“ทำไมทำตาขวางใส่กู?” ธรรศหนุ่มเพลย์บอย กระซิบเย้า ๆ ทั้งยังใช้ศอกกระทุ้งท้องปุริมอีก มองเพื่อนหนุ่มกับสาวใช้แล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากล ปุริมแปลกไปจากครั้งก่อนที่เคยพบเจอ ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะทำใจเรื่องของผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว และคงได้รังใหม่ให้ได้กกกอดสร้างไออุ่น
“ไม่ยักรู้ว่ามึงออกมาเดินห้างได้ด้วย” ธรรศรู้ว่าปุริมเป็นพวกเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เพื่อนคนนี้ไม่ชอบคนหมู่มาก ออกแนวขี้รำคาญ ชอบอยู่ตามลำพัง จะเข้าสังคมเฉพาะจำเป็นเท่านั้น
ปุริมไม่ตอบ ธรรศจึงเลือกเบี่ยงสายตาไปที่สาวร่างอ้อนแอ้นที่ยืนกะพริบตาปริบ ๆ อยู่
“มาซื้อของเหรอครับ?”
“เอ่อ…ค่ะ คุณปุมใจดีซื้อพวกอุปกรณ์ไอทีไว้ให้พิมค่ะ เวลาเรียนจะได้สะดวก” ธรรศพยักหน้าหงึกหงักเหล่มองปุริมที่เอาแต่ยืนเงียบ พิมพิไลเป็นผู้ให้ความกระจ่างกับสิ่งที่สงสัยทั้งหมด เขาเอียงตัวกระซิบกระซาบกับเพื่อนในแก๊ง
“เดี๋ยวนี้เป็นเสี่ยเหรอมึง ให้ทั้งการศึกษาและของใช้” คำตอบยังคงเป็นความเงียบ ธรรศนึกสนุกอยากแกล้งเพื่อนต่อ แต่มือถือเขามีสายเข้าเสียก่อนจึงโบกมือลาทั้งสอง แต่ไม่วายยักคิ้วหลิ่วตาให้คนที่ทำตัวเป็นเสี่ยเปย์ไม่อั้น
ปุริมทอดถอนใจไม่คาดคิดจะเจอคนรู้จักที่นี่ ชายหนุ่มส่ายหน้าแล้วเดินนำพิมพิไลไปยังลานจอดรถ
“ฉันหิวแล้ว”
“คุณปุมจะกินที่นี่หรือว่าจะกลับไปกินที่บ้านคะ ถ้าที่บ้านในครัวยังมีของที่ป้าแสงซื้อไว้อีกเยอะเลย อยากกินอะไรบอกพิมได้เลยนะคะ พิมจะจัดการให้ค่ะ”
ประตูรถปิดลงพร้อมกับทั้งสองเข้ามาอยู่ในรถ ปุริมเอียงหน้ามองสาวใช้อีกครั้ง เธอเองก็มองเขาอยู่เช่นกัน ด้วยจะได้รับฟังเมนูที่เจ้านายหนุ่มอยากกินได้ชัดเจน
“เธอ”
“คะ?!”
