LOGINเสียงเคาะประตูห้องนอนที่ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาปลุกให้คาราเมลตื่นขึ้นจากห้วงนิทราที่แสนเงียบ เธอไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มมาหลายคืนตั้งแต่โลกทั้งใบพังทลายในชั่วข้ามคืนและจมอยู่กับความเสียใจจนร่างกายชัดดาวน์ไปเองเช่นเมื่อคืน
"คุณหนูคะ" เสียงเรียกของนวลทำให้เธอรู้ว่าเช้าวันใหม่ได้มาถึงแล้ว คาราเมลลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความรู้สึกที่ทั้งเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย การจากไปของคุณพ่อยังคงเป็นบาดแผลที่สดใหม่ในใจของเธอ
"นม..." เธอเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา ขณะที่นวลเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย
"วันนี้คุณหนูต้องไปทำงานวันแรกนะคะ คุณเลออนท่านส่งคนมารับคุณหนูแล้ว รีบไปอาบน้ำนะคะ"
"เมลง่วง เมลไม่ไป" คาราเมลตอบอย่างดื้อดึง เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องทำงาน ทั้งที่เธอยังไม่หายเศร้าจากการจากไปของพ่อ แต่คนใจร้ายอย่างเขาจะเข้าใจความรู้สึกของเธอได้อย่างไร
"ไม่ได้นะคะคุณหนู คุณหนูเชื่อนมนะ นมช่วยอาบน้ำให้ค่ะ" หัวหน้าแม่บ้านพูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งอ่อนโยนและจริงจัง เธอค่อย ๆ ช่วยคาราเมลแต่งตัวและจัดเตรียมเสื้อผ้าอย่างเบามือ
"สวยแล้วค่ะคุณหนูของนม"
"นมขา...เมลยังไม่อยากไปทำงาน"
"ทำตามคุณเขาดีกว่านะคะ เพื่อตัวของคุณหนูเอง" ป้านวลพูดพร้อมกับลูบศีรษะเธออย่างปลอบโยน
"เมลไม่เข้าใจป๋าเลย ทำไมถึงใจร้ายกับเมลขนาดนี้" เธอพึมพำกับตัวเองอย่างน้อยใจ ทั้งที่พยายามต่อสู้และเอาตัวรอดจากคนบ้าที่ไหนไม่รู้ แต่หลักฐานและอำนาจที่คนเป็นพ่อมอบให้ก็ทำเธอแทบดิ้นไม่หลุดเลย
"ท่านคงจะมีเหตุผลของท่าน แต่นมเชื่อนะคะว่าทั้งหมดคุณท่านทำเพื่อคุณหนูทั้งนั้น"
"ทำเพื่อหนูยังไง...ไม่เห็นจะเข้าใจสักนิดเลย" คาราเมลยังคงบ่นพึมพำอยู่กับตัวเอง ก่อนจะก้าวลงจากห้องไปสู่โถงทางเดินด้านล่าง และต้องชะงักเมื่อเห็นชายชุดดำหน้าตาดียืนรอเธออยู่แล้ว
"สวัสดีครับ ผมเซเรนบอดี้การ์ดของ Black lion จะเป็นหัวหน้าการ์ดประจำตัวคุณหนูครับ" ชายคนนั้นแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ ชายเสื้อกลัดกระดุมรูปสิงโตคำรามสีดำเงาที่เป็นสัญลักษณ์ของตระกูลเก่าแก่ และมีแววตาคมกริบที่ไปด้วยความจริงจังจ้องมองเธอไม่ละสายตา
"ไม่จำเป็นค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้" คาราเมลตอบอย่างไม่พอใจ เธอไม่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดหรือคนดูแล เธอไม่ใช่เด็กที่จะคอยมีคนเดินคุม เพราะที่ผ่านมาก็ทำมาด้วยตัวเองอยู่ตลอดแล้ว
