หน้าหลัก / โรแมนติก / ในเงาของหัวใจ / บทที่ 6 คุณไม่มีวันลอกหัวใจของคนได้

แชร์

บทที่ 6 คุณไม่มีวันลอกหัวใจของคนได้

ผู้เขียน: แพรวรุณ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-11 15:11:51

“เราจะจัดประชุมด่วนไหมคะ” อรดา ผู้ที่เป็นเลขาส่วนตัวถามเบา ๆ

 

“ไม่ต้อง” เธอตอบเสียงแผ่ว “ให้ทุกคนพักก่อน...ฉันขอเวลาทบทวนแผนแป๊บเดียว”

 

เธอยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงชั้นบนสุด ปล่อยให้ลมเย็นตีหน้าเบา ๆ เสียงรอบตัวเงียบลง เหลือเพียงเสียงลมหายใจและเสียงในใจที่เริ่มสั่นไหว

 

คืนนั้นเธอกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน ไฟในบ้านเปิดไว้เพียงดวงเดียว บรรยากาศเงียบจนได้ยินเสียงนาฬิกาเดิน นาราเดินไปยังชั้นหนังสือ ค่อย ๆ หยิบกรอบรูปเก่าออกมา ภาพของเธอกับกานต์ในวันเปิดโรงแรมสาขาแรก เขายิ้มแบบเดิม...รอยยิ้มที่เคยทำให้ทุกอย่างดูง่ายขึ้นเสมอ

'ถ้าวันหนึ่งเธอเจออะไรหนัก ๆ ให้คิดว่าเธอไม่ได้เดินคนเดียว' เสียงของเขาในความทรงจำเอ่ยเบา ๆ

 

“แต่ตอนนี้ฉัน...ก็เดินคนเดียวจริง ๆ ใช่ไหม” เธอพึมพำ กอดกรอบรูปแน่น น้ำตาร่วงเงียบลงบนหลังมือ

 

คืนทั้งคืนเธอไม่ได้นอน แต่เมื่อแสงแรกของวันใหม่ส่องลอดม่านเข้ามา นาราลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ ล้างหน้าแต่งตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอมองตัวเองในกระจก ดวงตายังคงแดงช้ำ แต่ภายใต้ความหม่นนั้นกลับเปล่งประกายอะไรบางอย่าง

เธอนั่งนิ่งอยู่บนเตียง สูดลมหายใจลึก แล้วหันไปมองตารางงานที่วางอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ ข้างเตียง

 

“บริษัทของฉัน...” เธอพึมพำเบา ๆ “ลูกน้องของฉัน...ทุกคนกำลังรอฉันอยู่”

 

เธอหลับตาลงครู่หนึ่ง ภาพของใบหน้าทีมงานผุดขึ้นมาในความคิด เสียงหัวเราะในห้องประชุม ความทุ่มเทในแววตา และความหวังที่ทุกคนฝากไว้ในมือเธอ

 

“ฉันจะมาจมอยู่กับน้ำตาแบบนี้ไม่ได้” เธอพูดกับตัวเอง “ปัญหานี้ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด...และฉันจะเป็นคนลงมือแก้เอง”

 

นาราลุกขึ้นจากเตียง ล้างหน้า แต่งตัวอย่างเรียบง่ายแต่มั่นใจ ผูกผมขึ้นรวบตึงแล้วมองตัวเองในกระจก

 

ดวงตาแม้ยังแดงช้ำจากการร้องไห้ แต่ภายใต้แววตานั้นกลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน

 

“ถึงเวลาแล้ว...ที่ฉันจะไม่หนี แต่จะเดินเข้าไปในพายุด้วยตัวเอง”

 

 

เช้าวันนั้น นาราเรียกประชุมทีมทันที

“คุณนาราคะ ก่อนจะเริ่ม พู่ขอถามตรง ๆ …” ชมพู่หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์เอ่ยขึ้น “เรายังเดินหน้าต่อกับแคมเปญนี้อยู่ไหมคะ”

 

ห้องประชุมเงียบลง ก่อนที่ใครจะพูด เสียงเรียบนุ่มของใครบางคนก็ดังขึ้นจากมุมโต๊ะ

“คุณนารา...ไม่ว่าเราจะตัดสินใจเดินต่อหรือหยุดชั่วคราว ฉันขอเป็นกำลังใจให้คุณเสมอค่ะ”

ศิตา ผู้ช่วยส่วนตัวฝ่านประสานงานวัยสามสิบกลาง ๆ มองเธอด้วยสายตาแน่นิ่งแต่เต็มไปด้วยความเคารพ “ฉันรู้ว่าทุกแผนการที่คุณเลือก...คุณคิดถึงบริษัทและพวกเราทุกคนมาแล้วเป็นอย่างดี”