“เมนูที่ฉันอยากกิน” ลมหายใจพิมพิไลสะดุด เข้าใจได้ในทันที ใจเต้นโครมคราม ลามไปถึงเนื้อตัวที่เริ่มสั่นเทาและร้อนผ่าว ลอบกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ แอบเผลอคิดถึงความสัมพันธ์วาบหวามหลายครั้งที่เกิดขึ้น ปุริมเป็นคนใช้เวลาทำรักนาน เขาค่อนข้างอึด ทำให้เธอเสร็จสมก่อนหลายครั้งกว่าเขาจะถึงที่หมาย ถึงปุริมจะดูเหมือนใจร้ายทว่าเขาไม่เคยปล่อยให้เธอค้างเติ่ง คว้าอากาศเลยสักครั้ง เธอกรีดร้องครางลั่นไปกับเพลิงหวามของเขาเสมอ
เมนูที่ปุริมอยากกินกำลังอยู่ใต้ร่างเขา ความแข็งแกร่งอันร้อนเร่าค่อย ๆ คืบคลานเข้าสู่ตัวพิมพิไล ใบหน้าหวานเหยเก เล็บจิกลงยังแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม หญิงสาวส่งเสียงครวญครางรัญจวนจิต เมื่อความร้อนทำให้เธอเสียวซ่าน กายสาวชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อขณะสะโพกหนาซอยถี่ ๆ เข้าหา เธอแตกพร่าไปแล้วรอบหนึ่งและกำลังจะลุล่วงอีกครั้ง
พิมพิไลกระตุกชาวาบไปทั้งร่าง บีบรัดตัวตนของปุริมจนเขาส่งเสียงซี้ดซ้าด
“อย่ารัดฉันแน่นนักสิ” ปุริมเอ่ยเสียงแหบพร่า รับรู้อารมณ์ตนเองที่พร้อมจะตามพิมพิไลไป แต่สะโพกหนายังประวิงเวลาโยกเชื่องช้า หยอกล้อกับกายสาวให้ได้กระสันซ่าน ริมฝีปากอุ่นยังคงคอยจุมพิตระไล้ไปตามผิวเนียนที่เขาเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว ลมหายใจอุ่นขาดห้วง อารมณ์พิศวาสใกล้ถึงจุดแตกดับ เขาเร่งสะโพกควงเอวจนร่างเล็กหัวสั่นหัวคลอน มือใหญ่จับเอวเล็กไว้มั่น ตอกลึกเข้าใส่ทั้งหนักและแน่น ก่อนสายธารแห่งความสุขจะระเบิดแตกกระจายอยู่ภายในตัวพิมพิไล
ปุริมคว้าเอวเล็กไว้ไม่ยอมปล่อย แผ่นหลังนวลแนบกับอกแกร่ง พิมพิไลหมายลุกจากเตียงแต่ก็ถูกกักขังด้วยแขนแกร่ง ลงท้ายจึงต้องนอนจมกองเหงื่อและคราบใคร่ที่ยังระอุอยู่บนเตียง คิดถึงคำบอกของหมอสูตินรีแพทย์กำชับก่อนจะออกจากห้องว่าให้ละเว้นการมีสัมพันธ์ทางกายไปก่อนเจ็ดวัน หากแต่เธอนั้นทำไม่ได้ เมื่อคนที่เธอจมอยู่ใต้อกนั้น ‘หิว’ เสียเหลือเกิน
พิมพิไลนอนให้ปุริมกอดจนเขาหลับสนิท เธอถึงควานหาเสื้อผ้ามาใส่แล้วกลับไปอาบน้ำยังห้องของตน ก่อนจะมาเป็นลูกมือทำอาหารให้เจ้านายหนุ่มจนกระทั่งเขาลงมากินอาหาร สายตาชายหนุ่มคาดโทษพิมพิไลไว้ เนื่องจากหญิงสาวลุกออกจากเตียง ทั้ง ๆ ที่เขากอดไว้แน่นขนาดนั้น พอตื่นมาควานหาแล้วไม่พบร่างนุ่ม ใจมันช่างหงุดหงิด ยิ่งมาเห็นว่ายศยืนหน้าแป้นส่งยิ้มให้พิมพิไลปุริมยิ่งหงุดหงิด ไม่อยากกินแล้วข้าว อยากกินเนื้อกวางแสนหวานอีกรอบและย้ำชัดให้รู้ว่าใครกันคือเจ้าของเรือนร่างนวลเนียนที่แท้จริง
ในขณะที่คนตัวโตกำลังแผ่รังสีอำมหิตอยู่นั้น เสียงบีบแตรจากรั้วบ้านก็ดังขึ้น ลุงยอดกุลีกุจอวิ่งหารีโมต ขณะดูกล้องวงจรปิดก็หันมาทางเจ้านายหนุ่ม ปุริมเลิกคิ้วมองลุงยอดด้วยความสงสัย
“เอ่อ…”
“ใครมา?”
“คุณ…แพรครับคุณปุม ให้กระผมเปิดประตูรั้วให้ไหมครับ?”
