"เธอเป็นตัวนำโชคของฉันจริงๆ" มาดามแพมเอ่ยพลางคลี่รอยยิ้มกว้าง ดวงตาทอประกายวาววับด้วยความพึงพอใจอย่างปิดไม่มิด ขณะจ้องมองเด็กสาวที่เพิ่งถูกประมูลไปในราคาสูงลิบลิ่ว เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า
"อีกสักพักลูกน้องของคนที่ประมูลเธอไปจะมารับ แล้วก็อย่าลืมทำตัวดีๆ กับคุณเขาล่ะ"
ประโยคย้ำเตือนพวกนั้นยิ่งทำให้ลดารู้สึกหนักอึ้ง ราวกับเป็นตราประทับถึงความจริงอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่าเธอถูกขายไปแล้ว...
หลังจากนี้ ชะตากรรมของเด็กสาวขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้ครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นเพียงค่ำคืนเดียวแล้วแยกย้ายจากกันไป หรือถูกเลี้ยงดูตราบนานเท่านานก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เป็นเจ้าของเท่านั้น
"ไม่ว่าจะยังไงก็อย่าทอดทิ้งการเรียนเป็นอันขาด ยายคงกำลังเฝ้ามองความสำเร็จของเธอ"
คำพูดของมาดามแพมดึงสติของลดากลับมาทันทีที่ได้ยินคำว่า ยาย ดวงตาของเธอเริ่มร้อนผ่าว ริมฝีปากเม้มแน่น พยายามกลืนก้อนสะอื้นที่กำลังก่อตัวลงไปในลำคอ
มาดามแพมเห็นท่าทีเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดเสียงเข้ม
"ห้ามร้องไห้ เดี๋ยวหน้าตาก็ดูไม่ได้กันพอดี"
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สูดลมหายใจลึก พยายามระงับอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้ แต่ไม่อาจซ่อนความสั่นไหวในน้ำเสียงได้
"คุณคนนั้นเป็นใครเหรอคะ"
"ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าลูกค้าไม่อยากเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เพราะลูกน้องของเขาเป็นตัวแทนมาประมูลเธอไป"
ครั้นได้ยินแบบนั้น ความหวาดหวั่นก็เข้าเกาะกุมจิตใจเธออีกครั้งซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น
"พร้อมหรือยัง"
แม้ลดาจะอยากตอบว่า ไม่พร้อม และไม่มีวันพร้อมสำหรับเรื่องแบบนี้ แต่ก็รู้ดีว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะผู้มีสิทธิ์เลือก
เด็กสาวพยักหน้าก่อนจะเดินตามหลังลูกน้องของคนที่ประมูลเธอไปจนมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่
หัวใจของลดายิ่งเต้นแรงขึ้น เมื่อเห็นกลุ่มชายชุดดำซึ่งบางคนเธอก็รู้สึกคุ้นหน้าและอีกหลายคนที่ไม่คลับคล้ายคลับคลาแม้แต่น้อย
หนึ่งในนั้นเปิดประตูให้เธอเข้าไปก่อนที่ประตูจะปิดลงอย่างรวดเร็ว ราวกับถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
ภายในห้องเงียบงันและว่างเปล่าจนน่าขนลุก เด็กสาวก้าวเท้าเข้าไปอย่างเชื่องช้า สายตามองสำรวจไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดระแวง
"ไง"
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นใกล้หู ทำให้เธอรีบหันขวับไปมองอย่างตกใจ แต่แล้วก็ต้องผงะถอยหลัง เมื่อพบว่าตัวเองเพิ่งเผลอชนเข้ากับแผ่นอกแกร่งของใครบางคน
"คุณ!"
