Share

Chapter6. ศาลาพักม้า

last update Last Updated: 2024-12-04 14:14:49

            ตั้งแต่ถูกเลือกมาเป็นร่างทรง ชิงหรูไม่สามารถพูดจาส่งเสียงได้ นางทำแต่ได้แค่ขยับปากแต่ไร้เสียง  หากไม่ใช่คนที่มีความสามารถในการอ่านปากจะไม่เข้าใจนางและมักคิดว่านางเป็นใบ้หูหนวก แต่แท้ที่จริงแล้วเพราะร่างกายของนางมิใช่ของนาง  นางจำได้ว่า หากเมื่อใดที่ร่างกายนี้หมดประโยชน์และมีผู้อื่นถูกเลือกเป็นร่างทรงแทนนาง ยามนั้นนางจะได้เสียงและชีวิตของนางกลับคืน 

            แต่นางจะได้ชีวิตตัวเองคืนกลับมาเมื่อใดนั้นย่อมไม่มีวันรู้ แต่ละร่างทรงมีเวลาที่ไม่เท่ากัน บางคนนั้นแค่ไม่กี่วัน บางคนไม่กี่เดือน บางคนไม่กี่ปี แต่หลังจากไม่ได้เป็นร่างทรงแล้ว ไม่มีใครล่วงรู้ว่าคนเหล่านั้นใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไร

            สำหรับชิงหรูแล้ว นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่ง นางจำครอบครัวของตนเองไม่ได้แล้ว สิ่งเดียวที่นางจำได้คือมือของกวงหมินที่จับมือนางเดินเข้ามาสู่ลัทธิลิขิตจันทรา  ในแต่ละปีมีเด็กกำพร้านับสิบคนที่ถูกส่งเข้ามาที่นี่ แรกๆ มาอยู่ใหม่ๆ ได้รับการใส่ใจดูแลอย่างดียิ่ง ได้กินอิ่มหนำ มีเสื้อผ้าสะอาดให้สวมใส่ มีที่ซุกหัวนอน จนไม่เหลือสภาพเด็กกำพร้าน่าเวทนา มีสาวงามถูกเลือกไว้ราวสามหรือสี่คนซึ่งเมื่อได้คัดเลือกแล้วจึงแยกย้ายต่างคนต่างอยู่เรือนของตนเอง ได้ฝึกฝนดนตรีและอักษรตามแต่ที่ต้องการ แต่โดยรวมแล้วล้วนบำรุงร่างกายให้งดงามเพื่อให้พร้อมหากถูกเลือกเป็น ‘ร่างทรง’

            “หากเจ้าได้เลือกเป็นร่างทรงจริง เจ้าจะไม่สามารถเปล่งเสียงได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่”

            เวลานั้นนางยังไม่ได้ถูกเลือกเป็นร่างทรง นางมีกวงหมินเป็นทั้งคนดูแลและบ่าวรับใช้ ไม่มีใครล่วงรู้อายุที่แท้จริงของกวงหมิน นับตั้งแต่วันที่เขาจูงมือนางมาลัทธิลิขิตจันทรา ใบหน้าของเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่แก่ขึ้นหรืออ่อนเยาว์ลงแต่อย่างใด ราวกับอายุขัยของเขาได้หยุดลงด้วยสภาพร่างกายเช่นนี้

            “ข้าเข้าใจแล้ว”

            “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเด็กคนอื่นที่เข้ามาพร้อมกับเจ้าถูกส่งไปที่ใด”

            นางส่ายหน้าแทนคำตอบ

            “หลายคนถูกส่งไปฝึกฝนเป็นนักฆ่าหรือมือสังหาร หลายคนถูกส่งไปฝึกฝนเป็นหญิงนางโลม ตัวเจ้าเองก็มิได้แตกต่างจากผู้อื่น ร่างกายนี้มีเพื่อรับใช้ด้วยจิตท่านประมุข  ไม่ว่าท่านจะทำอะไร เจ้ามิอาจขัดขืน ต่อต้าน หรือรังเกียจ ทำได้เพียงจำนนเท่านั้น”