บทจบ ในเรือนรักปุริมได้ลูกแฝดผู้หญิงชื่อน้องโฮมและน้องฮัก ปัจจุบันอายุเข้าสี่ขวบ ด้วยเพราะร่างสูงใหญ่ที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำขนาดอายุเกือบสี่สิบเขายังมีแรงอุ้มเจ้าก้อนปุ๊กลุกสองก้อนซ้ายขวา เขาได้รางวัลของความแข็งแรงเป็นจุ๊บจากลูกสาวฝาแฝด และศรีภรรยาอีกหนึ่ง แค่นี้คนเป็นพ่อและสามีก็ชื่นใจแล้ว ปุริมปล่อยให้ลูกสาวฝาแฝดวิ่งเล่นในสวนของบ้าน ส่วนตนเองและพิมพิไลก็มานั่งดูลูก ๆ ในศาลาไม้“มื้อค่ำพิมว่าจะลองทำอาหารเกาหลีดูค่ะ ลูกบ่นอยากกิน”“เอาสิ”“พี่ปุมกินได้ใช่ไหม กลัวไม่ถูกปาก”“เมียทำอะไรก็กินหมดล่ะครับ เรื่องมากเดี๋ยวโดนไล่ออกจากห้อง” พูดจบก็โดนฝ่ามือเล็กฟาดเข้าให้ แต่งงานกันมาหลายปีปุริมเปลี่ยนไปเยอะ เขาพูดเก่งขึ้นแต่กับเธอ กับคนอื่นยังตีหน้านิ
“มองเมียตาเยิ้มเลยนะมึง แด-กได้คงทำแล้วล่ะ” ธรรศกระเซ้ายิ้ม ๆ เห็นอาการคลั่งรักของเพื่อนแล้วได้แต่ส่ายหน้าเพราะคนอย่าง ‘ธรรศ ธรรมรงค์’ ไม่มีหัวใจ ไม่มีที่ว่างให้กับความรัก มีเพียงงาน เงินและความสนุกในชีวิตเท่านั้น ไอ้พวกความรักอะไรไร้สาระส่วน ‘ภพ ไตยรัตนา’ ก็คิดไม่ต่างกัน เขาเป็นหนุ่มโสดรักความสนุก ไม่คิดหาห่วงมาคล้องคอแบบปุริม ไม่อยากให้ใครมาเจ้ากี้เจ้าการบงการชีวิต อยู่แบบโสด ๆ โฉด ๆ แบบนี้ สบายตัวสบายใจที่สุดหลังจากสถานะของพิมพิไลเลื่อนมาเป็นเจ้านายจึงขาดตำแหน่งผู้ช่วยแม่บ้านไป ปุริมคิดประกาศหาสาวใช้คนใหม่ หากพิมพิไลห้ามไว้เพราะเธอยังสามารถทำงานที่เคยทำได้เหมือนเดิม
บทที่ 8 ขอบคุณครับพิมพิไลนิ่งงันไปชั่วขณะ หากเมื่อคนตัวสูงหมุนกายให้เข้ามาเผชิญหน้าก็พบว่าสิ่งที่ติดอยู่ตรงโคนนิ้วและดวงตาคมสะท้อนเงาตนเองนั้นคือความจริง น้ำตาไหลลงอีกครั้ง ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยความตื้นตันระคนดีใจ พิมพิไลฉีกยิ้มกว้างแล้วโถมกายกอดปุริมเต็มแรง“คุณปุม…”“เรียกพี่ได้แล้ว คุณมันดูห่างเหิน” พิมพิไลยิ้มขบขันเมื่อคนโตกว่าดูจะงอแง“พ…พี่ปุม”“อืม แบบนี้แหละดูใกล้ชิด” เขาพูดเสียงนุ่ม มือใหญ่เอื้อมมาเช็ดคราบน้ำตาจากใบหน้าหวาน สายตาทอแสงความต้องการอันแรงกล้า มันร้อนแรงจนร่างกายผะผ่าว รู้ความหมายดีว่าคืนนี้เธอคงได้ถูกปุริมทำรักจนจมเตียง“ชอบของขวัญวันเกิดที่พี่ให้ไหม?” พิม
“งั้นเรามาช่วยกันทำอาหารให้คุณปุมกินกันดีกว่านะคะ เมื่อวานเห็นบ่นอยากกินแกงเขียวหวานเนื้อตุ๋นฝีมือพิม เดี๋ยวออกไปตลาดเลยดีกว่าค่ะ ประเดี๋ยวฝนฟ้าจะตกเอา”“ค่ะ คุณพิม” ช่วงเย็นปุริมกลับจากทำงาน พิมพิไลรับสูทจากเขาแล้วถูกรั้งไปกอดจนพิมพิไลต้องตีแขน เนื่องจากป้าแสงยืนอยู่ไม่ไกล ปุริมกระตุกยิ้ม ปล่อยคนตัวนุ่มนิ่มให้เป็นอิสระ “วันนี้มีแกงเขียวหวานเนื้อนะคะ จะรับเป็นขนมจีนหรือข้าวดีคะ?”
