“ถ้ากล้าสร้างเรื่องอีก ฉันไม่เอาเธอไว้แน่”
มาดามแพมเอ่ยข่มขู่เด็กสาวด้วยสีหน้าจริงจัง แววตาคมกริบตวัดมองผ่านกระจกเงา ก่อนจะหันไปย้ำเตือนช่างแต่งหน้าสาวสองอีกครั้ง
“เหลือเวลาอีกสิบห้านาที”
“ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ มาดาม” ช่างแต่งหน้าปริปากตอบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นพร้อมขยับมือบรรจงทาลิปสติกสีระเรื่อบนเรียวปากกระจับสวยของเด็กสาว
แม้หัวใจของลดาจะเต้นรัวแรงเพราะถ้อยคำข่มขู่ของมาดามแพม แต่เธอก็ทำได้เพียงก้มหน้ารับชะตากรรมโดยการนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้ช่างแต่งหน้าเติมแต่งทุกอย่างตามต้องการ
ดวงตากลมโตวูบไหวอีกครั้ง ครั้นนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ หัวใจหนักอึ้งเมื่อคิดว่าความงามที่ถูกแต่งแต้มขึ้น ไม่ใช่เพื่อตัวเธอเอง แต่เพื่อเป็นสินค้าให้กับใครบางคนที่พร้อมจะจ่ายในราคาสูงสุด
เด็กสาวเริ่มขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงชุดเดรสผ้าซาตินที่แนบชิดผิวกายราวกับพันธนาการ เธออยากจะถอดมันทิ้ง อยากลบเครื่องสำอางทั้งหมดออกจากใบหน้า แต่ทำได้เพียงกำมือเข้าหากันแน่น พยายามระงับความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นในอก
มาดามแพมที่สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเด็กสาวค่อยๆ โน้มตัวลงกระซิบน้ำเสียงเย็นยะเยือกกว่าเดิม
“อย่าลืมสิ ว่าถ้าเธอทำตัวมีปัญหา ผลจะเป็นยังไง”
ลดาสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมลมหายใจที่สะดุด ก่อนจะรีบพยักหน้าตอบรับ ช่างแต่งหน้าซึ่งสังเกตเห็นสีหน้าของเธอทำทีเป็นหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะปลอบประโลมด้วยความเห็นใจ
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ แค่ทำตัวน่ารัก ๆ เข้าไว้ ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี”
แต่คำปลอบโยนนั้นไม่ได้ทำให้เด็กสาวรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย เพราะรู้ดีว่า สิ่งที่รออยู่ข้างหน้า ไม่มีอะไรที่เรียกว่า ‘ดี’ สำหรับเธอเลยสักนิดเดียว...
แสงไฟสว่างเจิดจ้าจากด้านบนสาดส่องลงมายังเรือนร่างเล็กที่ยืนโดดเด่นบนฟลอร์ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่จะถูกประมูลในค่ำคืนนี้
เด็กสาวพยายามปรับสายตาอันพร่ามัวให้กลับมาปกติก่อนจะเห็นใบหน้าของบรรดาผู้ชายที่กำลังจับจ้องเธอด้วยสายตาที่ทำให้ร่างกายเย็นเฉียบ
ในจังหวะนั้นเอง ที่เผลอเหลือบเห็นสายตาคู่หนึ่งซึ่งเธอจดจำได้เป็นอย่างดีว่าเคยพร่ำอ้อนวอนไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน
สายตาที่แตกต่างจากบุคคลอื่น ไม่ได้มองอย่างโลมเลียหรือต้องการความเป็นเจ้าของ แต่กลับฉายแววบางอย่างที่เธอไม่อาจเข้าใจได้ มันให้ความรู้สึกนิ่งสงบ แต่ลึกลงไปกลับเหมือนมีพายุบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น
แต่แค่เพียงได้สบตากับเขาชั่วขณะเดียว หัวใจของเธอกลับสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก...
