LOGINเพราะที่นี่คือมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังอันดับหนึ่งของไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผมจะเข้าเรียนที่นี่ นักศึกษาส่วนใหญ่ล้วนมาจากครอบครัวร่ำรวย มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ใช้เงินเป็นฟ่อนนิยม ของแบรนด์เนม ขับซูเปอร์คาร์ และที่สำคัญหน้าตาสวยหล่อระดับดาราเลยทีเดียว ส่วนผมและเพื่อนสนิทคือชนกลุ่มน้อย เพราะเราได้รับคัดเลือกให้เข้าเรียนที่นี่โดยได้รับทุนการศึกษา ทั้งค่าเทอม ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ อ้อเกือบลืมบอกไปแม่ผมก็มีธุรกิจนะครับ เจ้สวยเจ้าของแผงผักตลาดค้าส่งคือแม่ผมเอง แต่ก็เป็นเพียงแผงผักเล็กๆ
ที่พอให้มีรายได้จุนเจือครอบครัว เลี้ยงดูเราสามชีวิต อันประกอบด้วยเจ้สวยคุณแม่ผู้แสนใจดี ตัวผมและก็แสงฟ้า น้องชายคนเล็กของบ้าน ซึ่งกำลังเรียนมอ.ปลาย ส่วนผมก็ปีสองใกล้จะขึ้นปีสามแล้วครับ
“เมื่อคืนทำไมพลัดตกน้ำไปได้ล่ะเทียน มีใครผลักรึเปล่า?”
เสียงทักของไออุ่นเพื่อนสนิทหญิงคนเดียวของผม มันถามทันทีที่เจอหน้ากัน ทุกอย่างผ่านมาแล้วและคำถามนี้มันก็ถามกับผมเมื่อสามปีก่อน ครั้งนั้นผมตอบไปว่าไม่รู้ และครั้งนี้ผมก็ตอบด้วยคำตอบเดิม
“เทียนโชคดีชะมัด พลัดตกน้ำแล้วพี่เฟยบริหารปีสี่กระโดดลงไปช่วย เราโคตรอิจฉาอยากอยู่ในอ้อมกอดของพี่เฟยบ้าง”
“อยากอยู่ในอ้อมกอดเขาทำไมไม่แกล้งกระโดดน้ำล่ะ โธ่!!! เป็นผู้หญิงแทนที่จะรักนวลสงวนตัว กลับอยากให้ผู้ชายกอด ประสาท”
“ไอ้เทพ มันเรื่องของฉัน”
ทะเลาะกันอีกแล้ว คู่นี้เขาเป็นคู่กัดกัน จิกกันตั้งแต่ปีหนึ่งยันเรียนจบ
“ลองไปทานมื้อเช้าที่ข้างตึกวิศวะดูไหม เขาว่าอาหารที่นั่นอร่อยไม่แพ้โรงอาหารกลางเลยนะ”
“นึกยังไงอยากไปทานข้าวไกลถึงตึกวิด’วะ”
หากผมจะเล่าเรื่องในอนาคตที่ผมเผชิญมา คุณผู้อ่านคิดว่า เพื่อนสองคนจะคิดว่าผมบ้าไหมครับ
ความทรงจำของผมหวนกลับมา หากวันนี้ผมไปรับประทานอาหารที่โรงอาหารกลาง ผมจะพบกับเฮียเฟย และถือโอกาสนี้มอบคุกกี้ธัญพืชเพื่อขอบคุณที่ช่วยชีวิตผม
“เมื่อคืนขอบคุณพี่มากนะครับที่ช่วยผมเอาไว้”
เฮียเฟยมองมาทางผมด้วยสายตาเบื่อหน่าย ก่อนจะรับของในมือผมไปถือไว้เพียงครู่หนึ่ง และวางไว้บนโต๊ะอาหาร
“โตขนาดนี้กูว่ามึงควรไปเรียนว่ายน้ำ ไม่งั้นก็เป็นภาระคนอื่น”
ผมก้มหน้าลงก่อนจะหันหลังเตรียมเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งลุ้นในอีกฟากหนึ่งของโรงอาหาร
“เดี๋ยว.... จะไปไหน”
ผมชะงักเท้าทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก และหันหลับไปมองใบหน้าหล่อเหลาของเฮียเฟยอีกครั้ง