หญิงสาวกำลังจะเดินผ่านไป แต่ลูกน้องที่ถูกส่งมากลับก้าวมายืนขวางทางเธอไว้
"ผมต้องทำตามคำสั่งครับ" เขาตอบอย่างหนักแน่น
"เจ้านายพี่ส่งคนมาคุ้มกันหรือจับตาดูฉันล่ะคะ" เธอถามอย่างเหนื่อยหน่ายใจ แค่วันแรกก็เห็นถึงการเบ่งอำนาจของผู้ปกครองเอาแต่ใจ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมถอยทั้งยังไม่ยอมตอบก็กรอกตาใส่ทันที ดื้อดึงไปก็ไร้ประโยชน์ พวกเขามันจอมบงการทั้งเจ้านายและลูกน้อง
"น่าเบื่อ" คาราเมลกำลังจะเดินออกไปต่อ แต่เท้าเรียวก็ต้องชะงักเมื่อเซเรนยังคงทำหน้าที่ตัวเองไม่จบ
"เดี๋ยวครับคุณหนู"
"อะไรคะ" คาราเมลขมวดคิ้วทันทีที่อีกคนยื่นบัตรเครดิตใบหนึ่งส่งมาตรงหน้า มันไม่ใช่บัตรแบล็กการ์ดที่เธอมักใช้เป็นประจำ แต่เป็นบัตรเครดิตธรรมดา ๆ ใบหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของมัน
"ตอนนี้บัตรเครดิตของคุณหนูทุกใบถูกยกเลิกหมดแล้ว รวมไปถึงเงินในบัญชีก็ถูกโอนเข้าบัญชีกลางที่มีนายเป็นคนดูแล ส่วนบัตรนี้มีวงเงินห้าหมื่นต่อเดือน นายฝากมาให้ใช้ครับ"
"วะ...ว่าไงนะ!!" คาราเมลตะโกนออกมาอย่างตกใจ เธอแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองกับการกระทำที่ไร้ซึ่งความเป็นมนุษยธรรม
"..." เซเรนไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ยืนนิ่ง ๆ และรอให้เธอรับบัตรไป
"มันเกินไปแล้ว นั้นมันเงินฉันนะ!"
"คุณหนูคะ...นมว่าใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ" ป้านวลรีบเดินเข้ามาห้ามเธอไว้
"แต่นมคะ...ห้าหมื่นกระเป๋าใบเดียวยังซื้อไม่ได้เลยนะ อีกอย่างนี่มันก็เงินหนู...เขาไม่มีสิทธิ์มายุ่ง!" ทุกคนในที่นั้นเงียบลง ตอนนี้ร่างบางอยู่ในอารมณ์น้ำกำลังเชี่ยว ถึงจะเอาเรือสปีดโบ๊ทไปขวางก็คงจะเอาไม่อยู่
"พาฉันไปหาเจ้านายพี่เดี๋ยวนี้ ฉันต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง" เธอเอ่ยอย่างเดือดดาล
"ผมได้รับคำสั่งให้พาคุณหนูไปหาท่านเพื่อเริ่มทำงานวันแรกอยู่แล้วครับ" เซเรนตอบอย่างเรียบเฉย ท่าทีไม่ได้เดือดร้อนหรือถดถอยอย่างเกรงกลัว
"เดี๋ยวนะ! ทำไมฉันต้องไปทำงานบริษัทเขา แล้วบริษัทป๋าฉันล่ะ" เธอถามด้วยความสงสัย
"คุณหนูถามนายเองดีกว่าครับ" เซเรนตอบอย่างไม่มีข้อกังขา เขาถูกป้อนข้อมูลจากเจ้านายเพียงเท่านี้
"ชักจะบงการเกินไปแล้ว" คาราเมลพึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสีย เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกอย่างถึงได้วุ่นวายขนาดนี้
หญิงสาวเดินนำหน้าบอดี้การ์ดออกจากบ้านไปอย่างไม่ลังเล เธอพร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับเลออนอีกครั้งเพื่อทวงสิทธิ์ทุกอย่างของเธอคืนมา
...
...
