LOGIN(อดีต)
“มึงมีของมาเท่านี้เหรอ?”
“ครับ”
“ต้องการอะไรเพิ่มเติมไหม?”
“ไม่ครับ”
สองวันต่อมาผมก็ย้ายมาอยู่กับเฮียเฟย ส่วนหนึ่งเพราะข่าวซุบซิบว่าผมคือแฟนใหม่ของเฮีย และที่สำคัญที่สุดก็คือ ผมแอบรักเฮียเฟยมานานแล้ว รักตั้งแต่เห็นเฮียครั้งแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่
“ห้องของผมล่ะครับ”
“มึงเป็นแฟนกู ก็ต้องนอนกับกูถึงจะถูก จะกระแดะอยากแยกห้องนอนทำไม?”
“เฮียเฟยครับ ผม...ผมขอแยกห้องนอนดีกว่า คือผมไม่ชินนอนกับคนอื่น”
“ตามใจ ใช้ห้องนั้นก็แล้วกัน ปกติไอ้ลูคัสกับไอ้โอห์มมานอนค้างบ่อยๆ กูยกให้มึง”
ผมรีบเดินเข้าไปในห้องนั้นทันที เพราะกลัวสายตาที่เฮียเฟย
มองมา และความเกรงใจด้วยส่วนหนึ่ง ข้าวของเครื่องใช้ผมมีไม่มากจัดแป๊บเดียวก็เสร็จ เมื่อมีเวลาว่างผมจึงเอาหนังสือขึ้นมาอ่าน กะพอแค่เป็นการฆ่าเวลาก่อนที่เฮียเฟยจะเรียกใช้ให้ทำอะไร
แต่จนแล้วจนรอด เฮียเฟยก็ยังไม่เรียกใช้
“แฟน เราเป็นแฟนเฮียเฟย หน้าที่ของแฟนคืออะไร”
ผมพูดกับตัวเอง ก่อนจะย่องออกมาเปิดประตูเพื่อดูว่าด้านนอกเฮียเฟยกำลังทำอะไรอยู่ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครสักคน
แย่จัง!!! เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มี หิวก็หิวแต่ไม่กล้าแตะต้องข้าวของ เพราะกลัวจะเสียหาย ตอนนั่งรถมาที่นี่ผมเห็นหน้าปากซอยมีร้านสะดวกซื้อ ลงไปซื้อของที่นั่นคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
เพราะความหิวไม่เคยปราณีใคร ผมจึงลงไปซื้ออาหารสำเร็จรูป แถมยังซื้อผลไม้ขึ้นมาไว้เผื่อเฮียเฟยกลับมาจะได้ทาน แต่ความซวยมาเยือนผมแล้วไง ผมเข้าห้องไม่ได้รหัสเข้าห้องเฮียมันคืออะไรวะ
ตู๊ด....รหัสผิดครั้งที่หนึ่ง
ตู๊ด....รหัสผิดครั้งที่สอง
และไม่กล้าพอจะกดครั้งที่สาม เพราะเกรงว่าระบบมันจะ
ล็อกตัวเอง โทรศัพท์ก็อยู่ในห้อง เงินในกระเป๋าก็เหลือแค่ยี่สิบบาท เมื่อทำอะไรไม่ได้ผมจึงเลือกจะนั่งรอกับพื้น รอว่าเมื่อไหร่เฮียเฟย
จะกลับมา
“คุณเทียน คุณเทียนครับ ทำไมมานั่งหลับตรงนี้ล่ะครับ”
“พี่ชัชเฮียเฟยกลับมาแล้วเหรอครับ?”
“นายเมามาก คุณเทียนรีบไปดูนายเถอะครับ เดี๋ยวผมจะไปเอาเสื้อผ้านายมาให้”
ผมถูกปลุกโดยลูกน้องคนสนิทของเฮียเฟย ก่อนที่ชายหนุ่มใจดีจะรีบรายงานอาการเจ้านายให้ผมฟัง เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเฮียเฟยเมา เอาจริงนะขนาดเมายังหล่อ
“เถียนเข้ามาสิ มานั่งบนตักกูนี่มา”
“ผมชื่อเทียน”
“แต่กูจะเรียกเถียน”
ไม่คุ้นกับเฮียเฟยเวอร์ชันขี้เมาเลยจริงๆ ขี้อ้อนมาก แถมยังชอบกอดอีกต่างหาก
“เฮียครับเดี๋ยวผมเช็ดตัวให้นะ”
“ไม่อยากให้เช็ดตัวให้ อยากให้อาบน้ำให้มากกว่า”
“เฮีย!!!”
ผมร้องด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ คนเมาที่เดินโซเซกลับอุ้มผมในท่าเจ้าสาวและเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน ทั้งยังเปิดฝักบัวและพยายามถอดเสื้อผ้าของผมอย่างชำนาญ
“เฮียเฟยจะทำอะไรผม”
“มาอยู่นี่ในฐานะแฟน มึงคิดว่ากูจะเอามึงมาบูชาเหรอ”
พูดยังไม่ทันขาดคำสองมือของเฮียเฟยก็ฉีกเสื้อที่ผมสวมอยู่จนขาดคามือ ทั้งยังโน้มใบหน้าเข้าจูบผมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว เมื่อตั้งสติได้ผมจึงพยายามขัดขืน
“อืม...เฮียปล่อยครับ ปล่อยผมก่อน”
“เทียน กูเป็นคนช่วยชีวิตมึง ตอนนี้มึงเป็นแฟนกู อย่าให้กูต้องพูดมาก”
‘มึงเป็นแฟนกู’
นั่นคือประโยคที่ผมฟังแล้วรู้สึกใจฟูที่สุด แม้เฮียเฟยจะไม่เคยขอผมเป็นแฟน แต่ประโยคนี้ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขและอยากจะตอบแทนที่ผู้ชายคนนี้ช่วยชีวิตของผม
“กูต้องการมึงเทียน กูต้องการ อมให้กูหน่อย”
แก่นกายขนาดใหญ่ของเฮียเฟยชี้โด่ ทิศทางของมันคือตัวผม ผมไม่เคยมีแฟนหรือคนรัก และไม่เคยเรื่องอย่างว่า แต่จากใบหน้าเว้าวอนของเฮียเฟยในตอนนี้ ผมจึงไม่กล้าปฏิเสธ
ผมยอบกายลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเฮียเฟย ก่อนจะทำใจกล้าใช้สองมือรวบคว้าแก่นกายใหญ่ และจ่อมันที่ปากของตน แต่ผมใจกล้าไม่พอจะเอามันเข้าปาก ทำได้เพียงส่งลิ้นของตัวเองทักทายเบาๆ ตรงหัวหยัก
“ดี...ดีมาก อืม...เถียน”
ผมอยากให้เฮียมีความสุข อยากเป็นแฟนที่ดี และอยากเป็นคนสำคัญของเฮียเฟย ผมปรายตาขึ้นมองเห็นเฮียกำลังหลับตาพริ้ม ทั้งยังใช้ฟันของตนขบริมฝีปากล่าง บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังมีความสุข
“ยืนขึ้น”
เฮียเฟยออกคำสั่งพร้อมทั้งถอยหลังไปหนึ่งก้าว ทำให้แก่นกายใหญ่หลุดจากมือผมไปโดยปริยาย ผมยืนขึ้นตามคำสั่ง ทำให้มีโอกาสเปรียบเทียบส่วนสูงของผมกับเฮีย ดูแล้วท่าจะห่างกันหลายเซนติเมตร
อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยได้นาน เฮียเฟยก็คว้าตัวผมมากอดทั้งยังจูบผมชนิดที่ว่า ‘จูบสูบวิญญาณ’ ก็ว่าได้ มือข้างหนึ่งป้วนเปี้ยนบริเวณช่องทางหลัง ก่อนจะส่งก้านนิ้วยาวที่ผมไม่รู้ว่าเป็นนิ้วใด สอดแยงเข้าไปจนผมสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ แต่เฮียก็จูบปลอบให้ผมคลายความกังวล จนความตกใจเสียขวัญแปรเปลี่ยนเป็นความหฤหรรษ์ หลายคราวที่ผมเผลอครางเสียงดังออกมา เมื่อนิ้วยาวของเฮียเฟยสัมผัสโดยจุดเสียวด้านใน
เพราะถูกรุกจูบเสียจนสติเตลิดผมถึงไม่ทันรู้ตัวว่า บัดนี้แก่นกายใหญ่ของเฮียเฟยจ่อที่ช่องทางหลังโดยที่ผมไม่มีสิทธิ์หลบหลีกได้เสียแล้ว
(ปัจจับัน)
“เทียน เทียน เทียน”
“วะ...ว่า อะไรนะ”
“ไออุ่นมันเรียกแกตั้งหลายครั้งแต่แกเหม่อไม่ได้ยิน แกเป็นอะไรรึเปล่า ไปหาหมอไหม?”
ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากทวยเทพ ซึ่งบอกว่าเรียกผมหลายครั้งแล้ว แต่ผมกลับเอาแต่เหม่อ ยอมรับครับว่าผมเหม่อลอยบ่อยขึ้น เป็นเพราะผมนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา จะเรียกว่าตายแล้วฟื้นแถมยังย้อนเวลากลับมาไม่รู้จะมีคนเชื่อไหม ผมรู้ว่ามันยากที่จะเชื่อ ผมถึงไม่เล่าให้ใครฟัง และพยายามเลือกทางเดินใหม่ให้กับตัวเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจเหมือนที่ผ่านมา เพราะตอนนั้นผมมันโคตรใจง่ายแถมยังโง่อีกด้วย
“ไปให้หมอตรวจหน่อยไหม ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
ถึงคราวไออุ่นถามขึ้นบ้าง ซึ่งไม่ได้ถามเฉยๆ ไออุ่นยังเอาหลังมือของตนมาแตะหน้าผากของผม เพื่อให้มั่นใจว่าผมไม่ได้ป่วย
“เราโอเค ตัวก็ไม่ร้อนด้วยเห็นไหม”
“แล้วเรื่องเมื่อเช้านี่ยังไง ทำไมพี่เฟยถึงต้องจอดรถลงมาคุยกับเทียน หรือว่าแอบคบกันจริงๆ มิน่าล่ะพอเทียนตกน้ำพี่เฟยถึงได้รีบกระโดดลงไปช่วย นี่ไม่บอกเพื่อนเลยน้า”
ท่าทางคิดเองเออเองของไออุ่นทำให้ผมปวดสมอง นี่ถ้าเป็นเทียนคนเก่าคงจะนั่งเขินอายบิดซ้ายบิดขวา แต่กับเทียนคนนี้ไม่มีหรอกอาการแบบนั้น