"กูว่าเป็นเธอคนนี้" คาลิกซ์ออกความคิดเห็นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากละสายตาจากคนที่ยืนอยู่บนฟลอร์
"ใจตรงกับกูเลยว่ะเพื่อน" นัยน์ตาของแพทริคฉายประกายวาบอย่างนึกสนุก
"มึงกำลังใช้วิธีเดียวกับกูสินะ"
"ใช่! เพราะคนเราจะกะพริบตาถี่ในยามที่ตื่นตัวหรือตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก"
แพทริคเริ่มอ่านภาษากายของสาวๆ แต่ละคนมาสักพักแล้ว และเพิ่งรู้ว่าเพื่อนของเขาก็กำลังทำแบบเดียวกัน
"การเม้มริมฝีปากบ่อยๆ ของเธอ บ่งบอกว่ากำลังเจออะไรที่ผิดปกติ อะไรที่ไม่คุ้นเคย" คาลิกซ์แสดงความคิดเห็นต่อจากเพื่อน
"การใช้มือสัมผัสบริเวณลำคอ แสดงออกถึงความกังวลว่าจะมีสิ่งอันตรายเกิดขึ้น รู้สึกไม่สบายใจสุดๆ " สายตาของแพทริคยังคงจับจ้องเธอคนนั้นไม่วางตา
"ซึ่งผู้หญิงอีกสองคนไม่ได้มีอาการแบบนั้น ราวกับเป็นเรื่องปกติของพวกเธอ"
คาลิกซ์เอ่ยปิดท้ายด้วยความมั่นอกมั่นใจ จะมีก็แต่อีกคนที่ไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น
"ส่วนมึงเองก็เผลอยักคิ้ว หลังจากเห็นผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัว"
"ใครใช้ให้มึงอ่านภาษากายของกู"
"เพราะกูมั่นใจ ว่ามึงกำลังสนใจเธอคนนั้นเป็นพิเศษ"
จริงอยู่...ที่คาลิกซ์ไม่อาจละสายตาจากผู้หญิงคนนั้นได้ แต่ก็ใช่ว่าจะมีอะไรที่มากไปกว่านั้น อย่างที่เพื่อนของเขากำลังกล่าวหา
"ถ้ามึงสนใจก็จัดสิวะ จะรออะไร"
"มึงไม่เห็นราคาที่พุ่งสูงแทบทะลุเพดานของเธอหรือไง กูไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราต้องเสียเงินมากขนาดนั้น เพื่อผู้หญิงแค่คนเดียว"
"เงินแค่นั้นไม่ได้ทำให้ขนเพชรของมึงร่วงหรอกเพื่อน"
"ขอบาย"
"ถ้าอย่างนั้นกูเอาเอง"
"แต่มึงมีเมียแล้วนะ อีกอย่างก็เพิ่งจะแต่งงานไปยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ"
"เมียก็ส่วนเมียสิ ไหนๆ มึงก็ไม่เอานี่"
"มึงก็ชอบหาเรื่องทำให้ครอบครัวแตกแยกอยู่นั่นแหละ"
"ก็น้องเขาสวยสดขนาดนั้น กูโคตรมั่นใจว่าเธอนี่แหละสาวบริสุทธิ์ทีเด็ดของงานนี้ ไม่มีหลอกลวงแน่นอน"
"..."
"และถ้ามึงไม่เอา กูจะเอา"
เสียงตัวเลขการประมูลยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ ในตอนนี้ราคาของเธอพุ่งทะลุสามล้านบาทไปแล้ว ทำให้มาดามแพมที่ยืนกอดอกเฝ้าดูอยู่ต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ มันเกินกว่าที่คาดไว้มาก
กระทั่งตัวเลขมาหยุดอยู่ที่ ห้าล้านบาท เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วทั้งห้อง ทุกคนต่างจับจ้องมาที่เด็กสาวบนเวทีราวกับเธอเป็นอัญมณีหายากของค่ำคืนนี้
"ห้าล้านบาทครั้งที่หนึ่ง..."
