บทที่ 6
“เบื่อว่ะ!” น้ำเสียงติดหงุดหงิดของศิลาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องทำงาน ปัง “แล้วมึงจะมาเพื่อ!” เขตแดนทุบโต๊ะทำงานอย่างหัวเสีย เขานั่งฟังเพื่อนตัวเองพูดคำนี้มาจะสามชั่วโมงแล้ว ‘เขตแดน’ หนุ่มหล่อนักธุรกิจหน้าใหม่ เจ้าของแพลตฟอร์มเกมตัวใหม่ล่าสุดที่กำลังฮิตติดกระแส เพื่อนรักเพื่อนตายของศิลา ทั้งคู่สนิทกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย ตั้งแต่เขตแดนยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ปากกัดตีนถีบขยันทำงานส่งตัวเองเรียน แม้ศิลาจะยื่นมือเข้าไปช่วยสักกี่ครั้งเขาก็จะปฏิเสธอยู่เสมอ จนตอนนี้เป็นโปรแกรมเมอร์ สตรีมเมอร์และผลิตแพลตฟอร์มต่าง ๆจนมีชื่อเสียงโด่งดัง “กูไม่รู้จะไปไหน” “เข้าบริษัทสิ มาหากูทำไม” คิ้วเข้มขมวดหมุ่น “หรือไม่ก็อยู่ปั๊มลูกที่บ้าน” “หึ พูดอะไรไร้สาระ” ศิลาตอบกลับทันควัน “หน้าแบบนั้น… เดินมาแก้ผ้าต่อหน้ากูยังไม่มีอารมณ์เลย” “มึงก็อคติเกิน ถ้าหน้าตาแบบนั้นมึงไม่มีอารมณ์ชาตินี้สเปิร์มมึงก็ไม่ได้ออกมาจากท่อนซุงของมึงหรอก!” เขตแดนพูดตามความจริง เขาพอจะรู้อยู่บ้างว่าเพื่อนตัวเองไม่ได้ต้องการเจ้าสาวคนนี้ เพราะผู้หญิงที่มันอยากได้คือลานิลลูกสาวคนสวยของรัลยา ไม่รู้ว่ามันไปชื่นชอบอะไรผู้หญิงที่ติดหรูและเย่อหยิ่งแบบนั้น ในสายตาเขตแดนเขามองว่าอัญญาสวยและวางตัวได้ดีกว่าลานิลเป็นไหน ๆ เพียงแค่อัญญาไม่เคยออกหน้าออกตาในสังคมเหมือนอีกคน ทำให้ไม่มีใครมองเห็นว่าเธอเองก็สวยไม่แพ้ลานิล “กูไม่ชอบหน้าว่ะ” “ทำไม” “กูไม่รู้” “เอ้า มึงไม่ลองทำความรู้จักก่อนละวะ เผื่อมึงเปลี่ยนใจหันมารักเขาจริง ๆ ขึ้นมาเหมือนในละครไง” “ตลก” ศิลาส่ายหัว “กูพูดได้เลยว่ากูไม่มีทางรักผู้หญิงคนนั้นแน่นอน” “อย่าพึ่งมาปากดีตอนนี้ ถ้าในอนาคตมึงรักเขาขึ้นมาจริง ๆ จะได้ไม่ต้องมากลืนน้ำลายตัวเองทีหลัง” “กูพูดจริง กูรักยัยนั่นไม่ลง” แค่นึกถึงหน้าขาว ๆ กับตาปูดโปนของอัญญา เขาก็รู้สึกหงุดหงิดมากกว่าที่เป็น “เชื่อกูเพื่อน อย่าพึ่งพูด” ตาคมตวัดมองหน้าเพื่อนพร้อมกับชูนิ้วกลางใส่ “แล้วเป็นไง” “อะไร” “แม่มึงอะ ว่าไงบ้าง” เขตแดนถามเพราะเขารู้ว่าปานวาดแม่ของศิลา เกลียดคนที่ต้อยต่ำทางฐานะมากกว่าบ้านตัวเองมากแค่ไหน “รับได้หรอ” “พ่อสั่งซะอย่าง แม่กูจะทำอะไรได้วะ ขนาดกูบอกว่าจะไม่ไปฮันนีมูนกับยัยนั่นยังจะหักหุ้นกูเลย” “เท่าไร” “สิบเปอร์เซ็น” “กระจอก” “กระจอกเหี้ยไรล่ะ กูอุตส่าห์ช่วยดูแลงานของพ่อมาตั้งกี่ปี ช่วยมาตั้งกี่อย่าง งานดีงานดำงานขาวงานเทาก็ช่วยทุกอย่าง แม่งเห็นยัยนั่นดีกว่ากู!” ศิลาพูดรัว ๆ เขาหงุดหงิดเกินกว่าที่จะระงับสติอารมณ์ตัวเองได้ ไม่รู้ว่าถ้าอยู่บ้านอัญญาจะมาเคาะห้องเขาเหมือนเมื่อวานไหม ตอนนี้เขาไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง แม้แต่เงาก็ไม่อยากจะพบเจอ เธอทำตัวเหมือนคนไม่รับฟังอะไร บอกให้ทำอีกอย่างกลับทำอีกอย่าง ตอนที่เธอไม่ปฏิเสธคำเชิญชวนของผู้เป็นพ่อ ศิลาโมโหจนแทบจะบ้า “ลุงอัคคีคงรักลูกสะใภ้น่าดู” “แต่กูไม่รักไง” “แล้วยังไงวะ แต่งไปแล้วมึงทำอะไม่ได้ นอกจากมึงต้องเร่งผลิตทายาท” เขตแดนพูดติดตลก เขาถูกสายตาคมดุมองอย่างคาดโทษ “ผู้หญิงบ้าอะไร อยากได้กระทั่งผัวพี่ตัวเอง” ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งไม่ชอบอัญญา หน้าตาใสซื่อแต่ข้างในกลับสกปรก “อยากได้กูมากเลยหรอวะ” “มึงก็สนองให้เขาซะสิ” “ยุนักมึงก็ไปทำเอง!” “พูดจริงไหม สวย ๆ แบบนั้นสเปคกูเลยนะ” ยิ้มมาดร้ายของเขตแดนปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา “อยากได้ก็เอาไปดิ กูพร้อมเซ็นใบหย่าให้ตอนนี้เลย” “ขนาดนั้นเลยหรอวะ” เขตแดนเลิกคิ้วถาม “เกลียดอะไรเขาขนาดนั้น” “เกลียดที่มันทำให้ลานิลหายตัวไป ดีไม่ดียัยนั่นแหละที่เป็นตัวบางการ” “กล่าวหาคนอื่นแบบไม่มีหลักฐานเนี่ยนะ” “ทำไมต้องมี ลานิลหายตัวไปก่อนวันแต่งแค่วันเดียว แล้วยัยนั่นก็บังเอิญได้มาแทนที่แบบนี้หรอวะ มันเหมาะเจาะเกินไป” “กูว่ามึงคิดมากเอง” เขตแดนตอบ “ทุกอย่างมันอาจจะบังเอิญจริง ๆ ก็ได้” “เสียใจด้วย ที่กูไม่เชื่อ” เขตแดนส่ายหัวอย่างเอือมระอากับความคิดของผู้ชายตัวโต คนอย่างศิลาไม่น่าโง่เรื่องพวกนี้แต่คงเป็นเพราะอยู่กับสายงานพวกนี้ ทำให้เขาระแวงและมองอัญญาไม่ดีไว้ก่อน “แล้วมึงจะกลับตอนไหน” “ไม่อยากกลับ” ศิลาตอบ เอนหลังพิงพนักโซฟา “กูโคตรเบื่อหน่ายเลย” “เออ พูดอยู่ได้ พูดแต่คำเดิม ๆ ยังไงมึงก็ต้องกลับไปเจอกับอัญญาอยู่ดี เชื่อกู ทางเดียวที่มึงจะมองเธอในแง่ดีคือเปิดใจคุยกับเธอซะ” “ฝันไปเถอะ กูไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้น” “แล้วชอบแบบไหน ลานิลน่ะหรอ?” “กูก็ไม่ได้ชอบ แค่ยัยนั่นดูฉลาด น่าจะช่วยดูแลงานกูได้” “มึงก็ให้เมียมึงช่วยได้นี่” “ไม่” “ไอ้เวร แบบไหนก็ไม่เอา เอาแต่เกลียดเขาทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิด!” “เรื่องของกู” ศิลาลุกขึ้นยืน สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงตัวแพงของตัวเอง “กลับ?” “เออ รำคาญมึง!” เขตแดนเบะปากใส่ ส่วนอีกคนแค่หยักไหล่ตอบกลับก่อนจะพาตัวเองเดินออกมาจากห้องทำงาน ศิลาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายตลอดทาง พนักงานหลายคนทยอยเก็บของกลับบ้านแต่ก็ไม่ลืมที่จะก้มหัวทักทายศิลา