Share

บทที่ 11

last update Last Updated: 2025-12-08 01:00:19

ช่วงดึกคะน้าเดินเข้ามาในล็อบบี้เงียบ ๆ เสื้อยืดสีเรียบ กางเกงยีนส์และกระเป๋าผ้าพาดบ่า ใบหน้าไม่ได้แต่งแต้มแต่กลับดูมีแววเหนื่อยเล็ก ๆ ที่เธอไม่รู้ตัว เธอยกมือแตะบัตรผ่านประตูติ๊ดเสียงเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนเดินตรงไปทางลิฟต์ส่วนตัวอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ ผ่านไปยันเพนต์เฮาส์หรู

ทว่า…

ร่างสูงในชุดเชิ้ตปลดกระดุมสองเม็ดกลับยืนพิงกรอบประตูห้องอยู่ก่อนแล้ว ราวกับรอใครบางคนอยู่เป็นนิสัย

“กลับดึกนะ” เสียงทุ้มต่ำของหลงเฟยดังขึ้นในความเงียบ คะน้าชะงักเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบที่สุด

“ช่วยยายขายของค่ะ”

หลงเฟยไม่ได้ตอบทันที แต่สายตาคมกริบของเขากวาดมองเธอทั้งตัวเสื้อผ้าธรรมดา ใบหน้าเปลือย เครื่องแต่งกายไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเหมือนทุกวัน แต่บางอย่างในสายตาเขากลับรู้สึกว่ามัน ไม่เหมือนเดิม

“เหนื่อยไหม” เขาถามเสียงเรียบ แต่น้ำเสียงเบากว่าปกติเล็กน้อย

“ไม่ค่ะ” คะน้าตอบสั้น ๆ แล้วก้าวผ่านหน้าเขาไปเหมือนเป็นเพียงอากาศ หลงเฟยมองตามเงาบาง ๆ ที่เดินตรงไปยังห้องด้านใน ใบหน้าของเธอไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรเลยแต่ฝีเท้าของเธอเบาและมั่นคง อย่างคนที่ไม่ได้อยู่เฉย ๆ มาทั้งวัน

เขากระตุกคิ้วขึ้นนิดเดียวไม่ใช่ความสงสัยแบบจริงจังแต่เป็นความรู้สึกคลางแคลงบางเบาที่เขาไม่ใส่ใจมาตลอด

“เด็กคนนี้เหมือนจะไม่เหมือนที่ฉันคิดไว้” หลงเฟยคิดในใจ ก่อนเดินไปยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเบา ๆ

เสียงประตูล็อกของคะน้าปิดลง เธอทิ้งกระเป๋าผ้าลงข้างเตียงแล้วทรุดตัวลงนั่ง มือเล็กคลี่ซองเงินออกมาอีกครั้ง สองพันบาทแผ่วเบาอยู่บนฝ่ามือเธอเหมือนความหวังที่เล็กแต่มีน้ำหนัก

“วันที่สามผ่านไปแล้ว” เธอพึมพำเบา ๆ พลางมองปฏิทินที่ถูกขีดกากบาทเพิ่มอีกหนึ่งเส้น เธอเอื้อมมือไปแตะกระเป๋าผ้าเบา ๆ ก่อนเงยหน้ามองเพดานที่เงียบงัน

ภายนอกเขาอาจมองว่าเธอยังอยู่ใต้การควบคุมของเขา แต่ภายในเธอกำลังเริ่ม ควบคุมชีวิตตัวเองทีละก้าว…

ทางด้านหลงเฟยที่ยืนอยู่หน้ากระจกมองออกไปยังเมืองด้านล่าง เสียงรถที่วิ่งเบา ๆ ยามดึกไม่ได้ดึงความสนใจเขาเท่าความเงียบภายในห้องอีกฝั่ง เขาไม่รู้ว่าอะไรทำให้เด็กผู้หญิงคนนั้นเงียบผิดปกติแบบนั้น แต่ความเงียบนั่นกำลังเริ่มรบกวนความนิ่งของเขาอย่างช้า ๆ

หลงเฟยนั่งพิงเก้าอี้ทรงสูงบริเวณบาร์ในเพนต์เฮาส์ นิ้วเรียวยาวหมุนแก้วไวน์ช้า ๆ น้ำสีแดงเข้มหมุนวนเป็นวงเล็ก ๆ ดวงตาคมยังคงจดจ้องไปยังชั้นสองของเพนต์เฮาส์

ทุกวันคะน้าจะกลับมาตอนเวลาเดิม พูดคำเดิม ๆ สีหน้าเรียบเหมือนถูกวางบนแม่พิมพ์เดียวกัน แต่สิ่งที่หลงเฟยรู้สึกคือมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

ครืด… ครืด… ครืด…

เสียงโทรศัพท์บนเคาน์เตอร์ดังขึ้นเบา ๆ เขาหยิบขึ้นมากดรับสายเพียงหนึ่งครั้ง

“ครับคุณเฟย” เสียงปลายสายเป็นชายหนุ่มน้ำเสียงสุภาพ

“ฉันอยากให้จัดคนสะกดรอยผู้หญิงที่อยู่กับฉัน คะน้า” เสียงทุ้มต่ำพูดเรียบ แต่แฝงแรงกดดันชัด ปลายสายเงียบไปเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะตอบ

“ทราบครับ ต้องการเริ่มเมื่อไหร่”

“พรุ่งนี้” หลงเฟยตอบสั้นและชัด

“แค่ดู ไม่ต้องยุ่ง อย่าให้เธอรู้ว่ามีคนตาม”

“ครับ”

เขาวางสายแล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ มุมปากยกขึ้นเพียงนิดเดียว มันไม่ใช่รอยยิ้ม แต่เป็นสีหน้าของคนที่คิดจะดักทุกทาง

“อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอเดินไปไหนก็ได้ คะน้าที่ไม่ให้คนไปรับไปส่งฉันคงคิดพลาดไป” เขาพึมพำเสียงเบา

ภาพร่างบางที่เดินผ่านหน้าเขาทุกคืนในเสื้อยืดธรรมดากลับฝังอยู่ในหัวเขาอย่างประหลาด ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ใช่คนใส่ใจเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ

เช้าวันต่อมา…

“เช้า” เสียงของหลงเฟยดังขึ้นเหมือนทุกวัน ขณะเธอเดินลงมาชั้นล่าง

“ค่ะ เช้า” เธอตอบเรียบ ๆ ก่อนจะหยิบขนมปังมากัดคำเล็ก ๆ

เขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบ สายตาไม่ได้มองเธอตรง ๆ แต่สังเกตคะน้าเงียบ ๆ ทุกการขยับ ตั้งแต่ปลายนิ้วจนถึงจังหวะก้าวเดิน

“ออกไปอีกใช่ไหม” หลงเฟยถามเหมือนไม่ใส่ใจ แต่คำถามนั้นแหลมพอจะเจาะทะลุหัวใจใครบางคนได้ คะน้าชะงักไปเพียงครู่เดียว ก่อนยิ้มบาง ๆ อย่างเคย

“ค่ะ ไปช่วยยาย”

หลงเฟยมองหน้าเธอตรง ๆ เป็นครั้งแรกในเช้านี้ ดวงตาคมเหมือนมองทะลุชั้นอากาศไปถึงความลับที่ซ่อนอยู่ด้านใน แต่เขาไม่พูดอะไรต่อกลับวางแก้วกาแฟลงอย่างใจเย็น

“อย่ากลับดึก” เขาพูดเสียงเรียบ

“ค่ะ” คะน้าตอบก่อนจะเดินออกจากเพนต์เฮาส์

ทันทีที่ประตูเพนต์เฮาส์ปิดลง โทรศัพท์อีกเครื่องในกระเป๋าเสื้อของเขาก็ดังเบา ๆ

“เธอออกแล้วครับ” เสียงปลายสายรายงานเรียบ ๆ

“อืม ตามดูให้ดี” หลงเฟยยกมือขึ้นลูบขมับเบา ๆ ก่อนตอบสั้น ๆ

เขาไม่รู้ว่าคะน้ากำลังทำอะไร แต่เขาไม่ใช่คนที่ยอมปล่อยอะไรที่อยู่ในกำมือ ให้หลุดพ้นสายตาไปง่าย ๆ