"ห้าล้านบาทครั้งที่สอง..."
และในจังหวะที่ค้อนกำลังจะเคาะลง
"สิบล้าน"
เสียงหนึ่งดังขึ้น ก้องกังวานไปทั่วทั้งห้อง ประหนึ่งหยุดทุกอย่างให้นิ่งงันชั่วขณะ
ดวงตาทุกคู่หันไปมองยังต้นเสียง แม้แต่เด็กสาวเองก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงและไม่มีใครกล้าสู้ราคาที่มากกว่านั้น
"สิบล้านบาทครั้งที่หนึ่ง..."
"สิบล้านบาทครั้งที่สอง..."
"และสิบล้านบาทครั้งที่สาม ปิดการประมูล!” เสียงเคาะค้อนดังขึ้นเป็นอันสิ้นสุด
ลดาแทบไม่อยากเชื่อ ว่าเพียงเพราะความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตัวเองจะถูกประมูลไปในราคาที่มากมายมหาศาลถึงขนาดนั้น
และไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเธอควรดีใจหรือเสียใจกันแน่...
"กลับมาแล้วค่า~" เสียงหวานเจื้อยแจ้วดังขึ้นทันทีที่เยื้องย่างเข้าไปในคฤหาสน์หลังโอ่อ่ากลิ่นหอมอ่อนๆ ของมวลดอกไม้ที่ประดับอยู่ตามมุมต่างๆ ลอยตลบอบอวล ผสานอากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ราวกับต้องการปลอบประโลมความเหนื่อยล้าทั้งหมดที่หญิงสาวกำลังเผชิญ"กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนู วันนี้ป้าเตรียมผลไม้ไว้ให้ด้วยนะคะ ได้มาจากตลาดสดเมื่อเช้านี้เลย"น้ำเสียงอบอุ่นดังแว่วมาจากห้องครัว ก่อนที่ร่างของ เมแกน แม่บ้านวัยกลางคน ชาวอิตาลีจะเดินออกมาพร้อมจานผลไม้ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มใจดีริมฝีปากของลดาแย้มยิ้มสดใสโดยหลงลืมไปชั่วขณะว่าใบหน้าและมุมปากมีบางอย่างที่ต้องปกปิด เธอวางกระเป๋าลงบนโซฟากลางพื้นที่นั่งเล่น ก่อนจะหันกลับมารับจานผลไม้จากแม่บ้าน"เมื่อไหร่ป้าเมแกนจะเลิกเรียกลดาว่าคุณหนูล่ะคะ"&nb
สองปีต่อมา...เพียะ!เสียงฝ่ามือกระทบแก้มนวลเนียนดังสนั่นทั่วบริเวณป้ายรถโดยสารประจำทาง ทำเอาเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มสะบัดไปตามแรงตบเหมือนภาพสโลว์โมชั่นพร้อมดวงตากลมโตที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ ความเจ็บแปลบและร้อนผ่าวค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วแก้มซีกนั้นสายตาของผู้คนรอบข้างหันมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น บางคนกระซิบกระซาบกันเบา ๆ ขณะที่อีกหลายคนกำลังยืนดูด้วยความสนใจ"แกนี่มันร้ายจริง ๆ คิดจะแย่งแฟนคนอื่นเหรอ!" เสียงของรุ่นพี่ปีสี่ที่อยู่ในชุดนักศึกษา มหาวิทยาลัยชื่อดังเฉกเช่นเดียวกันกับอีกฝ่ายตวาดลั่นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจากแรงโทสะลดากะพริบตาถี่ ๆ ยกมือขึ้นกุมแก้มที่ยังรู้สึกชา หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะทั้งจากความเจ็บและความตกใจ"ฉัน...ไม่ได้ทำ"เสียงของเธอขาดหายไป เมื่อตระหนักได