“อย่าพูดถึงไอ้เหี้ยเฟยให้เราได้ยินอีกนะ ไม่งั้นตัดเพื่อนเลยทั้งคู่”
ไม่รู้ผมพูดแรงไปรึเปล่า ทั้งไออุ่นและทวยเทพถึงได้นิ่งเงียบลงฉับพลันขนาดนี้
“อุ่น เทียนมันโดนผีพรายเข้าสิงไหมวะ ปกติแสงเทียนไม่เคยพูดคำหยาบนะเว้ย เป็นเราก็ว่าไปอย่าง”
“พาไปรดน้ำมนต์ดีไหมแก”
เพื่อนสองคนปรึกษากัน ผมรู้ว่าใจจริงพวกมันต้องการให้ผมได้ยิน แต่ผมไม่ได้ถูกผีเข้าผมแค่ฉลาดขึ้นแค่นั้นเอง
หลังเรียนเสร็จพวกเราสามคนมาที่ห้องสมุดเพื่อหาเอกสารงานวิจัยเพิ่มเติม เกี่ยวกับต้นกำเนิดของภาษาไทยในยุคโบราณ เพราะอยู่ในห้องสมุดผมจึงปิดเสียงแต่ยังเปิดโหมดสั่น เผื่อมีใครโทรมา
Trrrrrrr
ผมมองหน้าจอที่สั่นเบาๆ บนโต๊ะหนังสือ เมื่อเห็นว่าเป็นใครผมจึงรีบรับสายทันที
“ว่ายังไงแสงฟ้า”
[พี่เทียน แผงผักแม่แย่แล้วพี่]
“เกิดอะไรขึ้น”
[เจ้าของตลาดเขาจะยึดแผงผักคืน ฟ้าไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร]
ผมรีบลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสะพายหลัง เตรียมเดินออกจากห้องสมุด เพื่อกลับไปดูว่าที่แผงผักแม่เกิดปัญหาอะไรขึ้น แต่ก็มีหมายเลขที่ไม่ได้บันทึกรายชื่อโทรเข้ามา ขึ้นสถานะเป็นสายเรียกซ้อน มันเป็นหมายเลขที่ผมคุ้นเคยและจดจำขึ้นใจ
“แค่นี้ก่อนนะฟ้า พี่คิดว่าพี่พอจะรู้แล้วล่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
น้องชายผมวางสายไป ก่อนที่ผมจะกดรับสายที่โทรเข้ามา ผมปล่อยเงียบไม่ได้เอ่ยทักทายก่อน เพราะอยากรู้ว่าเฮียเฟยจะพูดว่าอะไร
[กดรับแล้วไม่พูดกวนตีนว่ะ]
“โทรมาแล้วพูดจาหมาไม่แดกก็กวนตีนเหมือนกัน”
[แสงเทียน]
“ครับ... ผมชื่อแสงเทียนเรียกชื่อผมมีอะไรรึเปล่า”
[ถ้าไม่อยากให้แผงผักของแม่มึงมีปัญหา ก็รีบมาขอร้องกูสิ มาหากูที่คอนโด ขอร้องให้กูช่วย กูให้เวลามึงถึงหนึ่งทุ่ม ถ้ามาไม่ทันกูจะยกแผงผักแม่มึงให้คนอื่นเช่าต่อ พอดีตลาดของเพื่อนกูมีหลายคนสนใจเสียด้วยสิ]
พูดเพียงเท่านั้นเฮียเฟยก็วางสายไป ทำไมนะ ทั้งที่ผมเลือกจะอยู่ห่างกับคนใจร้ายแบบนั้นแล้วแท้ๆ สุดท้ายก็ต้องวนเวียนพบเจอกันเหมือนเดิม
คอนโดของเฮียเฟยตั้งอยู่ใกล้รถไฟฟ้า เป็นคอนโดหรูระดับร้อยล้าน ทั้งชั้นมีแค่สิบห้อง การจะเข้าออกต้องได้รับอนุญาต ส่วนการผ่านเข้าไปด้านในผมจำรหัสได้ขึ้นใจ
