Share

ตอนที่ 2 ชีวิตมึงเป็นของกู

last update Last Updated: 2025-10-16 21:25:57

เพราะที่นี่คือมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังอันดับหนึ่งของไทย  ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผมจะเข้าเรียนที่นี่  นักศึกษาส่วนใหญ่ล้วนมาจากครอบครัวร่ำรวย  มีธุรกิจเป็นของตัวเอง  ใช้เงินเป็นฟ่อนนิยม ของแบรนด์เนม  ขับซูเปอร์คาร์  และที่สำคัญหน้าตาสวยหล่อระดับดาราเลยทีเดียว  ส่วนผมและเพื่อนสนิทคือชนกลุ่มน้อย  เพราะเราได้รับคัดเลือกให้เข้าเรียนที่นี่โดยได้รับทุนการศึกษา  ทั้งค่าเทอม  ค่าที่พัก  และค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ  อ้อเกือบลืมบอกไปแม่ผมก็มีธุรกิจนะครับ  เจ้สวยเจ้าของแผงผักตลาดค้าส่งคือแม่ผมเอง  แต่ก็เป็นเพียงแผงผักเล็กๆ

ที่พอให้มีรายได้จุนเจือครอบครัว  เลี้ยงดูเราสามชีวิต  อันประกอบด้วยเจ้สวยคุณแม่ผู้แสนใจดี  ตัวผมและก็แสงฟ้า  น้องชายคนเล็กของบ้าน  ซึ่งกำลังเรียนมอ.ปลาย  ส่วนผมก็ปีสองใกล้จะขึ้นปีสามแล้วครับ

            “เมื่อคืนทำไมพลัดตกน้ำไปได้ล่ะเทียน  มีใครผลักรึเปล่า?”

            เสียงทักของไออุ่นเพื่อนสนิทหญิงคนเดียวของผม  มันถามทันทีที่เจอหน้ากัน  ทุกอย่างผ่านมาแล้วและคำถามนี้มันก็ถามกับผมเมื่อสามปีก่อน  ครั้งนั้นผมตอบไปว่าไม่รู้  และครั้งนี้ผมก็ตอบด้วยคำตอบเดิม 

            “เทียนโชคดีชะมัด  พลัดตกน้ำแล้วพี่เฟยบริหารปีสี่กระโดดลงไปช่วย  เราโคตรอิจฉาอยากอยู่ในอ้อมกอดของพี่เฟยบ้าง”

            “อยากอยู่ในอ้อมกอดเขาทำไมไม่แกล้งกระโดดน้ำล่ะ  โธ่!!!  เป็นผู้หญิงแทนที่จะรักนวลสงวนตัว  กลับอยากให้ผู้ชายกอด  ประสาท”

            “ไอ้เทพ  มันเรื่องของฉัน”

            ทะเลาะกันอีกแล้ว  คู่นี้เขาเป็นคู่กัดกัน  จิกกันตั้งแต่ปีหนึ่งยันเรียนจบ

            “ลองไปทานมื้อเช้าที่ข้างตึกวิศวะดูไหม  เขาว่าอาหารที่นั่นอร่อยไม่แพ้โรงอาหารกลางเลยนะ”

            “นึกยังไงอยากไปทานข้าวไกลถึงตึกวิด’วะ”

           

            หากผมจะเล่าเรื่องในอนาคตที่ผมเผชิญมา  คุณผู้อ่านคิดว่า  เพื่อนสองคนจะคิดว่าผมบ้าไหมครับ

            ความทรงจำของผมหวนกลับมา  หากวันนี้ผมไปรับประทานอาหารที่โรงอาหารกลาง  ผมจะพบกับเฮียเฟย  และถือโอกาสนี้มอบคุกกี้ธัญพืชเพื่อขอบคุณที่ช่วยชีวิตผม 

            “เมื่อคืนขอบคุณพี่มากนะครับที่ช่วยผมเอาไว้”