สำหรับศิตาแล้ว นาราไม่ใช่เพียงเจ้านาย แต่คือคนที่เธอเคารพสุดหัวใจ ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน ตอนที่ชีวิตครอบครัวของศิตากำลังพังทลาย สามีทิ้งเธอไปพร้อมหนี้สินก้อนโต และลูกน้อยเพิ่งเข้าโรงเรียน นาราไม่เพียงยื่นมือช่วยเหลือเรื่องงาน แต่ยังเป็นคนแรกที่ถามว่า

“ศิตา...วันนี้เธอเหนื่อยไหม”

คำถามแสนเรียบง่ายในวันนั้น กลับกลายเป็นแรงพยุงให้ผู้หญิงคนหนึ่งกลับมายืนได้อย่างสง่างาม และในวันนี้ ศิตาไม่มีวันลืมว่าเธอจะยืนอยู่ตรงนี้...ก็เพราะนารา

 

นาราเงยหน้าขึ้นมองศิตาและชมพู่ สบตากันครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วพูดชัดถ้อยชัดคำ “เราจะเดินหน้าต่อค่ะ”

 

เธอลุกขึ้น เดินไปเปิดสไลด์ใหม่ที่หน้าจอประชุม บนหน้าจอมีข้อความเพียงบรรทัดเดียว

“เราจะตอบทุกคำถามด้วยสิ่งที่ไม่มีใครลอกเลียนได้ สิ่งนั้นคือ หัวใจของลูกค้า”

“เราจะใช้ความรู้สึกจริง เสียงจริง และเรื่องจริง เพราะไม่มีอะไรน่าเชื่อถือไปกว่าคนที่เคยสัมผัสเราด้วยตัวเอง” เธอกล่าว

 

ทุกคนพยักหน้าเบา ๆ มองมาที่นาราด้วยแววตาที่เชื่อมั่น

 

“ทีมลูกค้าสัมพันธ์ รวบรวมเรื่องราวจากลูกค้าตัวจริงที่เคยใช้บริการของเรา” นาราวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน “เราจะคัดเลือกมา 7 เรื่อง และสร้างวิดีโอสั้นที่บอกเล่าเรื่องนั้นในแบบที่เขาเป็น”

“เราไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่ม ขอเพียงความจริงที่ออกจากใจเขา แล้วเราจะทำให้มันดังพอให้ทุกคนได้ยิน”

 

“ดิฉันขออาสาประสานงานเรื่องเนื้อหาให้ค่ะ” ศิตากล่าวเสริม “คุณนาราไม่ต้องห่วง ฉันจะดูให้ทุกอย่างยังคงอยู่ในภาพลักษณ์ที่คุณตั้งใจ”

 

"พู่ก็จะเตรียมกลยุทธ์ด้านการประชาพัมพันธ์ ติดต่อสื่อสำนักใหญ่ ๆ ให้ฝั่งคู่แข่งหน้าหงายไปเลยค่ะคุณนารา" ชมพู่กล่าวร่วมด้วยช่วยสนับสนุนอย่างสุดกำลัง

 

หัวหน้าฝ่ายภาพลักษณ์พูดขึ้น “เราสามารถจัดรายการย่อยกับสื่อออนไลน์ ให้ลูกค้าออกมาเล่าแบบสด ๆ ได้เลยนะคะ จะยิ่งตอกย้ำความน่าเชื่อถือ”

 

ทุกคนทั่วทั้งห้องประชุมต่างก็เสนอแผนงานกันอย่างกระตือรือร้น ทำให้เห็นว่าแค่นาราพร้อมที่จะสู้ พวกเขาก็พร้อมที่จะร่วมยืนอยู่ข้าง ๆ เธอเสมอ

 

นาราพยักหน้าเบา ๆ ดวงตาสั่นไหวด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณนะทุกคน..”

 

ศิตายิ้มอ่อน เอ่ยกับนาราด้วยน้ำเสียงที่ออกมาจากหัวใจ “เพราะคุณนาราเองก็ไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลังค่ะ ครั้งนี้คุณก็จะผ่านไปได้เหมือนทุกครั้งแน่นอน”

 

 

 

72 ชั่วโมงถัดมา โลกออนไลน์เต็มไปด้วยวิดีโอจากลูกค้าจริง เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ ภาพของครอบครัว ทุกวินาทีมีความทรงจำ และทุกความทรงจำพาให้ชื่อของวรเมธินทร์กลับมาดังอีกครั้ง

ยอดจองทะลุเป้าในเวลาอันสั้น ความคิดเห็นสนับสนุนหลั่งไหลกลับมา ในขณะที่บริษัทคู่แข่ง...เงียบงันอยู่ท่ามกลางคำถามใหม่ที่ดังกว่าเดิม

“ใครกันแน่...ที่ยืนอยู่ข้างลูกค้าอย่างแท้จริง?”