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง ลูกน้องเฮียที่ยืนเฝ้าอยู่ชั้นล่างของคอนโดผมรู้จักเป็นอย่างดี แต่ไม่อยากทักทายให้เสียเวลา ดูท่าเฮียเฟยคงบอกไว้แล้วว่าผมจะมา ถึงไม่มีลูกน้องคนไหนเข้ามาห้าม ผมตรงขึ้นมาชั้นสามสิบเก้า และเดินตรงไปยังประตูห้องห้องชุดสุดหรูของคอนโดทันที
หนึ่ง สอง ศูนย์ สอง สอง หก ศูนย์ เจ็ด สี่ สอง
ติ๊ด
ผมกดรหัสด้วยตัวเองก่อนระบบล็อกประตูทำงาน เปิดให้ผมเดินเข้ามา ห้องรับแขกที่ผมคุ้นเคยยังเหมือนเดิมทุกอย่าง และผู้ชายใจร้ายคนนั้น ยังนั่งบนโซฟาตัวเดิมที่เราชอบใช้ทำกิจกรรมอย่างว่าด้วยกัน
“รู้รหัสเข้าห้องกูด้วย เก่งไม่เบา”
“ต้องการอะไรก็พูดมา ผมไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระกับคุณหรอก”
ผมพูดเพราะอยากให้อีกฝ่ายรีบตกลงกัน เพราะผมไม่อยากเสียเวลากับคนแบบนี้อีกแล้ว ชาติที่แล้ววันนี้เป็นวันที่ผมกับเฮียเฟยมีอะไรกันครั้งแรก ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
“กูอยากให้มึงมาเป็นแฟนหลอกๆ แลกกับแผงผักของครอบครัวมึง”
“หึ!!! ประสาทชะมัด เหมือนเด็กไม่รู้จักโต”
“ไม่เอาเหรอ แล้วแต่นะยังไงตลาดของไอ้ลูคัสก็มีคนพร้อมจ่ายมากกว่าแม่มึงด้วยซ้ำ”
แผงผักที่ตลาดค้าส่งคือรายได้ทางเดียวที่จุนเจือครอบครัว นอกจากนั้นยังมีลูกน้องต่างด้าวที่ต้องดูแล ถ้าไม่มีแผงผักของเจ้สวย ทุกคนก็คงลำบากกันหมด นั่นหมายรวมถึงน้องชายของผมด้วย ถ้าจะให้ตกลงแค่แผงผักมันไม่คุ้มกันหรอก
“ผมยอมตกลงก็ได้ ถ้าสิ่งที่แลกกันเป็นจำนวนแผงผักจากสองแผงเป็นหกแผง ลดราคาค่าเช่าแผงรายเดือนจากแผงละสองหมื่นเหลือสองพัน และระหว่างที่ผมเป็นแฟนหลอกๆ ของคุณ ห้ามคุณแตะต้องผมแม้แต่ปลายเล็บ และผมมีอิสระในชีวิตเหมือนเดิม”
ผมทำใจดีสู้เสือ เพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ควรได้ การเป็นแฟนหลอกๆ ของเฮียเฟยมีแต่เสียกับเสีย ฉะนั้นแล้ว ผมขอเรียกร้องให้เจ้สวยก็แล้วกัน ครอบครัวเราจะได้สบายเสียที
“มึงพร้อมจะเริ่มงานเมื่อไหร่?”
“ผมถามหน่อยทำไมคุณถึงเลือกผมมาทำหน้าที่ปัญญาอ่อนนี่ ไปคบกับดาวมหา’ลัย ดาวคณะไม่ดีกว่าเหรอ แค่การควงเพื่อเย้ยแฟนเก่าไม่เห็นยากตรงไหน การควงกับคุณมีแต่คนจะยินดี”
ผมยังพยายามหาทางออกให้ตัวเอง อย่างน้อยสาวสวยเหล่านั้น คงดีกว่าผมเป็นแน่
“ทำไม แล้วมึงไม่ดีใจรึไง?”
