คำโปรย... ก่อนจะเผลอใจรักใครต้องมั่นใจว่าเขาคนนั้นไม่มีเจ้าของเพราะในวันที่รักมันซับซ้อน มันจะร่ายล้อมไปด้วยความเจ็บปวด เส้นทางรักของสองชายหญิงเต็มไปด้วยขวากหนามและอุปสรรคมากมาย...และกว่าจะรักกันได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะฉะนั้นอย่าตกหลุมรักใครง่าย ๆ (เพราะว่ารัก...มันมีอะไรซับซ้อนมากกว่านั้น) - วารินทร์ทิพย์-
view moreตอนที่ 1 พบเจอ
บนถนนที่รถพลุกพล่าน ดวงตาคู่คมภายใต้หมวกกันน็อกสีดำสนิท ปกปิดมิดชิด มองไฟแดงที่ใกล้จะเปลี่ยนเป็นไฟเขียวอย่างร้อนใจ ก่อนที่มือหนาจะเร่งเครื่องแล้วออกตัวด้วยความเร็ว ขับเคลื่อนมาจอดที่หน้าประตูทางเข้าผับแห่งหนึ่ง ในซอกแคบๆ ซึ่งผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก มือหนารีบถอดหมวกกันน็อกวางลง บนรถบิ๊กไบค์แล้วรีบสาวเท้าถือกระเป๋าใบโตเดินเข้าไปภายใน สายตาคู่คมหันมองบรรยากาศโดยรอบ ผู้คนมากมายยืนเต้น ดื่มด่ำกันอย่างเร่าร้อนจึงไม่มีใครให้ความสนใจเขามากนัก “วันนี้พี่ใหญ่กำชับมาว่า งานจะต้องสำเร็จลุล่วง ผมจะให้พลาดไม่ได้เด็ดขาด” มือหนากำกระเป๋าแน่นเดินขึ้นไปตรงชั้นสองของตัวผับ ดวงตากวาดมองหาเลขห้อง 236 ที่ลูกน้องแจ้งมา ก่อนจะรีบเปิดประตูเข้าไปทันที “ใจเย็นผมเอง” เซ็นยกมือชูขึ้นเมื่อเห็นว่าคนในห้องยกปืนขึ้นชี้มาที่เขา ด้วยความตกใจ “วางปืนลง” บุรุษผู้เป็นนายนั่งไขว้ขา เอ่ยสั่งน้ำเสียงราบเรียบ ผมจึงกล้าที่จะเดินไปหย่อนก้นนั่งลงตรงข้ามเขาพร้อมทั้งวางกระเป๋าลงเบื้องหน้า หนุ่มวัยกลางคนชาวจีน นามจั่วหลิง “ไม่เจอกันนานเลยนะ เซ็น” น้ำเสียงชายวัยกลางคนเอ่ยถาม ผมจึงยิ้มให้เขาเบาๆ เพราะเราร่วมธุรกิจกันมานาน “ไม่คิดว่าวันนี้ ท่านจั่วจะเดินทางมารับของด้วยตนเอง ช่างเป็นเกียรติแก่ผมอย่างมาก” ผมเอ่ยสั้นๆ แล้วเปิดกระเป๋าให้เขาดูของภายใน ใบหน้าชายวัยกลางคนยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันไปหาลูกน้อง ให้นำเงินมาวางตรงหน้าเซ็น “ฝากบอกอาเฉินด้วยว่า คราวหน้าจะต้องได้ร่วมงานกันอีก” มือหนาจับลงบนไหล่เซ็นแล้วลุกเดินออกไปจากห้อง พร้อมกับลูกน้องที่คอยติดตามห้าคน ผมรีบโค้งตัวให้กับจั่วหลิง ก่อนจะตรวจดูเงินในกระเป๋า แล้วลุกเดินออกจากห้องตามหลังเขาไปแบบห่างๆ “...” ช่วยด้วย” ฉันร้องตะโกนจนสุดเสียงหลังจากที่วิ่งลงมาจากรถเก๋งสีดำริมฟุตพาท โดยมีชายสวมสูทสามคนวิ่งไล่ตามมาแบบติดๆ ใครจะคิดว่าชีวิตจะขมขื่นได้เพียงนี้ กลับมาจากมหา’ลัยก็เจอคนกลุ่มหนึ่งรออยู่ที่บ้าน อีกทั้งพ่อและแม่ยังบอกกับปากว่าให้ไปกับพวกเขาแล้วชีวิตจะสุขสบาย ฉันไม่รู้เลยว่าพ่อกับแม่คิดอะไรอยู่ถึงได้มอบฉันให้คนเหล่านี้ ซึ่งฉันไม่มีทางจะยอมเด็ดขาด “ช่วยด้วย” ฉันวิ่งเท้าเปล่าไปบนฟุตพาท ดวงตาหันมองหาคนที่พอจะช่วย แต่คนเหล่านั้นกลับมองฉันราวกับเป็นฝุ่นอากาศ พวกเขาเดินหนี บ้างก็ไม่สนใจ ฮือๆๆๆ ใครก็ได้ช่วยด้วย” “หยุดนะ” เสียงตะโกนดังมาจากทางเบื้องหลัง ฉันจึงต้องรีบออกแรงวิ่งเพื่อหาที่หลบซ่อน... “ว้าย” มือปริศนากระชากร่างบางเข้าไปในมุมมืดของผับ พลันใช้มือหนาอุดริมฝีปากอมชมพูของเธอเอาไว้ ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้ชิดกันเพียงเสี้ยว “อย่าส่งเสียงถ้าไม่อยากโดนจับได้” ผมเอ่ยเบาๆ กับผู้หญิงคนนั้น เมื่อเห็นว่า คนที่ไล่ตามเธอผ่านไปแล้วจึงค่อยๆ ปล่อยมือออกจากริมฝีปากของเธอ ทำให้ผมเห็นหน้าของเธอชัดขึ้น เธอดูสวยและน่ารัก จนหัวใจของผมเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ “คุณจะไปที่ไหน แล้วคนพวกนั้นไล่ตามคุณมาทำไม” ผมมองดวงตาคู่สวยของเธอขณะเอ่ยถาม แต่เมื่อเธอได้ยินกลับนิ่งเงียบก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ “ฉันไม่รู้” ฉันได้แต่เอ่ยน้ำเสียงสั่นคลอนมองคนตรงหน้าที่ช่วยชีวิต เขาดูเป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่ง ยามอยู่แนบชิดแบบนี้ฉันจึงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยจึงเบี่ยงใบหน้าหันไปอีกฝั่ง อีกทั้งตอนนี้เขาก็ยังมองจ้องมาที่ดวงตาของฉัน ไม่ยอมลดละราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ “งั้นมากับฉัน” ผมจับมือของเธอเบาๆ แล้วพาไปขึ้นรถที่จอดอยู่ “เอาไปสวมสิ” ผมยื่นหมวกกันน็อกให้เธอแต่ดูเหมือนว่าเธอจะสวมมันไม่เป็น ผมเลยต้องสวมให้เธอแทน ตอนนี้ผมจะพาเธอไปส่งที่ไหนยังไม่รู้เลย แต่หากปล่อยทิ้งไว้ที่นี่ คงจะโดนคนเหล่านั้นพาไปทำไม่ดีไม่ร้ายแน่ ร่างหนา ควบบิ๊กไบค์ หลังจากสวมหมวกกันน็อกให้หญิงสาว ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ย่างเท้าเปล่าขึ้นซ้อนเบื้องหลัง มือเรียวสวยของเธอจับเสื้อแจ็กเก็ตของเซ็นเบาๆ เพราะเขินอาย “หากจับแบบนี้เธอได้ตกแน่” ผมเอ่ยกับเธอก่อนจะถือวิสาสะจับมือเรียวดึงมากอดรอบเอวของผม แล้วบิดรถแล่นออกไป สายลมพัดกระทบเรือนร่างของทั้งคู่ยิ่งเซ็น บิดรถเร็วแค่ไหน มือเรียวสวยของหญิงสาวก็ยิ่งกอดกระชับลำตัวเขาแน่นขึ้นเท่านั้น ใบหน้าขาวนวลภายใต้หมวกกันน็อกซบลงบนแผ่นหลังกว้าง ดวงตาคู่สวยหลับตาปี๋ เพราะกลัวความเร็ว เซ็นขับรถพาเธอมาจอดลงที่หน้าห้องเช่า