#มหาวิทยาลัย
"ซื้อขนมมาให้ หวังว่าจะชอบนะ"
"อ่อ ขอบคุณนะ" หญิงสาวได้แต่ยิ้มเจื่อน พร้อมกับรับถุงขนมที่มีคนซื้อมาให้อย่างปฏิเสธไม่ได้
"เราชอบเธอนะ"
"อ๋อ..." ไม่รู้จะตอบกลับยังไงจริง ๆ ก็ได้แต่ยิ้มพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะรีบเดินไปหากลุ่มเพื่อน ๆ จะยังไงก็แล้วแต่ ขอให้หลุดพ้นไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดก็พอแล้ว
"มีอะไรหรือเปล่าน้ำตาล ?" เหมือนว่าเพื่อนคนนึงจะเห็นว่าท่าทางของเธอนั้นดูมีพิรุธ ดูเหมือนกำลังเดินหนีอะไรสักอย่างมา
"กินขนมกันไหม ?" เธอยื่นขนมให้กับกลุ่มเพื่อน จะทิ้งก็เสียดายเพราะดูเป็นของราคาแพงทั้งนั้นเลย ถึงเธอจะเป็นคนมีเงินแต่จากประสบการณ์ที่ได้ไปอยู่ที่บ้านของนายหัวคาวีมา มันทำให้เธอรู้ว่าควรจะใช้เงินยังไง
"ใครเอามาให้ ?"
"เด็กแว่นนั่นน่ะ แต่ฉันไม่ชอบ พวกเธอเอาไปกินกันสิ"
จริง ๆ ที่เธอปฏิเสธก็เพราะผู้ชายคนนั้นไม่ใช่สเปกของเธอเลย และอีกอย่างตอนนี้เธอก็อยากใส่ใจในการเรียนมากกว่า บางทีการถูกตามจีบแบบนี้ เข้าประชิดตัว มาดักรอแล้วเอาของให้ทุกวัน มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกคุกคามอยู่เหมือนกัน
แต่จะทำอะไรได้ล่ะ ก็เขายังไม่ได้ทำอะไรเกินเลยนี่นา ก็มีแต่เธอที่คิดไปเองว่าเขากำลังคุกคาม
"เด็กเรียนเลยนะน่ะ เธอไม่ชอบจริงอ่อ"
"ไม่ใช่สเปกอ่ะ แล้วตอนนี้ฉันก็อยากเรียนมากกว่า ไม่ได้อยากมีแฟน"
ถ้าสเปกที่ชอบจริง ๆ เธอชอบผู้ชายที่สุขุม ดูเป็นผู้ใหญ่ เงียบขรึมใจเย็น และชอบคนที่อายุมากกว่า มีความมั่นคงในด้านการใช้ชีวิตด้านครอบครัว
"ไม่ชอบทำไมไม่ปฏิเสธวะ ?"
"ก็ปฏิเสธแล้ว เขาก็ไม่ไป ก็อย่างที่เห็นแหละ"
"งั้นเธอก็ต้องมีแฟน"
"ห๊ะ !?" งงกับคำพูดของเพื่อน พูดอยู่หยก ๆ ว่าไม่อยากมีแฟน แต่กลับต้องมีแฟนเพื่อหลีกเลี่ยงคนนั้นเหรอ บ้าหรือเปล่า หรือเป็นเธอที่ไม่เข้าใจความหมายเอง
"ก็หมายถึง ต้องโกหกว่ามีแฟนแล้ว และก็ต้องมีหลักฐานมีพยานไง"
"อ๋อ..."
"ถ้าตามที่คิดนะ พอมีคนรู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว ก็ไม่มีใครมายุ่งกับเธอหรอก"
"อือ ๆ เข้าใจละ"
ก็จริงอย่างที่เพื่อนพูด ถ้าเธอบอกกับใครต่อใครว่ามีแฟนแล้ว ก็คงไม่มีใครมายุ่งกับเธออีก แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องมีหลักฐานไง แล้วใครกันล่ะจะมาเป็นแฟนปลอม ๆ ให้กับเธอได้
พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็ถึงกับกุมขมับเลยเหมือนกัน เพราะเธอก็ไม่ได้มีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชาย ถึงมีก็ไม่ได้สนิทถึงขั้นจะให้มาทำเรื่องแบบนี้กันได้
แต่ก็ช่างมันเถอะ ไว้คิดหาวิธีอีกทีก็แล้วกัน
*************
#หลายวันผ่านไป
ที่บริษัทของพ่อแม่น้ำตาล
แกร๊ก ~
"ยังอยู่อีกหรอ ! " เธอทักทายด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะตกใจ แต่ก็แฝงความขี้เล่นลงไปด้วย และก็เล่นเอาอีกฝ่ายถึงกับมองตาขวางเลยเหมือนกัน
ก็คิดอยู่แล้วแหละว่าเขายังอยู่ที่บริษัท แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเจอกันไง
"มาทำอะไร ?"
