Share

กลับมาในฐานะเสิ่นเฉิง

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-11-06 07:50:13

ต้าเหนิงเดินกลับเรือนพักว่าด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า ตอนหลังนางไม่ได้ฟังสิ่งที่บิดามารดา และแม่นมถิงหารือกันแม้แต่น้อย นางได้แต่ใคร่ครวญว่าเรื่องราวเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เหตุใดรถม้าของพี่ชายน้องถึงได้ตกเขาไปได้

จื่อหานยังไม่ได้เร่งให้ต้าเหนิงนางเตรียมตัว เขาปล่อยให้นางได้ใคร่ครวญให้ดีเสียก่อน ถึงอย่างไรเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็กะทันหันเกินไป เขาได้แต่ปลอบใจภรรยาอยู่ภายในเรือน

บ่าวไพร่ ในจวนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับเจ้านาย แต่เมื่อเห็นเรือนหลักถูกปิดล้อมด้วยองครักษ์อย่างแน่นหนา ทั้งสีหน้าของพ่อบ้าน แม่นมถิงต่างก็ไม่มีผู้ใดดี ก็ได้แต่ก้มหน้าทำงานอย่างเงียบๆ

ยังดีที่บ่าวส่วนใหญ่รู้ความด้วยจื่อหานเป็นคนที่น่าเกรงขาม บ่าวไพร่ล้วนแต่หวาดกลัวเขา อีกทั้งผู้เป็นนายก็ไม่เคยข่มเหงรังแกบ่าวไพร่ ผู้ใดจะสิ้นคิดขนาดทำให้ตนเองถูกขายออกไป หรือขัดคำสั่งจนถูกโบยจนตายเล่า

ตอนที่ต้าเหนิงเดินกลับมาถึงเรือนพัก นางยังคงไร้สติ แม่นมถิงกับเสี่ยวเหยาช่วยจัดการล้างหน้าให้นาง นางยังดูไร้ชีวิตชีวาตกอยู่ในความคิดของตนเองไม่มีที่สิ้นสุด

“คุณหนู เข้านอนเถิดเจ้าค่ะ หากยังเป็นเช่นนี้ ท่านจะล้มป่วยไปด้วยอีกคน”

“แม่นม ท่านให้เสี่ยวเหยาไปที่เรือนของพี่ชายแล้วเอาตำราของเขามาให้ข้าสักหน่อยเถิด หากไม่รู้ว่าเป็นเล่มไหน ท่านถามกับอาสุ่นเล่มที่ท่านพี่ใช้เรียนในสำนักศึกษา ข้าว่าเขาน่าจะรู้”

“เอ่อ...ตอนนี้ท่านพักก่อนไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ”

“ไม่ ในเมื่อท่านพ่อกำหนดทุกสิ่งไว้แล้ว ข้ามิอาจจะปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ทำอันใดได้” นางส่ายหน้า ในเมื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งใดไม่ได้แล้ว นางก็ควรสวมบทบาทเป็นพี่ชายของนางให้สมจริงที่สุด

ทางสำนักศึกษาหลวงที่เสิ่นเฉิงเข้าเรียนอยู่ เป็นช่วงที่หยุดเรียนพอดี การหายไปของเสิ่นเฉิงจึงไม่มีผู้ใดสงสัยมากนัก ต้าเหนิงก็เก็บตัวอยู่แต่ภายในเรือน เพื่อศึกษาตำราอย่างจริงจัง

นับตั้งแต่เริ่มวางแผนการเปลี่ยนตัวสองฝาแฝด เสิ่นต้าเหนิงก็ต้องเรียนรู้ฝึกคัดตำราเลียนแบบลายมือของเสิ่นเฉิง เพื่อให้ผู้อื่นจับผิดนางได้น้อยที่สุด นางตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง และจะเข้านอนอีกครั้งก็เมื่อยามจื่อ (23.00-01.00 น.) ไปแล้ว

เสิ่นต้าเหนิงจึงถูกจับให้เรียนคู่กับพี่ชายมาโดยตลอด แม้นางมิได้เข้าสำนักศึกษาหลวง แต่ก็นับว่าพอจะมีความรู้อยู่บ้าง ถึงจะไม่เก่งเท่าเสิ่นเฉิง หากเมื่อนำไปเทียนกับคุณหนูจวนอื่นก็นับว่านางเก่งกว่าอยู่สามส่วน