"ส่วนแนวโน้มของยอดขายในไตรมาสนี้-" เสียงของหัวหน้าฝ่ายการตลาดที่กำลังรายงานยอดขายในห้องประชุมต้องชะงักลงทันที เมื่อประตูห้องทำงานของเลออนถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงเอะอะโวยวายของหญิงสาวคนหนึ่งที่พยายามจะห้ามใครอีกคนเข้ามาในห้องให้ได้
"คุณคะ..." เลขาสาวหน้าห้องถึงกับหน้าถอดสี เธอพยายามห้ามคนนอกเอาไว้สุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงดึงดันของคาราเมลได้
"ปล่อยเธอ" เลออนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่น้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยอำนาจจนทำให้ทุกคนในห้องต้องเงียบกริบ
"ทั้งหมดออกไปก่อน" พนักงานทุกคนต่างโค้งรับคำสั่งแล้วรีบลุกออกจากห้องไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะสบตาเลออน ยกเว้นเพียงแต่คาราเมลเท่านั้นที่ยังคงยืนจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง
"หมายความว่าอะไร สรุปนายจะเอายังไงกับฉัน" เธอเปิดประเด็นที่คาใจทันทีที่พนักงานคนสุดท้ายก้าวออกไปจากห้อง
"เซเรนอธิบายอะไรที่เธอไม่เข้าใจ" เลออนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เฉยชา
"ทั้งหมด! ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณทำทั้งหมด ทั้งเรื่องเงินของฉัน เครดิตการ์ดของฉัน และการทำงานของฉัน นายไม่มีสิทธิ์มาบงการชีวิตของฉัน" คาราเมลตวาดใส่เขาอย่างเหลืออด
"สิทธิ์เหรอ?" ทำเอาอีกฝ่ายถึงเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน เขาคิดว่าเธอจะเข้าใจกับพินัยกรรมที่เขียนชัดเจน
แต่ไม่เลย…
เธอยังคงไม่เข้าใจ และพยายามจะถามหาสิทธิ์จากคนที่มีสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย
"หัวเราะบ้าอะไรของนาย!" เจ้าของชื่อหวานแต่ตอนนี้ไม่ได้มีอารมณ์จะหวานเหมือนชื่อว่าจบก็ทุบโต๊ะดัง 'ปั๊ง'
เผลอใส่ไปไม่ยั้งแรงด้วยความลืมตัว ก่อนจะรู้สึกว่าทำไปทำไม ในเมื่อคนเจ็บคือเธอที่รู้สึกร้าวไปทั้งมือ แต่ก็พยายามเก็บอาการไม่ให้อีกฝ่ายเห็นถึงความอ่อนแอ
"ถ้าไม่อยากให้ฉันยุ่งกับชีวิตของเธอ งั้นก็เซ็นตรงนี้" การกระทำนั้นไม่ได้ทำให้เขาอ่อนใจลง เพียงแต่ทำอะไรบางอย่างขึ้น นั้นคือการกางเอกสารฉบับหนึ่งให้เธอดู
"แล้วฉันจะไม่มาข้องเกี่ยวกับชีวิตเธออีก" คาราเมลมองดูเอกสารในมือของเขาอย่างตกใจ มันคือหนังสือยกเลิกข้อตกลงและยอมบริจาคทรัพย์สินให้แก่มูลนิธิตามพินัยกรรม ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่เธอลงลายมือชื่อ หลังจากนั้นมันจะทำให้เธอกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวในทันที
"..." คนอารมณ์โมโหโทโสก่อนหน้าเงียบสนิทแทบพูดไม่อะไรไม่ออก ได้แต่กัดฟันกรอดระงับไฟความโกรธที่กำลังสุมอยู่ในอก