            “ข้าเข้าใจ”

            นางไม่มีญาติพี่น้องครอบครัวให้กลับไปหา  ไม่เคยฝันถึงครอบครัวหรือคนรัก ความทรงจำที่เหลืออยู่ของนางคือหิวโหยและอดยาก หนาวเหน็บทุกข์ทรมาน นางเพียงแค่ขอให้กินอิ่มมีที่ซุกหัวนอนไปวันๆ ก็เพียงพอแล้ว  นางจึงไม่ได้สนใจว่าชีวิตหลังจากการเป็นร่างทรงแล้วจะเป็นช่นไร เรื่องดีที่สุดของนาง ยามที่ร่างกายนี้ถูกใช้งาน นางจะหลับใหลไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ ยามตื่นจึงรู้สึกเพียงแค่ตนหลับไปเท่านั้น แต่การหลับของนางนั้นกินเวลาไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับความพอใจของปีศาจราคะ บางครั้งเพียงวูบเดียว บางคราวนานหลายวัน

            “ลัทธิลิขิตจันทรายิ่งใหญ่นัก มอมเมาผู้คนให้มัวเมาในกามราคะ!”

            ชิงหรูสะดุ้งแต่ไม่ได้หันไปตามเสียงที่ได้ยิน มิใช่ครั้งแรกที่ได้ยินผู้คนพูดถึงลัทธิลิขิตจันทราเช่นนี้ สายตาของนางมองเห็นดอกไม้เล็กๆ ไม่ไกลนัก จึงก้าวเดินไปดูเพียงเลี่ยงเสียงที่ไม่อยากได้ยิน

            “ว่ากันว่า ขอแค่บำเรอกามให้ปีศาจสาวพึ่งพอใจก็จะได้ในสิ่งที่ปรารถนา”

            “ง่ายดายเพียงนั้น” 

            เสียงหัวเราะดังขึ้น

            “เจ้ายังกล้าหัวเราะกันเรอะ ปีศาจราคะกินพลังหยางเชียวนะ”

            “แล้วได้สมที่ปรารถนาจริงหรือไม่เล่า ถ้าได้จริงก็น่าลองเสี่ยงดู”

            หญิงสาวเม้มริมฝีปาก คนเหล่านี้ไม่รู้อะไรเสียเลย ไม่ใช่ทุกคนจะเดินเข้าประตูสำนักฯ แล้วจะได้พบท่านประมุขเสียเมื่อไหร่  และทุกสิ่งล้วนมีค่าตอบแทน เพียงแต่สิ่งที่ท่านประมุขต้องการนั้น มิใช่แค่พลังหยางของบุรุษเท่านั้น คนที่สมปรารถนาตามที่ต้องการแล้วยังต้องแลกเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างกับท่านประมุขด้วย ส่วนจะเป็นสิ่งใดนั้นมิอาจรู้ได้ และแน่นอนว่านางไม่อยากรู้

            ชิงหรูถอนหายใจเบาๆ  นางเป่าลมหายใจออกทางปากแรงๆ ทำให้ผ้าโปร่งที่พลิ้วไหว ปีนี้นางอายุสิบเจ็ดแล้ว นางไม่รู้ว่าหญิงสาววัยเดียวกันใช้ชีวิตเช่นไร  หากมิใช่เพราะท่านประมุขต้องการเข้าเมืองหลวง นางก็ได้ออกมาใช้ชีวิตนอกพรรคลิขิตจันทราอย่างนี้   ดวงตาฉ่ำหวานมองดอกไม้สีแดงสดสวยเบื้องหน้า กุหลาบสีสวยราวกับกลีบปากของเด็กสาว นางยื่นมือไปอย่างลืมตัว ทว่าปลายนิ้วยังไม่ทันแตะถูกกลีบดอกไม้  มีดสั้นเล่มหนึ่งพุ่งมาจากด้านหลังปักลงที่หัวของงูตัวหนึ่งที่ซ่อนตัวในกอดอกไม้