            เฮียเฟยมองมาทางผมด้วยสายตาเบื่อหน่าย  ก่อนจะรับของในมือผมไปถือไว้เพียงครู่หนึ่ง  และวางไว้บนโต๊ะอาหาร 

            “โตขนาดนี้กูว่ามึงควรไปเรียนว่ายน้ำ  ไม่งั้นก็เป็นภาระคนอื่น”

            ผมก้มหน้าลงก่อนจะหันหลังเตรียมเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งลุ้นในอีกฟากหนึ่งของโรงอาหาร

            “เดี๋ยว....  จะไปไหน”

            ผมชะงักเท้าทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก  และหันหลับไปมองใบหน้าหล่อเหลาของเฮียเฟยอีกครั้ง

            “กูเป็นคนช่วยชีวิตมึง  ฉะนั้นต่อจากนี้ชีวิตมึงเป็นของกู”

            เป็นคำพูดที่เฮียเฟยพูดขึ้นมา  ซึ่งผมไม่รู้ว่าความหมายที่แท้จริงของคำพูดนี้ว่าต้องการสื่อถึงอะไร

           

            “พวกมึงสองคนไปเรียนก่อนได้เลย  กูมีธุระต้องทำนิดหน่อย  ส่วนมึงมากับกู”

            ผมไม่รู้ว่าทำไมเฮียเฟยถึงต้องพาผมไปด้วย  ผมยังยืนที่เดิมจนเฮียเฟยเป็นฝ่ายกระชากแขนให้ผมเดินตาม  เพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วง  ผมยกมือส่งสัญญาณให้เพื่อนทั้งสอง  ว่าผมโอเคกับเรื่องนี้  ก่อนที่เฮียเฟยจะผลักผมเข้าไปในรถซูเปอร์คาร์คันงามที่จอดอยู่หน้าโรงอาหารกลาง  แปลกชะมัดคนรวยขนาดนี้ไม่น่ามาทานมื้อเช้าที่นี่ได้  เพราะนักศึกษาไม่ค่อยมาทานกันหรอก  ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย  พนักงานประจำที่อยู่บริเวณใกล้เคียง  และก็พวกผมนักศึกษาส่วนน้อย

            “จะพาผมไหนครับ?”

            “มึงชื่ออะไร?”

            ไม่ยอมตอบคำถาม  แต่ดันมาถามผมกลับซะงั้น  คนถามหันหน้ามาเพื่อรอคำตอบ

            “ผมชื่อแสงเทียน  เรียกสั้นๆ เทียนก็ได้ครับ”

            “เรียกกูเฮียเฟย”

            “คะ...ครับ”

           

            ผมรู้มาว่าปกติแล้ว  พี่เฟยจะไม่ชอบให้คนไม่สนิทกันเรียกเฮีย  ที่เรียกได้เห็นจะเป็นสายรหัส  ส่วนคนอื่นมักโดนพี่เฟยแกจัดการทันทีที่เรียกให้ได้ยิน

             “จะพาผมไหนครับ?”

            “นั่งเฉยๆ  ไม่ต้องถาม”

            ผมทำตามอย่างว่าง่าย  เฮียเฟยขับรถไปจอดหน้าคณะมนุษศาสตร์  โดยที่ผมไม่รู้ว่าจอดทำไม  สายตาของเฮียเฟยพยายามสอดส่ายสายตามองหาอะไรสักอย่าง  ก่อนจะลดกระจกลงทั้งสองข้าง  ซึ่งการกระทำนั้นผมไม่เข้าใจสักนิด  ไม่ถึงสองนาทีเฮียเฟยก็เลื่อนกระจกขึ้นและขับรถกลับออกมา

           

            Trrrrrrr

            เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น  หน้าจอแสดงรายชื่อผู้โทรเข้ามาเป็นทวยเทพ  แต่พอกดรับสายกลับเป็นไออุ่น 

            [เทียน  แกอยู่กับพี่เฟยใช่ไหม?]