“กูเป็นคนช่วยชีวิตมึง ฉะนั้นต่อจากนี้ชีวิตมึงเป็นของกู”
เป็นคำพูดที่เฮียเฟยพูดขึ้นมา ซึ่งผมไม่รู้ว่าความหมายที่แท้จริงของคำพูดนี้ว่าต้องการสื่อถึงอะไร
“พวกมึงสองคนไปเรียนก่อนได้เลย กูมีธุระต้องทำนิดหน่อย ส่วนมึงมากับกู”
ผมไม่รู้ว่าทำไมเฮียเฟยถึงต้องพาผมไปด้วย ผมยังยืนที่เดิมจนเฮียเฟยเป็นฝ่ายกระชากแขนให้ผมเดินตาม เพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วง ผมยกมือส่งสัญญาณให้เพื่อนทั้งสอง ว่าผมโอเคกับเรื่องนี้ ก่อนที่เฮียเฟยจะผลักผมเข้าไปในรถซูเปอร์คาร์คันงามที่จอดอยู่หน้าโรงอาหารกลาง แปลกชะมัดคนรวยขนาดนี้ไม่น่ามาทานมื้อเช้าที่นี่ได้ เพราะนักศึกษาไม่ค่อยมาทานกันหรอก ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานประจำที่อยู่บริเวณใกล้เคียง และก็พวกผมนักศึกษาส่วนน้อย
“จะพาผมไหนครับ?”
“มึงชื่ออะไร?”
ไม่ยอมตอบคำถาม แต่ดันมาถามผมกลับซะงั้น คนถามหันหน้ามาเพื่อรอคำตอบ
“ผมชื่อแสงเทียน เรียกสั้นๆ เทียนก็ได้ครับ”
“เรียกกูเฮียเฟย”
“คะ...ครับ”
ผมรู้มาว่าปกติแล้ว พี่เฟยจะไม่ชอบให้คนไม่สนิทกันเรียกเฮีย ที่เรียกได้เห็นจะเป็นสายรหัส ส่วนคนอื่นมักโดนพี่เฟยแกจัดการทันทีที่เรียกให้ได้ยิน
“จะพาผมไหนครับ?”
“นั่งเฉยๆ ไม่ต้องถาม”
ผมทำตามอย่างว่าง่าย เฮียเฟยขับรถไปจอดหน้าคณะมนุษศาสตร์ โดยที่ผมไม่รู้ว่าจอดทำไม สายตาของเฮียเฟยพยายามสอดส่ายสายตามองหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะลดกระจกลงทั้งสองข้าง ซึ่งการกระทำนั้นผมไม่เข้าใจสักนิด ไม่ถึงสองนาทีเฮียเฟยก็เลื่อนกระจกขึ้นและขับรถกลับออกมา
Trrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น หน้าจอแสดงรายชื่อผู้โทรเข้ามาเป็นทวยเทพ แต่พอกดรับสายกลับเป็นไออุ่น
[เทียน แกอยู่กับพี่เฟยใช่ไหม?]
“ใช่ มีอะไรรึเปล่า”
[เพจของมหา’ลัยลงข่าวแกกับพี่เฟย ว่าเฟยหลงเปิดตัวแฟนใหม่หลังจากเลิกกับดาวมนุษย์ศาสตร์เพียงชั่วข้ามคืน และคนที่พี่เฟยคบคือแก]
“อะไรนะ”
น้ำเสียงตกใจของไออุ่นยังไม่เท่าน้ำเสียงตกใจของผม เมื่อตั้งสติจึงรีบเอามือปิดปากทันที เพราะเกรงใจเจ้าของรถ ซึ่งตอนนี้เฮียเฟยกำลังมองมาทางผม ผมจึงรีบวางสายเพราะกลัวเฮียเฟยจะไม่พอใจ เมื่อเก็บโทรศัพท์เรียบร้อยจึงทำตัวให้เป็นปกติอีกครั้ง
“ไง...เป็นข่าวกับกูมันเสียหายมากขนาดนั้นเหรอ เพื่อนมึงถึงต้องรีบรายงาน”
“ปะ...เปล่านะครับ ผมแค่กลัวเฮียเฟยเสื่อมเสียชื่อเสียง”
ผมหมายความตามที่พูดจริงๆ ผมมันก็แค่นักศึกษาปีสองแสนธรรมดา ไม่มีอะไรให้เสียอยู่แล้ว แต่เฮียนี่สิทั้งชาติตระกูล
ทั้งธุรกิจ ไม่อยากคิดเลยจริงๆ
“มึงยังไม่มีแฟนใช่ไหม?”
“ไม่มีครับ”
“ดีจากนี้ไปมึงต้องเป็นแฟนกู และเตรียมขนของไปอยู่คอนโดกับกูด้วย ให้เวลาเตรียมตัวหนึ่งคืน พรุ่งนี้จะให้ลูกน้องกูมาช่วยเก็บของ แต่ถ้าไม่มีอะไรมากมึงก็มาแต่ตัว เดี๋ยวกูจัดการที่เหลือให้เอง”
“เชี่ย!!!”
“เทียน มึงด่ากูทำไม กูแค่ถามว่านึกยังไงอยากไปทานข้าวไกลถึงตึกวิศวะ”
ทวยเทพหน้าเหวอเมื่อได้ยินผมสบถเสียงดัง เอาจริงคือผมไม่ได้ว่ามัน ผมแค่สบถให้กับความทรงจำที่อยู่ในหัว ผมในตอนนั้นใจง่ายฉิบหาย ไม่แปลกหรอกที่เขาจะไม่เห็นค่า แค่เขาชวนก็ยอมไปอยู่กับเขาง่ายๆ
“มึงจะตอบกูได้ยังนึกครึ้มอะไรทำไมอยากไปแถวติดวิดวะ”
“เปล่า...แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ”
“เทพแกเลิกพูดได้แล้ว เอาน่าเปลี่ยนร้านสักวันไม่ทำให้พลังงานที่แกสะสมมาหมดลงในวันเดียวหรอก”
เราสามคนรอรถเมล์ของมหาวิทยาลัยตรงป้ายรถเมล์
หากตรงตามตารางเดินรถ อีกห้านาทีรถเมล์จะมา แต่รถที่เข้ามาเทียบท่าไม่ใช่รถมหาวิทยาลัยอย่างที่พวกผมรอคอย เพราะมันคือรถซูเปอร์คาร์ป้ายทะเบียนประมูลของเฮียเฟย
“แก...รถพี่เฟย”
รู้แล้ว รู้อยู่แล้ว และเป็นรถที่ผมไม่อยากเห็นเป็นที่สุด ผมพยายามเดินหนีทันที โดยที่ไออุ่นและทวยเทพไม่ทันสังเกตเห็น ความตั้งใจคือไม่อยากรู้จักกับผู้ชายคนนี้แม้แต่นิดเดียว
“อ้าว...ไอ้เทียนหายไปไหน”
เสียงของทวยเทพพูดกับไออุ่นซึ่งผมพอได้ยินลางๆ เพราะตัวเองเดินห่างออกมาไกล แต่รถคันนั้นยังขับตามไม่ห่าง
“มึงใช่คนจมน้ำที่กูช่วยเมื่อคืนใช่ไหม?”
เฮียเฟยเปิดกระจกรถยนต์และตะโกนถาม ซึ่งผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“นี่มึงเป็นใบ้เหรอไอ้เตี้ย?”
“ผมไม่ได้เป็นใบ้และผมก็ไม่ได้เตี้ย”
“แสดงว่ามึงได้ยินที่กูถาม แต่มึงเลือกที่จะไม่ตอบ”
ผมหยุดยืนอยู่กับที่และตัดสินใจหันไปประชันหน้ากับผู้ชายที่ขึ้นว่าฮอตที่สุดในมหาวิทยาลัย ทำไมใจของผมต้องสั่นด้วยก็ไม่รู้
“เมื่อคืนมึงยังไม่ได้ขอบคุณกู”
เจ้าของรถไม่ได้ดับเครื่องยนต์ ทั้งยังลงมาและยืนห่างจากผมไปเพียงสองก้าว
“คุณได้ยินผมเรียกชื่อคุณให้ช่วยเหรอครับ ผมจำได้ว่าตอนจมน้ำผมไม่ได้เรียกชื่อใครนะ แล้วคุณเสือกกระโดดลงน้ำไปช่วยผมทำไม?”
“เนรคุณ กูลงไปช่วยมึงยังไม่ขอบคุณแถมมาด่าว่ากูเสือกอีก”
หึ!!! ปากจัดเหมือนเดิม กับทุกคนเฮียเฟยมักปากหมาแบบนี้ ยกเว้นคนเดียวเท่านั้นที่อ่อนหวานด้วย นั่นก็คือคุณหลินฮวา แฟนเก่าที่เฮียเฟยไม่เคยลืม อยู่ดีๆ น้ำตาของผมก็ซึมออกมา
แล้วจะมาอ่อนแอทำไมตอนนี้ก็ไม่รู้ ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดมองใบหน้าร้ายกาจของผู้ชายที่ขึ้นชื่อหล่อที่สุดอย่างเย้ยหยัน
“อย่ามายุ่งกับผม”
“พ่อแม่สอนมึงมายังไงวะ ถึงไม่พูดขอบคุณคนที่เขาให้ความช่วยเหลือมึง”
เล่นถึงพ่อแม่ อย่าหวังเลยว่าผมจะไว้หน้า เมื่อด่ามาผมก็ด่ากลับ แสงเทียนคนนี้ไม่ใช่แสงเทียนคนเก่า ที่ยินยอมพร้อมใจรับความทุกข์ทรมานตามสโลแกน ‘เทียนทนได้’ อีกแล้ว
“พ่อแม่ผมจะเลี้ยงผมมายังไง เป็นเรื่องของท่าน ไม่เสือกอยากรู้สิครับ”
“แสงเทียน”
เฮียเฟยขบกรามมองหน้าผมทั้งยังใช้มือบีบแขนผม เดาเอาว่าน่าจะสุดแรง ถามว่าเจ็บไหมน่ะเหรอ เจ็บมาก เจ็บจนอยากสะบัดแขนออก แต่เจ็บกว่านี้ผมยังผ่านมาแล้ว แค่นี้จิ๊บๆ
“กูเป็นคนช่วยชีวิตมึง ฉะนั้นต่อจากนี้ชีวิตมึงเป็นของกู”
ประโยคนี้อีกแล้ว ประโยคที่ผมท่องจำจนขึ้นใจตลอดระยะเวลาสามปีเต็มที่คบกับเฮียเฟย เมื่อผมมีโอกาสได้เลือกอีกครั้ง ผมจะไม่กลับไปเจ็บแบบเดิมแน่นอน
“ฟังปากผมนะครับ ไม่...มี...ทาง”
ใบหน้าหล่อเหลาของเฮียเฟยเดือดดาลขึ้นทันที ส่วนผมยังทำใบหน้าท้าทายไม่ได้เกรงกลัว โดนตบหน้าก็โดนมาแล้ว โดนทำร้ายจิตใจก็ตั้งหลายครั้ง จะโดนต่อยหน้าสักหนจะเป็นไรไป
“คิดว่าจะหนีกูได้ก็ลองดู”
เสียงเหยียบคันเร่งดังสนั่นพร้อมการทะยานเคลื่อนไปด้านหน้าของรถซูเปอร์คาร์คันงาม ไออุ่นและทวยเทพตามมาทันพร้อมทั้งถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผมเลือกจะไม่เล่าให้พวกมันสองคนฟัง
เพราะกลัวว่าจะไม่สบายใจกันไปใหญ่ ปล่อยให้ผมรับมือเรื่องนี้คนเดียวน่าจะดีกว่า
“แย่แล้วเทียน”
“อะไรอีกวะอุ่น แกเรียกไอ้เทียนเสียงแบบนี้ดูไม่น่าไว้ใจเลยนะ”
เพจซุบซิบรอบรั้วมหา’ลัย
เฟยหลงสุดหล่อทิ้งสาวสวยดาวคณะมนุษย์ศาสตร์ มาตามตื๊อหนุ่มสุดคิวท์น่าหวานนามว่าแสงเทียน นักศึกษาทุนมหา’ลัย ผู้มีผลการเรียนเป็นเลิศคณะอักษรศาสตร์ งานนี้พี่เฟยหลงถึงขนาดจอดรถลงไปคุยด้วย ไม่ใช่ของจริงพี่เฟยไม่ทำขนาดนี้นะคะ ใครบอกว่าพี่เฟยโสด แอดมินบอกเลยว่า ตกข่าวแล้วจ้ะ ด้านล่างเป็นวาร์ปน้องแสงเทียนใครสนใจเชิญส่องได้เลย
I* : ผมชื่อเทียนครับ
เอาแล้วไง ทำไมยิ่งหนียิ่งเจอ สวรรค์ผมพยายามแล้วนะเหตุใดท่านถึงต้องกลั่นแกล้งผมด้วย
แสงเทียนหลับในท่านั่ง ร่างกายผูกติดกับเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า ส่วนเจ้สวยยังนอนหลับอยู่บนพื้นสองมือถูกมัดเอาไว้เช่นเดิม ประตูเหล็กถูกเปิดออก พร้อมการก้าวเข้ามาของหลินฮวาและเอกธารา “ปลุกมันให้หลินที” เอกธาราพยักหน้า ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังจึงนำถังน้ำเข้ามาและสาดไปยังเจ้สวย คนถูกปลุกด้วยความเย็นของน้ำตื่นขึ้นด้วยความงัวเงีย เมื่อตั้งสติได้ก็ต้องตกใจเพราะพบลูกชายของตนถูกมัดไว้เช่นกัน “ได้คุยกันสักทีนะคะนังเมียน้อย” เจ้สวยถูกพยุงให้ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ แต่เพราะฤทธิ์ยาสลบจึงยังไม่ได้สติเต็มที่นัก “หนูคงเป็นลูกสาวของคุณสาลี่สินะ” “ใช่...ฉันเอง ฉันเป็นลูกสาวของแม่สาลี่ผู้หญิงที่แกแย่งสามีไปยังไงล่ะ” ความแค้นดั่งไฟสุมอกถูกเก็บซ่อนมาเนิ่นนาน ถึงเวลาชำระความเสียที “มึงรู้ไหม ว่าแม่กูต้องตรอมใจตายเพียงลำพังเพราะมึงและครอบครัวของมึง” เพียะ!!! หลินฮวาระเบิดเสียงและตบหน้าเจ้สวยเต็มแรง แม้แรงของผู้หญิงจะเทียบไม่ได้กับผู้ชาย แต่ก็ทำเอาหน้าชาได้เหมือนกัน จะเรียกว่าเจ็บ
วราดิเรกสกุลกรุ๊ปชนะการประมูลครั้งประวัติศาสตร์ของไทย นั่นทำให้หุ้นของวราดิเรกสกุลกรุ๊ปพุ่งกระฉูด ชนิดที่ว่ามูลค่าหุ้นต่อหน่วยสูงขึ้นกว่าหนึ่งร้อยเท่า วันนี้เขาจึงนัดเพื่อนออกมาพบกัน นัยหนึ่งเพื่อให้ตัวเองลืมความคิดถึงที่มีต่อแสงเทียน คนที่เขาออกปากไล่ และเป็นคนที่หักหลังเขาโดยการส่งข้อมูลการประมูลไปให้เอกธารา “ทำไมไอ้คัสยังไม่มา” “กูโทรบอกแล้วเดี๋ยวมันก็มา มึงก็ดื่มรอมันก่อน แล้วหลินฮวาของมึงเป็นยังไงบ้าง สร้างปัญหาป่ะ” โอห์มตอบคำถามตามจริง ท่าทีไม่ได้ร้อนรนของโอห์มคือท่าทีเฉพาะตัว ราวไม่สนใจเรื่องราวรอบข้าง เขาขอผ่อนคลายกับบรรยากาศและแอลกอฮอล์รสเลิศดีกว่า แต่ก็ยังมีถามถึงแฟนเก่าของเพื่อนแม้รู้ดีว่าเฟยหลงคงไม่ตอบอะไร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด “ถูกแสงเทียนทำร้าย” “กูไม่เชื่อว่าน้องเทียนจะทำแบบนั้น” “มึงเชื่อไหมว่าเทียนแอบส่งข้อมูลประมูลงานของกูไปให้ไอ้เอก” “เชี่ย!!! มึงแน่ใจเหรอวะว่าเป็นฝีมือน้องเทียน ถ้าน้องทำจริงแล้วทำไมมึงถึงชนะการประมูล” เขาลืมค
หลินฮวาถูกส่งตัวรักษากับคุณหมอด้านความงามที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ เพื่อหวังรักษาใบหน้าให้กลับมางดงามดังเดิม ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับหลินฮวา เพราะหล่อนรู้ว่าอย่างไรเสียรอยแผลเป็นสามารถรักษาได้ แต่ที่สะใจที่สุดก็คือได้เห็นเฟยหลงเล็งปืนไปยังแสงเทียน มันเป็นประกาศอย่างชัดเจนว่า ผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ “ไม่ต้องกังวลนะ หลินจะต้องกลับมาสวยเหมือนเดิม” “แล้วน้องเทียนล่ะค่ะ” “แสงเทียนไม่มีทางทำอะไรหลินได้อีกแล้ว” แสงเทียนกลับลงมาชั้นล่างพร้อมชัชชัย ฝ่ายนั้นแม้จะเดินนำหน้าแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือแสงเทียนให้เป็นอิสระ เขาเป็นห่วงเกรงว่าเจ้านายของตนจะตามมาทำอันตรายแสงเทียน “ขอบคุณนะครับคุณชัช ปล่อยมือผมได้แล้วครับ” “คุณเทียนกลับคฤหาสน์กับผมก่อนนะครับ สักพักนายคงใจเย็นลง” แสงเทียนยิ้มทั้งน้ำตาและดึงมือของตนกลับ กระเป๋าเดินทางที่อยู่ในรถคือเสื้อผ้าของเขาวันที่ยอมตกลงไปอยู่กับเฟยหลง วันนั้นเอาไปเท่าไหร่ก็ตั้งใจขนกลับเท่าเดิม ของขวัญราคาแพงชิ้นอื่นแสงเทียนทิ้งไว้ในห้อง ที่มีติดตัวตอนนี้
แผนการจับตัวคนร้ายที่เฟยหลงวางแผนไว้ดำเนินมาจนถึงตอนจบ หนึ่งในลูกน้องของเอกธาราซึ่งถูกจับและให้การซัดทอดว่า ตัวเองรับคำสั่งจากคนสนิทของเฟยหลงให้นำเข้าสินค้าผิดกฎหมายเหล่านั้น เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของเจ้าหน้าที่ จึงแอบยัดปะปนมากับสินค้าจำนวนมาก และแน่นอนว่ายาเสพติดมีมูลค่ามากกว่าของบนเรือหลายเท่านัก “ขอบคุณนะครับที่สารวัตรเดินทางมาด้วยตัวเอง” “สุภาพเชียวนะมึง นี่กูเพิ่งรู้ว่านะว่าพอขึ้นรับตำแหน่งแล้วมึงพูดจารื่นหูขนาดนี้” ตำรวจนายนั้นเดินเข้าไปตบบ่าเฟยหลงด้วยความสนิทสนมกัน ศิวัฒน์ คือทายาทตำรวจตระกูลดังและเป็นตำรวจน้ำดีที่หาได้ยากในปัจจุบัน “เออ...เห็นคนในเครื่องแบบแล้วขนลุกดี มึงสบายดีใช่ไหม?” “ก่อนจะถามเรื่องกู กูถามมึงก่อนแล้วกัน มึงเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไทยแล้วเหรอวะ ถึงได้ให้กูช่วยเนี่ย” เพราะเฟยหลงไม่เคยให้เรื่องเหล่านี้ถึงมือตำรวจ เขามักจัดการด้วยตัวเอง โดยไม่ยอมให้ตำรวจเข้ามาวุ่นวาย “ที่กูยอมให้เรื่องนี้ถึงตำรวจเพราะว่ากูอยากให้เป็นข่าว ไอ้คนที่มันถูกจับซัดทอดกูแล้วใช่ไหม”