"เซ็นซะ" เลออนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น สายตาของเขาไม่ใช่แค่การขู่ แต่ทันทีที่เธอเซ็นชื่อลง ทรัพย์สินทั้งหมดก็จะถูกจัดการตามความต้องการของวิศรุตทันที
"นาย!!" คาราเมลตวาดกร้าว จนถึงตอนนี้เธอก็มั่นใจว่าไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ
"ทำตามคำสั่งของฉัน ถ้าอยากให้ทุกอย่างยังเป็นของเธอ ไม่ต้องสงสัยในตัวฉัน ฉันให้ทำอะไรก็ทำ อยู่ใต้บัญชาของฉันเท่านั้น"
"..." ความเงียบเข้าปกคลุมคาราเมลที่ไม่มีข้อโต้แย้งอีก คนแบบนี้เหรอที่พ่อไว้ใจนักไว้ใจหนา คนที่บ้าทั้งอำนาจ จอมบงการ วายร้ายในคราบคนหล่อ พ่อไปให้ความไว้เนื้อเชื่อใจได้อย่างไรกัน
"หมดคำถามก็ออกไปได้แล้ว ข้างนอกจะมีคนสอนงานให้" เลออนพูดพร้อมกับหันกลับไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานตัวแพง เข้าใจว่าคนที่เงียบพูดอะไรไม่ออกตอนนี้ก็คงจะเข้าคำว่าสิทธิ์ที่เขามีในตัวของเธอแล้ว
"ฉันขอเพิ่มวงเงินเครดิตการ์ด ห้าหมื่นมันไม่พอ" ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้และไม่ต้องการที่จะสูญเสียทุกอย่างไปมากกว่านี้ คาราเมลจึงต้องยอมจำนนอย่างไม่เต็มใจ เธอลดเสียงอ่อนลงเพื่อเป็นการต่อรอง โดยไม่มีคิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องยอมทำแบบนี้กับใคร แต่นั่นก็เพื่อการเอาตัวรอด…ลำพังวงเงินแค่นั้นใช้วันเดียวก็แทบไม่พอ
"ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความประพฤติของเธอ ทำงานกับฉันเธอจะไม่ต่างอะไรไปจากพนักงานทั่วไป ฉันมีเงินเดือนแยกให้อีกเดือนละห้าหมื่น ซึ่งเท่ากับเงินเดือนเลขาของฉัน ขาดลามาสายเธอจะถูกหักเงินตามกฏของบริษัท"
"รวม ๆ ก็แค่แสนเดียว ฉันใช้ไม่พอ"
"ทำตัวดี ๆ ฉันอาจจะพิจารณาเพิ่มให้"
"บ้าอำนาจ!" คาราเมลพึมพำกับตัวเองด้วยความไม่พอใจ
"อีกอย่างที่เธอต้องจำไว้" เลออนเดินออกมาจากเก้าอี้ฝั่งที่นั่ง ตรงมาหาเธอที่นั่งอยู่ตรงข้าม แล้วหมุนเก้าอี้ของเธอเข้ามาหาเขา
"ทะ...ทำอะไร" คาราเมลพยายามจะหลบหนี แต่เขาก็ยกมือขึ้นกั้นทั้งสองทางจนไม่สามารถขยับไปไหน
"ทำตัวดีเธออาจจะได้รางวัล แต่ถ้าหากเธอดื้อ ฉันก็มีบทลงโทษให้เหมือนกัน" เสียงขู่เอาจริงพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำเธอหยุดหายใจ
"ถะ...ถอยไปนะ คิดว่าฉันกลัวเหรอ" แต่ความปากดีมันก็ไม่เลือนลางหายไปจากตัว ยอมรับว่ากลัวเพราะไม่เคยโดนผู้ชายคนไหนเข้าใกล้มากกว่า 50 เมตร แต่เรื่องอะไรจะยอมให้เขารู้ว่าเธอกำลังกลัว ระดับคุณหนูคาราเมลไม่เคยตกอยู่ภายใต้การควบคุมของใครง่าย ๆ
"ถ้าไม่อยากโดนจูบจนปากแหก อย่าปากดี" เขาอยากจะปราบเด็กแสบเกินบรรยายให้อยู่หมัด เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้ากับผู้นำมาเฟีย Black lion เหมือนเธอมาก่อนเลย
"โรคจิต!" คาราเมลพึมพำ
"อยากลองดี?" เขายิ่งยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก ดวงตามองริมฝีปากสีหวานจนเธอต้องใช้มือปิด
"..."