            “ใช่  มีอะไรรึเปล่า”

           

           

            [เพจของมหา’ลัยลงข่าวแกกับพี่เฟย  ว่าเฟยหลงเปิดตัวแฟนใหม่หลังจากเลิกกับดาวมนุษย์ศาสตร์เพียงชั่วข้ามคืน  และคนที่พี่เฟยคบคือแก]

            “อะไรนะ”

            น้ำเสียงตกใจของไออุ่นยังไม่เท่าน้ำเสียงตกใจของผม  เมื่อตั้งสติจึงรีบเอามือปิดปากทันที  เพราะเกรงใจเจ้าของรถ ซึ่งตอนนี้เฮียเฟยกำลังมองมาทางผม  ผมจึงรีบวางสายเพราะกลัวเฮียเฟยจะไม่พอใจ  เมื่อเก็บโทรศัพท์เรียบร้อยจึงทำตัวให้เป็นปกติอีกครั้ง

            “ไง...เป็นข่าวกับกูมันเสียหายมากขนาดนั้นเหรอ  เพื่อนมึงถึงต้องรีบรายงาน”

            “ปะ...เปล่านะครับ  ผมแค่กลัวเฮียเฟยเสื่อมเสียชื่อเสียง”

            ผมหมายความตามที่พูดจริงๆ  ผมมันก็แค่นักศึกษาปีสองแสนธรรมดา  ไม่มีอะไรให้เสียอยู่แล้ว  แต่เฮียนี่สิทั้งชาติตระกูล 

ทั้งธุรกิจ  ไม่อยากคิดเลยจริงๆ

            “มึงยังไม่มีแฟนใช่ไหม?”

            “ไม่มีครับ”

           

            “ดีจากนี้ไปมึงต้องเป็นแฟนกู  และเตรียมขนของไปอยู่คอนโดกับกูด้วย  ให้เวลาเตรียมตัวหนึ่งคืน  พรุ่งนี้จะให้ลูกน้องกูมาช่วยเก็บของ  แต่ถ้าไม่มีอะไรมากมึงก็มาแต่ตัว  เดี๋ยวกูจัดการที่เหลือให้เอง”

            “เชี่ย!!!”

            “เทียน  มึงด่ากูทำไม  กูแค่ถามว่านึกยังไงอยากไปทานข้าวไกลถึงตึกวิศวะ”

            ทวยเทพหน้าเหวอเมื่อได้ยินผมสบถเสียงดัง  เอาจริงคือผมไม่ได้ว่ามัน  ผมแค่สบถให้กับความทรงจำที่อยู่ในหัว  ผมในตอนนั้นใจง่ายฉิบหาย  ไม่แปลกหรอกที่เขาจะไม่เห็นค่า  แค่เขาชวนก็ยอมไปอยู่กับเขาง่ายๆ 

            “มึงจะตอบกูได้ยังนึกครึ้มอะไรทำไมอยากไปแถวติดวิดวะ”

            “เปล่า...แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ”

            “เทพแกเลิกพูดได้แล้ว  เอาน่าเปลี่ยนร้านสักวันไม่ทำให้พลังงานที่แกสะสมมาหมดลงในวันเดียวหรอก”

            เราสามคนรอรถเมล์ของมหาวิทยาลัยตรงป้ายรถเมล์ 

หากตรงตามตารางเดินรถ  อีกห้านาทีรถเมล์จะมา  แต่รถที่เข้ามาเทียบท่าไม่ใช่รถมหาวิทยาลัยอย่างที่พวกผมรอคอย  เพราะมันคือรถซูเปอร์คาร์ป้ายทะเบียนประมูลของเฮียเฟย 

           

            “แก...รถพี่เฟย”