จินเหรินปวดใจยิ่งนัก เมื่อต้องเห็นบุตรสาวของตนทุ่มเทมากถึงเพียงนี้ แต่มันคือหนทางเดียวที่นางจะรักษาครอบครัวของนางเอาไว้ได้ ยิ่งได้เห็นใบหน้าของบุตรสาวที่ซูบผอมลงอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่ถึงเดือน

“เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม อีกสองวันก็จะต้องไปเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวงแล้ว” จื่อหานเอ่ยขึ้นมาในระหว่างที่ทานมื้อเย็นด้วยกัน

“เร็วเพียงนี้เลยหรือท่านพ่อ” ตะเกียบในมือของเสิ่นต้าเหนิงหลุดออกจากมือ

แม่นมถิงเดินเข้าไปเปลี่ยนตะเกียบให้นางเสียใหม่ ก่อนจะเดินเข้าไปเช็ดเสื้อผ้าที่เปื้อนน้ำแกงของนางให้อย่างใส่ใจ หากมีเรื่องสำคัญที่จะต้องพูดคุยกัน จะมีเพียงแม่นมถิงที่อยู่รับใช้เพียงผู้เดียว จึงไม่ต้องกังวลที่จะพูดสิ่งใดออกมา

“สำนักศึกษากลับมาเปิดเรียนเช่นเดิมแล้ว ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องไป” แววตาของเสิ่นจื่อหานมีความกังวลไม่ต่างจากบุตรี จินเหรินเองก็เม้มปากแน่นอย่างกังวล

“แล้ว แล้วบ่าวในจวนจะไม่สงสัยหรือเจ้าคะ ในเมื่อยังไม่เห็นพี่ใหญ่กลับมา แล้วข้าจะต้องกายเช่นพี่ใหญ่ไปสำนักศึกษา”

“พ่อเตรียมการเอาไว้แล้ว เจ้าอย่าได้กังวล ไม่ต้องเคร่งเครียดเกินไป อย่างไรพี่ชายเจ้าก็ไม่ตำหนิเจ้าแน่” แม้ในใจจื่อหานจะหวังให้บุตรชายสอบได้อันดับหนึ่งของจิ้นซื่อ แต่ตอนนี้เขาไม่หวังสูงเพียงนั้นแล้ว ขอเพียงต้าเหนิงนางสอบได้ ได้ที่เท่าใดเขาก็ดีใจแล้ว

“เจ้าค่ะ” นางก้มหน้าลง มองข้าวในชามก็หมดความรู้สึกอยากกินขึ้นมาทันที จึงได้วางตะเกียบลง แล้วรอคอยให้บิดาบอกกล่าวแผนการอย่างเงียบๆ

เช้าวันรุ่งขึ้นรถม้าสามคันเคลื่อนตัวออกจากจวนตระกูลเสิ่นอย่างเงียบๆ ผ่านในรถม้าเป็นคุณหนูเสิ่นที่เดินทางไปพักเป็นเพื่อนท่านปู่ ท่านย่าที่ไม่ได้พบหน้าหลานสาวมานาน

ในตอนเย็นวันเดียวกัน รถม้าของเสิ่นเฉิงก็เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง บุรุษหนุ่มใบหน้างดงามราวสตรี วัยสิบเจ็ดหนาว ก้าวเท้าลงมาจากรถม้าอย่างสง่างาม ข้างกายมีบ่าวอายุไม่ห่างกันมากนักยืนรอรับอยู่ไม่ห่าง

“อาเฉิง นับจากนี้พ่อจะให้เสี่ยวชุนติดตามเจ้า”

“คารวะคุณชายขอรับ” เสี่ยวชุนประสานมือก้มหัวลงอย่างนอบน้อม แต่แววตาของเขาเรียบเฉยราวกับมองทุกสิ่งอย่างไร้ความรู้สึก ใบหน้าของเขายิ่งเรียบเฉยเข้าไปใหญ่ ไม่แสดงออกมาว่ายินดีหรือยินร้ายที่ต้องติดตามนาง

“เอ่อ...” ต้าเหนิงมุมปากกระตุกไม่หยุด นางเงยหน้าขึ้นมองบิดาเพื่อขอคำตอบ

“อ้อ...เสี่ยวชุนเป็นคนของท่านตาเจ้า พ่อเห็นว่าเจ้าควรจะมีองครักษ์ข้างกาย อย่าดูแคลนเสี่ยวชุนเชียว ตาเจ้าบอกพ่อ...ว่าเขาปกป้องเจ้าได้” ประโยคหลังจื่อหานก้มลงกระซิบบอกความกับต้าเหนิง

“คุณชายไม่ต้องกังวล ไม่ว่าเรื่องใดจะไม่มีทางหลุดออกจากปากข้าน้อยเป็นอันขาด” เสี่ยวชุนเห็นความกังวลในแววตาของต้าเหนิง จึงได้เอ่ยออกมา ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะพูดมากกว่าปีที่ผ่านมาเสียอีก

“เอ่อ...ข้าเข้าใจแล้ว”

จื่อหานเป็นห่วงความปลอดภัยของต้าเหนิง แม้คนนอกจะเห็นว่านางเป็นคุณชายเสิ่น ในเมื่อนางต้องไปอยู่ท่ามกลางเหล่าบุรุษ พ่อตาและตนก็เห็นตรงกันว่านางควรจะมีองครักษ์อยู่ข้างกายคอยดูแล จึงได้เลือกเสี่ยวชุนที่มีนิสัยพูดน้อย เยือกเย็นมาอยู่ข้างกายนาง

ด้วยนิสัยของฝาแฝดคู่นี้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เสิ่นเฉิงสุขุม พูดน้อย ส่วนต้าเหนิง นางสดใสร่าเริง ราวกับว่าชีวิตนี้ของนางไม่มีเรื่องใดให้ต้องกังวล จะมีเพียงสิ่งเดียวที่เหมือนกันคือ ใบหน้าของทั้งสอง หากจับแต่งกายเหมือนกัน น้อยคนนักถึงจะแยกออก

แต่ตอนนี้จื่อหานและจินเหรินก็ไม่แน่ใจแล้วเช่นกันว่าจะมีคนแยกสองพี่น้องออกหรือไม่ เมื่อต้าเหนิงนางเติบโตขึ้นมากกว่าเดิมไม่น้อย หน้าอกของนางต้องรัดหลายทบ เพื่อให้แบนราบเช่นบุรุษ ดวงตาก็เย้ายวนราวกับจะล่อลวงให้เล่าบุรุษตกลงมาสู่แทบเท้าของนาง ตอนนี้ต้าเหนิงจึงต้องทำหน้าเย็นชาอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ดูเคร่งขรึมเช่นพี่ชาย

“ลูกคารวะท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ” ต้าเหนิงกดเสียงให้ทุ้มต่ำ

“ท่านปู่กับท่านย่าสบายดีหรือไม่” จื่อหานเดินเข้ามาตบบ่าของนางเบาๆ เพื่อเป็นกำลังให้นาง ด้วยยามนี้มีสายตาของชาวบ้านหลายคู่ที่กำลังมองอยู่ ทำให้นางประหม่าอยู่ไม่น้อย

“สบายดีขอรับ”

“เข้าจวนก่อนเถิด” จินเหรินทนมองต่อไปอีกไม่ได้ นางกลัวว่านางจะร้องไห้ออกมาเสียก่อน

สามคนพ่อแม่ลูกใช้เวลาอยู่ภายในห้องโถงด้วยกัน ราวกับว่ากำลังสอบถามเรื่องที่เสิ่นเฉิงเดินทางไปซีเจียงเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของท่านผู้เฒ่าเสิ่นทั้งสอง

รถม้าที่เดินทางออกไปเมื่อเช้าเป็นเสี่ยวเหยาที่เดินทางเอาของไปมอบให้คนตระกูลเสิ่น และแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นของเสิ่นเฉิง เพื่อให้คนทางซีเจียงจับตาดูให้อีกแรงหนึ่ง ต้าเหนิงที่นั่งรถม้าตามไปคันหลังก็เดินทางย้อนกลับมากลับมาพร้อมแม่นมถิงและเสี่ยวชุน

ต้าเหนิงย้ายมาอยู่ที่เรือนพักของเสิ่นเฉิงหลังจากที่กลับเข้ามาในจวน ตอนนี้นางคือเสิ่นเฉิง ไม่ใช่ต้าเหนิงอีกต่อไป ข้าวของภายในห้องก็เป็นของพี่ชายทั้งสิ้น มีเพียงแม่นมถิงและเสี่ยวชุนที่คอยรับใช้อยู่ข้างกาย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใต้เท้าเสิ่น เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้   ลิ้มลองสุราเป็นครั้งแรก

    ด้านข้างของเต๋อซิ่วยังมีหลี่มู่เฉียงองค์ชายสี่ และหลี่ตงฟู่ซื่อจื่อ เดินมาหยุดอยู่ไม่ห่างจากนางอีกด้วย ต้าเหนิงทำได้เพียงก้มหน้าเม้มปากไว้แน่น ท่าทางของนางราวกับลูกกระต่ายที่กำลังถูกหมาป่าฝูงใหญ่ล้อมเอาไว้อย่างหมดหนทางหนี แม้แต่จะเก็บอารมณ์ให้สุขุมเช่นเดิมนางก็ทำไม่ได้“มิได้พ่ะย่ะค่ะ หะ หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ขะ ข้า ข้าขอตัวก่อน” นางรีบหันหนีเพื่อจะเดินออกจากตรงนี้ไปให้เร็วที่สุด“ช้าก่อน จะรีบไปไหน ข้าเองก็อยากจะสนทนากับเจ้า” เต๋อซิ่วดึงคอเสื้อของต้าเหนิงเอาไว้จนนางเสียหลักจะล้มไปใส่ตัวเขา ยังดีที่เสี่ยวชุนเข้ามารับตัวนางเอาไว้ได้เสียก่อน ร่างของต้าเหนิงจึงตกไปอยู่ที่ตัวของเสี่ยวชุนแทนเสี่ยวชุนประคองร่างของต้าเหนิงให้ลุกขึ้นทรงตัวดีแล้ว จึงได้คุกเข่าลงตรงหน้าของเต๋อซิ่ว“องค์ชายห้าโปรดยั้งมือ คุณชายของบ่าวเพิ่งจะเดินทางกลับมาจากเมืองซีเจียง ร่างกายผ่ายผอมลงไปไม่น้อย หากล้มลงจนได้รับบาดเจ็บ บ่าวเกรงว่าอาการของคุณชายจะยิ่งแย่ไปกว่าเดิมพ่ะย่ะค่ะ”“หึ เจ้าเป็นเพียงบ่าว แต่กล้าเข้ามาขวางหน้าข้าไว้ คุณชายเสิ่นช่างบอบบางเสียจริง มิรู้ว่าชั้นเรียนกระบี่ยามบ่ายนี้จะทนรับการฝึกได้หรือไม่” มุมปาก

  • ใต้เท้าเสิ่น เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้   มีแต่คนที่ล่วงเกินไม่ได้

    ต้าเหนิงลุกขึ้นไปดึงชายเสื้อของซูกวนเอาไว้ เพื่อไม่ให้เขาต่อปากต่อคำกับกลุ่มของเว่ยซีหมิ่น“พวกท่านกล่าวไม่ผิด ข้าเดินทางไปแสดงความกตัญญูต่อท่านปู่ ท่านย่าครั้งนี้ลำบากไม่น้อยเลย ร่างกายจะผ่านผอมลงไปก็เห็นจะไม่แปลก ที่แปลกคงเห็นจะเป็นความคิดของพวกเจ้า ที่ไม่เอาเวลาไปสนใจอ่านตำรา แต่กลับสนใจเรือนร่างของผู้อื่น” แววตาของนางเรียบเฉยเสียงที่ปรับให้ทุ่มต่ำ กังวานไพเราะกว่าเสียงของเสิ่นเฉิงมากนักใบหน้าของทุกคนที่ได้ยินเริ่มบิดเบี้ยวอย่างไม่น่าดู เป็นจริงที่เสิ่นต้าเหนิงพูด นางกำลังพูดว่าพวกเขา เอาแต่เวลามายุ่งเรื่องของผู้อื่นไม่สนใจอ่านตำรา เพื่อเตรียมตัวสอบ“หึหึ วาจาของคุณชายเสิ่นช่างเฉียบขาดนัก ตัวข้าซื่อจื่อ ก็เพิ่งเคยได้ฟังเป็นคราแรกเช่นกัน” เสียงตบมือของหลี่ตงฟู่ ซื่อจื่อตำหนักสู่อ๋องดังขึ้นทันทีที่ต้าเหนิงพูดจบตงฟู่ ยืนฟังอยู่นานแล้ว เขาเองก็อยากจะเห็นว่าเสิ่นเฉิงที่สูงส่งไม่สนใจผู้ใด คิดจะตอบโต้เว่ยซีหมิ่นกลับหรือไม่ ยามที่อ้าปากตำหนิเว่ยซีหมิ่นออกมา ตงฟู่ที่ไม่ค่อยเห็นเสิ่นเฉิง แสดงอารมณ์มากนักก็แปลกใจมากเช่นกันหากพิจารณาตามที่เว่ยซีหมิ่นว่า ร่างกายของเสิ่นเฉิงก็ดูจะเปลี่ยนแปลงไ