"เธอเป็นตัวนำโชคของฉันจริงๆ" มาดามแพมเอ่ยพลางคลี่รอยยิ้มกว้าง ดวงตาทอประกายวาววับด้วยความพึงพอใจอย่างปิดไม่มิด ขณะจ้องมองเด็กสาวที่เพิ่งถูกประมูลไปในราคาสูงลิบลิ่ว เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า"อีกสักพักลูกน้องของคนที่ประมูลเธอไปจะมารับ แล้วก็อย่าลืมทำตัวดีๆ กับคุณเขาล่ะ"ประโยคย้ำเตือนพวกนั้นยิ่งทำให้ลดารู้สึกหนักอึ้ง ราวกับเป็นตราประทับถึงความจริงอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่าเธอถูกขายไปแล้ว...หลังจากนี้ ชะตากรรมของเด็กสาวขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้ครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นเพียงค่ำคืนเดียวแล้วแยกย้ายจากกันไป หรือถูกเลี้ยงดูตราบนานเท่านานก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เป็นเจ้าของเท่านั้น"ไม่ว่าจะยังไงก็อย่าทอดทิ้งการเรียนเป็นอันขาด ยายคงกำลังเฝ้ามองความสำเร็จของเธอ"คำพูดของมาดามแพมดึงสติของลดากลับมาทันทีที่ได้ยินคำว่า ยาย ดวงตาของเธอเริ่มร้อนผ่าว ริมฝีปากเม้มแน่น พยายามกลืนก้อนสะอื้นที่กำลังก่อตัวลงไปในลำคอมาดามแพมเห็นท่าทีเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดเสียงเข้ม"ห้ามร้องไห้ เดี๋ยวหน้าตาก็ดูไม่ได้กันพอดี"เด็กสาวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สูดลมหายใจลึก พยายามระงับอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้ แต่ไม่อาจซ่อนความสั่นไหวในน้
“ถ้ากล้าสร้างเรื่องอีก ฉันไม่เอาเธอไว้แน่”มาดามแพมเอ่ยข่มขู่เด็กสาวด้วยสีหน้าจริงจัง แววตาคมกริบตวัดมองผ่านกระจกเงา ก่อนจะหันไปย้ำเตือนช่างแต่งหน้าสาวสองอีกครั้ง“เหลือเวลาอีกสิบห้านาที”“ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ มาดาม” ช่างแต่งหน้าปริปากตอบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นพร้อมขยับมือบรรจงทาลิปสติกสีระเรื่อบนเรียวปากกระจับสวยของเด็กสาวแม้หัวใจของลดาจะเต้นรัวแรงเพราะถ้อยคำข่มขู่ของมาดามแพม แต่เธอก็ทำได้เพียงก้มหน้ารับชะตากรรมโดยการนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้ช่างแต่งหน้าเติมแต่งทุกอย่างตามต้องการดวงตากลมโตวูบไหวอีกครั้ง ครั้นนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ หัวใจหนักอึ้งเมื่อคิดว่าความงามที่ถูกแต่งแต้มขึ้น ไม่ใช่เพื่อตัวเธอเอง แต่เพื่อเป็นสินค้าให้กับใครบางคนที่พร้อมจะจ่ายในราคาสูงสุดเด็กสาวเริ่มขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงชุดเดรสผ้าซาตินที่แนบชิดผิวกายราวกับพันธนาการ เธออยากจะถอดมันทิ้ง อยากลบเครื่องสำอางทั้งหมดออกจากใบหน้า แต่ทำได้เพียงกำมือเข้าหากันแน่น พยายามระงับความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นในอกมาดามแพมที่สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเด็กสาวค่อยๆ โน้มตัวลงกระซิบน้ำเสียงเย็นยะเยือกกว่าเดิม“อย่าลืมสิ ว่าถ้า