            รู้แล้ว  รู้อยู่แล้ว  และเป็นรถที่ผมไม่อยากเห็นเป็นที่สุด                       ผมพยายามเดินหนีทันที  โดยที่ไออุ่นและทวยเทพไม่ทันสังเกตเห็น  ความตั้งใจคือไม่อยากรู้จักกับผู้ชายคนนี้แม้แต่นิดเดียว

            “อ้าว...ไอ้เทียนหายไปไหน”

            เสียงของทวยเทพพูดกับไออุ่นซึ่งผมพอได้ยินลางๆ  เพราะตัวเองเดินห่างออกมาไกล  แต่รถคันนั้นยังขับตามไม่ห่าง 

            “มึงใช่คนจมน้ำที่กูช่วยเมื่อคืนใช่ไหม?”

            เฮียเฟยเปิดกระจกรถยนต์และตะโกนถาม  ซึ่งผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

            “นี่มึงเป็นใบ้เหรอไอ้เตี้ย?”

            “ผมไม่ได้เป็นใบ้และผมก็ไม่ได้เตี้ย”

            “แสดงว่ามึงได้ยินที่กูถาม  แต่มึงเลือกที่จะไม่ตอบ”

            ผมหยุดยืนอยู่กับที่และตัดสินใจหันไปประชันหน้ากับผู้ชายที่ขึ้นว่าฮอตที่สุดในมหาวิทยาลัย  ทำไมใจของผมต้องสั่นด้วยก็ไม่รู้

            “เมื่อคืนมึงยังไม่ได้ขอบคุณกู”

            เจ้าของรถไม่ได้ดับเครื่องยนต์  ทั้งยังลงมาและยืนห่างจากผมไปเพียงสองก้าว

           

            “คุณได้ยินผมเรียกชื่อคุณให้ช่วยเหรอครับ  ผมจำได้ว่าตอนจมน้ำผมไม่ได้เรียกชื่อใครนะ  แล้วคุณเสือกกระโดดลงน้ำไปช่วยผมทำไม?”

            “เนรคุณ  กูลงไปช่วยมึงยังไม่ขอบคุณแถมมาด่าว่ากูเสือกอีก” 

            หึ!!!  ปากจัดเหมือนเดิม  กับทุกคนเฮียเฟยมักปากหมาแบบนี้  ยกเว้นคนเดียวเท่านั้นที่อ่อนหวานด้วย  นั่นก็คือคุณหลินฮวา  แฟนเก่าที่เฮียเฟยไม่เคยลืม  อยู่ดีๆ น้ำตาของผมก็ซึมออกมา 

แล้วจะมาอ่อนแอทำไมตอนนี้ก็ไม่รู้  ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดมองใบหน้าร้ายกาจของผู้ชายที่ขึ้นชื่อหล่อที่สุดอย่างเย้ยหยัน 

            “อย่ามายุ่งกับผม”

            “พ่อแม่สอนมึงมายังไงวะ  ถึงไม่พูดขอบคุณคนที่เขาให้ความช่วยเหลือมึง”

            เล่นถึงพ่อแม่  อย่าหวังเลยว่าผมจะไว้หน้า  เมื่อด่ามาผมก็ด่ากลับ  แสงเทียนคนนี้ไม่ใช่แสงเทียนคนเก่า  ที่ยินยอมพร้อมใจรับความทุกข์ทรมานตามสโลแกน  ‘เทียนทนได้’  อีกแล้ว

            “พ่อแม่ผมจะเลี้ยงผมมายังไง  เป็นเรื่องของท่าน  ไม่เสือกอยากรู้สิครับ”

            “แสงเทียน”

           

            เฮียเฟยขบกรามมองหน้าผมทั้งยังใช้มือบีบแขนผม  เดาเอาว่าน่าจะสุดแรง  ถามว่าเจ็บไหมน่ะเหรอ  เจ็บมาก  เจ็บจนอยากสะบัดแขนออก  แต่เจ็บกว่านี้ผมยังผ่านมาแล้ว  แค่นี้จิ๊บๆ