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงก่อนจะถอยหนีเพื่อเว้นระยะห่าง และพบว่าชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ในสภาพสวมเพียงผ้าขนหนูหมิ่นเหม่
หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นจนหายใจไม่ทั่วท้องซึ่งไม่แน่ใจเลยว่า มันเป็นเพราะความหวาดกลัว หรือเพราะอะไรอย่างอื่นกันแน่
ทว่าสายตาของเธอดันไปสะดุดกับรอยสักลายมังกรบนเรือนกายกำยำของอีกฝ่ายก่อนจะไล่มองอย่างเผลอไผลและรู้สึกสงสัยไปพร้อมกันๆ จนลืมคิดไปว่าไม่ใช่เวลาจะมาทำอะไรแบบนี้
"กำลังสงสัยสินะ ว่าหัวของมันอยู่ตรงไหน" เสียงทุ้มเอ่ยขัดจังหวะทำให้เด็กสาวรีบเบือนหน้าหนีด้วยความอับอาย
"ปะ... เปล่าค่ะ"
"ไม่สงสัยจริงๆ เหรอ" มุมปากยกยิ้มหยอกเย้าพลางเยื้องย่างเข้ามาใกล้คนตัวเล็กที่กำลังสั่นส่ายหน้ารัวเร็วปฏิเสธ
แต่ดูเหมือนว่ามาเฟียหนุ่มจะไม่ได้สนใจปฏิกิริยาตอบสนองนั้นพร้อมกับก้าวเท้าเข้ามาหาเธอเรื่อย ๆ
ในขณะเดียวกันลดาก็พยายามถอยหลังหนีไปจนสุดทาง กระทั่งแผ่นหลังบางสัมผัสกับกำแพงเย็นเฉียบ ไร้หนทางหลบหนี
"หรืออยากลองทักทายมันหน่อยมั้ย"
คาลิกซ์ยกมือทั้งสองข้างขึ้นยันกำแพงกักขังเธอไว้แล้วโน้มตัวลงไปเล็กน้อยจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจกรุ่นร้อนของกันและกัน
"ได้โปรด อย่าแกล้งกันแบบนี้เลยนะคะ" ริมฝีปากสีระเรื่อพร่ำอ้อนวอนเสียงผะแผ่ว
"กลัวหรือไง"
เด็กสาวพยักหน้าช้าๆ ไม่กล้าสบตาของอีกฝ่ายซึ่งกำลังนึกสนุกกับการได้กลั่นแกล้ง
"จะกลัวอะไร นี่ฉันตั้งใจจะช่วยเธอเลยนะ"
"แต่ฉันไม่ได้ขอให้คุณช่วยด้วยวิธีนี้นี่คะ"
"พูดแบบนี้ ไม่คิดว่าคนฟังจะเสียใจหรือไง"
"คนอย่างคุณเสียใจเป็นด้วยเหรอคะ"
เด็กสาวอดที่จะหวนนึกถึงภาพ ตอนเขาลั่นไกใส่ลูกน้องของมาดามแพมด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้ซึ่งทำเอาเธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก
"แค่เพราะฉันยิงไอ้เศษสวะพวกนั้น เธอถึงกับตัดสินว่าฉันเป็นคนไร้ความรู้สึกเลยเหรอ"
ลดาไม่กล้าออกความคิดเห็นในสิ่งที่เธอคิดเพราะเกรงกลัวรังสีบางอย่างซึ่งกำลังแผ่กระจายออกมาจากอีกฝ่าย
"เอาล่ะ ช่างเรื่องนั้นเถอะ มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า" ตัดบทเข้าประเด็นสำคัญทันที
"เรื่องของเรา?"
"อืม เรื่องของเรา"
"คุณคงไม่คิดจะทำแบบนั้นกับฉันจริงๆ ใช่มั้ยคะ" น้ำเสียงแฝงความหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
"ทำแบบนั้นคือแบบไหนล่ะ" แสร้งไม่เข้าใจคำพูดของเธอพร้อมจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มไม่วางตา
"ก็แบบนั้น..." เด็กสาวหน้าแดงก่ำ กระดากอายเกินกว่าจะเอ่ยคำนั้น ทว่าอีกฝ่ายกลับพูดออกมาอย่างชัดเจน
"มีอะไรกับสาวบริสุทธิ์อย่างที่ผู้ชายหลายคนในนั้นวาดหวังไว้น่ะเหรอ"
เธอก้มหน้าหลบสายตาของเขาอีกครั้ง รู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่พุ่งขึ้นมา
"ฉันไม่มีรสนิยมกินเด็กสิบแปดหรอกนะ ลดา"
เมื่อได้ยินดังนั้น ลดาก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความสงสัยว่าไปรู้ข้อมูลของเธอได้อย่างไร เพราะตอนที่ถูกประมูลไม่ได้มีการเอ่ยชื่อหรือให้ข้อมูลใดๆ เลย
"คุณรู้อายุกับชื่อของฉันได้ยังไงคะ"
"เรื่องแค่นี้มันจะไปยากอะไรกัน เอาเป็นว่าฉันได้ข้อมูลเธอมาหมดแล้ว"
"คุณ...คุณเป็นใครกันแน่"
"ฉันก็เป็นเจ้าของชีวิตของเธอไง" เขากระซิบชิดใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงแหบพร่าทำเอาขนกายของเธอลุกซู่
"แต่คุณบอกเองว่าจะไม่กินเด็กสิบแปดอย่างฉัน" เธอท้วงติงอย่างไม่ยอมแพ้
"เสียใจหรือไง"
"คุณจะบ้าเหรอ!"