ทุกคนในที่นี้รู้ดีว่าทั้งศิลาและเขตแดนเป็นเพื่อนสนิทกัน จึงเคารพทั้งคู่เหมือนกัน“ไปร์ทอยากกลับบ้านแล้ว” ลูกชายคนเล็กหยุดร้องไห้แล้วก็งอแงอยากกลับบ้านทันที“ไป งั้นเรารีบกลับกันดีกว่าเนอะ” ศิลาพูดแล้วเอื้อมจับมือกับสมายด์จูงมือกันเดินไปที่รถ ส่วนอีกข้างยังคงอุ้มสไปร์ทเอาไว้ด้วยอัญญาเดินตามมาติด ๆพาเด็ก ๆขึ้นนั่งรถประจำที่ สไปร์ทจะนั่งข้างหน้ากับพ่อของเขาตลอด ส่วนสมายด์จะนั่งกับอัญญาเป็นประจำ“เมื่อกี้เขาผลักพี่มายด์แล้วก็มาผลักไปร์ทด้วย” เด็กแสบฟ้องพ่ออีกรอบ “ดูเข่าไปร์ทสิ เป็นแผลเลย”“เข่าพี่ก็เป็น” สมายด์ชี้บอกบ้าง“ของพี่มายด์เป็นนิดเดียว ของไปร์ทเลือดไหลถึงตรงนี้เลย เจ็บมาก”“พี่ก็เจ็บ”“พี่ไม่สู้เขาอะ ไปร์ทเลยต้องสู้แทน” เด็กทั้งสองคุยกัน “ถ้าเขามาแกล้งพี่มายด์อีกบอกไปร์ทเลยนะ”“จะไปทำอะไรเขาฮะ” ศิลาหัวเราะชอบใจเอื้อมมือขยี้หัวลูกชายตัวเอง“ไปร์ทจะต่อยหน้าเขาเลย”“ทำแบบนั้นไม่ได้สิ” อัญญารีบพูดแทรก “ถ้าเขาแกล้งก็ให้ไปบอกครูไม่ก็มาบอกพ่อกับแม่สิ”“แม่มาช้า ครูตรงนั้นก็ไม่มีนี่นา ไปร์ทเลยทำเอง”“รอบหน้าก็อย่าทำแบบนี้นะ ถ้าเจ็บตัวมากกว่านี้ขึ้นมาจะทำยังไง ไม่กลัวพ่อกับแม่เสียใจเหรอ”“ไม่ทำก็ได้” ไปร์ทเบะปากคว่ำลง “ไหนลูกอมไปร์ท”“ย่าไม่ให้กิน” เด็กแสบแบมือขอลูกอ
ตอนพิเศษ #เด็กแสบ “เอามาเดี๋ยวนี้เลย!” เสียงของเด็กผู้หญิงวัยเจ็ดปีกำลังตะคอกใส่เด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง เด็กผู้หญิงผมยาวที่ถูกมัดรวบไว้ทั้งสองข้าง กำลังยืนเท้าเอวหน้าตาบึ้งตึง เพราะถูกเด็กตรงหน้าขโมยเอากระเป๋าดินสอของตัวเองไป พอตามมาเอาคืนก็ไม่ยอมคืนให้เสียอย่างนั้น “เอามาสิ!” เธอพูดอีกรอบคิ้วขมวดหมุ่น “ไม่ให้!” แต่เด็กผู้ชายคนนั้นตอบกลับมาเสียงดังทั้งยังผลักตัวเธอจนล้มลงหงายหลัง “โอ๊ย!” สมายด์ล้มลงก้นกระแทกพื้น ความเจ็บแล่นแปลบขึ้นมา น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสอง ส่งเสียงร้องไห้เสียงดัง แต่คนตรงหน้ากลับหัวเราะเยาะชอบใจ “ทำอะไรน่ะ!!” เด็กผู้ชายวัยห้าขวบวิ่งเข้ามาหาพี่สาวที่นั่งร้องไห้อยู่กับพื้น จับมือที่ถลอกและมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อยขึ้นดู จากที่ปกติมีสีหน้าบึ้งตึงอยู่แล้ว ตอนนี้คิ้วเข้มทั้งสองขมวดเข้าหากันแน่น ลุกขึ้นจ้องหน้าคนที่แกล้งพี่สาวตัวเองเขม็ง “แกล้งพี่มายด์ทำไม!!” “ไปร์ทไม่ต้อง ฮึก” พี่สาวเอ่ยบอกน้องชายตัวเองที่ยืนประจันหน้าเด็กโต แม้ตัวเองจะโกรธที่ถูกรังแกแต่ไม่อยากให้น้องโดนไปด้วย “ทำพี่มายด์ทำไม!” สไปร์ทยืนกอดอกจ้องหน้าอีกคน “นายใช่ไหมที่ขโมยของพี่เราไป!!”