            “กูเป็นคนช่วยชีวิตมึง  ฉะนั้นต่อจากนี้ชีวิตมึงเป็นของกู”

            ประโยคนี้อีกแล้ว  ประโยคที่ผมท่องจำจนขึ้นใจตลอดระยะเวลาสามปีเต็มที่คบกับเฮียเฟย  เมื่อผมมีโอกาสได้เลือกอีกครั้ง  ผมจะไม่กลับไปเจ็บแบบเดิมแน่นอน

            “ฟังปากผมนะครับ  ไม่...มี...ทาง”

            ใบหน้าหล่อเหลาของเฮียเฟยเดือดดาลขึ้นทันที  ส่วนผมยังทำใบหน้าท้าทายไม่ได้เกรงกลัว  โดนตบหน้าก็โดนมาแล้ว  โดนทำร้ายจิตใจก็ตั้งหลายครั้ง  จะโดนต่อยหน้าสักหนจะเป็นไรไป

            “คิดว่าจะหนีกูได้ก็ลองดู”

            เสียงเหยียบคันเร่งดังสนั่นพร้อมการทะยานเคลื่อนไปด้านหน้าของรถซูเปอร์คาร์คันงาม  ไออุ่นและทวยเทพตามมาทันพร้อมทั้งถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ซึ่งผมเลือกจะไม่เล่าให้พวกมันสองคนฟัง 

เพราะกลัวว่าจะไม่สบายใจกันไปใหญ่  ปล่อยให้ผมรับมือเรื่องนี้คนเดียวน่าจะดีกว่า

            “แย่แล้วเทียน”

            “อะไรอีกวะอุ่น  แกเรียกไอ้เทียนเสียงแบบนี้ดูไม่น่าไว้ใจเลยนะ”

           

เพจซุบซิบรอบรั้วมหา’ลัย

            เฟยหลงสุดหล่อทิ้งสาวสวยดาวคณะมนุษย์ศาสตร์  มาตามตื๊อหนุ่มสุดคิวท์น่าหวานนามว่าแสงเทียน  นักศึกษาทุนมหา’ลัย ผู้มีผลการเรียนเป็นเลิศคณะอักษรศาสตร์  งานนี้พี่เฟยหลงถึงขนาดจอดรถลงไปคุยด้วย  ไม่ใช่ของจริงพี่เฟยไม่ทำขนาดนี้นะคะ  ใครบอกว่าพี่เฟยโสด  แอดมินบอกเลยว่า  ตกข่าวแล้วจ้ะ  ด้านล่างเป็นวาร์ปน้องแสงเทียนใครสนใจเชิญส่องได้เลย

I* : ผมชื่อเทียนครับ

            เอาแล้วไง  ทำไมยิ่งหนียิ่งเจอ  สวรรค์ผมพยายามแล้วนะเหตุใดท่านถึงต้องกลั่นแกล้งผมด้วย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ได้ย้อนเวลาทั้งทีผมไม่เอาพี่เป็นผัวแล้วนะครับ   ตอนที่ 16 ยินดีที่ได้รู้จัก