 

หลังประชุมสรุปผลแคมเปญสิ้นสุดลง นาราเดินออกจากห้องประชุมด้วยดวงตานิ่งเรียบ เธอไม่ได้พูดกับใคร เพียงเดินตรงไปยังระเบียงเดิม แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า

 

“คุณลอกโปรโมชั่นได้ ลอกการออกแบบได้…” เธอกระซิบกับตัวเองเบา ๆ “แต่คุณไม่มีวันลอกหัวใจของคนได้...ไม่มีวันเลย”

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 145 ค่ำคืนแห่งชั่วนิรันดร์

    “เหนื่อยไหมครับ?” เขาถามเมื่อพาเธอเข้ามานั่งบนโซฟา “ไม่ค่ะ…แค่ใจเต้นแรงอยู่เรื่อยเลย” เธอยิ้มบาง ๆ พูดออกมาอย่างเขิน ๆ ธีภพหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบใกล้ใบหูเธอ “ใจคุณเต้นแรง…แต่ใจผมแทบจะระเบิด” นาราหัวเราะคิก แล้วตีไหล่เขาเบา ๆ แต่มือของเขากลับยื่นมาจับมือนั้นไว้ และแนบมันไว้กับอกเขา ภายในห้องนอน แสงไฟสีอำพันคลี่คลุมห้องทั้งห้องไว้ด้วยความอบอุ่น กลิ่นหอมจาง ๆ จากดอกไม้ข้างเตียงแตะจมูกเบา ๆ เสียงหัวใจสองดวงที่กำลังใกล้กันทีละนิด…ดังกว่าเสียงใด ๆ ธีภพยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามองเธอราวกับเธอเป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปปลดเครื่องประดับผมของเธอออกช้า ๆ เส้นผมดำขลับสยายลงบนบ่าขาว เธอหลับตาลงช้า ๆ รับสัมผัสจากปลายนิ้วของเขา “คุณรู้ไหม” เขากระซิบ “ผมฝันถึงค่ำคืนนี้มานานมาก ฝัน…ถึงวันที่คุณจะอยู่ในอ้อมแขนผม ไม่ใช่แค่ชั่วคืน แต่ตลอดชีวิต” เธอไม่ตอบ เพียงยิ้ม และยื่นมือไปแตะแก้มเขาเบา ๆ “และฉันก็เลือกจะอยู่ตรงนี้…กับคุณ ทั้งในคืนนี้ และคืนไหน ๆ ที่ยังมีลมหายใจอยู่” ธีภพก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นป

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 144 นึกว่าเธอหานงยสาบสูญไปแล้ว

    วันแต่งงานที่รอคอยมาถึง เช้าวันนั้น แสงแดดยามสายทอดอุ่นลงบนสนามหญ้าเขียวขจี สายลมพัดผ่านแผ่วเบา กลีบดอกไม้ที่ประดับอยู่ตามซุ้มขาวเคลื่อนไหวราวกับเต้นรำรับจังหวะหัวใจของใครบางคน บริเวณงานถูกจัดเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยรายละเอียดที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ ผ้าคลุมบางเบา โทนสีขาวครีมผสมกลิ่นกุหลาบอ่อน ๆ ลอยในอากาศ ดนตรีจากเปียโนคลอเบา ๆ ท่ามกลางเสียงพูดคุยของแขกที่มาด้วยรอยยิ้ม ที่นี่...คือสถานที่ซึ่งหัวใจสองดวงจะเริ่มต้นบทใหม่ ไม่ใช่แค่พิธีการ แต่เป็น "คำสัญญา" ที่กลั่นมาจากทุกบททดสอบของชีวิตที่ผ่านมา ... ภายในห้องแต่งตัว เสียงหัวเราะนุ่ม ๆ ดังขึ้นเมื่อหญิงสาวในชุดเดรสลูกไม้สีพีชก้าวเข้ามา พราวฟ้า ดาราสาวเพื่อนสนิทของนารา วางกระเป๋าเบา ๆ แล้วโผเข้ากอดเพื่อนด้วยความคิดถึง “หายไปครึ่งปี! ฉันนึกว่าเธอหายสาบสูญไปแล้วนะ” นาราหัวเราะอย่างแผ่วเบา “เกือบแล้วจริง ๆ” พราวฟ้าหัวเราะตาม “กองถ่ายเรื่องล่าสุดให้เก็บตัวขึ้นเขา ไม่มีเน็ต ไม่มีสัญญาณเลยสักเส้น ฉันนับวันรอจะได้ลงมางานนี้เลยนะรู้ไหม” สองเพื่อนสาวสบตากันอย่างเข้าใจ แม้ไม่มีคำพูดมาก แต่แววตาก็สื่อได้ว่า…เธอไม่พลาดวัน

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 143 กำหนดวันหมั้นและวันแต่งงาน

    คำพูดนั้นเรียบ แต่หนักแน่นพอจะทำให้ห้องทั้งห้องเงียบงันชั่วครู่ คุณบงกชหันไปมองนารา ลูกสาวของเธอในวันนี้…ไม่ใช่ผู้หญิงที่ยังตกอยู่ใต้เงาอดีตอีกต่อไป แต่คือผู้หญิงที่ยืนอย่างมั่นคง ข้างคนที่เลือกจะปกป้องเธอจนสุดทาง การพูดคุยหลังจากนั้นดำเนินไปอย่างอบอุ่น กำหนดวันหมั้นและวันแต่งงานถูกพูดถึงทีละลำดับ เสียงหัวเราะดังขึ้นบ้างในจังหวะที่คุณบงกชและคุณสุวิมลคุยกัน พลางหันมาถามว่า “ตกลงต้องเตรียมห้องไว้สำหรับเวลาหลาน ๆ มาเที่ยวเล่นเลยไหมลูก?” ธีภพกับนาราสบตากันแล้วยิ้ม แบบที่ไม่ต้องมีคำตอบ เพราะคำตอบอยู่ในดวงตาคู่นั้น…ที่มองกันราวกับโลกทั้งใบมีแค่คนสองคน หลังจากบทสนทนาเรื่องวันสำคัญสิ้นสุดลง ในขณะที่ทุกคนยังนั่งพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มอบอุ่น นาราค่อย ๆ ลุกขึ้น เธอไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงสบตาธีภพอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหมุนกาย ก้าวขึ้นสู่ชั้นบนของบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำ บ้านสไตล์เรียบหรูที่แวดล้อมด้วยสีอุ่นและแสงเงานุ่มนวล เงียบพอให้ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองทุกครั้งที่ก้าวเท้า เธอหยุดหน้าห้องห้องหนึ่ง ประตูไม้สีอ่อนเรียบสะอาดบานนั้นไม่ได้ถูกเปิดมานานหลายปี เพราะมันคือห้

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 142 เรือนหอ

    ไม่กี่วันถัดมา แสงแดดอุ่นยามสายสาดลงบนระเบียงหน้าบ้านสองชั้นสไตล์เรียบหรู เส้นสายของรั้วขาวตัดกับสวนสีเขียวขนาดย่อมอย่างลงตัว เงาของต้นปีบที่ปลูกใหม่เพิ่งเริ่มผลิใบสะท้อนบนกระจกหน้าต่างชั้นสอง ธีภพ ก้าวลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เธอ มือเขายื่นออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยคำ เธอก็วางมือลงในมือเขาอย่างคุ้นเคย “บ้านหลังนี้…จะเป็นเรือนหอของเรานะ” เขาบอกเสียงนุ่ม นารามองตรงไปยังตัวบ้าน บ้านเดี่ยวหลังไม่ใหญ่แต่ถูกออกแบบอย่างประณีต สีนวลอ่อนของผนังตัดกับโครงไม้สีอบอุ่น ประตูไม้จริงมีลวดลายเรียบง่ายแต่แฝงความมั่นคง “สวยมากเลยค่ะ” เสียงเธอเบา ดวงตาเปล่งประกาย “เหมือนบ้านที่อยู่ในฝันตอนเด็กของฉันเลย” เขายิ้ม มองเธอด้วยแววตาที่มีแสงสะท้อนบางอย่าง “ผมอยากให้มันเป็นมากกว่าฝัน…อยากให้คุณรู้ว่า ที่นี่...คุณจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว” ภายในบ้านอบอวลด้วยกลิ่นใหม่และแสงธรรมชาติจากช่องแสงบนเพดานสูง พวกเขาเดินไปด้วยกัน ดูทีละห้อง ห้องรับแขกโปร่งโล่งเชื่อมต่อกับครัวเปิด ห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ ที่มีหน้าต่างบานใหญ่รับวิวสวนหลังบ้าน พอขึ้นมาชั้นสอง เธอก็หยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง “ห้องน