บทที่ 7 เปลี่ยนสถานะขอบตาร้อนผ่าวเมื่อคิดถึงสถานะของตนเอง เธอก็แค่สาวใช้ในบ้านของปุริมเท่านั้น เป็นเพียงคนในเรือนเบี้ย หากเขาต้องการเมื่อไรแค่เพียงกระดิกนิ้วหรือเคาะประตูเข้ามาหาเธอ ‘อย่าหวังสูง’ คำนี้คงเหมาะกับคนอย่างเธอ พิมพิไลเบี่ยงหน้าหนี ซ่อนหยาดน้ำตาที่ร่วงกระทบผิวแก้ม หญิงสาวทนอยู่กับความเงียบไม่ไหวจึงลุกเดินหมายกลับไปยังที่ของตน หากกลับถูกรั้งแขนไว้ พอแหงนหน้าสบดวงตาคม คิ้วเข้มนั้นขมวดมุ่น“ร้องไห้ทำไม?” พิมพิไลไม่ตอบ เลือกเงียบ เอียงหน้าหนี“ฉันถามก็ตอบ” แรงบีบช่วงแขนหนักขึ้น ตามอารมณ์คุกรุ่นของคนตัวโต พิมพิไลหน้าเหยเก บิดแขนหนีแต่ไม่เป็นผล“คุณปุมอย่ามาสนใจคนใช้อย่างพิมเลยค่ะ” พิมพิไลสะบัดหน้างอน ๆ ปุริมยิ้มมุมปาก เพิ่งจะเคยเห็นท่าทางแง่งอนของสาวเจ้า ปกติให้ทำอะไรก็ทำ ไม่เคยมีปากมีเสียง มาวันนี้กล
มื้อเช้าได้ตั้งสำรับทันเวลาพอดี ปุริมเดินผิวปากลงจากชั้นบนมายังห้องอาหาร ยังไม่ทันได้นั่งลงดี เสียงรถยนต์คันหรูดังขึ้น ปุริมทำหน้าเบื่อมอง ‘ธรรศ’ และ ‘ภพ’ เพื่อนสนิทที่เดินกอดคอเข้ามาในบ้านเขาแต่เช้า“มาทำไม?”“ข้าวต้มทะเล น่ากินว่ะ” คนมาใหม่ไม่ได้ตอบ ทว่ากลับสนใจอาหารแสนธรรมดาตรงหน้า ทั้งธรรศและภพทำราวกับข้าวต้มทะเลคืออาหารภัตตาคารจากเชฟดัง“ผมขอสักถ้วยได้ไหมครับน้องพิม” ธรรศทำเสียงหวานไม่พอ ยังทำตาเยิ้มจนปุริมอยากใช้ส้อมจิ้มลูกตาโปน ๆ นั่นเสียจริง“ผมด้วยนะครับ” ภพเอ่ยยิ้ม ๆ กับสาวใช้ที่ธรรศบอกว่าปุริมกำลังกินอยู่ พอหันไปมองไอ้สมภารที่แอบกินไก่วัด ปุริมตีหน้าขรึมแต่ภพรู้ว่าเพื่อนสนิทกำลังโกรธ“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะคุณธรรศคุณภ