แม่ของฉัน แม้ตัวจะไปแสนไกล...” “แต่ทะเบียนสมรส ยังเป็นชื่อเธออยู่” น้ำหวานเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แววตาเฉียบคมอย่างคนพร้อมรับมือ "คุณหนูดาวอย่าพึ่งดีใจ...แม่ของเธอก็แค่กินไม่เลือก...ถึงได้ปล่อยท้องกับผู้ชายที่เขามีครอบครัว" น้ำหวานเอ่ยอีกครั้งเธอยอมมามากพอแล้ว "ลูกเมียน้อย ก็คือลูกเมียน้อย" "แม่คะ ดูสิ" ดาวที่เคยข่มเหงพี่สาวตลอดแต่วันนี้กลับถูกเอาคืน ทำอะไรไม่ได้ นอกจากฟ้องแม่ "แกคิดดีแล้วใช่ไหมที่กล้าลองดีกับฉัน" "ถูกต้อง ต่อไปถ้ายังล้ำเส้นไม่เลิกฉันไม่มีทางอยู่เฉย ๆ แน่ " คืนนั้นหลังจากจัดการเรื่องเอกสารรับศพพ่อเสร็จแล้ว เธอขับรถกลับบ้านด้วยร่างกายที่ไร้ความรู้สึก เพ็ญแม่บ้านคนสนิทเก่าของแม่เธอ ยืนคอยต้อนรับอยู่หน้าบ้าน เพราะรู้ดีว่าคุณหนูของตนกำลังเจอเรื่องทุกข์ใจ "กลับมาแล้วหิวไหมคะ" ป้าเพ็ญพูดน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมทั้งนำผ้าคลุมไหล่มาคลุมให้เธอ "ป้าเพ็ญคะ ทำไมน้ำหวานเสียใจจังเลยค่ะ" "โธ่คุณหนูของป้า" เพ็ญโอบกอดพลางลูบหลังเบา ๆ ด้วยความสงสารและเห็นใจ ร่างบางสั่นสะอื้น ไม่นานเธอก็นึกอะไรขึ้นได้จึงใช้มือปาดน้ำตา ไม่มีเวลามาเสียใจแล้วน้ำหวาน "ป้าคะยาพ่ออยู่ไหนคะ" "เดี๋ยวป้าไปหยิบให้ค่ะ" ไม่นานป้าเพ็ญก็ไปนำยาที่พ่อของเธอทานทุกวันออกมา น้ำหวานรับยามามอง ก่อนกดมือถือโทรหาใครคนหนึ่ง ในเวลาต่อมา รถหรูคันสีดำขับมาจอดนอกรั้ว ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลายืนเต็มความสูง มือกอดอกหลังพิงรถคอยใครสักคนในบ้าน "ป้าเพ็ญแกจะไปไหน"เสียงเตยคนใช้ของเดือนแม่เลี้ยง "ไปไหนก็ได้ เรื่องของข้า" "ไม่ให้ไปจนกว่าจะบอก" เป็นไปตามคาดการณ์เตยต้องไม่ยอมให้ป้าเพ็ญออกไป น้ำหวานจึงเป็นฝ่ายเดินออกไปเอง เตยเห็นดังนั้นจึงรีบไปขวางทางน้ำหวานแทน "คุณน้ำหวานจะออกไม่ได้นะคะ คุณนายสั่ง" "แค่ออกมาเดินเล่น" น้ำหวานทำท่ายืนรับลม พลางส่งสายตาให้ป้าเพ็ญลอบออกไปนอกบ้าน เตยเห็นดังนั้นจึงรู้ตัวว่าได้ตกหลุมพลางของคนทั้งคู่ จึงจะวิ่งตามป้าเพ็ญออกไปแต่ถูกคว้าแขนเอาไว้ "คุณน้ำหวานปล่อยเตยนะคะ ไม่กลัวว่าคุณนายกลับมาแล้วเตยจะฟ้องว่าคุณแอบนัดผู้ชายเหรอคะ " "ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนะ แค่ออกมารับลมเฉย ๆ เธอคิดมากไปนะเตย" ไม่นานป้าเพ็ญก็กลับมา พร้อมกับส่งสัญญาณว่าเรียบร้อย "ป้าเพ็ญแกไปทำอะไรหน้าบ้าน" "เก็บดอกไม้"ป้าเพ็ญพูดพลางยืนดอกมะลิซ้อนให้เตยดู "คุณหนูคะเราเข้าบ้านดีกว่าค่ะยุงเยอะ โดนน้ำค้างด้วย" "ฝากไว้ก่อนนะป้าอย่าให้รู้นะว่าแอบทำอะไร เจอดีแน่" น้ำหวานและป้าเพ็ญไม่สนใจพากันเดินเข้าบ้านปล่อยเตยพูดอยู่คนเดียวแสงตะวันลูบไล้ยอดไม้ เสียงนกกระจอกบินมาจับขอบระเบียง ฉันตื่นขึ้นท่ามกลางอ้อมกอดของพ่อเลี้ยงอธิษฐ์ ที่กอดแน่นราวกลับกลัวหาย'มันหมายความว่าอย่างไรปากบอกแสนเกลียด แต่กอดแน่นขนาดนี้'สายตาคู่งามลอบมองใบหน้าอันหล่อเหล่าที่ยามหลับดูหน้าเข้าหา ภาพรอนกล้ามเนื้อตึงแน่นที่เคยสัมผัส เพียงนึกก็ใจเต้นโครมคราม ตื่น!ยายน้ำหวาน เขาไม่มีทางชอบฉัน"เธอมองให้ฉันละลายเลยเหรอ"พ่อเลี้ยงอธิษฐ์เอ่ยกับคนในอ้อมแขน ทั้งที่ตาไม่ยอมลืม และแขนกอดแน่นกว่าเดิม'เขารู้ได้ไง ว่าฉันมอง'"ปล่อยนะคะ""อย่าเล่นตัวให้มันมากนัก เงินที่น้าหยกจ่ายเธอไป ฉันซื้อผู้หญิงได้ตั้งเยอะ มีผู้หญิงหลายคนต่อแถวอยากเป็นของฉัน ใช้นามสกุลฉัน เธอควรภูมิใจ น้ำหวาน"น้ำเสียงราบเรียบไม่ใช่คำขอแต่มันคือคำสั่งว่าฉันต้องตามใจเขา จากแขนที่โอบกอดกลายเป็นกระชากเต็มแรง เขาไม่สนว่าคนถูกลากจะเจ็บหรือไม่ เพียงเขาโกรธทุกอย่างต้องย่อยยับเป็นธุลี"เสียอารมณ์!"แขนเรียวถูกสะบัดตามแรงเหวี่ยง ก่อนพ่อเลี้ยงจะลุกขึ้นยืนเดินออกไปด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์"ก็ดี ไปให้พ้น ๆ "ฉันเอ่ยพึมพำพลางพับที่นอนแล้วจึงเดินไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนทำอาหารเช้าต้มจืดหมูสับตำลึง ไข่เจียว
ท่ามกลางความเงียบสงัด ถนนอันมืดสลัวมีเพียงแสงไฟสีส้มตลอดสองข้างทางสาดส่องพอให้มองเห็น เหนือขึ้นไปท้องฟ้า ดวงดาวระยิบพรางพราวสวยกว่าคืนไหน ๆ เหงื่อไหลอาบแก้มเนียน ร่างบางนั่งพิงเสาด้วยความอ่อนแรง มือกุมท้องแน่นสายตาเลื่อนลอยเฝ้ารอรถสักคันที่จะพาไปให้พ้นค่ำคืนนี้กระทั่งจู่ ๆ โลกทั้งใบเหมือนหยุดหมุนฉันถูกยกขึ้นจากพื้นด้วยวงแขนแข็งแรงของเขา"ปล่อย ฉันนะคะ"เสียงแผ่วเบาสั่นพร่าดิ้นรนสุดแรงที่เหลืออยู่ ไม่อยากให้เขาแตะต้อง ไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเขาอีกแต่พ่อเลี้ยงอธิษฐ์กลับเอ่ยสั่งด้วยสีหน้าราบเรียบ"อยู่นิ่ง ๆ "ความเจ็บในท้องกับความดื้อในใจตีกันจนแทบร้องไห้"เผด็จการ"เสียงบนแผ่วเบาแต่ดังพอให้คนตัวโตตอบกับทันควัน"เพิ่งรู้เหรอ!"สายตานิ่งขรึม พูดราบเรียบ'นั่นสิ เพิ่งรู้เหรอว่าเขาเป็นคนแบบนี้'เขาพาเดินไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน มีเพียงอากาศไหลผ่านกาย ไร้เสียงพูดคุยต่อจากนั้นไม่นานรถก็ขับแล่นออกไปตามถนนสายหลัก จอดหน้าร้านขายยา เพียงรถหยุดหมุน ฉันกำลังพยุงกายหยาบลงไป"อยู่เฉย ๆ "เสียงเข้มสั่งพร้อมกับขาที่ก้าวเดินเข้าไปยังในร้านแทนชายสูงโปร่งออกจากร้านมาพร้อมกับถุงขนาดใหญ่ ท่าทางหล่อไม่เบาของเขา
