Masukมาเฟียใช้เล่ห์เหลี่ยมให้เธอหลงรักโดยจุดประสงค์บางอย่าง แต่พอได้อยู่ใกล้เธอหัวใจของเขากลับทรยศกับแผนการณ์ของตัวเอง เขารักเธอแต่เมื่อเธอรู้ความจริงเธอโกรธมากและบอกเลิกในทันทีแต่คนอย่างเขาก็ไม่มีทางปล่อยเธอไปง่ายๆ เธอต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
Lihat lebih banyakริคาโด้มาเฟียหนุ่มลูกครึ่งไทยอิตาลีเจ้าของธุรกิจส่งออกและโรงแรมหรูหลายแห่งทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ กำลังนั่งเบื่ออยู่ในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่เนื่องจากวันนี้ชายหนุ่มตั้งใจจะมาหาน้องสาวและคุยกันตามประสาพี่น้องหลังจากไม่ได้เจอกันมานานเกือบหนึ่งเดือนแต่พอมาถึงเด็กรับใช้ก็บอกว่าเอเลน่าน้องสาวของเขาและสามีพาลูกสาวออกไปเที่ยวข้างนอก
เขานั่งจิบไวน์รอจนหมดไปหลายแก้วกว่าจะได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้าน
“มาสักทีนะเอเลนรู้มั้ยพี่มารอนานแล้ว” ริคาโด้แกล้งบ่นแต่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“พี่ริค จะมาทำไมไม่โทรบอกก่อนล่ะคะ” เอเลน่าเดินเข้ามากอดพี่ชายอย่างประจบ เธอกับริคาโด้เป็นพี่น้องที่สนิทกันมากแต่หลังจากหญิงสาวแต่งงานก็ไม่ค่อยจะเจอกันอย่างเคย
“ก็พี่กะว่าจะมาเซอร์ไพรส์เธอยังไงล่ะ แล้วนี่ไปไหนกันมาล่ะ หนูอันนาของพี่อยู่ไหนทำไมไม่มาด้วยกัน” เขาถามน้องสาวเมื่อเห็นว่าเธอเดินเข้ามาในบ้านคนเดียว
“อันนาไปรับครูขิมกับพี่ภพค่ะอีกเดี๋ยวก็คงมา” หญิงสาวพูดแล้วดึงพี่ชายให้มานั่งที่โซฟารับแขกด้วยกัน
“นี่อันนาเรียนตีขิมเหรอ” ริคาโด้ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะล่าสุดที่เขาคุยกับอัลเจลิกาหรือหนูอันนาเธอบอกกับเขาว่ากำลังเรียนเปียโน
“ไม่ใช่ค่ะพี่ริค ครูขิมเป็นครูสอนภาษาไทยค่ะ พอดีเอเลนกับพี่ภพคุยกันแล้วว่าอยากให้หนูอันนาอ่านและเขียนภาษาไทยได้บ้างก็เลยหาครูมาสอนค่ะ แต่จะให้ไปเรียนตามโรงเรียนที่สอนพิเศษก็กลัวว่าลูกจะเครียดเกินไป เอเลนก็เลยจ้างให้ครูมาสอนที่บ้านค่ะ สอนไปเล่นไปหนูอันนาดูมีความสุขมาก” เอเลน่าอธิบายให้พี่ชายฟัง
“หลานของพี่ไม่เครียดแน่นะ” ริคาโด้เป็นห่วงเพราะกลัวว่าหลานสาวจะเอาแต่เรียนจนไม่ได้เล่นสนุกเหมือนเด็กคนอื่น
“ไม่หรอกค่ะพี่ริค ถ้าไม่เชื่อพี่ริคก็ลองถามเอาเองสิค่ะ น่าจะมาถึงกันแล้วล่ะคะ”
ริคาโด้มองออกไปทางประตูทางเข้าก็เห็นหนูอันนาหลานสาวของเขาวิ่งเข้ามา
“ลุงริคขา.....” หนูน้อยอันนาเข้ามากอดคุณลุงที่อ้าแขนรอรับอยู่ก่อนแล้ว
“ไม่ได้เจอกันนานหนูอันนาของลุงตัวโตขึ้นหรือเปล่านะ” ริคาโด้กอดเด็กหญิงก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตักแล้วหอมไปที่แก้มป่องทั้งสองข้างของหลานอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