“ยาย!” คะน้าโบกมือเรียกทันทีที่เห็นแผงผักเล็ก ๆ ของยายสมพรตรงมุมเดิมของตลาด หญิงชราหันมา พอเห็นหลานสาวก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ

“คะน้า มาเช้าจังลูก”

“ก็หนูบอกแล้วไงว่าวันเสาร์อาทิตย์จะมาช่วยยายตั้งแต่เช้า” เธอพูดพร้อมกับรีบวางกระเป๋าผ้าแล้วนั่งยองข้างแผงโดยไม่ต้องให้ยายสมพรสั่ง

มือเล็กคว้าผักบุ้งสด มัดเรียงเป็นกำ ๆ อย่างคล่องแคล่ว จัดตะกร้าเรียงไว้ด้านหน้าเพื่อให้ลูกค้าหยิบง่าย เหงื่อซึมตรงไรผมเล็กน้อยเพราะอากาศเช้าแบบตลาด แต่ใบหน้าเธอกลับมีรอยยิ้ม

“เอาผักบุ้งกับคะน้าอย่างละกำจ้ะ” เสียงป้าขาประจำดังขึ้น

“ได้เลยค่ะป้า!” คะน้ารับคำอย่างร่าเริง ก่อนยื่นถุงให้ด้วยมือเล็ก ๆ ที่ทำงานไม่หยุด

ยายสมพรนั่งยิ้มเงียบ ๆ มองหลานสาวที่โตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างภาคภูมิใจ เธอไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ยื่นถุงบ้าง ส่งเงินบ้าง แล้วหัวเราะเบา ๆ กับลูกค้าประจำที่แวะมาทักทาย

แต่ระหว่างที่เธอกำลังหยิบตะกร้าอีกใบ เสียงไอเบา ๆ แค่ก… แค่ก… ของยายสมพรก็ดังขึ้น

“ยาย…” คะน้ารีบหันขวับ

“ยายไม่เป็นไรลูก แค่ไอนิดหน่อย” ยายโบกมือเบา ๆ พยายามกลบอาการไว้ แต่แววตาของคะน้าไม่ยอมหลุดความห่วงใยออกไปง่าย ๆ

“ยายพักก่อน เดี๋ยวตรงนี้หนูจัดเอง” เธอยื่นขวดน้ำดื่มให้ยาย

“โถ่…เด็กคนนี้” ยายหัวเราะแห้ง ๆ แล้วนั่งพิงพนักเก้าอี้ไม้เก่า ด้านคะน้ารีบเร่งมือจัดผักเพิ่ม มัดถุงให้เรียบร้อย เสียงพูดคุยกับลูกค้าเบา ๆ ดังเป็นระยะ บรรยากาศแผงผักดูมีชีวิตชีวาขึ้นในมือของเด็กสาวตัวเล็กที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่าย ๆ

กระทั่งแสงแดดยามสายเริ่มแรงขึ้นเล็กน้อย คะน้าขายของได้เรื่อย ๆ จนตะกร้าผักโล่งลงไปมาก

“วันนี้ขายดีนะยาย” คะน้าหันมาพูดเบา ๆ พลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก

“ก็เพราะมีคะน้ามาช่วยไงลูก” ยายหัวเราะเบา ๆ มือยังหยิบเงินทอนลูกค้า

“ยายเหนื่อยไหม” เธอถามเสียงนุ่ม

“ไม่เหนื่อยหรอก แค่ก ๆ” ยายตอบพร้อมเสียงไอแทรก ทำให้คะน้าเม้มปากแน่น

“หนูจะพายายกลับก่อนดีไหม เดี๋ยวหนูขายต่อเองก็ได้”

“ไม่ต้องหรอก ยายไม่เป็นไรเดี๋ยวสาย ๆ กว่านี้ก็ขายหมดแล้ว ยายไหว” ยายสมพรยิ้มบางอย่างดื้อ ๆ ตามแบบคนแก่ที่ไม่อยากให้หลานเป็นห่วง

หลังเก็บแผงเสร็จ คะน้าก็ประคองยายสมพรเดินกลับบ้านไม้หลังเล็กทางเดิม เสียงรองเท้าแตะของยายกระทบพื้นปูนเบา ๆ เป็นจังหวะที่เธอคุ้นเคยที่สุดในชีวิต

“ยายพักก่อนนะ วันนี้หนูอยากให้ยายไม่ฝืนเกินไป” เธอพูดขณะวางของไว้ตรงชานบ้าน

“ยายไม่เป็นไรหรอก” ยายหัวเราะเบา ๆ แต่ไอ

“แค่ก… แค่ก…” แทรกขึ้นมาอีกสองครั้ง คะน้าจับแขนยายเบา ๆ ความรู้สึกอุ่นจากผิวมือเหี่ยวย่นของคนที่เลี้ยงเธอมาทั้งชีวิต ทำให้หัวใจของเธอหนักแน่นขึ้นอีกนิด

“ยายสัญญานะ ว่าถ้าไม่ไหวต้องบอกหนู”

“อื้อ..ยายสัญญา” ยายสมพรยิ้มอ่อน ๆ

สองยายหลานคุยกันสักพัก จนกระทั่งคะน้าช่วยเก็บผักเข้าบ้าน ก่อนจะโบกมือลายายสมพรไปรับงานพิเศษที่เธอหาไว้โดยที่ไม่ได้บอกคนเป็นยาย

“ตอนเย็นหนูจะแวะมาอีกนะยาย”

“จ้ะลูก…ระวังตัวด้วยนะ”

เธอเดินออกจากบ้านไม้หลังเล็ก แสงแดดตอนสายส่องลอดช่องไม้ลงบนพื้นดินเป็นลายพราง คะน้าสูดลมหายใจเข้าลึก กำกระเป๋าผ้าแน่น รอยยิ้มอบอุ่นจากยายเมื่อครู่กลายเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ในใจ

“สู้นะคะน้า” เธอพูดเบา ๆ หลังจากส่งยายเข้าบ้านไม้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินออกมาตามถนนอีกสายที่ทอดยาวสู่ป้ายรถสองแถว

แดดยามสายเริ่มแรงขึ้นเล็กน้อย แต่ลมเช้ายังพอมี ความเหนื่อยจากการช่วยยายตั้งแต่เช้าไม่ได้ทำให้เธอหมดแรง ตรงกันข้ามมันกลับทำให้หัวใจของเธอแน่นด้วยแรงผลักดันมากขึ้น

เสียงเครื่องยนต์ของสองแถวดังแผ่วเบาเมื่อจอดเทียบ เธอก้าวขึ้นไปนั่งตรงมุมด้านใน กระเป๋าผ้าพาดบนตัก นิ้วเรียวกำแน่นกับขอบสายสะพาย

“อีกไม่กี่เดือน…ที่นี่จะเป็นของคนอื่นไม่ได้” เธอพึมพำในใจเบา ๆ

รถสองเคลื่อนไปช้า ๆ ผ่านตึกสำนักงานเล็กหลงเฟย จากถนนสายเล็กเข้าสู่ถนนใหญ่ อาคารสูงระฟ้าเริ่มเข้ามาแทนที่บ้านไม้และต้นไม้ริมทาง

เธอไม่รู้เลย…ว่ามีรถอีกคันสีดำสนิทกำลังแล่นตามหลังมาในระยะรถสองแถวมาพอดี

“ครับ คุณเฟย เธอเพิ่งขึ้นรถสองแถวจากตลาด”

“ดี…อย่าให้คลาด” หลงเฟยกดวางสาย เอนหลังกับพนักเก้าอี้ในสำนักงานใหญ่หลงเฟย มุมปากกระตุกขึ้นแผ่วเบา

รถสองแถวแล่นไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ รถสีดำตามหลังห่างพอดี ของใต้ตึกที่เขามองข้ามมันกำลังเริ่มขยับแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน แต่กลับกัน คะน้าเองก็ไม่รู้เลยว่าในเวลาเดียวกันนั้น หลงเฟยกำลังวางแผนจับตามองก้าวทุกก้าวของเธอ
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 159