คืนนี้เป็นคืนที่สองของการมีสามี พ่อเลี้ยงยังคงทำงานอยู่ที่อู่ซ่อมรถ เขาไม่เอ่ยปากว่าให้นั่งรอกลับบ้านพร้อมกัน หรือสั่งให้กลับก่อน ฉันจึงตัดสินใจเอาเอง วิ่งข้ามถนนกลับมายังบ้านอาคารพาณิชย์ เพราะอาการปวดท้องน้อย การเกิดเป็นลูกผู้หญิงแสนจะลำบาก นอกจากจะเป็นประจำเดือนแล้ว ยังปวดท้องอีกหลังอาบน้ำเสร็จ เหงื่อยังซึมเต็มกรอบหน้า ฉันนอนคุดคู้ กุมท้องใต้ผ้าห่ม พยายามข่มตา แต่ยิ่งปวดก็ยิ่งหลับไม่ลงเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากชั้นล่างดังเข้ามาใกล้ก่อนจะผ่านเลยขึ้นไปชั้นที่สาม เสียงเปิดปิดประตูก่อนที่เสียงน้ำกระทบพื้นกระเบื้องไม่นานทุกอย่างเงียบลง'ปวดท้องจัง หรือจะขอให้พ่อเลี้ยงช่วยดีนะ'ห้องชั้นสาม….พ่อเลี้ยงอธิษฐ์เอนตัวลงนอนเหมือนเช่นเคยอย่างทุกวัน แต่กลับหลับไม่ลง” เป็นไรวะ “เขาสบถหยาบในใจทั้งที่เมื่อคืนวานไม่ได้นอน และวันนี้ทำงานอยากหนักร่างกายอ่อนเพลีย แต่กลับนอนไม่หลับเขาลุกขึ้นนั่งหลังพิงหัวเตียง กดเปิดโคมไฟตรงข้างเตียงนอน หยิบหนังสือแต่งรถมาเปิดอ่าน แต่ภาพในหัวกลับผุด ร่างเปลือยเปล่าใต้แขนแกร่งกลิ่นคาโมมายล์เมื่อคืนยังติดจมูก เสียงหวานเรียกชื่อเขายังดังก้อง… แทบจะเดินลงไปหาทันที"ไม่! ฉันไม
รถแล่นมาจอดที่บ้าน อาคารพาณิชย์ ฝั่งตรงข้ามอู่ซ่อมรถ ที่นี่เปรียบเสมือนที่ซุกหัวนอนใหม่ของฉัน"เอ่อ งอนกับลูกพี่เหรอครับ" โอยักษ์โพล่งถามออกมาเพราะทนอาการคันปากอยากรู้ไม่ไหว"เปล่า" ฉันรีบปฏิเสธ ทันทีแม้ในใจลึก ๆ รู้ดีว่าเขาเคร่งขรึมเพราะเรื่องอะไร"แต่เหมือนลูกพี่จะตึง ๆ ครับ"โอยักษ์ยังไม่หายข้องใจ แต่ถูกโกสนห้ามเสียก่อน"เลิกสงสัยได้แล้ว!"สองเพื่อนเกลอหยอกล้อกันไปมา ใบหน้างามก็พลอยยิ้มตาม"ฉันจะทำอาหารพวกเธอช่วยเป็นลูกมือหน่อยนะคะ""ได้ครับ/ครับผม"ทั้งคู่ตอบพร้อมกันสมกับเป็นเพื่อนที่เข้าใจกันโอยักษ์พลังช้างสมชื่อโคกพริกกระเทียมทำน้ำจิ้มซีฟูดดังสะท้อนทั้งบ้านส่วนโกสนเจ้าละเอียด เป็นคนจัดเตรียมวัตถุดิบ ส่วนฉันมีหน้าที่ปรุงอย่างเดียวไม่นานอาหารก็เสร็จ ต้มยำทะเล กุ้งย่าง กุ้งทอดกระเทียมสำหรับเด็ก ๆ ถูกยกขึ้นรถ โดยที่ลูกน้องพ่อเลี้ยงอธิษฐ์ไล่ให้ฉันไปนั่งรอในรถไม่ยอมให้ช่วยยก"ตอนนี้ท้องผมร้องแล้วครับแม่เลี้ยง"โอยักษ์เอ่ยพร้อมมือลูบท้อง รถเคลื่อนตัวออกไป ไม่ถึงห้านาทีก็ถึงอู่ซ่อมรถ โอยักษ์และโกสนถือหม้อแกงเข้าไปยังโรงอาหารทุกคนเริ่มทานข้าวกันแล้ว แม่ครัวคนทำอาหารคือแม่เลี้ยงของน้ำเ