            ชิงหรูตกใจรีบถอยหลังแล้วหมุนตัวกลับ ความรีบร้อนทำให้ปะทะกับร่างกำยำของบุรุษผู้หนึ่งเขา นางอ้าปากหวีดร้องแต่ไร้เสียง หมวกปีกกว้างของนางหลุดออกจากศีรษะ เผยใบหน้างดงามและเรือนผมนุ่มสลวยที่ทิ้งตัวจรดเอว

            ‘อ๊ะ!’

            “ขออภัย” บุรุษผู้นั้นเอ่ยใบหน้าดุดันเผยรอยยิ้มเล็กน้อย สองมือประคองไหล่ของหญิงสาวไว้มิให้นางล้มลง “ทำให้แม่นางตกใจแล้ว”

            ชายหนุ่มมั่นใจว่าเห็นท่าทีตื่นตระหนกของหญิงสาว แต่เมื่อนางเหลือบตามองไปด้านหลังเห็นงูชะตาขาดตัวนั้นแล้ว นางกลับไม่เอ่ยปากขอบคุณเขา แต่เบิกดวงตากว้างขึ้น ริมฝีปากสีชาดขยับเป็นถ้อยคำแต่ไร้เสียง

            ‘เหตุใดต้องฆ่ามัน งูไม่มีพิษ! เจ้าคนใจร้าย!’

            ชิงหรูพูดอย่างลืมตัวว่าตนเองไม่มีเสียง และคนผู้นี้มิใช่กวงหมิน จึงไม่อาจเข้าใจนาง  นางหงุดหงิดใจที่ไม่อาจตอบโต้ผู้อื่นได้ ทำได้แต่กัดริมฝีปากอย่างไม่พอใจ

            ชายหนุ่มเลิกคิ้วประหลาดใจ เหตุใดหญิงสาวนางหนึ่งจึงเป็นใบ้เช่นนี้ และที่สำคัญนางตำหนิเขา ต่อว่าที่เขาฆ่างูตัวหนึ่ง

            “เป็นข้าที่ไม่ดีเอง ขอแม่นางอย่าถือสา”

            ชิงหรูเงยหน้าขึ้นมองอย่างประหลาดใจ คนผู้นี้อ่านปากของนางได้หรือ?  แม้เขาไม่ได้ระบายยิ้มเกลื่อนใบหน้า  แต่แววตาที่มองนางมีแววหยอกล้อ นางจึงรู้สึกตัวว่าตนเองอยู่ในวงแขนของผู้อื่น  เมื่อนางยกมือขึ้นดันแผ่นอกของเขา อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีรั้งไว้ ซ้ำยังถอยห่างอย่างมีมารยาท  นางมั่นใจว่าไม่เคยพบคนผู้นี้ แต่ไม่รู้ว่าชายคนนี้อาจเคยพบนางในขณะที่ท่านประมุขใช้ร่างของนางอยู่หรือไม่  แต่ก่อนนางเคยดื้อรั้นยามกวนหมิงไม่ให้นางไปไหนเพียงลำพัง นางเคยแอบหลบออกไปเดินเล่นที่ตลาด กลับพบชายท่าทางประหลาดสวมเสื้อผ้าขาดวิ่นวิ่งมาหานาง เรียกร้องให้นางคืนชีวิตให้เขา นางตกใจขวัญเสียได้แต่ยืนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก ในใจพร่ำเรียกหาแต่กวนหมิง จนกระทั้งเขามาปรากฏเบื้องหน้าพานางออกจากสถานการณ์อันน่ากลัว นับตั้งแต่นั้น นางไม่เคยออกไปไหนตามลำพังอีกเลย