"ก็อยากมา ทีนายหัวยังมาได้เลย"
"ฉันต้องทำงาน" พูดเสียงเข้ม
"หนูก็มาเล่นไง เหงา ๆ ไม่รู้จะไปไหน"
"อืม..."
"ไปเที่ยวกันไหม"
"ฉันทำงาน จะไปเที่ยวได้ยังไง"
"เสร็จงานแล้วก็ไปกันไง"
"เพื่อนเธอไม่มีหรือไง"
"มี แต่ไม่อยากไปกับเพื่อน"
"......" นายหัวคาวีถอนหายใจแรง เพราะทุกครั้งที่น้ำตาลมาที่นี่เขาไม่เงียบหูเลยเพราะเธอจะพูดไม่หยุด จนเขาไม่มีสมาธิทำงาน จะบอกว่ารำคาญก็ไม่เชิงหรอก เพราะเป็นคนที่ชอบทำงานอยู่เงียบ ๆ คนเดียวอยู่แล้ว แต่ก็แปลกที่เขาไม่ได้ไล่เธอไป และก็ไม่ได้แสดงท่าทางรำคาญเธอเหมือนกับปากที่พูดออกไปแบบนั้น
"นะ ๆ ๆ ไปเที่ยวกันเถอะ นายหัวจะได้พักผ่อนสมองด้วยไง"
"เออ ๆ ๆ ไปก็ไป เงียบก่อนฉันต้องทำงาน" เขาตอบรับไปอย่างส่ง ๆ เพราะเธอจะได้เลิกตื๊อสักที ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ได้ทำงานต่อ
"แล้วนี่กินข้าวตอนเที่ยงหรือยัง"
"ยัง"
"ถ้างั้นเดี๋ยวหนูสั่งให้"
"....." นายหัวคาวีไม่ได้พูดอะไร เพราะคิดว่าเธอคงจะสั่งอาหารตามสั่งธรรมดามาให้ เพราะปกติเขาก็กินอย่างนี้
จนกระทั่งเดลิเวอรี่มาส่ง...
บรรดาของที่เธอสั่งมานั้นมันไม่มีของที่เขาชอบกินเลยแม้แต่อย่างเดียว ไก่ทอด พิซซ่า สปาเก็ตตี้ สเต็ก บลา ๆ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดเอาไว้เลย
"กี่บาทคะ ?"
"ทั้งหมด 760 บาทครับ"
"นี่นายหัว หนูสั่งของมาให้แล้ว จ่ายเงินหน่อย"
"ห๊ะ ??" ถึงกับงง เด็กนี่ไถเงินเอาต่อหน้าต่อตาเลย และก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย เพราะคนส่งของกำลังยืนรอเงินอยู่
นายหัวคาวีได้แต่ควักเงินออกมาจากกระเป๋าอย่างไม่เต็มใจ สองปีที่อยู่ที่นั่นเขาอุตส่าห์สอนเรื่องการใช้เงิน นี่ไม่เข้าหัวสมองของเธอเลยหรือไงกัน
"มากินสิคะ"
"มื้อเดียว 760" กัดเขี้ยวกัดฟันพูด พร้อมกับยิ้มแข็ง ๆ เด็กนี่มันช่างเจ้าเล่ห์จริง ๆ
"ของที่นี่ก็แพงอย่างนี้แหละค่ะ นายหัวน่ะตัวโต กินเยอะแน่ ๆ มาค่ะมา ๆ มากินด้วยกันค่ะ"
แค่เห็นราคาที่ต้องจ่ายไปก่อนหน้านี้ เขาก็อิ่มแปล้ไปแล้วล่ะ ไม่จำเป็นต้องกินของพวกนี้หรอก
"มากินสิคะ การันตีเลยค่ะว่าอร่อย ร้านประจำของหนูเลยนะเนี่ย"
"760" มองอาหารที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะ พูดเสียงแผ่วตามจำนวนราคาที่ตัวเองจ่ายไป พร้อมกับมองเงินทอนที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานตรงหน้า แบงค์พันใบเดียวเข้าอยู่ได้เป็นอาทิตย์เลยนะ แต่เด็กนี่มาไถแป๊บเดียวหมดตัวเลย
"อื้อ ๆ" หญิงสาวพยักหน้าตอบรับพร้อมกับยิ้มให้
"ทุกวันนี้ใช้เงินกี่บาท"
"ก็ซื้อข้าวที่มหาลัยกินก็ประมาณ 50 บาทค่ะ"
"....." ก็ไม่เกินตัวนี่นา แต่ทำไมถึงใช้เงินของเขาหลายร้อยขนาดนี้ มันฝังใจนะ ติดใจมาก ๆ ฮึ้มมม !!
"มัวแต่มองอยู่นั่นแหละ จะมากินไหม ถ้าไม่กินหนูกินหมดนะ เสียดายของ"
"เออ ๆ"
สั่งมาเยอะขนาดนี้จะปฏิเสธลงได้ยังไง ถึงจะไม่ค่อยถูกปากสักเท่าไร แต่ก็ไม่ใช่อาหารที่ตัวเองกินไม่ได้สักหน่อย
รู้งี้กลับไปกินแกงไตปลา แกงส้มที่บ้านดีกว่า ไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท กัดไก่กินทั้งความจุกอก
"เรื่องไปเที่ยว หนูเปลี่ยนใจแล้วไปวันเสาร์อาทิตย์นะ ว่าแต่นายหัวมาทำงานไหม"
"บางครั้ง" ตอบสั้น ๆ แต่ก็ได้ใจความ บางอาทิตย์ก็มา แต่บางอาทิตย์ก็คว้างานกลับไปทำอยู่คอนโด
"ถ้าอย่างนั้นอาทิตย์นี้ไม่ต้องทำ พาหนูไปเที่ยวหน่อย"
"จะไปไหน ?"
"อยากไปเดินเล่นอยู่ห้าง เดินเล่นเฉย ๆ หนูไม่มีเพื่อนไป"
"เออ ๆ ถึงวันนั้นแล้วจะไปรับจะส่งข้อความบอก"
"OK ขอบคุณค่ะ"
"ปิดเทอมนี้ จะกลับไปหาป้าพรหรือเปล่า ถามหาหลายครั้งแล้วนะ"
"กลับสิ แต่หนูต้องดูงานตัวเองก่อนนะ เพราะถ้าได้กลับไปคงไปหลายวัน หนูเลยอยากจัดการงานให้เสร็จ"
"อือ จะไปยังไงก็บอกด้วย"
"ค่ะ"
"....."
"นายหัว..."
"อะไร กินอยู่อย่าพูดสิ ไม่มีใครสอนมารยาทบนโต๊ะอาหารหรือไง"
"แล้วมันจะอะไรเล่า กินกันอยู่สองคน ทำตัวเป็นคุณหนูราชนิกุลไปได้" พูดประชด
"มีอะไร"
"นายหัวไม่มีเมียหรอ ?"
แค่ก แค่ก แค่ก !!!
นี่ก็ถามได้เวล่ำเวลาจริง ๆ ! กำลังกินอยู่ก็สำลักทันทีเลย
"ถามอะไรของเธอเนี่ย มันใช่เรื่องที่ต้องถามหรือไง"
"แล้วทำไมหนูจะถามไม่ได้ ก็หนูอยากรู้ มีก็บอกไม่มีก็บอกสิ ยากอะไรตรงไหน"
"ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องบอก มันเรื่องส่วนตัวของฉัน"
"นี่ ! ที่ถามก็เพราะอยากรู้ จะได้ทำตัวถูก ก็ถ้ามีแล้วจะได้ไม่ต้องเข้าใกล้มาก ไม่อยากโดนใครหึงจนโดนเขาตบ บอกไว้ก่อนนะว่าหนูไม่ยอม"
นึกถึงตอนนั้นที่เธอจับหัวเพื่อนโขกกับเสา คำว่าไม่ยอมของเธอ คงเป็นแบบนั้นสินะ
"ไม่มี"
"ก็แค่นั้นแหละ ทำเป็นหวงไปได้"
"เด็กบ้า ! "
@หนึ่งปีต่อมาหลังจากเสร็จสิ้นงานแต่งมันก็เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองจะฮันนีมูนด้วยกัน แต่น้ำตาลยังเลือกไม่ถูกว่าจะไปที่ไหน ตอนนี้เธอเลยมาพักที่บ้านของนายหัวคาวีก่อน เพราะเธออยากจะเที่ยวอยู่ที่นี่ ไม่ได้อยากไปไหนไกลเลย"วันนี้ขอเข้าสวนด้วยนะ" น้ำตาลมากอดแขนออดอ้อนตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธมาทั้งเช้าแล้วเหมือนกัน"มันร้อน เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก""หนูแข็งแรงจะตายไป ทำไม? เมียอยากเข้าสวนเนี่ยไม่ได้หรือไง ซุกเด็กไว้ที่สวนหรอ""เด็กที่ว่า คงมีแต่บองหลาล่ะสิไม่ว่า""นะนะ นะคะที่รัก หนูขอไปด้วยนะ""อาๆ จะไปก็ไป"ถึงในใจจะไม่เต็มใจสักเท่าไร แต่ก็ขัดใจเธอไม่ได้จริงๆ เขาไม่ค่อยอยากให้เธอตามไปด้วย เพราะในสวนอากาศค่อนข้างร้อน แล้วก็เต็มไปด้วยสัตว์มีพิษเต็มไปหมด ไม่ได้มีอะไรน่าดู น่าเที่ยวเลยสักนิด แถมป่าก็รก ถึงคนงานจะช่วยกันถางไปบางส่วนแล้ว แต่พอฝนตกทีนึงก็เหมือนไปช่วยทำให้พวกมันได้เติบโตขึ้นมาใหม่หลังจากนั้นน้ำตาลก็ได้นั่งรถกระบะไปพร้อมกับนายหัวคาวี เข้าไปที่สวนของเขานั่นแหละ เธอมาบ่อยแล้วก็จริง แต่หลังจากที่เรียนจบจากที่นี่ และไปใช้ชีวิตในกรุงเทพฯต่อ เธอก็ไม่ได้มีโอกาสเข้าสวนบ่อยๆ อีกเลย"ห
#เวลาต่อมาที่บ้านของนายหัวคาวี หลังจากที่เขากลับมาจากทำงานในสวนแล้ว ก็เดินเข้าบ้านเตรียมตัวจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และกำลังจะโทรคุยกับสุดที่รักของตัวเองแต่ทว่า..."จะโทรทำไมคะ ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว"" !!! " นายหัวคาวีตกใจ เพราะไม่รู้ว่าที่ตัวเองเห็นนั้นมันคือตัวจริง หรือเขาคิดถึงเธอจนเห็นภาพหลอน หรือว่าเหนื่อยจากทำงานอากาศร้อนๆ เลยกลายเป็นแบบนี้"นายหัวขา ~ ""บ้าเอ้ย ! เบลอจนเห็นภาพหลอนหรอวะเนี่ย" ร่างสูงสบถออกมาเบาๆ พร้อมกับสะบัดหัวทิ้ง เหมือนต้องการที่จะให้มันปลอดโปร่งมากกว่านี้ภาพหลอนที่เห็นอยู่ตรงหน้าจะได้หายไป เธอจะมาได้ยังไงกัน เพราะเมื่อตอนเช้ายังคุยกันอยู่เลยว่าเธอมีประชุมงาน และอีกอย่างถ้าเธอมาที่นี่ก็ต้องมีรถสิ แต่นี่เขาเดินเข้ามายังไม่เห็นรถสักคันเลย"คนค่ะไม่ใช่ผี ไม่ใช่ภาพหลอนด้วย"หมับ !!!พอได้ยินอย่างนั้นนายหัวคาวีก็รีบหันกลับไปกอดเธอแน่น พอได้กอดแล้วถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้เห็นภาพหลอนจริงๆ แต่ก็ยังตกใจ ที่เห็นเธออยู่ที่นี่"คิดถึงจัง""หนูก็คิดถึงนายหัว""ทำไมมาถึงไม่บอก แล้วนี่มายังไง""มีคนมาส่งค่ะ เขากลับไปแล้ว""อืม...ฉันนึกว่าตัวเองเบลอจากอากาศร้อน แล้วเห็นภาพหลอน""
#หนึ่งเดือนถัดมาถึงจะมีคนคอยดูแลงานที่สวนให้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ต้องกลับไปทำงานของตัวเองต่อ แค่มีคนมาคอยดูแลในสวนเพื่อที่เขาจะได้มาอยู่กับน้ำตานานๆ ก็เท่านั้นเอง ถึงเวลาก็ต้องกลับ ถึงในใจจะคัดค้านก็เถอะแต่มันก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ"ถึงแล้วเดี๋ยวรีบโทรบอกเลยนะ""ขับรถดีๆ นะนายหัว ไม่ต้องขับรถเร็วเข้าใจไหม""เข้าใจครับ""ทำไมต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้น" เมื่อก่อนจะเป็นเธอที่ชอบงอแงไม่อยากให้เขากลับไป แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาที่งอแงจนหน้าบูดบึ้งเพราะไม่อยากกลับ"ไม่อยากไปเลย""เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก ถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่เราก็โทรคุยกันได้นี่""มันก็ไม่เหมือนกับเจอตัวจริง แถมเอาผ่านโทรศัพท์ก็ไม่ได้""พูดอะไรนั่น ไม่อายคนบ้างหรือไง""ยืนอยู่กันสองคน คนอื่นก็ทำงานอยู่ข้างในกันหมดใครจะได้ยิน เจ้าที่หรือไง"เปี๊ยะ !!เธอตีแขนของเขาอย่างแรง เพราะหมั่นไส้ที่เขาเอาแต่พูดจาอะไรแบบนี้ นับวันมันยิ่งจะหนักขึ้นทุกทีเลย"ซี๊ด ! เจ็บนะ ทำไมชอบตีจริงเนี่ย ลงไม้ลงมือกับผัวตายไปจะเป็นผีเปรตนะ""ตีให้หลาบไง หมั่นไส้ พูดอะไรของนายหัวอยู่ได้""อยากอยู่ต่อจัง""ไม่ต้องมาอ้อนเลย รีบกลับได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะ
#เช้าวันต่อมาหลังจากที่เมื่อคืนนั้นจัดหนักจัดหน่วงกันไปหลายท่าหลายน้ำ ทั้งสองก็ผล็อยหลับไปพร้อมกัน ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้"อือ.."คนตัวเล็กขยับตัวไปมาเล็กน้อย เพราะรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ก่อนจะลืมตาขึ้นมองรอบๆ และได้รู้ว่าที่ตัวเธอรู้สึกอึดอัดนั้นเป็นเพราะเขากำลังกอดเธอเอาไว้แน่น"นายหัว..""อืม...อย่าดิ้นนักสิ มันแข็งแล้วเนี่ย"เพราะเมื่อคืนเผลอหลับไปพร้อมกัน เสื้อผ้าก็เลยไม่ได้ใส่ และตอนนี้เจ้าโลกแสนมโหฬารของเขาก็กำลังแข็งดันก้นของเธออยู่ด้วย"สักรอบได้ไหม""ไม่เอา เมื่อคืนก็ตั้งหลายครั้ง""ไม่เกี่ยวกันสิ เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืน วันนี้ก็ส่วนวันนี้""อือ...ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเนี่ย""ชอบว่าฉันแก่นัก โดนคนแก่เอาแล้วเป็นไงล่ะ ถึงฉันจะแก่กว่าเธอมาก แต่แรงฉันก็ยังดีนะ""อะ อือ...นายหัว มันทิ่มก้นหนูเนี่ย""จะให้มันทิ่มอย่างอื่นด้วยซ้ำ""อย่านะ อ๊ะ !!"สวบ !!เหมือนคำพูดของเธอเป็นแค่ลมสำหรับเขา พอสิ้นสุดคำพูดแก่นกายของเขาก็ผลุบเข้ามาในตัวของเธอแบบทีเดียวมิดลำ"อื้อ จุกนะคะ !""ขอโทษนะ แต่ฉันทนไม่ไหวจริงๆ ขอเอานะ""ขนาดนี้แล้ว ห้ามได้ด้วยหรอคะ""ถึงห้าม ก็ไม่ฟังหรอก ใส่เข้ามาขนาดนี้แล้ว ไม่ได
#ตกกลางคืนวันต่อมาทั้งสองมานั่งรับลมอยู่ที่ริมระเบียงด้วยกันแต่วันนี้มาพร้อมกับเครื่องดื่ม เพราะบรรยากาศมันให้ ดื่มจนพอรู้สึกมึนหัวนิดๆ ได้อารมณ์หน่อยๆ คงจะได้พากันขึ้นเตียงกันอีกไม่ผิดแน่เลย"ถ้าเราแต่งงานกัน นายหัวจะเชิญใครบ้าง""ก็เชิญคนรู้จักไง แล้วก็ส่งการ์ดเชิญไปให้ผู้ใหญ่ที่เคยทำงานด้วยกัน""ที่จริงหนูก็อยากเชิญเพื่อนนะ แต่เพื่อนก็..ไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่เรียนจบ""ไม่เป็นไรหรอก เราก็เอาที่เราพอติดต่อได้""ป้าพรมาได้หรือเปล่า""เห็นว่างานแต่งจะมานะ""นั่งเครื่องก็บินก็ได้นะ""นั่งรถยังเกือบตาย นั่งเครื่องบินไม่ตาลอยเลยหรอ""จะได้ถึงเร็วๆ ไง นั่งสบายด้วย จองชั้น vip ให้ป้าพรเลย""ถามก่อนเถอะ""ค่ะ""เธอคิดจะจัดแบบไหน แบบใหญ่โต หรือว่ากันเอง""ก็ไม่ได้จะใหญ่โตขนาดนั้นหรอก แต่ก็ไม่ได้จะแต่งกันเงียบๆ จนไม่มีใครรู้ แค่เอาพอดีๆ"ตอนนี้ต้องคุยกันก่อนเรื่องงานแต่ง เพราะยังไม่ได้ตกลงอะไรๆ กันเลย น้ำตาลอยากให้งานแต่งของเธอมันออกมาดีที่สุด ถึงมันจะเป็นงานแต่งแบบเล็กๆ กลางๆ ไม่ได้ใหญ่โตถึงขั้นมีนักข่าวมาทำข่าว แต่เธออยากให้มันออกมาดูดีและอบอุ่นมากที่สุด เท่าที่จะทำได้เลย"เธออยากมีลูกกี
#หลายเดือนต่อมา"ได้แล้วหรือยังล่ะ""เดี๋ยวสินายหัว ใจร้อนเป็นคนแก่ไปได้"ที่เขาเร่งไม่ใช่เพราะใจร้อนอะไรหรอก แต่กลัวว่าที่พักมันจะเต็มก่อนที่เธอจะกดจองพักมากกว่า เดี๋ยวถึงเวลานั้นจริงๆ เธอก็จะหงุดหงิดมีอารมณ์ไม่พอใจขึ้นมาอีก นี่ก็เลือกที่พักมาตั้งหลายที่ แต่ตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะพักที่ไหน"ดีไปหมดเลย เลือกไม่ได้ พักทุกที่เลยได้ป่ะ""จะบ้าหรือไง ไปเที่ยวอยู่ที่เดียวแต่จะพักตั้งหลายโรงแรมเนี่ยนะ ?""งั้นเอาเป็นบ้านพักก็ได้ จะได้ไม่ต้องอยู่รวมกับใคร""เท่าไหร่ ?""หนูเลือกเป็นห้องหรูเลยนะ เราไปพักกันอาทิตย์นึง รวมค่าอาหารเช้าเย็นแล้วสามหมื่นค่ะ"เธอพูดเสียงแผ่วๆ เพราะกลัวว่าเขาจะบ่น รายนี้ยิ่งขี้งกเรื่องเงินอยู่ด้วย ถึงเธอจะทำงานได้แล้วก็เถอะ มีเงินกันขนาดนี้ แต่ถ้าใช้มากเกินไปก็โดนบ่นอยู่ดี"อืม จองไปเลยสิ ดูดีแล้วใช่ไหม""ก็ดีแล้วนะคะ เป็นบ้านพักที่ติดทะเลแล้วก็ติดภูเขาด้วย วิวดีเลย เพราะแบบนี้แหละถึงแพง""อือ...""จะบ่นหนูไหมเนี่ย""ฉันจะบ่นเธอทำไม เราทำงานได้ มันก็ต้องมีบ้างที่ต้องพักผ่อน""ทีเมื่อก่อนนะ ซื้อของกินนิดหน่อย ทำเป็นบ่น""ก็ตอนนั้นเธอยังไม่ได้ทำงาน ใช้เงินเกินตัวมันไม