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 141 ให้วันนั้นเป็นจุดจบของเธอ

    เสียงของเขาไม่ได้ดังก้อง แต่น้ำหนักของถ้อยคำแต่ละพยางค์ กลับกรีดอากาศให้บางยิ่งกว่าใบมีด “อย่าให้เธอได้อยู่อย่างเป็นสุขแม้แต่วันเดียว…” “ฉันไม่สนวิธีไหน กด เฆี่ยน ล่อหลอก ดึงจิตใจเธอให้สั่นไหว ทำทุกอย่างที่จำเป็น” เจ้าหน้าที่ชะงักวูบ แววตาเขาสะท้อนความลังเลเพียงเสี้ยววินาที แต่ก็หายไปทันทีเมื่อสบตารัฐมนตรี “เค้นออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้ความเจ็บปวดแค่ไหน” เสียงของเขาต่ำลง “หาที่ซ่อนตัวของลาริสาให้เจอ” จากนั้น เขาเงียบไปครู่ ก่อนพูดประโยคสุดท้ายช้า ชัด และราวกับตอกตรึงไว้ในอากาศ “และในวันที่เธอปริปากบอกเรา…ให้วันนั้นเป็นจุดจบของเธอ” เจ้าหน้าที่ข้างกายพยักหน้ารับเบา ๆ เสียงรองเท้าหนัก ๆ เริ่มเคลื่อนออกจากคฤหาสน์ ร่างของวิลัยลักษณ์ถูกพาไปยังรถคุมขังที่รออยู่ด้านนอก ใบหน้าเธอยังมีรอยยิ้มเยาะอยู่จาง ๆ แต่ในแววตา…มีบางสิ่งเริ่มเปลี่ยนไป เหมือนเธอกำลังรู้ตัวว่า “เกม” ที่คิดว่าควบคุมได้…อาจกลายเป็น “นรก” ที่เธอสร้างขึ้นไว้ให้ตัวเอง บันไดหินอ่อนภายในคฤหาสน์เดชาสกุลวงศ์ เงาของโคมไฟแก้วระย้าไหวระริกตามแรงลมที่ลอดเข้ามาเพียงแผ่วเบา ภายนอก...รถควบคุมตัวเคลื่อ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 140 มันจะไม่หยุดแค่เรื่องข่าวหรือธุรกิจ

    คฤหาสน์ตระกูลเดชาสกุลวงศ์ ห้องโถงใหญ่เงียบงัน จอทีวีฉายข่าวแบบเรียลไทม์ น้ำเสียงผู้ประกาศนิ่ง เรียบ แต่อัดแน่นด้วยพลังของ “ความจริง” คุณวิลัยลักษณ์ ยืนมองอยู่กลางห้อง ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร แม้แต่คนสนิทที่สุดของเธอ มือของเธอกำหมัดแน่น เล็บจิกเข้ากับเนื้อจนเลือดซึม แต่เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บอีกแล้ว ทุกอย่างที่เธอวางไว้… กลับย้อนใส่ตัวเอง เสียงโทรศัพท์เริ่มดังขึ้นไม่หยุด ทั้งจากนักข่าว หน่วยงานรัฐ และทนายของเธอ แต่เธอไม่รับแม้แต่สายเดียว เธอเพียงหลุบตามองโต๊ะ… ที่วางภาพของ ปกรณ์ ในวันที่ยังยิ้มได้ ภาพที่ไม่เหลือความจริงอยู่ในวันนี้แม้แต่น้อย ... อีกฟากหนึ่ง ที่ซาเลียน อินโนเวชั่น ข่าวเปิดโปงถูกรายงานซ้ำในทุกช่องทาง ทีมงานหลายคนถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ อย่างโล่งอก ภานุวัฒน์เดินเข้ามาพร้อมรายงานล่าสุด “ตอนนี้ฝ่ายข่าวหลักเจ็ดสำนักตรวจสอบแล้ว ทุกอย่างตรงกับที่เราส่ง ไม่มีข้อโต้แย้ง” เขายิ้มบาง “ถ้าข่าวนี้ออกไปเร็วกว่านี้อีกนิด เธอคงไม่ได้ทันปล่อยข่าวปลอมมาปั่นด้วยซ้ำ” ธีภพไม่พูดอะไร เขาหันไปมองนาราที่นั่งเงียบอยู่ที่มุมห้อง เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “ยังไม่หมด

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status