รถแล่นมาจอดช่องจอดภายในอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ที่มีบริการครบครัน พ่อเลี้ยงถือถุงเดินนำเข้าไปภายในร้านโดยไม่รอเช่นเคย ฉันที่นั่งนิ่งเงียบมาตลอดทาง เดินตามลงไปมีชายหนุ่มรูปร่างสูงวิ่งออกจากร้านกล่าวทักทายพร้อมกับช่วยถือของในมือพ่อเลี้ยงอธิษฐ์"สวัสดีครับลูกพี่"พ่อเลี้ยงอธิษฐ์ไม่ตอบเพียงยื่นถุงให้ ชายหนุ่ม เขามองดูถุงนมผงในมือยิ้มจนเห็นฟันทุกซี่ด้วยความดีใจกระโดดกอดพ่อเลี้ยงอธิษฐ์หอมแก้มฟอดใหญ่"ขอบคุณครับลูกพี่""อืม ขืนแกยังไม่เลิกทำท่าทางอุบาทว์ ฉันจะคิดเงินแก"ชายหนุ่มรีบผละตัวออกทันทีจัดแจงเสื้อผ้า พ่อเลี้ยงอธิษฐ์เองก็เช็ดรอยปากที่ลูกน้องฝากไว้ เป็นภาพที่หาดูได้ยาก ทำให้ฉันที่ตลอดทั้งวันยิ้มแทบไม่ออกกลับยิ้มได้ง่ายดายชายหนุ่มหันมาเจอฉันที่ยืนอยู่ ถึงกับค้างกลางอากาศก่อนจะตั้งสติแล้วเอ่ยถาม"คุณเป็นเมียลูกพี่ใช่ไหมครับ"ฉันยังไม่ตอบเขากลับวิ่งหน้าตั้งแหกปากตะโกนเข้าไปบอกคนในอู่"ลูกพี่มากับเมีย วู้ ทุกคน"พ่อเลี้ยงอธิษฐ์ไม่สบตาฉันเดินนำเข้าไปยังสำนักงาน'อะไรของเขา ตั้งแต่ฉันบอกว่าเป็นประจำเดือน เขาก็เคร่งขรึมทันที'ระหว่างทางที่เดิน ไปยังห้องทำงานพ่อเลี้ยงอธิษฐ์ ต้องผ่านแผนกต่าง ๆ ทุกแ
หลังจากเลือกซื้อของเสร็จ ฉันเดินขึ้นมานั่งรอพ่อเลี้ยงบนรถอย่างเงียบ ๆ ทั้งที่วันนี้อากาศดี ไม่ร้อนอบอ้าวแม้แต่น้อย แต่ความรู้สึกเหมือนมีบางอากาศกดทับจนหายใจติดขัด"เป็นอะไร"พ่อเลี้ยงจ้องหน้านิ่งพลางเอ่ยถาม ก่อนหน้ายังดี ๆ"เปล่าค่ะ"ปากอิ่มพูดน้ำเสียงราบเรียบ เอาแต่จ้องมือถือ ไม่หันมามองเขา"เธอหึงฉันกับชบา"พ่อเลี้ยงเอ่ยด้วยแววตากรุ้มกริ่ม ฉันไม่ตอบเพียงแค่นึกในใจ'ถ้าจะไปหาคนรักเก่า ปลุกฉันตื่นมาทำไมก่อน'"หิวข้าวยัง!""เมื่อไหร่จะถึงบ้านคะ"พ่อเลี้ยงถามอย่างใจเย็น ฉันที่ไม่อยากตอบ จึงตอบคำถามด้วยคำถาม แต่พ่อเลี้ยงยังคงอธิบายความสัมพันธ์กับสาวร้านขายผัก ราวกับใส่ใจว่าฉันจะเสียใจที่เห็นสาวมายุ่งกับเขา"ฉันกับชบาไม่ได้เป็นอะไรกัน"'อกเกยแขนขนาดนั้น บอกไม่มีอะไร'"ฉันซื้อชาไทยมาให้ หวานน้อยแบบที่เธอชอบ"ชานมถูกยัดใส่มือฉัน พร้อมกับสายตาบังคับให้กิน ความเย็นของน้ำแข็งในแก้วกับของที่ชอบ ค่อย ๆ ทำให้ห้วใจที่โดนอากาศกดทับดีขึ้นฉันกดซื้อเสื้อผ้าของร้านที่ชอบในไลฟ์สด แก้วในมือยื่นให้คนข้าง ๆ ถืออย่างลืมตัว"ขอชิมหน่อยนะ"พ่อเลี้ยงอธิษฐ์ไม่ชอบทานของหวานเลย แล้วยิ่งเป็นของที่วัยหนุ่มสาวชื่นชอ