“สำหรับคนอื่นคงดีครับ แต่สำหรับผมแล้วคุณคือคนที่ผมเกลียดที่สุด ผมไม่อยากเห็นหน้าและไม่อยากใช้อากาศร่วมกับคุณ”
“งั้นมึงก็อดทนหน่อยนะ เพราะกูรู้สึกถูกชะตากับมึง”
เฮียเฟยเดินเข้าหาผมด้วยแววตามาดร้าย ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาและพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยราวกับว่าความรู้สึกเกลียดชังของผมเป็นเรื่องน่าตลก จนผมต้องเป็นฝ่ายเดินถอยหลังเสียเอง
‘ถ้าจะใจร้ายขนาดนี้ ท่านจะให้ผมย้อนเวลามาแก้ไขอดีตทำไมกัน ท่านน่าจะปล่อยให้ผมตายไปซะจะดีกว่า’
แสงเทียนหลับในท่านั่ง ร่างกายผูกติดกับเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า ส่วนเจ้สวยยังนอนหลับอยู่บนพื้นสองมือถูกมัดเอาไว้เช่นเดิม ประตูเหล็กถูกเปิดออก พร้อมการก้าวเข้ามาของหลินฮวาและเอกธารา “ปลุกมันให้หลินที” เอกธาราพยักหน้า ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังจึงนำถังน้ำเข้ามาและสาดไปยังเจ้สวย คนถูกปลุกด้วยความเย็นของน้ำตื่นขึ้นด้วยความงัวเงีย เมื่อตั้งสติได้ก็ต้องตกใจเพราะพบลูกชายของตนถูกมัดไว้เช่นกัน “ได้คุยกันสักทีนะคะนังเมียน้อย” เจ้สวยถูกพยุงให้ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ แต่เพราะฤทธิ์ยาสลบจึงยังไม่ได้สติเต็มที่นัก “หนูคงเป็นลูกสาวของคุณสาลี่สินะ” “ใช่...ฉันเอง ฉันเป็นลูกสาวของแม่สาลี่ผู้หญิงที่แกแย่งสามีไปยังไงล่ะ” ความแค้นดั่งไฟสุมอกถูกเก็บซ่อนมาเนิ่นนาน ถึงเวลาชำระความเสียที “มึงรู้ไหม ว่าแม่กูต้องตรอมใจตายเพียงลำพังเพราะมึงและครอบครัวของมึง” เพียะ!!! หลินฮวาระเบิดเสียงและตบหน้าเจ้สวยเต็มแรง แม้แรงของผู้หญิงจะเทียบไม่ได้กับผู้ชาย แต่ก็ทำเอาหน้าชาได้เหมือนกัน จะเรียกว่าเจ็บ
วราดิเรกสกุลกรุ๊ปชนะการประมูลครั้งประวัติศาสตร์ของไทย นั่นทำให้หุ้นของวราดิเรกสกุลกรุ๊ปพุ่งกระฉูด ชนิดที่ว่ามูลค่าหุ้นต่อหน่วยสูงขึ้นกว่าหนึ่งร้อยเท่า วันนี้เขาจึงนัดเพื่อนออกมาพบกัน นัยหนึ่งเพื่อให้ตัวเองลืมความคิดถึงที่มีต่อแสงเทียน คนที่เขาออกปากไล่ และเป็นคนที่หักหลังเขาโดยการส่งข้อมูลการประมูลไปให้เอกธารา “ทำไมไอ้คัสยังไม่มา” “กูโทรบอกแล้วเดี๋ยวมันก็มา มึงก็ดื่มรอมันก่อน แล้วหลินฮวาของมึงเป็นยังไงบ้าง สร้างปัญหาป่ะ” โอห์มตอบคำถามตามจริง ท่าทีไม่ได้ร้อนรนของโอห์มคือท่าทีเฉพาะตัว ราวไม่สนใจเรื่องราวรอบข้าง เขาขอผ่อนคลายกับบรรยากาศและแอลกอฮอล์รสเลิศดีกว่า แต่ก็ยังมีถามถึงแฟนเก่าของเพื่อนแม้รู้ดีว่าเฟยหลงคงไม่ตอบอะไร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด “ถูกแสงเทียนทำร้าย” “กูไม่เชื่อว่าน้องเทียนจะทำแบบนั้น” “มึงเชื่อไหมว่าเทียนแอบส่งข้อมูลประมูลงานของกูไปให้ไอ้เอก” “เชี่ย!!! มึงแน่ใจเหรอวะว่าเป็นฝีมือน้องเทียน ถ้าน้องทำจริงแล้วทำไมมึงถึงชนะการประมูล” เขาลืมค