พรุ่งนี้คือวันสุดท้ายของการส่งเอกสารประมูลโครงการยักษ์ใหญ่ของไทย เวลาที่กำหนดคือสิบนาฬิกา หากล่าช้ากว่านั้นระบบจะปิดตัวลง คืนนี้เฟยหลงนั่งประชุมผ่านระบบวิดีโอกับกรรมการผู้ถือหุ้นและผู้เกี่ยวข้อง จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงตีหนึ่ง ชายหนุ่มทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง ทุกคนได้รับคำสั่งห้ามเข้าไปยุ่งวุ่นวายในห้องทำงาน ส่วนแสงเทียนแม้เฟยหลงไม่ได้เอ่ยห้ามก็พอรู้ตัวว่าไม่ควรเข้าไป จิตใจของแสงเทียนกระวนกระวาย เพราะเอกธาราส่งภาพของเจ้สวยและแสงฟ้ามาขู่แทบทุกสิบนาที เป็นนัยว่าให้เร่งทำงานที่สั่งได้แล้ว เพราะไม่อย่างนั้นสองคนที่แสงเทียนรักคงมีอันเป็นไป เฟยหลงแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะเจ้าตัวรู้ว่าไม่ควรวางใจใคร พนักงานที่บริษัทใช่ว่าจะไว้ใจได้ทุกคน ตัวเลขสุดท้ายเขาจึงเป็นผู้ตัดสินใจเพียงผู้เดียว หากชนะการประมูลครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในฐานะผู้บริหารอายุน้อยที่สุดในแวดวงธุรกิจ “พวกผมจับตัวน้องชายมันมาแล้วครับ ตอนแรกว่าจะจับแม่มันมาด้วย แต่คนที่แผงผักเยอะเราจึงเปลี่ยนแผนมาจับตัวไอ้เด็กนี่แทน” ลูกน้องสองคนเข้ามารายงา
แสงเทียน ไออุ่นและทวยเทพกำลังนั่งคุยงานกันที่ร้านไอศกรีมเล็กๆ แต่บรรยากาศดี ทันทีที่เพื่อนเห็นสภาพการเดินกรเผลกก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าจะให้พวกตนไปหาที่คฤหาสน์ของเฟยหลง แต่แสงเทียนรู้ดีว่า ฝ่ายนั้นไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวาย เว้นไว้แฟนเก่าคนโปรดคนเดียว “แล้วไปหาหมออีกเมื่อไหร่” ทวยเทพถามพร้อมทั้งตักไอศกรีมเข้าปากหลังจากถามจบ “สัปดาห์หน้ามั้ง จำวันไม่ได้เดี๋ยวไปดูใบนัด ว่าแต่พักหลังมานี้ตัวติดกันตลอดมีอะไรที่เราไม่รู้รึเปล่า?” “เปล่า/ไม่มี” ทวยเทพและไออุ่นพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะเฉไปเรื่องอื่น คนรู้ทันยิ้มทันที เพราะสงสัยมาก่อนหน้านี้ว่าทั้งสองคนมีใจให้กัน แต่ปากหนักทั้งคู่ “เออเทียน แล้วจะกลับยังไง? หรือคุณชัชมารับ” “เราเกรงใจคุณชัชคงกลับเองแหละ ว่าแต่กลับกันเลยไหม?” “เอาสิ” แสงเทียนใช้เวลาอยู่กับเพื่อนไม่ถึงสองชั่วโมง กะว่ากลับไปให้ทันรับประทานมื้อเย็น เพราะตนไม่ได้บอกป้าเนียมไว้ เอกสารที่ต้องฝากให้สำนักพิมพ์ลงนามถูกทวยเทพเก็บไว้อย่างดี บันไดเลื่อนตัวใกล้ส