    หลงเฟยอยู่ในสูทสากลสีดำทรงเฉียบปักลายมังกรทองบาง ๆ ที่ปกเสื้อ ประสานความเป็นจีนกับความเป็นสากลได้อย่างพอดีที่สุด ทันทีที่หลงเฟยเห็นคะน้าเขาหยุดหายใจอีกครั้งในวันเดียว “สวยกว่าพิธีเช้าอีก” ร่างสูงกระซิบเบา ๆ “ก็คุณเลือกชุดให้นี่คะ” คะน้ายิ้ม งานเริ่มด้วยพิธีเปิดตัวบ่าวสาว เดินเข้าสู่เวทีท่ามกลางแ

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 158

    รุ่งเช้าในวันแต่งงานของตระกูลหลง ท้องฟ้าเซี่ยงไฮ้สีฟ้าอ่อนแบบหายาก แสงสว่างลอดผ่านม่านผืนบางในคฤหาสน์ใหญ่ บรรยากาศในบ้านไม่ใช่ความเร่งรีบ แต่เป็นความสงบ อบอุ่น และเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกกุหลาบขาวกับลิลลี่ที่ทีมงานกำลังจัดอยู่ทุกมุม ห้องแต่งตัวชั้นบนถูกเปิดไฟนุ่ม ๆ ช่างแต่งหน้าช่างผมยืนเรียงกันอย่

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 157

    “เดี๋ยวคุณจินก็บินมาแล้ว” “เอาล่ะ เรามาดูชุดเจ้าสาวต่อดีกว่า” หลงเฟยพูดขึ้น พลางเลือกรูปชุดจากโฟลเดอร์ที่ตั้งชื่อว่า kanaa bridal ไว้ “แล้วคุณอยากให้ฉันใส่แบบไหนคะ?” “ที่เธอชอบที่สุด” หลงเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนกำลังตั้งใจจริง “แต่คุณก็ต้องชอบด้วยค่ะ” “คะน้าไม่ว่าชุดไหน เธอก็สวย” เขาส่ายหัวเบา

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 156

    หลังจากสรุปจำนวนแขกและรูปแบบงานได้อย่างสงบที่สุดในรอบเช้าปั่นป่วน ช่วงบ่ายของวันนั้นบรรยากาศในบ้านหลังโต ตระกูลหลงก็เปลี่ยนไปเป็นอีกโลกหนึ่ง ราวกับจากสนามรบกลายเป็นสตูดิโอวางแผนความฝันของคู่รัก… บ่ายวันเดียวกัน ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง คะน้านั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อเถียง แต่เพื่อไล่ดู

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 155

    “คะน้า…” “คะ?” “ฉันตั้งใจรักเธอมากนะ” เสียงกระซิบเบา ๆ ข้างหู ทำให้หัวใจคะน้าสั่นอย่างที่คำหวานเกินไปไม่เคยทำได้ “ฉันก็เหมือนกันค่ะ” เธอยิ้ม หลงเฟยกอดแน่นขึ้นนิด เหมือนยืนยันคำพูดโดยไม่ต้องอธิบายอะไรอีก วันนี้ไม่มีเสียงถกเถียงเรื่องงานแต่งอีกแล้ว จะมีแค่เสียงหัวใจของสองคน ที่กำลังก้าวจากสู้กันเ

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 154

    เสียงของคะน้าดังสะเทือนไปทั้งโถงบ้าน แต่แทนที่หลงเฟยจะเถียงกลับ เขากลับยกมือยอมแพ้ทั้งสองข้างอย่างสงบ เหมือนผู้ชายที่รู้ว่าถ้ายังไปต่อ จะไม่มีทางชนะตั้งแต่ต้น… “ล้อเล่น” หลงเฟยพูดเสียงเบานุ่มจนคะน้าขมวดคิ้ว “ฉันจะไม่บังคับเรื่องจำนวนแขกแล้วให้เราค่อย ๆ คุยกันใหม่ดีกว่า” คะน้าไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ยิ้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status