            ‘กวนหมิง’

            ชิงหรูกวาดตามองหากวนหมิง ปกติไม่เคยห่างกายนางเลย

            “ผู้ติดตามของแม่นางไปดูม้าที่ด้านหลัง” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเรียกสายตาให้หญิงสาวหันไปมอง นางยังคงกัดริมฝีปาก สองเท้าสาวเข้าไปใกล้ราวกับถูกดึงดูดด้วยดวงตางดงามคู่นี้ “อาหารที่นี่ไม่ถูกปากแม่นาง แต่มีโรงเตี้ยมใกล้ๆ พ่อครัวทำอาหารได้เลิศรสนัก หากแม่นางไม่รังเกียจ ข้าขอ...”

            ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบประโยค หญิงสาวก็ส่ายหน้าไปมาเร็วๆ นางถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว เท้าสุดเกือบเสียหลักหกล้มแต่ครั้งนี้เป็นมือของกวงหมิงที่ประคองนางไว้ได้ทัน

            ‘กวงหมิน’

            “นายหญิง ม้าพร้อมแล้วต้องการเดินทางเลยหรือไม่ขอรับ”

            ชิงหรูพยักหน้ารับ เมื่อกวงหมินมาแล้ว นางก็ไร้ความหวาดกลัวใดอีกแล้ว   ความสงบเยือกเย็นกลับมาอีกครั้ง ร่างบางหมุนตัวเดินนำหน้า นางมิได้มองชายผู้นั้น  กวงหมินเพียงสบตากับบุรุษผู้นั้นแล้วผงกศีรษะให้เล็กน้อยก่อนหมุนตัวเดินตามหลังหญิงสาวออกไป

            “ใต้เท้า” 

            ชายหนุ่มยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม ชายที่เข้ามาใหม่จึงไม่เอ่ยปากอันใด สายตาของชายหนุ่มมองเพียงเจ้าของร่างเย้ายวนสุดสายตา ทว่าเมื่อหมุนตัวเตรียมเดินออกมา กลับพบหมวกของนางที่ตกอยู่ เขาปรายตามองเลยไปยังงูตัวนั้นที่สิ้นชีพเพราะมีดสั้นของเขา  

มุมปากของบุรุษยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่หาได้ยากนัก เขาผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีนางใด แต่บัดนี้กลับถูกดวงตางดงามคู่หนึ่งสะกดให้เข้าหาเป็นครั้งแรก

เห็นทีว่าเขาจะต้องทำทุกวิถีทางให้ได้นางมาครอบครอง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ไข่มุกหมื่นปรารถนา    Chapter 49.  จบ

    “เจ้ารู้หรือไม่ บิดาของเจ้าที่เป็นหมอวิปลาสล้มเหลวกับการสร้างโอสถเลือดมาหลายสิบปีจนยอมเป็นทาสปีศาจเช่นข้า มารดาของเจ้ากลืนไข่มุกหมื่นปรารถนาของข้ายามตั้งครรภ์เจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่รอดตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ เจ้ามีปราณบริสุทธิ์ในตัวเองมากเพียงใด”ดวงตาของสาวงามเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิต รอยยิ้มก็ดูน่ากลัวเช่นกัน ริมฝีปากงามคลี่ยิ้มออกมาแล้วเอ่ย“นอกจากเลือดจะเป็นโอสถทิพย์แล้ว พลังปราณไม่จำกัดของเจ้ายังทำลายทุกสิ่งได้ในพริบตา”“พอแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซิงตวาด “นางไม่ควรแบกรับเรื่องเหล่านี้”“อย่ามาแสร้งทำใจดี” ปีศาจราคะหัวเราะในลำคอ “เจ้าใช้นางจนพอใจแล้วจึงทำเป็นมีเมตตารึ”“ไม่! ข้าต้องการให้นางเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ได้มีชีวิตที่ดีก็เท่านั้น”“เพราะรู้สึกผิดกับทุกชีวิตที่ตายไปหรือไร” นางหัวเราะร่วน “จู่ๆ ก็อยากเป็นคนดีกันเสียจริง”“เพราะว่า...ข้าพอแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซิงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สายตาหยุดอยู่ที่หลิวชิง “ชีวิตข้า...อยู่มาพอแล้ว”“อวิ๋นเซิง” หลิวชิงเรียกเขาอย่างปวดร้าว เขาย่อมรู้ว่าร่างกายของฟู่อวิ๋นเซิงเป็นเช่นไร หากนับจากนี้ไม่ได้ดื่มเลือดโอสถอี