    “ผมเคยสงสัยถึงสาเหตุที่ทำให้ผมย้อนเวลากลับมา มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คนธรรมดาอย่างผมจะมีพลังวิเศษพาตัวเองย้อนกลับมาแก้ไขอดีต แต่ที่ผมย้อนกลับมาอาจเป็นเพราะผมยังติดค้างบางสิ่งบางอย่างกับใครบางคน” แสงเทียนหลับสนิทเพราะใช้เรี่ยวแรงไปมาก เฟยหลงเองก็ไม่ยอมปล่อยแสงเทียนออกจากอ้อมกอด ชายหนุ่มแนบหน้าของตนเข้ากับหน้าผากเนียน ก่อนจะใช้มืออีกข้างเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เปลือกตาสีอ่อนบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยอาการบวมแดง เฟยหลงไล้ปลายนิ้วสัมผัสมันเพื่อปลอบประโลม ก่อนโน้มตัวจุมพิตเปลือกตานั้นอย่างแผ่วเบา รถตู้สีดำทะเบียนประมูลเคลื่อนตัวมาจอดด้านหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ชัชชัยรีบนำผ้าห่มมาให้เจ้านาย เฟยหลงใช้มันคลุมร่างให้คนร้องไห้จนหลับไป คนตัวเล็กหลับสนิทเมื่อถูกเฟยหลงอุ้มขึ้นชั้นบน และการกระทำนั้นอยู่ภายใต้การจับจ้องของหลินฮวา แม้จะมองใบหน้าคนในอ้อมกอดของเฟยหลงไม่ชัด แต่ก็พอรู้ว่าคือผู้ใด “ป้าเนียมจ๊ะ ป้าเนียม” หนึ่งในสาวรับใช้วิ่งมาแจ้งข่าวด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ด้วยคนที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงกลับมาแล้ว แม้จะงงอยู่บ้างที่แสงเทียนถูกอุ้มขึ้นชั้นบ

  • ได้ย้อนเวลาทั้งทีผมไม่เอาพี่เป็นผัวแล้วนะครับ   ตอนที่ 15 ไม่ยอมอีกแล้ว

    “ผมตัดสินใจกดบล็อกสาย และทุกช่องทางการติดต่อจากเฮียเฟย เมื่อความสำคัญลดลงลูกน้องอย่างคุณชัชที่ทำหน้าที่ดูแลผมก็หายไปด้วย หากเป็นเมื่อก่อนผมคงบุกไปสอบถามความจริงจากปากเฮียเฟย หรือไม่ก็โวยวายเรียกร้องความสนใจ แต่สำหรับชาตินี้ การเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้จากไปแบบเงียบๆ ไม่ต้องสู้รบปรบมือกันให้วุ่นวาย และหากพบคนที่ดีผมก็พร้อมจะให้โอกาสและเริ่มต้นใหม่เสียที” คฤหาสน์หลังใหญ่ดูเงียบเหงาลงถนัดตา เมื่อขาดแสงเทียนไป ป้าเนียมพร้อมสาวใช้พากันบ่นถึงชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในตำแหน่งคนรักของเจ้านาย ตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่แสงเทียนอยู่ที่นี่ คฤหาสน์หลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความมีชีวิตชีวา “คุณเทียนชอบทานแกงจืดแตงกวายัดไส้ เห็นแบบนี้แล้วคิดถึงคุณเทียนนะป้า ป่านนี้จะทานข้าวเช้ารึยังก็ไม่รู้ คุณเทียนเธอไม่ค่อยทานต้องถูกคุณเฟยบังคับให้ทานอยู่บ่อยๆ ตอนคุณๆทั้งคู่อยู่ด้วยกันหนูอดอมยิ้มตามไม่ได้เลยค่ะ” หนึ่งในสาวรับใช้พูดเสียยืดยาว ทั้งยังหยิบถ้วยชามออกมาและจัดวางบนโต๊ะอาหาร สาวใช้อีกคนแสดงสีหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเข้าช่วยงานอีกคน ป้าเนียมเองก็ย

  • ได้ย้อนเวลาทั้งทีผมไม่เอาพี่เป็นผัวแล้วนะครับ   ตอนที่ 14 ครั้งหน้าผมขอเลี้ยงชาเขียวปั่นนะครับ