  • ใต้เท้าเสิ่น เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้   เข้าเรียนวันแรก

    เสิ่นต้าเหนิงยังต้องคัดตำราและทบทวนตำราก่อนนอนอีกสองชั่วยาม ไม่ว่าอย่างไรตัวอักษรของนางก็ไม่อาจสู้เสิ่นเฉิงได้ ทำได้เพียงแค่คล้ายคลึงสามส่วนเท่านั้นสองมือของนางเท้าอยู่ที่แก้ม แววตาของนางเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างจากไร้จุดหมาย นางคัดตัวอักษรโดยมีตำราที่เสิ่นเฉิงเคยคัดลอกเอาไว้วางอยู่บนโต๊ะ มาได้เกือบชั่วยามแล้ว“หากเหนื่อยแล้ว เข้านอนดีหรือไม่เจ้าคะ” แม่นมถิงเอ่ยถามอย่างเห็นใจ แม้คุณหนูจะต้องเรียนคู่กับคุณชายมาตั้งแต่เล็ก แต่นางก็ไม่เคยต้องทนคัดตำรา อ่านตำรามากเพียงนี้มาก่อน“ไม่ได้ ข้ายังไม่อาจเขียนได้เหมือนท่านพี่จะหยุดมือมิได้ แม่นม...ข้ากลัว กลัวว่าข้าไม่อาจสุขุมได้เหมือนท่านพี่ แล้วจะถูกจับได้” นางอดที่จะสั่นสะท้านออกมาไม่ได้ เมื่อนึกถึงความลับของพวกนางสองพี่น้องถูกเปิดเผยออกไป“อย่าเพิ่งกังวลไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องราวยังไม่เกิดขึ้น คุณแม่ของบ่าวรู้ดีว่าควรทำเช่นไร” ฝ่ามือที่อบอุ่นของแม่นมถิงปลอบประโลมนางไปด้วย“แต่ข้าไม่คุ้นชินกับสหายของท่านพี่เลยสักคน”“สหายของคุณชายที่สนิทก็มี คุณชายเหอ คุณชายโจว ท่านเพิ่งแค่พูดคุยกับทั้งสองเล็กน้อยเท่านั้นก็พอ”เสิ่นต้าเหนิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เ

  • ใต้เท้าเสิ่น เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้   กลับมาในฐานะเสิ่นเฉิง

    ต้าเหนิงเดินกลับเรือนพักว่าด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า ตอนหลังนางไม่ได้ฟังสิ่งที่บิดามารดา และแม่นมถิงหารือกันแม้แต่น้อย นางได้แต่ใคร่ครวญว่าเรื่องราวเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เหตุใดรถม้าของพี่ชายน้องถึงได้ตกเขาไปได้จื่อหานยังไม่ได้เร่งให้ต้าเหนิงนางเตรียมตัว เขาปล่อยให้นางได้ใคร่ครวญให้ดีเสียก่อน ถึงอย่างไรเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็กะทันหันเกินไป เขาได้แต่ปลอบใจภรรยาอยู่ภายในเรือนบ่าวไพร่ ในจวนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับเจ้านาย แต่เมื่อเห็นเรือนหลักถูกปิดล้อมด้วยองครักษ์อย่างแน่นหนา ทั้งสีหน้าของพ่อบ้าน แม่นมถิงต่างก็ไม่มีผู้ใดดี ก็ได้แต่ก้มหน้าทำงานอย่างเงียบๆยังดีที่บ่าวส่วนใหญ่รู้ความด้วยจื่อหานเป็นคนที่น่าเกรงขาม บ่าวไพร่ล้วนแต่หวาดกลัวเขา อีกทั้งผู้เป็นนายก็ไม่เคยข่มเหงรังแกบ่าวไพร่ ผู้ใดจะสิ้นคิดขนาดทำให้ตนเองถูกขายออกไป หรือขัดคำสั่งจนถูกโบยจนตายเล่าตอนที่ต้าเหนิงเดินกลับมาถึงเรือนพัก นางยังคงไร้สติ แม่นมถิงกับเสี่ยวเหยาช่วยจัดการล้างหน้าให้นาง นางยังดูไร้ชีวิตชีวาตกอยู่ในความคิดของตนเองไม่มีที่สิ้นสุด“คุณหนู เข้านอนเถิดเจ้าค่ะ หากยังเป็นเช่นนี้ ท่านจะล้มป่วยไปด้วยอีกคน”“แม่นม ท่านให

  • ใต้เท้าเสิ่น เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้   พ่อจะพาพี่ชายเจ้ากลับมา

    เพียงไม่นาน พ่อบ้านก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน เขาคุกเข่าลงตรงหน้าของจื่อหาน เนื้อตัวสั่นเทาหวาดกลัวยิ่งนัก“นายท่าน เจอรถม้าขอรับ แต่ไม่พบร่างของคุณชาย”“ฮือออออ” เสียงร้องของมารดากับแม่นมถิงดังขึ้นมาพร้อมกัน“ท่านแม่!!!” ต้าเหนิงประคองมารดาเอาไว้ ยามนี้นางตกใจจนหมดสติไปแล้ว“ไปตามหมอมา!!!” เขาเสียบุตรชายไปแล้ว จะเสียภรรยาอีกไม่ได้“แล้ว...จะให้ข้าน้อยจัดการเช่นใด” ตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นยังไม่มีผู้ใดรู้ แม้ชาวบ้านที่เห็นรถม้าของเสิ่นเฉิงตกลงไปก็ไม่รู้ว่าเป็นรถม้าของผู้สูงศักดิ์ท่านใด“ปิดข่าวไว้ จัดการให้เรียบร้อย ทิ้งคนให้ออกตามหาโดยรอบ หากตายต้องเห็นศพ หากเป็นต้องเห็นคน” จื่อหานถอนหายใจออกมา ในเมื่อไม่เห็นร่างของบุตรชายในรถม้า ย่อมต้องมีความหวัง ไม่แน่อาจจะมีคนช่วยเหลือบุตรชายเอาไว้ก็ได้“เหนิงเออร์ เรื่องนี้อย่าเพิ่งพูดออกไป เจ้าอยู่ดูแลท่านแม่ของเจ้า พ่อจะออกไปจัดการเรื่องพี่ชายของเจ้าก่อน”“ท่านพ่อ พี่ชาย...ท่านจะพาพี่ชายกลับมาใช่หรือไม่เจ้าคะ” ดวงตาของนางเอ่อคลอไปด้วยน้ำ ก่อนจะไหลออกมาราวกับไข่มุกเม็ดงามที่ร่วงหล่นไม่ขาดสาย“ใช่ พ่อจะพาพี่ชายเจ้ากลับมา” จื่อหานลูบหัวบุตรสาวอย่างร

  • ใต้เท้าเสิ่น เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้   บทนำ

    เฮือก!!!เสิ่นต้าเหนิง บุตรสาวฝาแฝดของเสนาบดีเสิ่น เสิ่นจื่อหานกับหลัวจินเหริน บุตรีแม่ทัพใหญ่หลิว ต้าเหนิงลูบหน้าอกที่ยังสั่นสะท้านไม่เลิก หวังว่าจะปลอบประโลมให้มันสงบลงได้บ้างเมื่อครู่ก่อนที่นางจะสะดุ้งตกใจจนตื่น นางฝันเห็นพี่ชายฝาแฝด เสิ่นเฉิง รถม้าของเขาตกลงไปในหน้าผา นางได้แต่ภาวนาว่าสิ่งที่นางฝันมันคงไม่เกิดขึ้นตัวพี่ชายของนางเพียงเดินทางไปไปเยี่ยมท่านปู่ ท่านย่าที่เมืองซีเจียง ทางทิศตะวันตกของแคว้นต้าหลี่ บ้านเดิมของเสิ่นจื่อหานผู้เป็นบิดา มิได้เดินทางไปเสี่ยงอันตรายอันใดเสียหน่อยเมื่อคิดได้เช่นนั้น จิตใจที่ฟุ้งซ่านก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ฟ้าด้านนอกยังไม่สว่างดี นางจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ไม่ว่าทำเช่นใดก็ไม่อาจข่มตาหลับได้ ได้แต่นอนเหม่อมองเพดานห้องอย่างกังวลสองพี่น้อง นับตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาก็ไม่เคยจะห่างกันเลยสักครั้ง ต่อให้นางหรือเสิ่นเฉิงจะป่วยหนักเพียงใด ด้านข้างของสองพี่น้องก็จะมีอีกคนอยู่ด้วยเสมอ นางจึงได้เป็นห่วงเขามากยิ่งนักต้าเหนิง ไม่อาจสงบใจให้นอนต่อได้ นางจึงได้ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง เสี่ยวเหยาสาวใช้ข้างกาย เมื่อได้ยินเสียงภายในห้องเคลื่อนไหว นางก็เดินเข้ามาดู“คุณหน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status