ภายในห้องจัดเลี้ยงเพดานสูงโอ่อ่า ประดับประดาด้วยโคมไฟระย้าคริสตัลส่องประกายระยิบระยับดุจดวงดารา ดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมหวานฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงแผ่วเบา สร้างบรรยากาศอบอุ่นของงานร่างสูงที่สวมชุดสูทสีกรมท่าเรียบหรูเดินเข้ามาในท่วงท่าสง่าผ่าเผย สะกดแทบทุกสายตาให้หันมาสนใจ ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิทของเขา"มาถึงก็ทำโรงแรมกูแปดเปื้อนเลยนะมึง"แพทริค มาเฟียตัวฉกาจจากอิตาลี เขาสนิทสนมกับคาลิกซ์มาอย่างยาวนานไม่ต่างจากรุ่นบิดาที่เป็นเพื่อนรักกันภาพลักษณ์เบื้องหน้า แพทริคเป็นเพียงนักธุรกิจชาวต่างชาติ เจ้าของโรงแรมหรูแห่งนี้ ที่แม้แต่เจ้าสาวอย่าง ชาลิสา ยังไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่แท้จริงซึ่งถูกเขาซุกซ่อนเอาไว้"เอริคไม่ได้บอกหรอกเหรอ ว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานจากกู""ตีงูน่ะ ต้องตีให้ตาย ไม่อย่างนั้นมันจะมาแว้งกัดเราได้""มึงสั่งเก็บสองคนนั้น?""เป็นของขวัญแทนคำขอบคุณจากกู"แพทริคพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น สวะสองตัวที่กล้าฉุดพนักงานสาวของเขาไปทำอนาจารในห้องน้ำก็สมควรได้รับจุดจบเช่นนั้น"สมกับเป็นมึงจริงๆ ""...""แล้วนี่เมียมึงอยู่ไหน""จะถามหาเมียกูทำไม"
พอได้ยินเช่นนั้น ก็รีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามือของเด็กสาวกะโปโลอย่างเธอที่ยังคงอยู่ในชุดเสื้อยืดย้วยๆ กับกางเกงขาสั้นตัวเมื่อวาน อาจทำให้กางเกงราคาแพงของอีกฝ่ายแปดเปื้อนโดยไม่ได้ตั้งใจแต่มาเฟียหนุ่มกลับเข้าใจไปว่าที่เธอยอมปล่อยมือเป็นเพราะเกรงกลัวคำขู่ของเขา จึงค่อยๆ ลดปืนลงแล้วเก็บกลับเข้าที่เดิม"นั่นไง มันอยู่ตรงนั้น!"เสียงตะโกนคุ้นหู ทำให้เด็กสาวรีบหันขวับไปมองและเห็นว่าลูกน้องสองคนของมาดามแพมกำลังเดินมุ่งหน้ามาทางเธอแต่เมื่อทั้งสองเห็นกลุ่มชายชุดดำที่ยืนห้อมล้อมเธออยู่มีจำนวนมากกว่าก็ชะงักและลดความเร็วลง เปลี่ยนมาย่างกรายเข้าหาอย่างระมัดระวังพร้อมกับชักปืนออกมาถือในท่วงท่าเตรียมพร้อมเช่นเดียวกันลดารีบฉวยโอกาสในจังหวะที่คนสองกลุ่มกำลังจ้องจับผิดกันอย่างระแวดระวัง ลอบพาตัวเองเข้าไปในวงล้อมของฝ่ายที่มีจำนวนคนมากกว่า ถึงแม้จะไม่มั่นใจว่าอาจเป็นการหนีเสือปะจระเข้ก็ได้แต่เด็กสาวก็ขอยอมรับความเสี่ยง ดีกว่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในมือของพวกที่กำลังจะพาเธอไปประมูล หรือท้ายที่สุดแล้วหากทุกอย่างแย่ลง ก็คงต้องยอมรับ ว่าชีวิตของเธออาจถูกลิขิตมาแบบนี้ก็ได้"ส่งนังนั่น