"พูดไม่เพราะแบบนี้ อยากถูกลงโทษสินะ"
"ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษค่ะ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ"
"ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่ฉันจะทำอะไรแบบนั้น"
"ฉันไม่เข้าใจ"
"แต่พอเธออายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์เมื่อไหร่มันก็อีกเรื่อง นั่นหมายความว่า เมื่อถึงตอนนั้น เธอต้องมอบความบริสุทธิ์ให้ฉันโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ "
เด็กสาวชะงักงัน รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะก่อนจะปริปากพึมพำอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"คุณกำลังล้อฉันเล่นใช่มั้ยคะ"
เขาเลิกคิ้ว ก่อนจะยื่นใบหน้าหล่อคมคายเข้าใกล้กว่าเดิมทำเอาเธอแทบหยุดหายใจ
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เด็กสาวได้อยู่ใกล้เพศตรงข้ามถึงขนาดนี้...
"แต่ถ้าเธออดใจรอให้ถึงตอนนั้นไม่ไหว อยากให้ฉันตอนนี้เลยก็ได้เหมือนกันนะ"
"ตกลงค่ะ"
“หืม? หมายถึงให้ตอนนี้”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่! ฉันหมายถึงอีกสองปีข้างหน้าต่างหากเล่า” อธิบายจนลิ้นแทบจะพันกัน
"พูดง่ายแบบนี้สิ ค่อยน่ารักน่าเอ็นดูหน่อย" ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยแก้มเนียนใสของเด็กสาวเบาๆ
"อย่างนั้น ฉันขออะไรคุณบ้างจะได้มั้ยคะ"
"ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันให้ได้"
"ฉันอยากเรียนหนังสือค่ะ"
"หืม?" อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
"ฉันอยากเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยค่ะ" เธอย้ำอีกครั้งพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง
คาลิกซ์จับจ้องเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มเหมือนกำลังใคร่ครวญบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมาในที่สุด
"ตกลง ฉันสัญญาว่าจะส่งเสียเธอเรียนจนกว่าจะจบ ไม่ว่าจะเป็นระดับปริญญาตรี ปริญญาโท หรือแม้แต่ปริญญาเอก ถ้ามันเป็นสิ่งที่เธอต้องการ..."
มาเฟียหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าคำพูดนั้นกำลังจะเปลี่ยนชีวิตของเขาและเธอไปตลอดกาล...
"กลับมาแล้วค่า~" เสียงหวานเจื้อยแจ้วดังขึ้นทันทีที่เยื้องย่างเข้าไปในคฤหาสน์หลังโอ่อ่ากลิ่นหอมอ่อนๆ ของมวลดอกไม้ที่ประดับอยู่ตามมุมต่างๆ ลอยตลบอบอวล ผสานอากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ราวกับต้องการปลอบประโลมความเหนื่อยล้าทั้งหมดที่หญิงสาวกำลังเผชิญ"กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนู วันนี้ป้าเตรียมผลไม้ไว้ให้ด้วยนะคะ ได้มาจากตลาดสดเมื่อเช้านี้เลย"น้ำเสียงอบอุ่นดังแว่วมาจากห้องครัว ก่อนที่ร่างของ เมแกน แม่บ้านวัยกลางคน ชาวอิตาลีจะเดินออกมาพร้อมจานผลไม้ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มใจดีริมฝีปากของลดาแย้มยิ้มสดใสโดยหลงลืมไปชั่วขณะว่าใบหน้าและมุมปากมีบางอย่างที่ต้องปกปิด เธอวางกระเป๋าลงบนโซฟากลางพื้นที่นั่งเล่น ก่อนจะหันกลับมารับจานผลไม้จากแม่บ้าน"เมื่อไหร่ป้าเมแกนจะเลิกเรียกลดาว่าคุณหนูล่ะคะ"&nb
