ตอนที่ 10
สาเหตุต้องสงสัย เลือดสีแดงสดไหลรินผสมกับสายฝน ดวงตาของผมเริ่มที่จะเลือนรางเต็มที่ เพราะต่อสู้อยู่นานอีกทั้งยังโดนกระทืบจนร่างกายระบม “เฮ้ยพี่เซ็นอยู่ทางนั้น” เสียงตะโกนที่ผมคุ้นหู ก่อนที่ผมจะหรี่ตามองเห็นพี่ใหญ่และคนในแก๊งกำลังวิ่งตรงดิ่งเข้ามาช่วยผม หนึ่งในนั้นก็คือเธอ ในระหว่างที่ผมพลั้งเผลอก็ถูกปลายคมวิบวับของมีดยาวฟันแผ่นหลังเข้าอย่างจัง เข่าหนาทรุดล้มลง กระแทกพื้น ผมรู้สึกแสบระบมไปทั่วเรือนร่าง ก่อนจะหมดสติลง ใบหน้าล้มแนบพื้นปูนที่เปียกแฉะ “เซ็น ไม่นะ” น้ำฟ้าตะโกนด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเซ็นนอนล้มลงหลังจากถูกฟัน “อย่าเข้าไปเหมย เฮ้ยพวกมึงไปจัดการดิ๊” ผมจับร่างของเหมยรั้งเอาไว้เมื่อเห็นว่าเธอจะเข้าไปช่วยเซ็นก่อนที่ผมจะให้ลูกน้องเข้าไปจัดการรุมกระทืบพวกกระจอกเหล่านั้น แล้วพาเซ็นกลับบ้านไปรักษา แต่สิ่งเดียวที่ทำให้ผมแคลงใจอยู่ก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเหมยและเซ็น มันคืออะไรกันแน่ “พวกมึงสองคนมีอะไรที่ปิดบังกูอยู่” ผมมองดูหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างเธอดูร้อนรนราวกับเห็นคนที่รักถูกทำร้าย “จัดการพวกมันเรียบร้อยแล้วครับพี่” ลูกน้องวิ่งมาโค้งตัวรายงานต่อผม “อือทำดีมากไปเถอะ คืนนี้เป็นคืนแต่งงาน หากไม่ได้ข่าวจากสายว่าเซ็นถูกทำร้ายอยู่ที่ท่าเรือกูคงจะไม่ออกมา” ผมเอ่ยก่อนที่ผมจะจับมือเหมยพาขึ้นรถตู้ที่จอดอยู่ขับแล่นออกไป ตลอดทางเธอดูเงียบมากเธอเอาแต่ทอดสายตามองออกไปนอกกระจกรถ มันทำให้ผมรู้สึกกังวล เพราะผมไม่ชอบเห็นผู้หญิงของผมมีความรู้สึกดีต่อคนอื่น “เหมยคุณโอเครึเปล่า” ผมแตะมือเธอเบาๆ แล้วเอ่ยถาม “ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย” ฉันรีบแก้ตัวเพราะกลัวจะถูกจับได้ก่อนที่ฉันจะรีบดึงมือที่เฉินตูจับออกแล้วนำมาวางไว้บนขาเรียวสวยของตนเอง ฉันไม่อยากจะให้เขาสัมผัสตัวของฉัน คนเดียวที่ฉันรักก็คือเซ็น ต่อให้ปากจะบอกว่าเกลียดเขา แต่ในใจก็ยังรักเขาอยู่ดี เช่นนี้จึงทำให้ฉันทรมานไม่ส่างซักที “...” บ้านขนาดใหญ่ สไตล์จีน ลูกน้องสี่คนช่วยกันพยุงร่างเซ็นเดินเข้าไปในบ้านเพื่อทำการรักษาบาดแผล “พามันขึ้นไปบนห้องเลย” ผมตะโกนสั่งลูกน้องเพราะเซ็นมันมีห้องพักประจำอยู่ภายในบ้านของผมอยู่แล้ว ก่อนที่ลูกน้องจะรีบนำหมอเดินตามมันเข้าไปรักษา “อ้าาาาา” เสียงร้องดังลั่นออกมาจากห้องของเซ็น ร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ “หมอผมเจ็บอ้า!” ผมกำเตียงนอนแน่นเมื่อรู้สึกเจ็บตรงบาดแผลราวกับโดนผงซักฟอกรุมกัด ความเจ็บนี้ทำให้เหงื่อไหลซึมใบหน้าของผม อ่าาาาาา” อื้อ ฟันแข็งแรงกัดกรามแน่น จนใบหน้าตึงไปด้วยเส้นเลือด ผ่านไปไม่นานเซ็นก็หมดสติลง หลังจากหมอเย็บบาดแผลของเขาจนเสร็จ “ช่วงนี้ให้เขาพักฟื้นไปก่อนนะคะ” ฉันเอ่ยสั่งย้ำสาวใช้ที่ดูแลคนไข้ ก่อนจะวางยาที่ต้องให้เขาทานลงบนหัวเตียงแล้วลุกเดินสะพายกระเป๋ายาออกมาจากห้อง “เป็นไงบ้างคุณหมอ เขาอาการสาหัสรึเปล่า” ผมเอ่ยถามด้วยความกังวลสายตาคู่คมมองจ้องหมอสาวเพื่อฟังคำตอบ “ตอนนี้คนไข้ อาการปกติดีแล้วค่ะ พักรักษาตัวอีกซักสามสี่วันก็น่าจะหายทว่าช่วงนี้หลีกเลี่ยงการใช้กล้ามเนื้อสักนิดจะดีมากค่ะ” ฉันเอ่ยจบก็รีบโค้งตัวแล้วเดินออกไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ “เฮ้ย พวกมึงตามไปส่งคุณหมอดิ๊” ผมตะโกนสั่งลูกน้องที่ยืนโค้งตัวอยู่ “ครับนาย” “สร้อยมานี่หน่อย” ผมตะโกนเรียกสาวใช้อีกทีก่อนที่สร้อยจะรีบวิ่งปรี่ตรงมาที่ผม “ว่าไงคะคุณท่าน” ฉันเอ่ยเบาๆ ก่อนที่คุณท่านจะเอ่ยปากให้ฉันพาอาซ้อขึ้นห้อง ฉันจึงรีบพยุงเธอเดินขึ้นห้องแต่ดูเหมือนแววตาของอาซ้อเธอไม่ได้อยากจะขึ้นห้องซักเท่าไหร่นัก “มาเถอะค่ะซ้อ” ฉันเอ่ยพลางจับแขนเรียวสวยของเธอ “ไอ้เขมมาหากู” เมื่อเห็นว่าเหมยเดินขึ้นห้องไปแล้วผมจึงตะโกนเรียกเขมลูกน้องคนสนิทให้เข้ามาหา “ว่าไงครับนาย” ผมรีบวิ่งปรี่มาหยุดลงเบื้องหน้าของพี่ใหญ่ พลันก้มใบหน้ารอรับคำสั่งเพราะดูเหมือนว่าพี่ใหญ่จะโกรธมากที่เห็นเซ็นถูกทำร้าย “มึงไปจัดการพาพวกไปถล่มแก๊งที่มันกล้ามาทำร้ายไอ้เซ็นให้ยับ แล้วตัดนิ้วไอ้คนที่ฟันมีดลงบนหลังของไอ้เซ็นมาให้กู” ผมเอ่ยสั่งเสียงเข้มกับเขมก่อนที่มันจะรีบรับคำสั่งแล้วเดินออกไปจัดการ พร้อมกับลูกน้องในแก๊งที่ติดตามไปอีก 100 คน ผมไม่สนว่า ใครจะเป็นคนสั่งการผมสนแค่ใครลงมือคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ หนี้แค้นครั้งนี้ต้องชดใช้ด้วยเลือด ผมมองไปที่บานประตูห้องของเซ็นก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตนเอง มันป่วยขนาดนี้ผมคงต้องให้มันลางานอีกหลายวัน ทว่าหากวันนี้เซ็นมันเป็นอะไรที่มากกว่าบาดเจ็บ ผมคงจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ที่ไปช่วยมันช้า ดวงตาคู่คมมองดูตนเองในกระจกใส ภายในห้องทำงาน ร่างสูงสง่าสวมชุดแต่งงานชาวจีนสีแดง ทุกครั้งที่เห็นใบหน้าตนเองในกระจกผมมองเห็นเพียงความเศร้าเท่านั้น จู่ๆ ดวงตาคู่คมก็ร้อนผ่าว สมองนึกย้อนคิดถึงภาพคืนแต่งงานในอดีต ผมยังจำติดตา ผู้หญิงที่ผมรักเธอตายด้วยความทรมานแค่ไหน “เหมย!” เสียงตะโกนตกใจของผมในตอนนั้นทันทีที่ ผมย่างลงจากรถริมทะเล งานแต่งของเราจัดขึ้นที่นั่น ผมเห็นเหมยนอนเสียชีวิตในชุดเจ้าสาวที่เปื้อนเลือด ท่ามกลางข้าวของที่ถูกพังลง จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังจับตัวคนทำไม่ได้ แต่ผมก็ไม่เคยหยุดตามสืบ ผมคิดว่าการที่ผมมีเหมยอีกคนปรากฏขึ้นในตอนนี้มันอาจจะล่อคนคนนั้นออกมาให้ผมได้จัดการ ถึงความคิดของผมมันจะดูเห็นแก่ตัว ทว่ามันก็คือทางเลือกเดียว “ใบหน้าหล่อเหลากระตุกยิ้มร้าย แววตาที่เคยสวยงามตอนนี้เข้มขึงจนไร้แววสดใส บนห้องนอน หลังจากที่ฉันถูกเฉินสั่งให้สร้อยพาขึ้นห้อง ฉันก็ได้แต่เดินวนไปวนมาอย่างร้อนใจ ด้วยความเป็นห่วงเซ็น เขาจะเป็นยังไงบ้างในตอนนี้ “ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูห้องทำให้ฉันสะดุ้งตกใจ เฉินคงจะไม่กลับมาแล้วหรอกนะ “เหมย เปิดประตูให้ผมหน่อย” น้ำเสียงหนาเอ่ยอยู่หน้าประตูห้อง ทว่าฉันกลัวจนแทบไม่กล้าจะทำตาม หากเปิดให้เขาเข้ามา คืนนี้จะต้องโดนเขารวบรัดแน่ ฉันครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่เสียงกลอนประตูจะถูกเปิดออก พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาของเฉินที่เดินเข้ามา “คุณเข้ามาได้ยังไง” ฉันถามเสียงสั่น เขาจึงชูกุญแจให้ดูพร้อมกับกดล็อกกลอนแน่น “เธอลืมไปรึเปล่า ว่านี้บ้านของฉัน” มือหนากระตุกแว่นเลนส์ใสเบาๆ ใบหน้ายกยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้น้ำฟ้า ที่ค่อยๆ ถอยตัว ออกห่าง “คุณจะทำอะไรคะ ไหนคุณสัญญาแล้วไง” หญิงสาวถอยจนติดผนัง พลันหลับตาปี๋ ทว่าเมื่อเฉินเดินเข้ามาใกล้ เขาก็เลี้ยวตัวเดินไปนั่งลงบนเตียงพลันใช้มือถอดเสื้อออก เผยให้เห็นแผงอกกำยำขาวจั๊วะจนลำคอเรียวของน้ำฟ้าต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ “ฉันแค่จะนอน เธออย่าลืมสิตอนนี้เธอคือผู้หญิงของฉัน ช่วยทำตัวให้สมกับฐานะซ้อใหญ่หน่อย” เฉินเอ่ยก่อนจะลุกเดินไปหยิบผ้าขนหนู แล้วเข้าไปในห้องอาบน้ำโดยมีสายตาคู่สวยมองตามหลัง พลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ใครอยากเป็นกันล่ะ ซ้อใหญ่ของคุณ” หญิงสาวพึมพำเบาๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มมากระชับคลุมร่างกายแน่นด้วยความเบื่อหน่าย หญิงสาวจึงเดินชมบรรยากาศไปจนทั่วชายหาดแล้วกลับมาที่บ้านก็ยังไร้วี่แววการมาของเซ็น เธอถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่เสียงรถจะขับเล่นเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้า ดวงตาคู่สวยหันไปมองด้วยความอยากรู้ทันทีที่เธอเห็นร่างเล็กของลูกชายย่างลงจากรถ ใบหน้าขาวนวลก็ยกยิ้มร่าดีใจ “ม๊า” เสียงมังกรตะโกนแล้วรีบวิ่งเข้ามาสวมกอดน้ำฟ้าแน่นเซ็นที่ย่างตามลงมายิ้มมองพวกเขาสองแม่ลูกก่อนจะยักไหล่แบบคนถูกเมินแล้วเดินไปยืนข้างๆ มังกร “ว้า น้อยใจจังมังกรไม่กอดป๊า” ชายหนุ่มเอ่ยจบน้ำฟ้าก็แอบขำเขาเบาๆ แล้วชวนมังกรขึ้นห้อง “ไปเถอะมังกรม๊าคิดถึงลูกจะแย่แล้ว”“อ่าวคุณเดี๋ยวสิ” เซ็นยืนเกาหัวเบาๆ เมื่อเห็นผู้หญิงที่รักเดินขึ้นห้องไปกับลูกชาย “นี่ผมกลายเป็นหมาหัวเน่ารึเปล่านะ” ชายหนุ่มครุ่นคิดในหัวแล้วปล่อยให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ส่วนตนเองก็ยื่นของในมือให้สาวใช้ “วันนี้ผมจะเข้าครัวด้วยตัวเองนะ” เมื่อเซ็นเอ่ยจบพิงสาวใช้ก็ย่อตัวตกลงเบาๆ แล้วนำของไปจัดการให้เข้าที่ ในระหว่างที่น้ำฟ้าและมังกรอยู่บนห้องพูดคุยกันตามประสาแม่ลูกเซนก็ใช้โอกาสนี้ในการทำอาหารเพื่อใช้สำหรับงานเลี้ยงเล็กๆ ในคืนนี้ เขาอยากจะให้น้ำฟ้
เซ็นโน้มตัวลงเข้าหาเรือนร่างบางของน้ำฟ้า ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบสัมผัสพวงแก้มเธอเบาๆ “อย่าโกรธผมเลยนะ อาซ้อของผม” น้ำเสียงหนาเอื้อนเอ่ยก่อนจะลงจูบสัมผัส ซอกคอของหญิงสาวเบาๆ ทว่าถูกมือเรียวสวยของน้ำฟ้าผลักอกกว้างรั้งเอาไว้ซะก่อน “อย่าคิดว่าใช้คำพูดหวานมาหว่านล้อมแล้วฉันจะเชื่อคุณอีกนะคะเซ็น” เธอเอ่ยไม่ทันจะจบ เจ้ามือหนาของเซ็นก็จับมือของเธอชูแนบเหนือศีรษะ “งั้นผมขอไถ่โทษเลยละกัน” ท่ามกลางบ้านขนาดใหญ่บนโซฟาหรูริมฝีปากอุ่นๆ ก้มลงซุกไซ้แผ่วเบาๆ มือของเขาซุกซนจนร่างบางไร้ทางหลบหนี จำยอมต้องปรนเปรอเขาตอบด้วยรสจูบที่เร่าร้อน สายลมอ่อนๆ พัดกระทบม่าน ผ้าจนพริ้วไสว ไหล่คู่งามของ หญิงสาวถูกมือเรียวลูบสัมผัสจนเธอรู้สึกอุ่น ดวงตาสีสวยมองเพดานของตัวบ้านพลันโยกย้ายลำตัวขึ้นลงเบาๆ เมื่อเจ้าของแปลกปลอมเริ่มจะทำงาน รุกล้ำกลีบสวาทเข้าไปเพียงครึ่งก็พลันหยุด แล้วค่อยๆ ขยับเขยื้อนถี่ๆ เพราะหากสอดใส่ไปมากกว่านี้้เกรงว่าเจ้าน้ำฟ้าตัวน้อยจะคับแน่นเกินไป เซ็นทำอะไรมักจะทิ้งช่องทางเอาไว้เสมอ ชายหนุ่มไม่อยากจะให้น้ำฟ้าต้องเจ็บกับเจ้าแท่งร้อนอันเบอเร่อของตนเอง ก็เพียงเพราะอยากจะเก็บความเจ็บปวดนั้นไว้ลงโทษเวลาที
หัวหน้าแก๊งทุกคนทันทีที่ได้เห็นข้อความในเซ็นเอกสารบ้างก็เห็นด้วยแต่มีบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย มือหนากำมือก่อนจะตีลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงแล้วลุกขึ้นจนทุกคนหันไปมอง “การทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไง ก็แค่เด็กเมื่อวานซืนที่ไม่มีประสบการณ์ คิดจะมาใช้สัญญาบังคับกับพวกเรางั้นเหรอ” หัวหน้าแก๊งมังกรดำเอ่ยเสียงเข้ม เมื่อเซ็นเห็นการกระทำของเขาใบหน้าหล่อๆ ก็กระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ แล้วรับแฟ้มเอกสารจากโบตั๋นมาถือไว้ในมือชูขึ้นเบื้องหน้าทุกคน “ผมอยากจะบอกให้พวกคุณทราบว่านี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญญาธรรมดา แต่มันเป็นสัญญาที่จะทำให้พวกเราทั้ง 9 แก๊งกลมเกลียวกัน “มันคือกฎข้อห้ามว่าคนในแก๊งทั้ง 9 ห้ามฆ่ากันเอง” “ฉันเห็นด้วย” ร่างสูงสง่าลุกยืนพลันตะโกน เขาก็คือหัวหน้าแก๊งมังกรเหมันต์ โดยปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับการโต้เถียงมากนัก ทว่าวันนี้กลับยอมเอ่ยปากต่อสู้เพื่อช่วยเซ็น แสดงให้เห็นว่าแก๊งมังกรเหมันต์ยอมศิโรราบต่อเขา หลังจากนั้นทุกคนก็ต่างเอ่ยซุบซิบก่อนจะลงความเห็นไปทางข้างของหัวหน้าแก๊งมังกรเหมันต์ ทุกคนเห็นด้วยกับสัญญาฉบับนี้ก่อนที่จะมีบางส่วนเริ่มลงมือเซ็นสัญญาลงนามในเอกสาร “ม๊าครับเราจะลงเลยไหมครับ”
ท่ามกลางห้องโถงใหญ่ภายในโรงแรมสุดหรู ขบวนรถมากมายต่างพากันขับเล่นเข้ามาจอดพร้อมกับบอดี้การ์ดคอยติดตามบุคคลสำคัญที่มาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ ดังเช่นรถคันแรกที่ขับเล่นเข้ามา บอดี้การ์ดสวมใส่ชุดสูทสีดำรีบวิ่งลงมาเปิดประตูเบาะหลังก่อนที่ชายวัยกลางคนหนวดเคราหนาใบหน้าคล้ายกับชาวลาติน ดวงตาคมเข้มสวมใส่สูทดูดีจะย่างกรายลงมาพร้อมกับภรรยาแสนสวยของเขา แล้วเดินเข้าไปในงานโดยมีบอดี้การ์ด 10 คนประกบหน้าหลังเขาก็คือเซียว หัวหน้าแก๊งมังกรคราม ชายหนุ่มผู้เยือกเย็นเขาเป็นคนนิ่งและสุขุมอย่างมากและที่สำคัญเขาเคารพประมุขแก๊ง 9 เศียรมาโดยตลอด “สวัสดีครับคุณหนูใหญ่” น้ำเสียงหนาเอ่ยทักทายโบตั๋นที่ยืนต้อนรับแขกอยู่หน้าประตูทางเข้าก่อนจะจับมือเธอเป็นการทักทายแล้วพากันเดินเข้าไปในงานรถคันต่อมาก็คือฟางหวน เขาคือหัวหน้าแก๊งมังกรฟ้า ชายวัย 39 ปีเขาเป็นคนอัธยาศัยดีและมีนิสัยอ่อนโยนอย่างมาก ฟางหวนชื่นชอบเรื่องดนตรีแม้เขาจะเป็นหัวหน้าแก๊งยากูซ่าชื่อดัง ทว่าความอบอุ่นของเขากลับเป็นที่ต้องตาในหมู่มวลสาวๆ มากมาย เขาเป็นชายโสดที่เคยสูญเสียคนรักเมื่อหลายปีก่อน “สวัสดีครับคุณหนูใหญ่” มือหนาจับมือของโบตั๋นขณะเอ่ยทักทาย ดว
เครื่องบินแลนดิ้งลงจอด ณ สนามบินส่วนตัวพร้อมกับบอดี้การ์ดกว่า 20 คนที่ยืนรอรับอยู่เบื้องล่าง “เราจะได้ไปเยี่ยมคุณพ่อกันแล้วนะเซ็น” โบตั๋นเอ่ยกับน้องชายเพราะหลายปีมานี้เซ็นแทบจะไม่ได้เจอกับหยวนเลย ทั้งคู่เดินย่างลงบันไดเครื่องบินส่วนตัวเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่เบื้องล่างก่อนจะขับแล่นออกไปมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลชื่อดังของประเทศฮ่องกง