  • ไข่มุกหมื่นปรารถนา    Chapter 48 ก่อกรรมไว้มากมาย

    “ฟู่อวิ๋นเซิง! เจ้าก่อกรรมทำเข็นมามาก คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปนับร้อย และยังสั่งสมผู้คนจิตใจชั่วช้าไว้อีก เห็นทีหากวันนี้ข้าไม่จัดการเจ้าและพรรคกระเรียนดำให้สิ้นซากก็เกรงว่าจะไม่สามารถทำให้ผู้อื่นอยู่อย่างสงบสุขได้” “นักพรตอี๋” ฟู่อวิ๋นเซิงหัวเราะร่า “วาจาที่เจ้าพ่นออกมาล้วนหาเพียงความชอบให้ตนเอง ข้ากับคนของข้าอยู่ในหุบเขาอู่อี๋มาหลายสิบปี มีแต่คนอย่างพวกเจ้าที่แส่มาหาเรื่องถึงที่ บุกมาถึงบ้านข้าทำร้ายคนของข้าแล้วเช่นนี้จะเรียกว่าอะไร” “ฟู่อวิ๋นเซิง อย่ามาแสร้งทำเป็นพูดดี วันนี้เป็นวันตายของเจ้า” “นักพรตอี๋ มิใช่ว่าท่านต้องการเคล็ดวิชาและโอสถของข้าหรอกรึ” “ข้าจะอยากได้เคล็ดวิชารมารไปเพื่อสิ่งใด!” “มิใช่ว่าท่านสรรหากระษัยยาเพื่อทำยาอายุวัฒนะเพื่อมีชีวิตได้เป็นร้อยปีมิใช่รึ” ฟู่อวิ๋นเซิงคลี่ยิ้มดูแคลน “ได้ยินว่าเพื่อให้ตนมีกำลังวังชาเหมือนเด็กหนุ่ม แม้ต้องขืนใจหญิงพรหมจรรย์ก็ทำได้ เช่นนี้แล้วยังเรียกว่าตัวเองเป็นฝ่ายธรรมะได้อยู่หรือ?” “เจ้า!” นักพรตอี้ตวัดแส้หางม้าชี้ใส่หน้าประมุขพรรคกระเรียนดำ เขาโ

  • ไข่มุกหมื่นปรารถนา    Chapter 47. พายุใหญ่

    ว่ากันว่า ก่อนพายุใหญ่จะมา คลื่นลมมักเงียบสงบ เรื่องราวในหุบเขาอู่อี๋ก็เช่นกัน หลังจากงานวิวาห์ของฟู่เหยียนอวี้และมู่ลี่หยางผ่านไปได้สามวันก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น อาจเพราะเป็นเป็นช่วงที่ทุกคนสนุกสนานกับงานรื่นเริง การคุ้มกันในหุบเขาจึงลดลง แม้แต่ค่ายกลที่สร้างไว้ในหุบเขาก็ถูกทำลายอย่างย่อยยับ หลังออกจากห้องหอ มู่ลี่หยางปรึกษาหารือกับประมุขฟู่ ตั้งใจว่าให้ฟู่เหยียนอวี้พักฟื้นร่างกายให้แข็งแรงดีแล้วจะกลับไปบ้านหมอมู่จางหมิ่น เพื่อไม่ให้พ่อบุญธรรมเป็นห่วง เขาจึงคิดว่ากลับไปเล่าเรื่องด้วยตนเองดีกว่าเขียนจดหมายส่งไป ฟู่อวิ๋นเซิงใจกว้างกับคนทั้งสอง มิได้บังคับให้อยู่ในพรรคมาร หากพวกเขาสองคนต้องการไปที่ใดก็ไม่ขัด จะใช้ชีวิตที่ใดก็ย่อมได้ ฟู่เหยียนอวี้คิดถึงเด็กกำพร้าที่บ้านหมอมู่ นางเสนอความคิดกับมู่ลี่หยาง นางรู้ว่าเขารักสันโดษ แต่เด็กๆย่อมต้องเติบโตและควรมีบ้านที่อบอุ่น นางจำได้ว่าที่เมืองเหมียนหยางซึ่งมีสาขาของพรรคกระเรียนดำอยู่นั้น พอจะมีบ้านว่างสภาพดีให้พวกนางสามารถอยู่อาศัยได้ ‘เจ้าจะรับเด็กๆ มาเลี้ยงเองรึ” ฟู่อวิ๋นเซิงถามอย่างปร

  • ไข่มุกหมื่นปรารถนา    Chapter 46. รอยยิ้มของเขา

    “ข้าอยากเห็นท่าน”“ข้าก็เช่นกัน”รอยยิ้มของเขาที่สะกดสายตานาง เขาทาบริมฝีปากลงมาอีกครั้งแต่เป็นที่ยอดอกที่ชูชัน ปลายลิ้นร้อนตวัดปลายถันจนเปียกชุ่ม หญิงสาวส่งเสียงครางออกมา ระลอกความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่าง ท้องน้อยปั่นป่วนจนร่างกายบิดเร่า เขาดูดดึงปลายถันทั้งสองข้างสลับกันและยังเคล้นคลึงจนนางแทบทนไม่ไหว สองมือจับที่บ่าของเขาอย่างลืมตัว มือกร้านข้างหนึ่งเลื่อนไปด้านล่างแตะต้องส่วนอ่อนไหวอย่างแผ่วเบาแต่ทำให้นางร้อนรุ่มราวจับไข้ เขาละริมฝีปากจากยอดอดแล้วจูบผิวเนียนละเอียดหอมหวาน ใบหน้าของเขาเลื่อนลงต่ำ สองมือแยกเรียวขาออกกว้าง สายตามองกลีบดอกไม้ที่ผลิบานเบื้องหน้าก่อนยื่นหน้าไปใช้ลิ้นตวัดเลียอย่างชำนาญ ปลายลิ้นเล้าโลมจุดอ่อนไหว ร่างทั้งร่างของหญิงสาวก็สั่นระริกขึ้นมา“ท่าน...ท่านพี่...” ฟู่เหยียนอวี้ได้แต่ครางเรียกชื่อคนรักเพื่อบรรเทาความเสียดเสียวที่เกิดขึ้น แม้นางเป็นหญิงใจกล้าแต่ยามนี้เขินอายไม่กล้ามองว่าเขากำลังทำอะไรกับร่างกายของนาง มู่ลี่หยางดื่มด่ำกับรสชาติของกายสาว กลีบเนื้อสีอ่อนสั่นระริก เขาใช้นิ้วแทรกเข้าไปสำรวจภายในโพรงที่อ่อนนุ่ม ช่องทางอันคับแคบทำให้เขาต้องเตรียมร