"ไอ้คนบ้า" จากนั้นก็อาศัยจังหวะเขาเผลอผลักตัวเขาออก แล้วรีบวิ่งหนีออกจากห้องด้วยความเร็วแสง
"หึ!" เลออนหัวเราะในลำคอด้วยความพอใจ ในขณะที่อีกความคิดของเขากำลังคิดว่าท่าทีประหม่ากับผู้ชายก็ค่อนข้างน่าแปลกใจ คนเที่ยวกลางคืน รักการสังสรรค์ และอยู่ในแสงสีที่เต็มไปด้วยผู้หญิงและผู้ชายมากมาย ทำไมถึงกลัวการถูกเนื้อต้องตัว
"กลัวจริงหรือเล่นละครเนียนกันแน่"
หกปีผ่านไปปั๊ง ปั๊ง !เสียงปืนดังสนั่นสองนัดติด ๆ กันก่อนจะตามมาด้วยเสียงปรบมือของใครหลายคน"ทั้งสองคนเก่งมากครับ ถือว่าพัฒนาจากสัปดาห์ที่แล้วได้ดีเลยทีเดียว" พี่ลีซอผู้ฝึกสอนการยิงปืนให้เราสองคนแม่ลูกออกปากชม"เก่งมากครับ" ตามมาด้วยพ่อของลูกฉันที่เดินลิ่วเข้ามาภายในบริเวณฝึกซ้อม พร้อมกับใครอีกคนที่ได้ทีก็รีบวิ่งไปกอดครูผู้สอนของฉันทันที"มาได้ยังไงคะ" ฉันถามคนตัวโตที่ตอนแรกก็รอฉันที่บ้าน เพราะยังมีอีกคนต้องดูแลแต่ไป ๆ มา ๆ ก็มาเจอกันที่นี่ยกครอบครัวเสียอย่างนั้น"ลีโอคิดถึงพ่อแท้ ๆ" ลีโอหรือลูกชายคนเล็กวัยห้าขวบที่เรากำลังพูดถึง และพ่อแท้ ๆ ของเขาคนที่พี่เลออนกำลังประชดประชันคือพี่ลีซอมือขวาของเขาที่ไม่รู้ว่าผิดพลาดตรงไหน ทำไมคนนี้กลับกลายเป็นเขาที่ได้เป็นพ่อทูนหัวอีกคน"ฮ่า ๆ" ฉันหัวเราะชอบใจท่ามกลางสีหน้าบูดบึ้งของสามี ก่อนจะมีเสียงใครบางคนที่ดังทะลุขึ้นมาพร้อมกับโอบกอดพี่เลออนแนบแน่น"ป๊าขา""อย่างน้อยก็ลูกสาวรักล่ะวะ" พี่เลออนยิ้มภาคภูมิใจในตัวเอง นาน ๆ ทีจะเห็นลูกสาวขี้อ้อน แต่ทำไมฉันจะดูไม่ออกว่าไอ้อาการเหล่านี้จะทำต่อเมื่อต้องการขออะไรบางอย่างเท่านั้น"ว่าไงคะ""พรุ่งนี้ที่โร
"เหนื่อยไหม" พี่เลออนรีบยื่นน้ำให้ฉันที่เพิ่งเรียนศิลปะการต่อสู้เสร็จหมาด ๆ ตอนแรกก็กะว่าจะเรียนเป็นเพื่อนลูกแต่เรียนไปเรียนมาก็ชอบถึงขนาดเรียกให้ครูสอนจริงจัง เผื่ออนาคตจะสามารถดูแลตัวเองได้ เป็นนายหญิงของมาเฟียย่อมมีศัตรูเป็นธรรมดา จึงอยากเป็นภาระคนในตระกูลให้น้อยที่สุด หรือบางทีฉันอาจจะปกป้องผู้นำมาเฟียอย่างที่เคยลั่นไว้ด้วยก็ได้"สนุกดีค่ะ" ฉันฉีกยิ้มรีบรับน้ำมาดื่ม ก่อนจะมองตามสายตาของพี่เลออนที่กำลังจดจ้องลูกสาวตัวดีที่เรียนเสร็จก็ตรงดิ่งไปอ้อนพี่เซเรนที่ยืนรอคุณหนูของเขาติดขอบสนาม"เซเรนออกมาห่าง ๆ หน่อย" เสียงเข้มรีบตะโกนบอกสองคนที่เหมือนจะเป็นพ่อลูกมากกว่า"ครับนาย" จนพี่เซเรนได้ยินคำสั่งก็รีบถอยห่างจากลียาทันที"ปะป๊า!" คนไม่พอใจคือลูกสาวของฉันที่ทำหน้าดุใส่พ่ออีกคน จากนั้นก็ขยับไปกอดคอพ่อที่แท้จริงราวกับคำสั่งนั้นเป็นเพียงเสียงที่ผ่านหู"ลียามาหาป๊ามา""ไม่ไป" ลียาตอบทันควัน ทำเอาพ่อของลูกฉันถึงกับคิ้วขมวดทันที"ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ เขาผูกพันกันมาตั้งแต่ในท้องนะคะ พี่เซเรนน่ะพ่อทูลหัวของเขาเลย" ฉันลูบแขนอีกคนให้ใจเย็นลง สำหรับลียาพี่เซเรนไม่ได้เป็นเพียงแค่บอดีการ์ดทั่ว ๆ ไป แต