    แสงเทียนมาทำงานด้วยใบหน้าไม่ได้แช่มชื่นนัก เพราะตั้งแต่ที่เฟยหลงกลับไป แสงเทียนก็นอนไม่หลับจนกระทั่งสว่างคาตา กาแฟรสขมจึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกเลือกใช้ หวังว่าจะทำให้สดชื่นขึ้นบ้าง “ไงแกหนักเลยเหรอเมื่อคืน ฉันเห็นนะว่าผัวแกมาหา” ทวยเทพเอ่ยเย้าเพื่อนรักเมื่อเห็นว่าแสงเทียนมีอาการงัวเงียทั้งยังขอบตาดำคล้ำ เหมือนกรำศึกหนักมาทั้งคืน “เก็บปากไว้กินข้าวเถอะเทพ” คนเย้าเพื่อนหัวเราะขำขันเมื่อเห็นว่าคำพูดของตนกวนอารมณ์เพื่อนได้ ก่อนแยกย้ายประจำตำแหน่งของตัวเอง แสงเทียนใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าคางกับโต๊ะ ทั้งยังยกกาแฟขึ้นจิบเพราะตัวเขาไม่ค่อยถูกใจรสขมมากนัก “เป็นอะไรทำไมเศร้าจัง” “เปล่า...ไม่มีอะไร เราแค่นอนไม่หลับ” ไออุ่นไม่ได้เซ้าซี้ หญิงสาวทำเพียงตบบ่าแสงเทียนเบาๆ ก่อนแยกย้ายกันทำงาน ช่วงพักกลางวันแสงเทียนโทรหาน้องชายเพื่อแจ้งว่า เย็นนี้จะเข้าไปรับประทานมื้อเย็นด้วยกัน [งั้นพี่เทียนช่วยแวะซื้อปูม้ากลับมาด้วยได้ไหม เห็นเจ้สวยบ่นมาหลายวันว่าอยากกินยำปูม้า] “

  • ได้ย้อนเวลาทั้งทีผมไม่เอาพี่เป็นผัวแล้วนะครับ   ตอนที่ 13 แกล้งไม่รู้

    “ผมเฝ้าถามตัวเองว่า สาเหตุที่สวรรค์ให้ผมย้อนเวลากลับมาเพราะอะไรกัน ผมเคยอ่านนิยายเกี่ยวกับตัวเอกที่ได้สิทธิ์ย้อนเวลากลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีต จากคนที่ถูกเกลียดกลับกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็รุมรัก หรือไม่ก็กลับมาพร้อมอำนาจต่อรองที่ตัวร้ายไม่มีทางเอาชนะตัวเอกได้ แต่กับผมนั้นเหมือนสวรรค์ให้ย้อนกลับมาเพื่อรับความเจ็บปวดอีกครั้ง โดยที่ผมก็เต็มใจ สวรรค์ท่านจะผิดหวังกับการให้ผมย้อนเวลากลับมาไหมครับ? เป็นคำถามที่ผมไม่น่าถาม เพราะตัวผมเองก็ยังผิดหวังกับตัวเองเช่นกัน” วันนี้คือวันเดินทางมาถึงของหลินฮวา เฟยหลงสั่งให้ชัชชัยไปรับหญิงสาวที่สนามบิน เนื่องจากตัวเขาติดประชุมกับคณะกรรมการผู้ถือหุ้น ลูกน้องคนสนิทแปลกใจเมื่อเจ้านายสั่งให้พาหลินฮวากลับไปยังคฤหาสน์ จึงได้ถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “นายครับ...ถ้าคุณเทียนรู้ล่ะครับ?” “สั่งอะไรก็ทำตามนั้นไม่ต้องถามให้มากความ” คนรับคำสั่งกำลังจะเดินออกไป แต่ยังไม่ทันพ้นประตูเฟยหลงก็รีบเดินตาม และบอกกับลูกน้องว่าจะไปรับหลินฮวาด้วยตัวเอง ส่วนชัชชัยให้นำช่อดอกไม้ไปให้แสงเทียน พร้อมทั้งให้เขียนการ์ดแนบก