“ค่าลุงริคตอนนี้เวลาเข้าแถวอันนาได้มาอยู่หัวแถวเลยนะคะ” อันนาอวดด้วยความภูมิใจที่ตนเองตัวสูงกว่าเพื่อนในห้อง
“จริงเหรอคะ หลานสาวของลุงนี่ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งสวยขึ้นนะ ว่าแต่ไปโรงเรียนมีแฟนหรือยังล่ะอันนา”
“ใครเขาจะมีแฟนกันคะลุงริค อันนาเพิ่งเรียนอยู่ชั้นอนุบาลเองนะคะ”
“อ้าวอย่างงั้นหรอกเหรอ ก็สมัยที่โรงเรียนอยู่ลุงมีแฟนตั้งแต่ชั้นอนุบาลเลยนะ”
“จริงเหรอคะลุงริค แต่คุณพ่อคุณแม่บอกว่าเป็นเด็กยังไม่ให้มีแฟนค่ะ แต่เพื่อนของอันนาในห้องก็มีแฟนกันแล้วนะคะ”
“แล้วอันนาอยากมีแฟนเหมือนคนอื่นไหมล่ะ”
“ไม่อยากมีแฟนหรอกค่ะในห้องของอันนาไม่มีใครน่ารักเลยสักคน”
“พี่ริคคะพี่จะชวนหลานคุยเรื่องนี้ทำไมหลานอายุแค่สี่ขวบเองนะคะ” เอเลน่าเตือนพี่ชาย
“แหมพี่ก็ชวนคุยไปนั่นแหละ เด็กสมัยนี้โตเร็วจะตาย” ชายหนุ่มหันมามองน้องสาวที่ทำหน้าค้อนใส่ตัวเอง
“ก็หนูอันนายังเด็กนี่คะ”
“ลุงไม่มาหาหนูนานเลยหนูคิดถึงลุงมั้ยคะ” เมื่อเห็นสายตาดุของน้องสาวริคาโด้ก็เปลี่ยนเรื่องคุย
“อันนาคิดถึงลุงริคมากๆ เลยค่ะ แล้วลุงริคคิดถึงอันนาหรือเปล่า”
“คิดถึงสิคะ ถ้าลุงไม่คิดถึงลุงจะมาหาหนูทำไมล่ะ”
“อันนาดีใจจังเลยค่ะ คุณลุงขาเราไปเล่นของเล่นกันนะคะ”
“แม่ของหนูบอกว่าวันนี้หนูต้องเรียนพิเศษด้วยใช่ไหม เอาไว้เราเล่นกันวันหลังได้ไหม”
“ก็ได้ค่ะ อันนาต้องเรียนกับคุณครูขิม นั่นไงคะครูขิมกับคุณพ่อเดินมาแล้ว” เด็กหญิงอันนาสาวชี้ไปทางประตูด้านหน้าซึ่งตอนนี้ผู้มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาริคาโด้มองแล้วแอบยิ้มที่มุมปากคุณครูของอันนานั้นมีใบหน้าสวยหวานดวงตาของเธอกลมโตเป็นประกาย ผิวขาว รูปร่างสูงหุ่นดีราวกับเป็นนางแบบ เธอสวมเดรสสีน้ำตาลอ่อนยาวคลุมเข่าดูเหมือนเรียบร้อยแต่ก็แฝงไปด้วยความเซ็กซี่เพราะเสื้อคอวีนั้นเว้าลึกจนแทบจะเห็นเนินอก
“ขิมจ้ะ มาตรงนี้หน่อยฉันมีคนจะแนะนำให้รู้จัก” เอเลน่าเรียกคุณครูสาวเข้ามาเพราะอยากให้เธอได้รู้จักคุณลุงของหนูอันนา
“สวัสดีค่ะคุณเอเลน” เธอยกมือไหว้เอเลน่าและหันมองผู้ชายตัวโตที่หนูน้อยอันนานั่งตักอยู่
“นี่พี่ชายของฉันชื่อริคาโด้”
“สวัสดีค่ะคุณริคาโด้ฉันชื่อขิมเป็นคุณครูของหนูอันนาค่ะ” มนัญชญายกมือไหว้ริคาโด้อย่างอ่อนน้อม
“เรียกฉันว่าริคเถอะ”
“ค่ะคุณริค”
“อ้าวพี่ริค” เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นทำให้ริคาโด้ต้องละสายตาจากคุณครูสาวแล้วมองไปทางต้นเสียง
“ว่าไงภพไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“สวัสดีครับพี่ริค พี่สบายดีมั้ย” สิรภพยกมือไหว้พี่เขยก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างภรรยา
“พี่สบายดีแล้วเราล่ะ”
“ผมก็สบายดี ครับเห็นที่เย็นนี้คงต้องนั่งคุยกันหน่อย พี่ริครีบไปไหนหรือเปล่าครับ”