ตลอดทางดวงตาคู่คมของเซ็นยังคงมองออกไปนอกกระจกรถแววตาของเขาครุ่นคิดเป็นห่วงน้ำฟ้าและมังกรลูกชายเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกเขาจะทำอะไรอยู่ การมาครั้งนี้ของเซ็นเป็นความลับเพราะโบตั๋นไม่อยากจะให้เรื่องของการป่วยของหยวนถูกเปิดเผยไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดการชิงอำนาจของแต่ละแก๊งได้ รถเก๋งคันสีดำขับเล่นไปบนท้องถนนก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่หน้าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ “เชิญครับ”บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำเดินถือร่มมาเปิดประตูพาพวกเขาเดินเข้าไปภายใน โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ช่วยปกปิดความลับอาการป่วยของหยวน เพราะทางโรงพยาบาลได้รับเงินช่วยเหลือจากหยวนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นโรงพยาบาลแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนโรงพยาบาลของหยวนเอง “ทางนี้ครับ” หมอหนุ่มยืนรอพวกเขาอยู่ก่อนจะเดินพาไป
เครื่องบินแลนดิ้งลงจอด ณ สนามบินส่วนตัวพร้อมกับบอดี้การ์ดกว่า 20 คนที่ยืนรอรับอยู่เบื้องล่าง “เราจะได้ไปเยี่ยมคุณพ่อกันแล้วนะเซ็น” โบตั๋นเอ่ยกับน้องชายเพราะหลายปีมานี้เซ็นแทบจะไม่ได้เจอกับหยวนเลย ทั้งคู่เดินย่างลงบันไดเครื่องบินส่วนตัวเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่เบื้องล่างก่อนจะขับแล่นออกไปมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลชื่อดังของประเทศฮ่องกง ตลอดทางดวงตาคู่คมของเซ็นยังคงมองออกไปนอกกระจกรถแววตาของเขาครุ่นคิดเป็นห่วงน้ำฟ้าและมังกรลูกชายเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกเขาจะทำอะไรอยู่ การมาครั้งนี้ของเซ็นเป็นความลับเพราะโบตั๋นไม่อยากจะให้เรื่องของการป่วยของหยวนถูกเปิดเผยไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดการชิงอำนาจของแต่ละแก๊งได้ รถเก๋งคันสีดำขับเล่นไปบนท้องถนนก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่หน้าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ “เชิญครับ”บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำเดินถือร่มมาเปิดประตูพาพวกเขาเดินเข้าไปภายใน โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ช่วยปกปิดความลับอาการป่วยของหยวน เพราะทางโรงพยาบาลได้รับเงินช่วยเหลือจากหยวนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นโรงพยาบาลแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนโรงพยาบาลของหยวนเอง “ทางนี้ครับ” หมอหนุ่มยืนรอพวกเขาอยู่ก่อนจะเดินพาไป