  • ไข่มุกหมื่นปรารถนา    Chapter 45.  จำได้

    “ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรก็ได้ ขอให้ข้าเป็นภรรยาของท่านก็พอ” นางหลับตาลง “ข้าชอบฟังเสียงหัวใจของพี่ลี่หยาง ชอบที่ท่านทำหน้าดุแต่เป็นห่วง ชอบที่ท่านแสร้งทำเป็นเย็นชา ข้าชอบพี่ลี่หยางมากจริงๆ” “พอแล้ว” ถ้อยคำของนางทำให้ใบหน้าของเขาแดงเรื่อฟู่เหยียนอวี้ดันกายขึ้นจ้องมองดวงตาของคนรัก“พี่ลี่ หยางก็บอกรักข้าบ้างสิ”คราวนี้มู่ลี่หยางอึกอัก มิใช่ว่าไม่รู้สึก แต่เขาเขินอายและหยาบกระด้างเรื่องพวกนี้ เขาไม่ใช่คนพูดจาหวานหู และที่สำคัญ เขาไม่เคยบอกรักหญิงใดมาก่อน“แม่นางหวงหลันที่หอสุราเจี่ยนตานบอกข้าว่า มีสตรีหมายตาพี่ลี่หยางมากมาย”“หือ? ถ้ามีเรื่องเช่นนั้นจริง ทำไมข้าไม่รู้” วันนั้นเขาหายไปครู่เดียว เหตุใดเหมือนมีเรื่องมากมายที่เขาไม่รู้นักนะ“ก็เพราะว่า...ท่านยังไม่มีคนในดวงใจละสิ” นางยิ้มกว้างอย่างได้ใจ “พี่ลี่หยางคงไม่เคยพูดประโยคเหล่านี้สินะ เช่นนั้น ข้าพูดให้ท่านฟังบ่อยๆ ท่านก็พูดตามข้าก็ได้”“ไป๋เซ่อ” เขาเรียกนางน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าเคยได้ยินการกระทำสำคัญกว่าคำพูดหรือไม่”ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม ฟู่เหยียนอวี้ก็ถูกพลิกตัวลงมาอยู่ใต้ร่างของมู่ลี่หยาง ริมฝีปากอุ่นประกบที่ริมฝีปาก

  • ไข่มุกหมื่นปรารถนา    Chapter 44. เจ้าเล่ห์

    คนตัวเล็กแทบจะวิ่งหนี แต่มือใหญ่คว้าคอเสื้อจากด้านหลังของนางไว้ได้ทัน คราวนี้ฟู่เหยียนอวี้เสียหลักหงายหลังลงมานั่งบนตักของเขาพอดี อยากจะตำหนิต่อว่าแต่ก็ทำไม่ลง มู่ลี่หยางได้แต่ถอนหายใจแล้วเอ่ยถาม “เจ้าจำได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” “จำอะไรได้รึ” นางยังแสร้งทำหน้างุนงง “ฟู่เหยียนอวี้” “เจ้าค่ะ” นางยังคงยิ้มจนดวงตาหยีเล็ก “ฟู่-เหยียน-อวี้”“พี่...พี่ลี่หยางมีอะไรหรือ?” มู่ลี่หยางค้อมเอวลงแล้วจ้องมองนางทำเอาหญิงสาวหายใจติดขัด “เจ้าจำได้แล้วสินะว่าตนเองคือฟู่เหยียนอวี้” “เอ่อ...” ฟู่เหยียนอวี้พลันเข้าใจในทันที แท้ที่จริง มู่ลี่หยางแค่ลองหยั่งเชิงกับนางเท่านั้น มิใช่ว่าเขาจำเส้นทางไม่ได้ “จำได้แล้วก็ไม่เป็นไร แต่เหตุใดยังแสร้งทำเป็นจำไม่ได้” เขายืดตัวขึ้นมองนางอย่างไม่เข้าใจ “ก็ข้ากลัวพี่ลี่หยางไปจากข้า” “ข้าพูดว่าจะไปจากเจ้ารึ” เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ “ข้าจำได้ว่าเคยพูดว่าจะไปเมื่อเจ้าไม่ต้องการข้าแล้ว” ใบหน้างามระบายยิ้มกว้าง นางร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status