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเก่าแก่ที่ถูกประดับไปด้วยโคมไฟเหนือโถงทอดเงายาวลงบนพื้นหินอ่อน บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมจนแม้แต่เสียงรองเท้าก้าวเดินก็สะท้อนก้องออกไป สมาชิกระดับสูงของตระกูล Black lion นั่งเรียงเป็นแถวยาว ทุกสายตาของทุกคนหนักแน่น และแฝงไปด้วยแฝงความสงสัยจ้องมายังผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่เคียงข้างชายหนุ่มผู้เป็นผู้นำของพวกเขาเลออนสวมสูทสีดำเข้ม ชายเสื้อกลัดกระดุมรูปสิงโตคำรามสวมมงกุฎเพชร ซึ่งแตกต่างจากคนอื่น ๆ ด้วยสัญลักษณ์ของผู้ยิ่งใหญ่ ยืนอย่างสง่าผ่าเผยภายใต้แสงโคมสะท้อน โดยมือใหญ่กุมมือของคนรักไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้หลุดไปไหนได้"วันนี้…ผมยืนอยู่ตรงนี้เพื่อประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่าคาราเมลผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่แค่คนรักของผม แต่จากนี้ไป เธอคือนายหญิงเพียงคนเดียวของ Black Lion ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องเธอ…ก็เหมือนกับแตะต้องผมเหมือนกัน"เสียงเงียบกริบราวกับทั้งห้องหยุดหายใจพร้อม ๆ กัน ก่อนที่เลออนจะหยิบกล่องกำมะหยี่ออกมา เปิดเผยแหวนสลักสัญลักษณ์สิงโตดำที่เป็นตราของวงศ์ตระกูลสืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่น สวมมันลงบนนิ้วนางของคาราเมลด้วยความรักที่มั่นคงคาราเมลลอบกลืนน้ำลายพร้อมกับหัวใจท
เย็นของวันที่ดูจะเป็นวันแห่งความสุขที่สุดอีกวันของคาราเมลและเลออนกำลังเริ่มขึ้น หลอดไฟนับพันที่ถูกตกแต่งบนต้นไม้รวมไปถึงเสาโค้งที่ล้อมรอบงานมงคล ทำให้เกาะส่วนตัวกลางทะเลที่มีตระกูล Black Lion เป็นเจ้าของกลายเป็นสรวงสวรรค์ที่ปกคลุมไปด้วยความรักอันหวานชื่นงานวิวาห์ที่รักษาความเป็นส่วนตัวครั้งนี้เชิญเฉพาะแขกเหรื่อคนสนิทของทั้งสองฝ่าย ภายในงานจึงมีแขกที่สามารถเข้าร่วมได้ไม่เกิน20 คน อาจจะดูเหมือนเป็นพิธีการที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความเรียบง่ายแต่หากจะบอกอย่างนั้นมันก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียวเนื่องจากงานที่จัดกลางเกาะห่างไกลจากผืนดินการจัดการจึงค่อนข้างมีรายละเอียดมากกว่านั่นก็รวมไปถึงคนที่พิถีพิถันและให้ความสำคัญกับงานในครั้งนี้รายละเอียดทั้งหมดตั้งแต่การลงทุนซื้อเกาะส่วนตัวเพื่อการนี้ค็อกเทลในแก้วคริสตัลนำเข้าจากปารีส ไปจนไปถึงวงดนตรีจากวงออเคสตราชื่อดังในอิตาลีแน่นอนว่าทุกดีเทลต้องผ่านการคอนเฟิร์มจากเลออนที่เป็นตัวต้นงาน คนที่รู้ดีที่สุดว่าเมียสุดรักของเขาชอบแบบไหนต้องการอะไรมากที่สุดถึงจะทำให้ภาพรวมของงานออกมาได้ถูกใจเธอที่สุด"ได้เวลาเปลี่ยนชุดแล้วครับนาย"ลีซอบอกเจ้านายที่ยืนค
