แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: เล่อเอิน
ทุกการกระทำเหล่านั้นเหมือนตบหน้าฉันอย่างแรง

รู้สึกเจ็บไปจนถึงกระดูก

ฉันเคยจินตนาการถึงฉากแบบนี้หลายครั้งหลายครา

มองไปมองมา แม้ฉันจะอยู่ในบ้าน แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว

"หนานจือ ตื่นแล้วเหรอ?"

ฟู่จินอันหันมาเห็นฉัน แล้วยิ้มทักทาย "มาลองชิมฝีมือการทำอาหารของอาชวนสิ รับรองว่าอร่อย"

พูดจบ เธอก็ยกอาหารไปที่โต๊ะเหมือนเป็นนายหญิงของบ้าน

ฉันสูดหายใจลึกๆ แล้วมองข้ามเธอไปถามฟู่ฉีชวนตรงๆ "ทำไมเธอถึงมาที่บ้าน?"

ฟู่ฉีชวนตักอาหารจานสุดท้ายใส่จานแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เธอจะออกไปหลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ"

"คุณไม่มีหัวใจเลยหรือไง? จะไล่ฉันจริงๆ เหรอ?" ฟู่จินอันถลึงตาใส่เขา

"ฟู่จินอัน พอแค่นี้เถอะ! อย่าสร้างปัญหาให้ฉันอีก" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เหมือนความอดทนของเขาหมดลงแล้ว

"ใจแคบจริง"

ฟู่จินอันพึมพำแล้วดึงฉันไปที่โต๊ะอาหาร

ราวกับว่าคนที่ร้องไห้ขอให้สามีฉันหย่ากับฉันเมื่อวานไม่ใช่เธอ คนที่พยายามหาทางพาสามีฉันออกจากบ้านไม่ใช่เธอ

ฟู่ฉีชวนมีฝีมือทำอาหารมาก กับข้าวห้าอย่างกับซุปหนึ่งอย่าง หน้าตาน่ากินและมีกลิ่นหอมยวนใจ

ถึงฉันไม่กิน แต่ลูกในท้องก็ต้องกิน

ในเมื่อเธอหน้าไม่อาย แล้วฉันจะกลัวอะไร

ฉันเลยนั่งลงและเริ่มกินข้าว

ฟู่จินอันพูดเบาๆ "รสชาติดีใช่ไหม?"

ฉันยิ้มและตอบว่า "เขาทำอาหารได้อร่อยมาก เวลาอยู่บ้านเขาก็ทำเองตลอด"

แน่นอนว่าคำพูดนี้เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด

แค่ต้องการใช้วิธีตื้นๆ แบบนี้ประกาศสิทธิ์ของตัวเอง

"..."

ฟู่จินอันเหล่มองฟู่ฉีชวนน้อยๆ "ดูไม่ออกเลยนะ ว่านายดีกับคนอื่นแบบนี้ด้วย"

"ขนาดกินข้าวยังเงียบไม่เป็นเลยงั้นเหรอ?"

ฟู่ฉีชวนแขวะเวียงเย็นชา แล้วคีบซี่โครงหมูให้ฉันชิ้นหนึ่ง

ฟู่จินอันหัวเราะเบาๆ แล้วพูดกับฉันเหมือนไม่ใส่ใจว่า "เธอรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงทำอาหารเป็น? เพราะฉันสอนเขานะ โดยเฉพาะเมนูไข่ผัดมะเขือเทศ ที่เป็นเมนูโปรดของฉัน เขาทำเมนูนี้ด้วยความตั้งใจสุดๆ เลย!"

"ใช่แล้ว เขาทำบะหมี่มะเขือเทศใส่ไข่ก็อร่อยเหมือนกัน ช่วงหนึ่งเขาทำให้ฉันกินทุกวันจนฉันเอียนไปเลย ต่อมาเขาก็จะทำเมนูนี้เฉพาะเวลาที่อยากทำอะไรง่ายๆ เท่านั้น"

ฉันจับตะเกียบแน่นจนปลายนิ้วเปลี่ยนเป็นสีขาว เล็บจิกเข้าไปในเนื้อ

ที่แท้แล้ว บะหมี่ไข่ที่ฉันกินด้วยความยินดีนั้น ก็เป็นอาหารที่คนอื่นกินจนเอียนแล้ว

จู่ๆ ฉันก็นึกถึงคืนวันครบรอบแต่งงาน วันที่ฉันถามเขาว่าเรียนทำอาหารจากใคร เขากลับเหม่อลอยไปครึ่งนาที

ในครึ่งนาทีนั้น

เขากำลังคิดถึงอะไรอยู่นะ

เขากำลังคิดถึงฟู่จินอัน หรือกำลังคิดถึงความทรงจำในตอนที่เขาเรียนทำอาหารกับฟู่จินอันกันแน่

"จะว่าไป เธอต้องขอบคุณฉันด้วยนะ ถ้าไม่มีฉัน เธอคงไม่ได้มีสามีที่ทั้งทำงานเก่งและทำกับข้าวเก่งแบบนี้หรอก" ฟู่จินอันยังคงพูดเสียงสองไม่หยุด

ฉันวางตะเกียบลงทันที อดทนไม่ไหวอีกต่อไป ยิ้มอย่างเย็นชา "จริงเหรอ แล้วตอนนี้คือชีวิตแต่งงานของเธอไม่ดี เลยอยากให้เขามารับช่วงต่อใช่ไหม?"

"ฟู่ฉีชวน ดูไม่ออกเลยนะว่านายชอบกินของเหลือและรับซื้อขยะแบบนี้" ฉันจ้องมองฟู่ฉีชวนด้วยสายตาที่เย็นชา

"หร่วนหนานจือ เธอหมายความว่ายังไง?!"

ฟู่จินอันโกรธมาก มองฟู่ฉีชวนด้วยตาแดงก่ำ "อาชวน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ หรือว่าพอคุณแต่งงานแล้วแม้แต่คนในครอบครัวก็มีไม่ได้?"

"กินอิ่มแล้วใช่ไหม ฉันจะให้ฉินเจ๋อไปส่ง" ฟู่ฉีชวนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ โดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอ

"แม้แต่คุณก็ช่วยเธอรังแกฉัน?"

น้ำตาของฟู่จินอันไหลออกมาทันที เธอทำหน้าตกใจอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดูน่าสงสาร "นายแน่ใจแล้วว่าจะทิ้งฉัน?"

ฟู่ฉีชวนพูดด้วยเสียงเรียบๆ "เธอเคยสัญญาอะไรกับฉันไว้ เธอก็จำได้หนิ ต่อไปถ้ามีอะไรให้ช่วย เธอติดต่อฉินเจ๋อได้โดยตรงเลย"

ไหล่ของฟู่จินอันสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับเธอเจ็บปวดอย่างมาก

เมื่อเห็นว่าใบหน้าของฟู่ฉีชวนไม่มีความรู้สึกหวั่นไหวใดๆ เธอก็ยิ้มออกมาและพูดด้วยความน้อยใจว่า "ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคุณอีก ต่อไปนี้ไม่ว่าฉันจะเป็นหรือตาย ก็ไม่เกี่ยวกับคุณแล้ว"

เธอลุกขึ้นและดึงกระเป๋าเดินทางออกไปโดยไม่ลังเล

ฉินเจ๋อกำลังรอเธออยู่ในรถ เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงรีบลงจากรถเพื่อช่วยเธอยกกระเป๋า

ตลอดเวลาฉีชวนไม่ได้มองเธอเลยแม้แต่นิดเดียว

ฉันเองก็รู้สึกแปลกใจที่เขาตัดความสัมพันธ์ได้รวดเร็วเช่นนี้

เมื่อคืนฉันเพิ่งรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จินอัน วันนี้พวกเขาก็ตัดความสัมพันธ์อย่างเด็ดขาดแล้ว

เร็วมากจนฉันแทบไม่อยากเชื่อ

"คิดอะไรอยู่? กินข้าวต่อดีๆ เถอะ"

ฟู่ฉีชวนลูบหัวฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยน ทำให้ฉันกลับมาสู่ความคิดปัจจุบัน

ราวกับว่าไม่มีความขัดแย้งใดๆ ระหว่างเราเลย

วันนี้เขาอยู่กับฉันทั้งวันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฉันไปเดินย่อยอาหารในสวน เขาก็เดินตาม ฉันไปให้อาหารปลา เขาก็ไปด้วย

ฉันวาดแบบร่าง เขาก็นั่งทำงานอยู่ข้างๆ

เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ฉันก็พอจะเห็นว่าเขาพยายามง้ออยู่

พอตกกลางคืน หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันก็ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี

ฉันหยิบยาผดุงครรภ์ออกมาเม็ดหนึ่งแล้วใส่เข้าปาก

ฟู่ฉีชวนถือแก้วนมอุ่นเข้ามาแล้วถามว่า "กินยาอะไรอยู่เหรอ?"

"ก็แค่ยาบำรุงน่ะ"

ฉันมองดวงตาที่ล้ำลึกของเขาแล้วพูดขึ้นว่า "วันเสาร์หน้าว่างไหม? ไปโรงพยาบาลกับฉันหน่อยนะ ฉันอยากตรวจสุขภาพ แล้วก็มีที่ๆ อยากพาคุณไปด้วย"

ควรไปตรวจที่โรงพยาบาลได้แล้ว

เขายอมตัดขาดจากฟู่จินอัน ก็ถือว่าเขาได้เลือกแล้ว

แต่ฉันยังไม่สบายใจพอ กลัวว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น เลยยังไม่อยากบอกเขาเรื่องที่ฉันท้องตอนนี้

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด วันตรวจสุขภาพนั้นเขาก็คงจะรู้เรื่องนี้

เขาจะได้หยิบผลอัลตราซาวด์ออกมาด้วยมือของตัวเอง และเห็นกับตาว่าเขากำลังจะเป็นพ่อคน

เขาจะได้รู้ว่าเรามีลูกด้วยกันแล้ว

พอคิดแบบนี้แล้ว ฉันก็อดที่จะตั้งตารอไม่ได้

"ได้สิ ยังปวดท้องอยู่ไหม? ถ้างั้นไม่ต้องรอถึงวันเสาร์ พรุ่งนี้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลกันก่อนดีกว่า"

"ไม่ต้องหรอก ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร"

หลังจากเริ่มทานยา ฉันก็แทบไม่ปวดท้องแล้ว และก็ไม่มีเลือดออกด้วย น่าจะแค่ไปตรวจตามเวลาที่หมอนัดก็พอ

เมื่อได้ยินแบบนั้น ฟู่ฉีชวนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาวางแก้วนมไว้ที่โต๊ะข้างเตียง แล้วดึงฉันเข้าไปกอดพร้อมพูดว่า "ช่วงนี้ทำให้คุณลำบากแล้ว ไม่โกรธแล้วนะ หืม?"

มันเหมือนกับว่าฉันเป็นแมวที่ถูกคนลูบขนเอาใจ

ฉันทนไม่ไหวที่ถูกเขาโอ๋แบบนี้ ทำให้ความโกรธในใจฉันลดลง แล้วฉันก็บอกเขาอย่างชัดเจนว่า "ฉันไม่โกรธก็ได้ แต่ฟู่ฉีชวน ห้ามมีครั้งหน้าอีก"

ถ้ามีครั้งหน้าอีก

เราสองคนก็จบกัน

บ่ายวันถัดมา เจียงไหล่มาหาฉันที่ออฟฟิศเพื่อแอบอู้

"แผนกการตลาดว่างขนาดนั้นเลยเหรอ?"

ฉันหยุดทำงานแล้วมองไปที่เธอพร้อมกับพูดเย้า

วันนี้เธอใส่เสื้อเชิ้ตผ้าไหมคอวี กระโปรงหางปลาสีเบจ เดินเข้ามาพร้อมรองเท้าส้นสูง ท่าทางเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์ จนทำให้ใครเห็นก็ต้องหันมามอง

"ทำไมล่ะ คุณนายเจ้าของบริษัทไม่ยอมให้พนักงานอย่างเราหายใจหายคอกันบ้างหรือไง?"

เธอยิ้มบางๆ พร้อมกับยื่นชานมสองแก้วในมือมาให้ฉันหนึ่งแก้ว แล้วพูดไม่หยุดว่า "ดื่มได้สบายใจเถอะ ฉันบอกให้ร้านไม่ใส่ชาลงไป ฉันไปถามเพื่อนหมอมาแล้ว เขาบอกว่าตอนท้องต้องลดการดื่มชา แต่เรื่องที่ต้องระวังมีเยอะมาก เดี๋ยวฉันส่งรายละเอียดให้ทางไลน์ เธอต้องระวังให้ดีนะ การตั้งครรภ์เป็นเรื่องใหญ่ เข้าใจไหม..."

"เจียงไหล"

ฉันตัดบทเธอ แล้วพูดออกไปอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่เธอมองมาอย่างสงสัยว่า "เธอเหมือนแม่ฉันเลยนะ"

พ่อแม่ของฉันจากไปแล้ว เนื่องจากบริษัทล้มละลาย พวกคนทวงหน้าตามมาดักฉันถึงหน้าประตูโรงเรียน คิดจะใช้ฉํนบังคับพ่อให้จ่ายหนี้คืน

พ่อแม่ของฉันตกใจมาก รีบขับรถมาหาฉัน พอดีเจอรถที่วิ่งย้อนศรมา ก็เกิดอุบัติเหตุรถชนอย่างรุนแรง

ตอนนั้นฉันอายุแค่แปดขวบ

หลายปีที่ผ่านมา ฉันจมอยู่กับความรู้สึกผิดและโทษตัวเองว่าพวกเขาตายเพราะฉัน

หลังจากนั้น เจียงไหลก็บอกฉันว่าพวกเขาทำไปเพราะรักฉัน

ใช่แล้ว ในความทรงจำที่เริ่มเลือนลางนั้น พวกเขาได้มอบความรักให้ฉันอย่างมากมายเหลือเกิน

บริษัทที่บ้านทำธุรกิจใหญ่มาก แต่ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน พ่อก็จะอยู่บ้านกับฉันและแม่ในทุกๆ สุดสัปดาห์

ลุงของฉันเคยเร่งให้พวกเขามีลูกคนที่สอง บอกว่าธุรกิจครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ ควรมีลูกชายไว้สืบทอด

แม่ของฉันพูดขึ้นทันทีว่า ใครเป็นคนกำหนดว่าต้องเป็นลูกชายเท่านั้นที่จะสืบทอดได้? พวกเขาจะไม่ยอมให้ใครมาแบ่งแยกสิ่งที่เป็นของฉันไป ทั้งความรักหรือทรัพย์สมบัติ ทุกอย่างเป็นของฉันคนเดียว

ถ้าไม่มีอุบัติเหตุในครั้งนั้น เมื่อรู้ว่าฉันตั้งครรภ์ แม่ของฉันคงจะดูแลฉันอย่างใกล้ชิด

"คิดถึงคุณลุงกับคุณป้าเหรอ?"

เจียงไหลหยุดนิ่งไปสักพักแล้วพูดว่า "ฉันจำได้ว่าน่าจะใกล้วันครบรอบการจากไปของพวกท่านแล้วสินะ"

เธอหยุดพูดชั่วครู่แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู "ใกล้ถึงแล้วจริงด้วย เธอจะพาฟู่ฉีชวนไปเยี่ยมพวกท่านด้วยไหมปีนี้?"

"อืม ตั้งใจไว้แบบนั้น"

จะว่าไป แต่งงานมาก็สามปีแล้ว แต่ฉันยังไม่เคยพาฟู่ฉีชวนไปเยี่ยมพ่อแม่ของฉันเลย

อย่างแรกก็เพราะเขายุ่ง อย่างที่สองคือฉันรู้สึกว่ามันเหมือนยังขาดอะไรไปสักอย่าง เลยยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 340

    สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม และเสียงของเขาที่ฟังดูแหบแห้งและหยาบกระด้าง "ฉันให้หุ้นแก่คุณเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาต่อรองกับฉัน""ประธานฟู่ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?""......"เขาเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา "งั้นคุณก็ลองดูสิ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่คุณขายให้ ถ้าคุณอยากทำร้ายใครก็เชิญเลย""......"เขายังคงหวาดระแวงอย่างมาก เกือบจะเหมือนโรคจิตในเรื่องของการข่มขู่ คือการแข่งขันกันว่าใครจะยอมทำสิ่งที่ต่ำที่สุดมากกว่ากันฉันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ พูดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ฉันกัดฟันแล้วเดินไปหาเจียงไหลเจียงไหลและเฉินเย่กำลังคุยกันเรื่องทั่วไปบางอย่างเมื่อเห็นฉันมา เจียงไหลยกริมฝีปากแดงของเธอไปทางเฉินเย่และพูดว่า "คุณเฉิน ฉันจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเมื่อฉันกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังตรุษจีน""ได้"เฉินเย่พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากทักทายเขาแล้ว ฉันก็ไปกับเจียงไหล"ประธานหร่วน!"เฉินเย่หยุดฉันไว้ทันที ก่อนจะเปิดปากถามอย่างระมัดระวังว่า: "คุณและพี่ชวนต้องหย่ากัน มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการหมั้นหมายของเขากับเสิ่นซิงหยูหรือเปล่า?"ฉันพูดตามตรงว่า "ใช่ แ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 339

    ฉันเงียบไปและพูดเบาๆ ว่า "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีความอดทนสูงขนาดนั้น"คืนนั้น ฉันจูบโจวฟางต่อหน้าเขาแม้ว่าฉันจะเมามากเกินไป แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆด้วยบุคลิกของเขา แบบที่ยอมให้ตัวเองทำผิดกฎได้แต่ห้ามคนอื่น เขาน่าจะหยุดมองมาทางฉันนานแล้วทันทีที่ฉันพูดจบ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่ฉีชวน แต่เป็นเสียงที่มาจากทางกลางห้องจัดงานเลี้ยงเสิ่นชิงหลี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสีขาวล้วนสุดหรู เธอถือไมโครโฟนไว้ตรงกลางห้อง ดูขี้อายเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเช้มของเธอกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่เธอจ้องไปที่ทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะทิศทางที่โจวฟางอยู่"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฉัน จากอ้อมอกของคุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ไป ฉัน... ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ทนทุกข์ทรมานจากวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อฉัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่สวยงามที่เหลืออยู่ในความทรงจำ ฉันกัดฟันและอดทนต่อไป"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอสะอื้น “แต่ฉันโชคดี ครอบครัวของฉัน… และพี่อาฟางไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาฉัน เช้านี้คุณย่าถามฉันว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร ตอนนั้น ฉันนึกอะไรไม่ออก เพราะแค่การได้กลับไปยังตระกูลเสิ่นก็ถือเ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 338

    "คุณนายเสิ่น"ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงต่ำ "คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉันเกี่ยวกับการถอนหมั้น"เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขาแม่เสิ่นไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นสับสน "แน่นอนว่าฉันต้องอธิบาย ทันทีที่คุณได้ยินว่าวันนี้เป็นซิงหยูของเราที่มารับคุณ คุณก็มาพร้อมกับประธานเสิ่นโดยเฉพาะ ฉันเข้าใจแล้ว...."ปากของเฉินเย่กระตุกเมื่อเขาฟัง และเขาไม่สามารถทนขัดจังหวะได้ "ความมั่นใจของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันยังต้องแทรกอยู่ดี ประธานฟู่มาที่นี่วันนี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูเสิ่นแม้แต่สลึงเดียว โอ้ ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่สตางต์เดียว""มันจะไม่เกี่ยวข้องกับซิงหยูได้ยังไง ประธานฟู่าหาครอบครัวเสิ่นของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงหยู....."เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง แม่เสิ่นก็คิดได้และสีหน้าของเธอก็มืดมนลง ทันใดนั้นก็มองไปในทิศทางที่ฉันอยู่!ฟู่ฉีชวนก้มตาลงและปรับแขนเสื้อ เสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย "พูดตามตรงนะ คุณนายเสิ่น วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อตามง้อภรรยาของฉัน"เสียงของเขาไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่ทุกคำก็ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรอบข้างได้ยินเขาอย่างชัดเจน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 337

    เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เสิ่นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกเป้าหมายไปที่คุณพ่อของเสิ่น แล้วดึงเขาออกไปด้วยกันเพื่อไปต้อนรับไม่นาน ก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเป็นฟู่ฉีชวน เฉินเย่แลตระกูลเสิ่นจำนวนสามคนที่เดินเข้ามาฟู่ฉีชวนสวมเสื้อคลุมสีดำ มีคิ้วกับดวงตาที่สง่างามและเย็นชา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีรัศมีแห่งอำนาจที่แข็งแกร่งเฉินเย่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อเขาไปที่หนานซี เขาอยู่ห่างจากฟู่ฉีชวนครึ่งก้าว แต่ทั้งสองดูคุ้นเคยกันดีเมื่อมองดูครั้งแรกเมื่อรวมกับสิ่งที่แม่เสิ่นพูดก่อนจะออกไปรับเขาคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ผ่านโลกมานาน แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วฟู่ฉีชวนเป็นบอสใหญ่ของRF กรุ๊ปไม่ใช่ใครอื่นฟู่ฉีชวนคือชายคนเดียวกันที่ตระกูลเสิ่นเคยถอนหมั้นด้วยแต่ตอนนี้ ในชั่วพริบตา พวกเขากลับปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ไม่กล้าแสดงความละเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทนต่อไปโดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ความสัมพันธ์นี้ ส่งผลให้บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างประหลาด และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้และพูดคุยส

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 336

    "ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว"ฉันจนปัญญาเขาพูดอย่างหนักแน่นว่า "ผลตรวจ DNA ต้องมีปัญหาแน่ หร่วนหนานจือ ฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นเธอ"ฉันรู้ดีว่า "คนอื่น" นั้นหมายถึงฉันจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "แต่ฉันจะจำเธอได้เสมอ""......"ฉันเม้มริมฝีปาก "นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับตระกูลเสิ่น โจวฟาง เราควรจะรักษาระยะห่างไว้บ้าง"ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกจริงๆพูดจบ ฉันไม่แม้แต่จะมองสีหน้าของเขา ดึงเจียงไหล แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันทีแม้ว่างานเลี้ยงต้อนรับนี้จะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้จัดแบบลวกๆ เลยแสงไฟที่ระยิบระยับและบรรยากาศที่หรูหรา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่างานนี้ยิ่งใหญ่อลังการท่ามกลางชนชั้นสูงผู้มั่งคั่งหลังจากรับเครื่องดื่มจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ เจียงไหลมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ "เธอกลายเป็นคนไร้ความปรานีตั้งแต่เมื่อไหร่?""เจ๊คะ"ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้เธอ "แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์ นอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป""ไม่เหมือนเดิมยังไง?""เมื่อก่อนฉันเคยถลำลึกลงไปแล้ว กว่าจะดึงตัวเองกลับมาได้ มันทั้งยากและเจ็บปวด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 335

    "แค่ก..."เจียงไหลเห็นว่าฉันยังรับมือได้ แต่เธอเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันจึงเงียบอยู่ตลอดในขณะนี้ คำพูดของโจวฟาง ทำให้ฉันอดไม่ได้และสำลักน้ำลายของตัวเองสำหรับฉันแล้ว แม่เสิ่นสามารถพูดจาเหน็บแนมฉันได้แม่ของเสินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฟางกับคุณย่าโจว เธอไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะต้องระวังมารยาทกับผู้ใหญ่ และทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด“ไอ้เด็กเวร!”ไม่ว่าคุณย่าโจวจะตามใจโจวฟางมากเพียงใด เธอก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครสอนให้แกพูดแบบนั้น?”"ก็คุณย่าสอนผมนั่นแหละ"โจวฟางไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า "เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม จงยื่นมือเข้ามาช่วย""......"คุณย่าโจวโกรธมากจนจ้องมองเขา แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาโต้ตอบได้ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สามารถได้ยินว่าแม่เสิ่นตั้งใจหาเรื่อง และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นร้ายกาจเกินไปเสิ่นชิงหลี่ผู้ซึ่งเคยเงียบและขี้อายเสมอมา พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาและเบาบาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดพูดถึงเรื่องนี้"แต่พี่อาฟาง คุณแม่ของฉันก็พูดไม่ผิดนะ เด็กผู้หญิงควรรักษาความบริสุทธิ์และซื่อสั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status