ตอนแรกเขาคิดว่าคงไม่มีวันที่ทั้งสองคนจะได้กลับมารักกันอีกครั้งเสียแล้ว พอมาลองนึกถึงการกระทำต่าง ๆของตัวเอง เขาไม่น่าให้อภัยจริง ๆนั่นแหละ หวั่นใจและเกือบถอกใจนับครั้งไม่ถ้วนแต่เพราะไม่อยากให้เธอต้องกลายเป็นคนของคนอื่น ไม่อยากให้ใครเข้ามาดูแลเธอแทนเขา ไม่อยากให้ใครเข้ามาทำหน้าที่พ่อ ไม่อยากให้ลูกเอ่ยเรียกคนอื่นว่าพ่อเขาเลยพยายามลองมันอีกครั้ง ทั้งที่ที่ผ่านมาใจกล้าที่จะทำร้ายและพูดจาด่าทอไล่เธอสารพัด แต่พอถึงเวลาตามง้อจริง ๆความกล้าในใจกลับไม่หลงเหลืออยู่กลัวไปหมดซะทุกอย่างแต่วันนี้เขาได้มาอยู่ข้างเธอแล้ว เพราะเขากล้าที่จะปกป้องอัญญา กล้าที่จะใช้ชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อให้เธอและลูกในท้องปลอดภัย ถึงแม้ว่าเขาควรจะได้รับการลงโทษที่มากกว่านี้ เพราะทำกับอัญญาไว้เยอะมากแต่เธอก็พร้อมที่จะให้อภัย เพียงเพราะคำว่ารักเพียงคำเดียวอัญญารักเขาสุดหัวใจ รักครั้งแรกและพวงด้วยตำแหน่งพ่อของลูก มันเลยทำให้เธอตัดใจจากเขาไม่ได้สักที นอกจากหลอกตัวเองว่าไม่รักเขาแล้วก็เท่านั้น พยายามลองเปิดใจให้เลย์มากเท่าไรก็เหมือนว่ายิ่งปิดกั้นหัวใจตัวเองแต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง ว่าหัวใจของเธอไม่เคยกลายเป็นของใครน
บทที่ 67 “เจ็บไหม” ศิลาเอ่ยถามภรรยาตัวเองที่นอนสบตากับเขาอยู่บนเตียง อัญญายิ้มให้พลางส่ายหน้า ตั้งแต่ตื่นมาเห็นก็เห็นศิลานั่งอยู่ข้างกายแล้ว เขาคอยถามเธอเสมอว่าเจ็บตรงไหน ต้องการอะไรให้บอกเขาได้เลย ดูเป็นห่วงเธอไปหมดซะทุกอย่าง มือหนากอบกุมมือเล็กของเธอเอาไว้ เขาจับมันขึ้นมาแนบที่หน้า เอียงคอซบมันไว้ราวกับว่ามันคือหมอนใบโตที่ทำให้เขาหลับสบายเสียงอย่างนั้น “อีกนานไหมคะกว่าลูกเราจะออกมา” อัญญาถามเสียงเบา เธออยากเจอลูกใจจะขาด “ไม่นานหรอก พอเขาแข็งแรงเดี๋ยวพยาบาลก็พามา อดทนรออีกหน่อย’ “แต่ลูกยังไม่ได้กินนม” “ยังไม่ถึงเวลาเลย ใจเย็น ๆนะ ไม่ต้องคิดมาก” อัญญาพยักหน้ารับเธอฉีกยิ้มออกมาให้กับเขา ถึงยังไม่เจอหน้าลูกแต่ก็อุ่นในที่มีศิลาอยู่ข้างกาย ครืด~ “ขออนุญาตนะคะ พาน้องมากินนมคุณแม่ค่ะ” เสียงพยาบาลดังขึ้นทันทีที่ประตูเปิด อัญญาทำตาโตสบตากับศิลาด้วยความดีใจ ศิลาลุกขึ้นยืนมองรถเด็กน้อยที่มีลูกของตัวเองนอนอยู่ในนั้น เขาขยับกายดีดดิ้น ลืมตามองไปมา ดูแข็งแรงไม่เหมือนเด็กที่ควรอยู่ในตู้อบ เพียงแค่ตัวเล็กมากเกินไปแค่นั้น พยาบาลอุ้มตัวเด็กขึ้นแล้วส่งให้กับอัญญา ความรู้สึกของ
ศิลาวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลหน้าตาตื่น เขาวิ่งอย่างเร็วไม่สนใจใคร เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วทางเดิน หัวใจเต้นระรัวราวกับมีคนเข้ามาตีกลองอยู่ด้านในปานวาดโทรตามลูกชายทันทีที่พยาบาลแจ้งไปทางเธอ เพราะพยายามติดต่อหาศิลาเท่าไรก็ไม่รับสาย เพราะตอนนั้นกำลังประชุมและมันเป็นเบอร์แปลกเขาจึงปล่อยผ่าน ลืมคิดไปว่าอาจเป็นเบอร์ของโรงพยาบาลเขาวิ่งมาจนถึงห้องที่อัญญากำลังทำการผ่านคลอดอยู่ด้านใน เขารีบวิ่งไปหยุดอยู่หน้าประตู มองลอดผ่านช่องกระจกน้อย ๆเข้าไป เห็นอัญญาถูกใส่เครื่องช่วยหายใจ มีหมอพยาบาลอีกหลายคนยืนล้อมรอบตัวเธอภาพที่เธอนอนหลับตาพริ้มพร้อมกับเครื่องช่วยหายใจ มันบีบรัดหัวใจเขาไปหมด ศิลาน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาเสียดื้อ ๆมือสั่นตัวสั่นไปด้วยความกลัว ลืมความเหนื่อยไปหมดสิ้น“ศิลานั่งก่อนนะลูก” ปานวาดเข้าดึงตัวแขนลูกชาย เขาถอยออกมาตามแรงของแม่ “อัญญาไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อแม่สิ”“อัญเป็นอะไรครับ” เขาถามน้ำตาไหลออกมาเรื่อย ๆ“ปากมดลูกเปิดกว้าง หมอบอกว่าอัญได้รับยาระงับการคลอดมากเกินไปแล้ว หากยังต้องใช้ยาอีกมันจะเป็นอันตรายต่อเด็กและตัวแม่เอง”“…”“เลยต้องทำการผ่าคลอดเร่งด่วน”“ทำไมคลอดธรรมชาติไม่ได้” เขาเคย
บทที่ 66 “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้นะคะ” อัญญาเอ่ยบอกศิลาที่กำลังนั่งซักผ้าเช็ดตัวให้เธอในห้องน้ำ “ไม่เป็นไร อัญนอนพักเลย” เขาตอบกลับมาแบบนั้นก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ต่อ อัญญายิ้มให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะนอนหลับตาเพื่อพักผ่อนต่อ มือลูบท้องกลม ๆของตัวเองไปด้วย ศิลานอนเฝ้าเธอทุกวันตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาหา ทำความสะอาดร่างกาย เช็ดปัสสาวะและอุจจาระให้เองตลอด อาบน้ำแต่งตัวเขาก็ทำให้เธอทุกอย่าง และทำอย่าสงสม่ำเสมอไม่บกพร่องเลย เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือนนิด ๆอัญญายังคงนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเช่นเคย ตอนนี้สามารถขยับร่างกายได้บ้างแล้วแต่ยังเคลื่อนที่เร็ว ๆไม่ได้ เพราะอาจทำให้ปากมดลูกเปิดอีก ศิลาอยู่เป็นเพื่อนคุยเล่นปลอบใจอยู่ตลอด ไม่เคยหายไปไหนนาน ๆ เขาจะบอกตลอดว่าเป็นห่วงอัญญามากขนาดไหน บอกรักเธอทุกวัน ดูแลดีอย่างคาดไม่ถึง ครืด ครืด ครืด อัญญาเหลือบมองตามเสียงโทรศัพท์ หน้าจอโชว์ชื่อของเลขาคนสนิทศิลา “พี่ศิลาคะ โทรศัพท์ค่ะ” เธอร้องบอก ศิลาเดินขมวดคิ้วเข้ามาหา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย สีหน้าเคร่งเครียดนิดหน่อย เขาถอนหายใจเสียงดังก่อนจะตัดสายทิ้ง “มีอะไรหรือเปล่าคะ” อัญญาถามเขา “มีป