ยามเย็นที่ดวงอาทิตย์กำลังทอแสงอ่อน ๆ สาดลงมาบนผิวน้ำของสระว่ายน้ำในงานปาร์ตี้ที่คล้ายจะเป็นสถานที่พลอดรักมากกว่า คู่รักหนุ่มสาวที่เพิ่งกลับมาคืนดีกำลังลอยตัวอยู่กลางสระอย่างใกล้ชิด ความเย็นของน้ำไม่ได้ช่วยให้ความร้อนในกายของทั้งคู่ลดลง หรือแม้แต่คนในงานเองก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการแสดงความรักระหว่างเลออนและคาราเมล"คิดยังไงถึงบอกไอ้ไคเซอร์ไปแบบนั้น" เสียงแหบพร่าของเขาเอ่ยถามขณะที่รวบร่างเล็กเข้ามากอดแนบแน่น คาราเมลยกยิ้มหวานขึ้น ก่อนจะใช้แขนเรียวคล้องคอและจดจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาแห่งความรักใคร่"เมลไม่อยากให้ระหว่างเราเกิดการเข้าใจผิดกันอีก เมลไม่อยากอยู่ห่างพี่สักวินาทีเดียว" เธอตอบด้วยน้ำเสียงหวานยั่วยวน ลากปลายนิ้วเบา ๆ ไปตามกรอบหน้าคมคายของเขา มั่นใจว่าหลังจากนี้จะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์คล้ายนี้อีก"พี่ชอบที่เมลพูดตรง ๆ แบบนี้ มันยิ่งทำให้พี่...หลงเมลมากกว่าเดิม" ความปรารถนาที่สื่อผ่านดวงตาฉ่ำหวานทำให้เลออนแทบคลั่ง เขากดจูบลงบนหน้าผากเนียนอย่างหลงใหล ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาที่ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อ"เมลก็ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว..." คาราเมลยิ้มเย้ายวนยิ่งขึ้น เธอจงใจใช้ปลายเล็บสะกิด
"คุณพ่อคุณแม่ท่านน่ารักมากเลยนะคะ ขนาดแต่งงานกันนานแล้วก็ยังหมั่นเติมความหวานอยู่ตลอด" คาราเมลปรายมองคู่รักที่สวีทหวานแหววอยู่ในร้านเพชรประจำของเอเลน่า พากันช่วยเลือกเครื่องประดับร่างแทบจะหลอมเป็นคนเดียวกัน เป็นภาพน่ารักที่ทำเอาเธออดยิ้มตามไม่ได้"อิจฉาทำไม เมลก็มีพี่ที่รักเมลไม่ต่างจากที่พ่อรักแม่" คนเห็นจนชินรีบแย่งขึ้นมา สายตาของเธอจึงเปลี่ยนเบนมองเขาแทน"ไหนลองพูดใหม่สิคะ" คาราเมลเท้าคางมองใบหน้าหล่อเหลายิ้ม ๆ"พี่รักเมล""บ้า! เมลเขินนะ" ก่อนจะตีแขนเขาเบา ๆ อายแทบตัวม้วนกับสายตาและคำบอกรักที่หวานเกินบรรยายเลออนบีบจมูกเชิดรั้น ไม่ว่าทำอะไรเขาก็รู้สึกมันเขี้ยวเธออยู่ตลอดเวลาจริง ๆครอบครัวสุขสันต์พากันช็อปปิ้งตลอดทั้งวัน ส่วนใหญ่ก็จะนำทัพด้วยเอเลน่าและคาราเมลที่เลือกซื้อของอย่างสนุกสนาน ส่วนชายหนุ่มสองคนแน่นอนว่ามีหน้าที่แค่จ่ายเงิน ถือของ และเอาใจคนรักก็พลันมีความสุขตามทั้งวันที่เหมือนกับวันพักผ่อนสำหรับครอบครัวไม่ได้ทำให้คาราเมลรู้สึกเป็นคนนอกเลยสักนิด เอเลน่าและไลออซปฏิบัติราวกับเธอเป็นลูกในไส้ ทั้งยังรักและเอ็นดูยิ่งกว่าเลออนที่เป็นลูกจริง ๆ"วันนี้สนุกมากเลยหนูเมล แต่พ่อแอบบ