สองปีต่อมา...เพียะ!เสียงฝ่ามือกระทบแก้มนวลเนียนดังสนั่นทั่วบริเวณป้ายรถโดยสารประจำทาง ทำเอาเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มสะบัดไปตามแรงตบเหมือนภาพสโลว์โมชั่นพร้อมดวงตากลมโตที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ ความเจ็บแปลบและร้อนผ่าวค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วแก้มซีกนั้นสายตาของผู้คนรอบข้างหันมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น บางคนกระซิบกระซาบกันเบา ๆ ขณะที่อีกหลายคนกำลังยืนดูด้วยความสนใจ"แกนี่มันร้ายจริง ๆ คิดจะแย่งแฟนคนอื่นเหรอ!" เสียงของรุ่นพี่ปีสี่ที่อยู่ในชุดนักศึกษา มหาวิทยาลัยชื่อดังเฉกเช่นเดียวกันกับอีกฝ่ายตวาดลั่นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจากแรงโทสะลดากะพริบตาถี่ ๆ ยกมือขึ้นกุมแก้มที่ยังรู้สึกชา หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะทั้งจากความเจ็บและความตกใจ"ฉัน...ไม่ได้ทำ"เสียงของเธอขาดหายไป เมื่อตระหนักได
"เธอเป็นตัวนำโชคของฉันจริงๆ" มาดามแพมเอ่ยพลางคลี่รอยยิ้มกว้าง ดวงตาทอประกายวาววับด้วยความพึงพอใจอย่างปิดไม่มิด ขณะจ้องมองเด็กสาวที่เพิ่งถูกประมูลไปในราคาสูงลิบลิ่ว เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า"อีกสักพักลูกน้องของคนที่ประมูลเธอไปจะมารับ แล้วก็อย่าลืมทำตัวดีๆ กับคุณเขาล่ะ"ประโยคย้ำเตือนพวกนั้นยิ่งทำให้ลดารู้สึกหนักอึ้ง ราวกับเป็นตราประทับถึงความจริงอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่าเธอถูกขายไปแล้ว...หลังจากนี้ ชะตากรรมของเด็กสาวขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้ครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นเพียงค่ำคืนเดียวแล้วแยกย้ายจากกันไป หรือถูกเลี้ยงดูตราบนานเท่านานก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เป็นเจ้าของเท่านั้น"ไม่ว่าจะยังไงก็อย่าทอดทิ้งการเรียนเป็นอันขาด ยายคงกำลังเฝ้ามองความสำเร็จของเธอ"คำพูดของมาดามแพมดึงสติของลดากลับมาทันทีที่ได้ยินคำว่า ยาย ดวงตาของเธอเริ่มร้อนผ่าว ริมฝีปากเม้มแน่น พยายามกลืนก้อนสะอื้นที่กำลังก่อตัวลงไปในลำคอมาดามแพมเห็นท่าทีเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดเสียงเข้ม"ห้ามร้องไห้ เดี๋ยวหน้าตาก็ดูไม่ได้กันพอดี"เด็กสาวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สูดลมหายใจลึก พยายามระงับอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้ แต่ไม่อาจซ่อนความสั่นไหวในน้
“ถ้ากล้าสร้างเรื่องอีก ฉันไม่เอาเธอไว้แน่”มาดามแพมเอ่ยข่มขู่เด็กสาวด้วยสีหน้าจริงจัง แววตาคมกริบตวัดมองผ่านกระจกเงา ก่อนจะหันไปย้ำเตือนช่างแต่งหน้าสาวสองอีกครั้ง“เหลือเวลาอีกสิบห้านาที”“ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ มาดาม” ช่างแต่งหน้าปริปากตอบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นพร้อมขยับมือบรรจงทาลิปสติกสีระเรื่อบนเรียวปากกระจับสวยของเด็กสาวแม้หัวใจของลดาจะเต้นรัวแรงเพราะถ้อยคำข่มขู่ของมาดามแพม แต่เธอก็ทำได้เพียงก้มหน้ารับชะตากรรมโดยการนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้ช่างแต่งหน้าเติมแต่งทุกอย่างตามต้องการดวงตากลมโตวูบไหวอีกครั้ง ครั้นนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ หัวใจหนักอึ้งเมื่อคิดว่าความงามที่ถูกแต่งแต้มขึ้น ไม่ใช่เพื่อตัวเธอเอง แต่เพื่อเป็นสินค้าให้กับใครบางคนที่พร้อมจะจ่ายในราคาสูงสุดเด็กสาวเริ่มขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงชุดเดรสผ้าซาตินที่แนบชิดผิวกายราวกับพันธนาการ เธออยากจะถอดมันทิ้ง อยากลบเครื่องสำอางทั้งหมดออกจากใบหน้า แต่ทำได้เพียงกำมือเข้าหากันแน่น พยายามระงับความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นในอกมาดามแพมที่สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเด็กสาวค่อยๆ โน้มตัวลงกระซิบน้ำเสียงเย็นยะเยือกกว่าเดิม“อย่าลืมสิ ว่าถ้า
ภายในห้องจัดเลี้ยงเพดานสูงโอ่อ่า ประดับประดาด้วยโคมไฟระย้าคริสตัลส่องประกายระยิบระยับดุจดวงดารา ดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมหวานฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงแผ่วเบา สร้างบรรยากาศอบอุ่นของงานร่างสูงที่สวมชุดสูทสีกรมท่าเรียบหรูเดินเข้ามาในท่วงท่าสง่าผ่าเผย สะกดแทบทุกสายตาให้หันมาสนใจ ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิทของเขา"มาถึงก็ทำโรงแรมกูแปดเปื้อนเลยนะมึง"แพทริค มาเฟียตัวฉกาจจากอิตาลี เขาสนิทสนมกับคาลิกซ์มาอย่างยาวนานไม่ต่างจากรุ่นบิดาที่เป็นเพื่อนรักกันภาพลักษณ์เบื้องหน้า แพทริคเป็นเพียงนักธุรกิจชาวต่างชาติ เจ้าของโรงแรมหรูแห่งนี้ ที่แม้แต่เจ้าสาวอย่าง ชาลิสา ยังไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่แท้จริงซึ่งถูกเขาซุกซ่อนเอาไว้"เอริคไม่ได้บอกหรอกเหรอ ว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานจากกู""ตีงูน่ะ ต้องตีให้ตาย ไม่อย่างนั้นมันจะมาแว้งกัดเราได้""มึงสั่งเก็บสองคนนั้น?""เป็นของขวัญแทนคำขอบคุณจากกู"แพทริคพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น สวะสองตัวที่กล้าฉุดพนักงานสาวของเขาไปทำอนาจารในห้องน้ำก็สมควรได้รับจุดจบเช่นนั้น"สมกับเป็นมึงจริงๆ ""...""แล้วนี่เมียมึงอยู่ไหน""จะถามหาเมียกูทำไม"
พอได้ยินเช่นนั้น ก็รีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามือของเด็กสาวกะโปโลอย่างเธอที่ยังคงอยู่ในชุดเสื้อยืดย้วยๆ กับกางเกงขาสั้นตัวเมื่อวาน อาจทำให้กางเกงราคาแพงของอีกฝ่ายแปดเปื้อนโดยไม่ได้ตั้งใจแต่มาเฟียหนุ่มกลับเข้าใจไปว่าที่เธอยอมปล่อยมือเป็นเพราะเกรงกลัวคำขู่ของเขา จึงค่อยๆ ลดปืนลงแล้วเก็บกลับเข้าที่เดิม"นั่นไง มันอยู่ตรงนั้น!"เสียงตะโกนคุ้นหู ทำให้เด็กสาวรีบหันขวับไปมองและเห็นว่าลูกน้องสองคนของมาดามแพมกำลังเดินมุ่งหน้ามาทางเธอแต่เมื่อทั้งสองเห็นกลุ่มชายชุดดำที่ยืนห้อมล้อมเธออยู่มีจำนวนมากกว่าก็ชะงักและลดความเร็วลง เปลี่ยนมาย่างกรายเข้าหาอย่างระมัดระวังพร้อมกับชักปืนออกมาถือในท่วงท่าเตรียมพร้อมเช่นเดียวกันลดารีบฉวยโอกาสในจังหวะที่คนสองกลุ่มกำลังจ้องจับผิดกันอย่างระแวดระวัง ลอบพาตัวเองเข้าไปในวงล้อมของฝ่ายที่มีจำนวนคนมากกว่า ถึงแม้จะไม่มั่นใจว่าอาจเป็นการหนีเสือปะจระเข้ก็ได้แต่เด็กสาวก็ขอยอมรับความเสี่ยง ดีกว่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในมือของพวกที่กำลังจะพาเธอไปประมูล หรือท้ายที่สุดแล้วหากทุกอย่างแย่ลง ก็คงต้องยอมรับ ว่าชีวิตของเธออาจถูกลิขิตมาแบบนี้ก็ได้"ส่งนังนั่น