  • ได้ย้อนเวลาทั้งทีผมไม่เอาพี่เป็นผัวแล้วนะครับ   ตอนที่ 12 คำขอร้อง

    “สวัสดีครับ” มันเป็นคำทักทายทั่วไป หากแต่เสียงจากปลายสายที่ตอบกลับมาทำให้หัวใจของเฟยหลงสั่นไหวจนไม่อาจนั่งอยู่กับที่ได้อีกแล้ว [เฟย...นี่หลินเอง หลินฮวา/ หลินเอาโทรศัพท์มาพ่อจะคุยเอง] คล้ายโทรศัพท์ของคนปลายสายถูกเปลี่ยนมือไปยังผู้สนทนาคนใหม่ เฟยหลงตั้งใจฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรอย่างจดจ่อ [เฟยหลงนี่อาเอง อามีเรื่องจะขอร้อง] “ครับ” [ช่วยดูแลหลินฮวาแทนอาได้ไหม ธุรกิจอาล้ม ตระกูลฝ่ายนั้นไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วย...อาไม่ไหวแล้วเฟย] ตระกูลฝ่ายนั้นที่ถูกกล่าวถึงคงหมายถึง ตระกูลที่เสี่ยไช้ยอมส่งบุตรสาวไปแต่งงานด้วย เพื่อหวังว่าจะช่วยอุ้มชูธุรกิจของครอบครัว แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่ ไม่มีใครช่วยใครได้ เพราะตระกูลนั้นมีเพียงชื่อเสียงจอมปลอม “อาไช้ครับ อาต้องสู้สิครับ อาจะกลับไทยตอนไหนผมจะให้คนไปรอรับ” [อาคงไม่กลับไทยอีกแล้ว ฝากหลินฮวาลูกสาวคนเดียวของอาด้วยจะเฟย นอกจากอาแล้วคงมีแต่เฟยเท่านั้นที่พอจะปกป้องหลินฮวาได้] เพราะวงการธุรกิจไม่มีคำว่าให

  • ได้ย้อนเวลาทั้งทีผมไม่เอาพี่เป็นผัวแล้วนะครับ   ตอนที่ 11 หรือจะเปลี่ยนไปแล้ว

    “ย้ายไปอยู่กับเฮียได้ไหม? เพื่อความปลอดภัยของเถียน” “เฮียเฟย...เทียนถามได้ไหม? ที่ทำแบบนี้เพราะรักรึเปล่า” เฟยหลงถอนหายใจออกมาอย่างยากลำบาก เขาไม่ใช่คนชอบโกหก เรื่องที่ออกจากปากล้วนเป็นเรื่องจริง “เฮียไม่อยากบอกเทียนตอนนี้ เพราะหัวใจของเฮียยังมีคนอื่นอยู่ แต่จะรอบอกว่าเฮียรักในวันที่ทั้งใจของเฮียเป็นของเทียน” แสงเทียนดวงตาวูบไหว ก่อนที่น้ำตาเริ่มคลอหน่วย อย่างน้อยเฮียเฟยในชาตินี้ยังทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ซับซ้อนเช่นชาติที่แล้ว “สมมุตินะครับ ถ้าวันนึงคนที่อยู่ในใจของเฮียกลับมา เฮียจะทำยังไงกับเทียน” แสงเทียนถามในเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะหากเขายอมย้ายไปอยู่กับเฟยหลง ก็เท่ากับยอมรับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้น แต่หากไม่ยอมไปอยู่กับอีกฝ่ายเอกธาราคงไม่ยอมรามือง่ายๆ “ผู้หญิงคนนั้นอาจสำคัญกับเฮียแต่มันเป็นเรื่องของอดีต หากพบเจอกันผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีทางสำคัญไปกว่าเถียนเถียนแน่นอน” “จำคำนี้ของเฮียเฟยไว้นะครับ ถ้าวันนั้นคุณหลินฮวากลับมาจริงๆ หวังว่าเฮียจะยังจำคำพูดนี้ได้น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status