“พี่ไม่ได้รีบไปไหนหรอก ไม่ได้เจอกันนานคุยกันหน่อยก็ดี”
“งั้นเราไปนั่งดื่มกันริมสระดีไหมครับพี่ริค”
“อือ”
“ผมขอตัวก่อนนะครับครูขิมฝากหนูนาด้วยนะ” สิรภพหันมาบอกกับคุณครูของลูกสาว
“ค่ะคุณภพ” หญิงสาวส่งยิ้มให้ก่อนจะจูงมือหนูน้อยอันนาเข้าไปในห้องเล็กที่อยู่ติดกับห้องรับแขก
ครบหนึ่งหกเดือนแล้วที่ริคาโด้ประสบอุบัติเหตุตอนนี้เขากลับมาเดินได้ตามปกติแต่คุณหมอยังไม่อนุญาตให้วิ่งหรือออกแรงขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บมากจนเกินไปวันนี้เป็นโอกาสที่ที่เขาได้มาร่วมงานแต่งงานของน้องชายต่างมารดาที่อิตาลี การมาครั้งนี้นอกจากตัวเอาเองแล้วครอบครัวของเอเลน่ารวมถึงมนัญชญาก็มาร่วมงานแต่งงานด้วยหลังจากงานแต่งงานของน้องชายเสร็จเรียบร้อยแล้วริคาโด้ก็มาคุยกับบิดาและพามนัญชญามากับเขาด้วย“ฉันดีใจจะที่ความรักของนายยังไปได้สวย”“แน่นอนครับ เราสองคนยังรักกันดี”“น้องของแกก็แต่งงานไปแล้ว เมื่อไหร่แกจะแต่งล่ะ”“คงอีกไม่นานหรอกครับพ่อ”“ฉันขอถามเธออีกครั้งและมันจะเป็นครั้งสุดท้ายนะ” อัลแบโต้มองหน้าคนรักของลูกชายด้วยสายตาที่ยังคงเป็นกังวล“ได้ค่ะคุณอัลแบโต้”“เธอจะไม่เปลี่ยนใจจากลูกชายของฉันแน่ใช่ไหม”“แน่ค่ะ คำตอบของฉันก็ยังคงเหมือนเดิม”“พ่อจะถามเพื่ออะไรครับ หรือยังไม่เลิกคิดจะให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นอีก”“เรื่องนั้นฉันเลิกคิดไปแล้ว”“พ่อเลิกคิดเองหรือเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมแต่งงานกับผมล่ะครับ ผมรู้ว่าเรื่องของผมที่นี่มันไม่เป็นความลับ” ริคาโด้รู้จากคนของเขาว่าโซเฟียเอาเรื่องของเ
ผ่านมาหนึ่งเดือนหลังจากเกิดอุบัติเหตุตอนนี้ริคาโด้ออกจากโรงพยาบาลและกลับมาอยู่ที่บ้านของเอเลน่าซึ่งแต่ก่อนเขาก็เคยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้แต่พอน้องสาวแต่งงานชายหนุ่มจึงย้ายออกไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมเหตุผลที่ริคาโด้ต้องกลับมาอยู่ที่บ้านของเอเลน่าก็เพราะถ้าเขาไปอยู่ที่คอนโดมนัญชญาจะไม่ยอมตามไปดูแลเขาที่นั่นเพราะหญิงสาวเป็นห่วงและกลัวว่าช่วงที่เธอไปทำงานริคาโด้จะไม่มีคนคอยดูแลตอนนี้ชายหนุ่มยังต้องใช้ไม้เท้าเวลาเดินและนั่งรถเข็นเวลาไปทำงานที่โรงแรมในบางวันที่เขามีประชุม ส่วนวันอื่นๆ ก็เอางานกลับมาทำที่บ้านโดยมีวสันต์และคนของเขาคอยประสานงาน“วันนี้เหนื่อยหรือเปล่าคะ” มนัญชญาถามหลังจากคนของเขาไปรับเธอมาจากโรงเรียน“ไม่เท่าไหร่ครับวันนี้ผมไปประชุมแค่ครึ่งวัน เสร็จแล้วก็รีบกลับมาพัก”“ดีมากค่ะ แบบนี้จะได้หายไวๆ นะคะ เราไปทานข้าวกันนะคะหนูอันนาน่าจะหิวแล้ว” หญิงสาวช่วยพยุงเขาลุกขึ้นจากนั้นก็ส่งไม้เท้าให้เขา ในตอนแรกเธอก็คอยช่วยประคองเวลาเขาเดิน แต่นักกายภาพบำบัดแนะนำว่าควรให้เขาเดินเองเพราะจะได้รู้จังหวะในการเดินและลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุซ้ำได้“ลุงริคขา วันเสาร์คุณพ่อคุณแม่จะพาอันนาไปเที่ยวทะ
มนัญชญาพูดกับอัลแบโต้เพราะอยากให้เขามั่นใจว่าจากนี้ลูกชายของเขาจะมีเธอเป็นคนดูแลอย่างดี“แล้วเธอจะได้อะไรกับการทำแบบนี้” อัลแบโต้ถามไปตามตรงเพราะถ้าหากลูกชายเขารักษาไม่หายผู้หญิงคนนี้ก็คงจะเป็นทุกข์มาก เขารู้ว่าหญิงชายวัยนี้เรื่องบนเตียงมันก็เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต แล้วจะมีใครยอมเอาตัวเองมาจบอยู่กับผู้ชายที่ให้ความสุขไม่ได้แบบนี้“นั่นสิ เธอจะทนอยู่กับเขาได้ยังไง หรือคิดว่าเขาจะรักษาหาย” โซเฟียมองมนัญชญาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่าเธอจะยอมอยู่กับริคาโด้ได้ยังไงเพราะถ้าเป็นตัวเธอเองคงไม่อยู่กับเขาแน่“เพราะคุณริคคือคนรักของฉันไงคะ เขาจะรักษาหายหรือไม่หายมันก็ไม่สำคัญหรอกนะ”“เธอจะทนอยู่ได้แน่เหรอ ฉันไม่เชื่อหรอกนะ”“ฉันไม่สนใจว่าคุณหรือใครจะเชื่อหรือไม่ ฉันสนใจแค่คุณริคคนเดียว”“ขอบใจนะขิม แต่ที่โซเฟียพูดก็ถูกนะ ผมคงไม่เห็นแก่ตัวแบบนั้นหรอก”“เรื่องของเราเอาไว้คุยกันสองคนดีกว่านะคุณริค” มนัญชญาไม่อยากให้ริคาโด้ต้องลำบากใจไปมากกว่านี้“ก็ได้ครับ”“ฉันว่าเรื่องนี้คงต้องคุยกันยาวๆ” อัลแบโต้ยังไม่แน่ใจว่ามนัญชญาจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่าและเขาก็จะลองให้โอกาสเธอดูสักครั้งถ้าหากเว
ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัยไม่มีใครรู้ว่าริคาโด้กับคุณหมอพูดเรื่องอะไรกัน“ถ้าคุณตัดสินใจแล้วผมก็จะบอกความจริงทั้งหมดให้กับทุกคนรู้”คุณหมอวัยกลางคนมองหน้าริคาโด้และทุกคนในห้องแล้วถอนหายใจก่อนจะบอกถึงอาการของริคาโด้ให้กับทุกคนรู้“เท่าที่เราทุกคนทราบว่าคุณริคาโด้ประสบอุบัติเหตุจนกระดูกหักแต่ที่ทุกคนไม่รู้ก็คือระหว่างเกิดอุบัติเหตุนี้ร่างกายของคุณริคาโด้ถูกกระแทกตรงบริเวณหน้าอก ช่องท้องรวมถึงอุ้งเชิงกรานของเขาด้วย แรงกระแทกไม่ได้ส่งผลให้อวัยวะเสียหายอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็มีอวัยวะและเส้นประสาทบางส่วนเสียหายจากแรงกระแทกนี้” คุณหมออธิบายด้วยภาษาอังกฤษช้าๆ เพื่อให้ทุกคนในห้องเข้าใจอย่างชัดเจน“หมอคะ หมอกำลังจะบอกอะไรก็บอกมาเลยค่ะไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาว” โซเฟียไม่เข้าใจสิ่งที่คุณหมอพูดและเธอก็คิดว่าคนอื่นก็คงไม่มีใครเข้าใจเหมือนกันเพียงแต่ไม่มีใครกล้าถามคุณหมอยังคงมีท่าทางอึดอัดที่จะพูดออกมาตรงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนไข้ของเขา“ผมไม่อายหรอกครับหมอบอกทุกคนไปเลย” ริคาโด้พูดขึ้นเพราะเห็นทุกคนมีสีหน้าสงสัยและอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่“เส้นประสาทบางส่วนของคุณริคาโด้ได้รับค