เก่าๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกันหลายหลัง ที่นี่คือที่ไหน “ฉันถอดหมวกกันน็อกแล้วเอ่ยถามผู้ชายคนนั้น ในใจคิดหวาดหวั่นกลัวว่าเขาจะเป็นคนเลว เมื่อเซ็นเห็นดวงตาคู่สวยที่ดูวิตก จึงรับหมวกในมือของเธอมาวางลงบนรถ “ห้องพักฉันเอง เธอไม่ต้องกลัวฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกตามมาสิ” ชายหนุ่มเดินนำเธอไปที่ประตูก่อนจะล้วงหยิบกุญแจออกมาเปิด “เมียเหรอพ่อหนุ่ม” เสียงยายวัยชราห้องข้างๆ เอ่ยถาม ผมจึงหันไปยิ้มบางๆ “ครับยาย” ผมเอ่ยตอบยายไปเพราะหากเธอคือผู้หญิงของผม คนแถวนี้จะได้ไม่กล้ามาวุ่นวายกับเธอ “ทำไมคุณบอกยายไปแบบนั้น” ฉันเอ่ยถามเขาเบาๆ หลังจากเดินตามเขาเข้ามาในห้องที่ดูมืดสลัว และค่อยๆ มีแสงสว่างหลังจากที่ผู้ชายคนนั้นเดินไปกดสวิตช์ไฟ “ทำไมคุณรังเกียจผมเหรอ” ผมเอ่ยถามเธอขณะถอดเสื้อแจ็กเก็ต วางพาดลงบนเก้าอี้เก่าๆ ในห้องนอนแคบๆ “เปล่าค่ะ ฉันก็แค่สงสัย” หญิงสาวยืนนิ่งมองเซ็นถอดเสื้อออกเผยให้เห็นแผงอกกำยำของเขา ทว่าบนผิวกลับมีรอยบาดแผลมากมายที่บ่งบอกว่าเขาคงจะพบเจออะไรมาเยอะ “คืนนี้เธอนอนบนเตียงได้เลยนะ ฉันจะนอนตรงโซฟาเอง” ผมเอ่ยกับเธอก่อนจะเดินไปเปิดตู้แล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เธอพอจะสวมได้ออกมาวาง “นั่นห้องอาบน้ำ และนี่คือผ้าของเธอ ใช้ได้ตามสบาย” ผมมองดูเธอสวมชุดนักศึกษารัดรูปแล้วมันรู้สึกขัดตาอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าตนเองจะอดใจไม่ไหวแล้วเผลอทำอะไรเธอลงไป “ขอบคุณนะคะ” ฉันเดินไปหยิบเสื้อที่ผู้ชายคนนั้นวางพาดไว้ให้ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยความเบื่อหน่าย หญิงสาวจึงเดินชมบรรยากาศไปจนทั่วชายหาดแล้วกลับมาที่บ้านก็ยังไร้วี่แววการมาของเซ็น เธอถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่เสียงรถจะขับเล่นเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้า ดวงตาคู่สวยหันไปมองด้วยความอยากรู้ทันทีที่เธอเห็นร่างเล็กของลูกชายย่างลงจากรถ ใบหน้าขาวนวลก็ยกยิ้มร่าดีใจ “ม๊า” เสียงมังกรตะโกนแล้วรีบวิ่งเข้ามาสวมกอดน้ำฟ้าแน่นเซ็นที่ย่างตามลงมายิ้มมองพวกเขาสองแม่ลูกก่อนจะยักไหล่แบบคนถูกเมินแล้วเดินไปยืนข้างๆ มังกร “ว้า น้อยใจจังมังกรไม่กอดป๊า” ชายหนุ่มเอ่ยจบน้ำฟ้าก็แอบขำเขาเบาๆ แล้วชวนมังกรขึ้นห้อง “ไปเถอะมังกรม๊าคิดถึงลูกจะแย่แล้ว”“อ่าวคุณเดี๋ยวสิ” เซ็นยืนเกาหัวเบาๆ เมื่อเห็นผู้หญิงที่รักเดินขึ้นห้องไปกับลูกชาย “นี่ผมกลายเป็นหมาหัวเน่ารึเปล่านะ” ชายหนุ่มครุ่นคิดในหัวแล้วปล่อยให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ส่วนตนเองก็ยื่นของในมือให้สาวใช้ “วันนี้ผมจะเข้าครัวด้วยตัวเองนะ” เมื่อเซ็นเอ่ยจบพิงสาวใช้ก็ย่อตัวตกลงเบาๆ แล้วนำของไปจัดการให้เข้าที่ ในระหว่างที่น้ำฟ้าและมังกรอยู่บนห้องพูดคุยกันตามประสาแม่ลูกเซนก็ใช้โอกาสนี้ในการทำอาหารเพื่อใช้สำหรับงานเลี้ยงเล็กๆ ในคืนนี้ เขาอยากจะให้น้ำฟ้
เซ็นโน้มตัวลงเข้าหาเรือนร่างบางของน้ำฟ้า ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบสัมผัสพวงแก้มเธอเบาๆ “อย่าโกรธผมเลยนะ อาซ้อของผม” น้ำเสียงหนาเอื้อนเอ่ยก่อนจะลงจูบสัมผัส ซอกคอของหญิงสาวเบาๆ ทว่าถูกมือเรียวสวยของน้ำฟ้าผลักอกกว้างรั้งเอาไว้ซะก่อน “อย่าคิดว่าใช้คำพูดหวานมาหว่านล้อมแล้วฉันจะเชื่อคุณอีกนะคะเซ็น” เธอเอ่ยไม่ทันจะจบ เจ้ามือหนาของเซ็นก็จับมือของเธอชูแนบเหนือศีรษะ “งั้นผมขอไถ่โทษเลยละกัน” ท่ามกลางบ้านขนาดใหญ่บนโซฟาหรูริมฝีปากอุ่นๆ ก้มลงซุกไซ้แผ่วเบาๆ มือของเขาซุกซนจนร่างบางไร้ทางหลบหนี จำยอมต้องปรนเปรอเขาตอบด้วยรสจูบที่เร่าร้อน สายลมอ่อนๆ พัดกระทบม่าน ผ้าจนพริ้วไสว ไหล่คู่งามของ หญิงสาวถูกมือเรียวลูบสัมผัสจนเธอรู้สึกอุ่น ดวงตาสีสวยมองเพดานของตัวบ้านพลันโยกย้ายลำตัวขึ้นลงเบาๆ เมื่อเจ้าของแปลกปลอมเริ่มจะทำงาน รุกล้ำกลีบสวาทเข้าไปเพียงครึ่งก็พลันหยุด แล้วค่อยๆ ขยับเขยื้อนถี่ๆ เพราะหากสอดใส่ไปมากกว่านี้้เกรงว่าเจ้าน้ำฟ้าตัวน้อยจะคับแน่นเกินไป เซ็นทำอะไรมักจะทิ้งช่องทางเอาไว้เสมอ ชายหนุ่มไม่อยากจะให้น้ำฟ้าต้องเจ็บกับเจ้าแท่งร้อนอันเบอเร่อของตนเอง ก็เพียงเพราะอยากจะเก็บความเจ็บปวดนั้นไว้ลงโทษเวลาที
หัวหน้าแก๊งทุกคนทันทีที่ได้เห็นข้อความในเซ็นเอกสารบ้างก็เห็นด้วยแต่มีบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย มือหนากำมือก่อนจะตีลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงแล้วลุกขึ้นจนทุกคนหันไปมอง “การทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไง ก็แค่เด็กเมื่อวานซืนที่ไม่มีประสบการณ์ คิดจะมาใช้สัญญาบังคับกับพวกเรางั้นเหรอ” หัวหน้าแก๊งมังกรดำเอ่ยเสียงเข้ม เมื่อเซ็นเห็นการกระทำของเขาใบหน้าหล่อๆ ก็กระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ แล้วรับแฟ้มเอกสารจากโบตั๋นมาถือไว้ในมือชูขึ้นเบื้องหน้าทุกคน “ผมอยากจะบอกให้พวกคุณทราบว่านี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญญาธรรมดา แต่มันเป็นสัญญาที่จะทำให้พวกเราทั้ง 9 แก๊งกลมเกลียวกัน “มันคือกฎข้อห้ามว่าคนในแก๊งทั้ง 9 ห้ามฆ่ากันเอง” “ฉันเห็นด้วย” ร่างสูงสง่าลุกยืนพลันตะโกน เขาก็คือหัวหน้าแก๊งมังกรเหมันต์ โดยปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับการโต้เถียงมากนัก ทว่าวันนี้กลับยอมเอ่ยปากต่อสู้เพื่อช่วยเซ็น แสดงให้เห็นว่าแก๊งมังกรเหมันต์ยอมศิโรราบต่อเขา หลังจากนั้นทุกคนก็ต่างเอ่ยซุบซิบก่อนจะลงความเห็นไปทางข้างของหัวหน้าแก๊งมังกรเหมันต์ ทุกคนเห็นด้วยกับสัญญาฉบับนี้ก่อนที่จะมีบางส่วนเริ่มลงมือเซ็นสัญญาลงนามในเอกสาร “ม๊าครับเราจะลงเลยไหมครับ”
ท่ามกลางห้องโถงใหญ่ภายในโรงแรมสุดหรู ขบวนรถมากมายต่างพากันขับเล่นเข้ามาจอดพร้อมกับบอดี้การ์ดคอยติดตามบุคคลสำคัญที่มาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ ดังเช่นรถคันแรกที่ขับเล่นเข้ามา บอดี้การ์ดสวมใส่ชุดสูทสีดำรีบวิ่งลงมาเปิดประตูเบาะหลังก่อนที่ชายวัยกลางคนหนวดเคราหนาใบหน้าคล้ายกับชาวลาติน ดวงตาคมเข้มสวมใส่สูทดูดีจะย่างกรายลงมาพร้อมกับภรรยาแสนสวยของเขา แล้วเดินเข้าไปในงานโดยมีบอดี้การ์ด 10 คนประกบหน้าหลังเขาก็คือเซียว หัวหน้าแก๊งมังกรคราม ชายหนุ่มผู้เยือกเย็นเขาเป็นคนนิ่งและสุขุมอย่างมากและที่สำคัญเขาเคารพประมุขแก๊ง 9 เศียรมาโดยตลอด “สวัสดีครับคุณหนูใหญ่” น้ำเสียงหนาเอ่ยทักทายโบตั๋นที่ยืนต้อนรับแขกอยู่หน้าประตูทางเข้าก่อนจะจับมือเธอเป็นการทักทายแล้วพากันเดินเข้าไปในงานรถคันต่อมาก็คือฟางหวน เขาคือหัวหน้าแก๊งมังกรฟ้า ชายวัย 39 ปีเขาเป็นคนอัธยาศัยดีและมีนิสัยอ่อนโยนอย่างมาก ฟางหวนชื่นชอบเรื่องดนตรีแม้เขาจะเป็นหัวหน้าแก๊งยากูซ่าชื่อดัง ทว่าความอบอุ่นของเขากลับเป็นที่ต้องตาในหมู่มวลสาวๆ มากมาย เขาเป็นชายโสดที่เคยสูญเสียคนรักเมื่อหลายปีก่อน “สวัสดีครับคุณหนูใหญ่” มือหนาจับมือของโบตั๋นขณะเอ่ยทักทาย ดว
เครื่องบินแลนดิ้งลงจอด ณ สนามบินส่วนตัวพร้อมกับบอดี้การ์ดกว่า 20 คนที่ยืนรอรับอยู่เบื้องล่าง “เราจะได้ไปเยี่ยมคุณพ่อกันแล้วนะเซ็น” โบตั๋นเอ่ยกับน้องชายเพราะหลายปีมานี้เซ็นแทบจะไม่ได้เจอกับหยวนเลย ทั้งคู่เดินย่างลงบันไดเครื่องบินส่วนตัวเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่เบื้องล่างก่อนจะขับแล่นออกไปมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลชื่อดังของประเทศฮ่องกง ตลอดทางดวงตาคู่คมของเซ็นยังคงมองออกไปนอกกระจกรถแววตาของเขาครุ่นคิดเป็นห่วงน้ำฟ้าและมังกรลูกชายเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกเขาจะทำอะไรอยู่ การมาครั้งนี้ของเซ็นเป็นความลับเพราะโบตั๋นไม่อยากจะให้เรื่องของการป่วยของหยวนถูกเปิดเผยไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดการชิงอำนาจของแต่ละแก๊งได้ รถเก๋งคันสีดำขับเล่นไปบนท้องถนนก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่หน้าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ “เชิญครับ”บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำเดินถือร่มมาเปิดประตูพาพวกเขาเดินเข้าไปภายใน โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ช่วยปกปิดความลับอาการป่วยของหยวน เพราะทางโรงพยาบาลได้รับเงินช่วยเหลือจากหยวนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นโรงพยาบาลแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนโรงพยาบาลของหยวนเอง “ทางนี้ครับ” หมอหนุ่มยืนรอพวกเขาอยู่ก่อนจะเดินพาไป
เครื่องบินแลนดิ้งลงจอด ณ สนามบินส่วนตัวพร้อมกับบอดี้การ์ดกว่า 20 คนที่ยืนรอรับอยู่เบื้องล่าง “เราจะได้ไปเยี่ยมคุณพ่อกันแล้วนะเซ็น” โบตั๋นเอ่ยกับน้องชายเพราะหลายปีมานี้เซ็นแทบจะไม่ได้เจอกับหยวนเลย ทั้งคู่เดินย่างลงบันไดเครื่องบินส่วนตัวเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่เบื้องล่างก่อนจะขับแล่นออกไปมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลชื่อดังของประเทศฮ่องกง ตลอดทางดวงตาคู่คมของเซ็นยังคงมองออกไปนอกกระจกรถแววตาของเขาครุ่นคิดเป็นห่วงน้ำฟ้าและมังกรลูกชายเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกเขาจะทำอะไรอยู่ การมาครั้งนี้ของเซ็นเป็นความลับเพราะโบตั๋นไม่อยากจะให้เรื่องของการป่วยของหยวนถูกเปิดเผยไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดการชิงอำนาจของแต่ละแก๊งได้ รถเก๋งคันสีดำขับเล่นไปบนท้องถนนก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่หน้าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ “เชิญครับ”บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำเดินถือร่มมาเปิดประตูพาพวกเขาเดินเข้าไปภายใน โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ช่วยปกปิดความลับอาการป่วยของหยวน เพราะทางโรงพยาบาลได้รับเงินช่วยเหลือจากหยวนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นโรงพยาบาลแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนโรงพยาบาลของหยวนเอง “ทางนี้ครับ” หมอหนุ่มยืนรอพวกเขาอยู่ก่อนจะเดินพาไป
Mga Comments