หลินฮวาถูกส่งตัวรักษากับคุณหมอด้านความงามที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ เพื่อหวังรักษาใบหน้าให้กลับมางดงามดังเดิม ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับหลินฮวา เพราะหล่อนรู้ว่าอย่างไรเสียรอยแผลเป็นสามารถรักษาได้ แต่ที่สะใจที่สุดก็คือได้เห็นเฟยหลงเล็งปืนไปยังแสงเทียน มันเป็นประกาศอย่างชัดเจนว่า ผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ “ไม่ต้องกังวลนะ หลินจะต้องกลับมาสวยเหมือนเดิม” “แล้วน้องเทียนล่ะค่ะ” “แสงเทียนไม่มีทางทำอะไรหลินได้อีกแล้ว” แสงเทียนกลับลงมาชั้นล่างพร้อมชัชชัย ฝ่ายนั้นแม้จะเดินนำหน้าแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือแสงเทียนให้เป็นอิสระ เขาเป็นห่วงเกรงว่าเจ้านายของตนจะตามมาทำอันตรายแสงเทียน “ขอบคุณนะครับคุณชัช ปล่อยมือผมได้แล้วครับ” “คุณเทียนกลับคฤหาสน์กับผมก่อนนะครับ สักพักนายคงใจเย็นลง” แสงเทียนยิ้มทั้งน้ำตาและดึงมือของตนกลับ กระเป๋าเดินทางที่อยู่ในรถคือเสื้อผ้าของเขาวันที่ยอมตกลงไปอยู่กับเฟยหลง วันนั้นเอาไปเท่าไหร่ก็ตั้งใจขนกลับเท่าเดิม ของขวัญราคาแพงชิ้นอื่นแสงเทียนทิ้งไว้ในห้อง ที่มีติดตัวตอนนี้
แผนการจับตัวคนร้ายที่เฟยหลงวางแผนไว้ดำเนินมาจนถึงตอนจบ หนึ่งในลูกน้องของเอกธาราซึ่งถูกจับและให้การซัดทอดว่า ตัวเองรับคำสั่งจากคนสนิทของเฟยหลงให้นำเข้าสินค้าผิดกฎหมายเหล่านั้น เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของเจ้าหน้าที่ จึงแอบยัดปะปนมากับสินค้าจำนวนมาก และแน่นอนว่ายาเสพติดมีมูลค่ามากกว่าของบนเรือหลายเท่านัก “ขอบคุณนะครับที่สารวัตรเดินทางมาด้วยตัวเอง” “สุภาพเชียวนะมึง นี่กูเพิ่งรู้ว่านะว่าพอขึ้นรับตำแหน่งแล้วมึงพูดจารื่นหูขนาดนี้” ตำรวจนายนั้นเดินเข้าไปตบบ่าเฟยหลงด้วยความสนิทสนมกัน ศิวัฒน์ คือทายาทตำรวจตระกูลดังและเป็นตำรวจน้ำดีที่หาได้ยากในปัจจุบัน “เออ...เห็นคนในเครื่องแบบแล้วขนลุกดี มึงสบายดีใช่ไหม?” “ก่อนจะถามเรื่องกู กูถามมึงก่อนแล้วกัน มึงเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไทยแล้วเหรอวะ ถึงได้ให้กูช่วยเนี่ย” เพราะเฟยหลงไม่เคยให้เรื่องเหล่านี้ถึงมือตำรวจ เขามักจัดการด้วยตัวเอง โดยไม่ยอมให้ตำรวจเข้ามาวุ่นวาย “ที่กูยอมให้เรื่องนี้ถึงตำรวจเพราะว่ากูอยากให้เป็นข่าว ไอ้คนที่มันถูกจับซัดทอดกูแล้วใช่ไหม”
พรุ่งนี้คือวันสุดท้ายของการส่งเอกสารประมูลโครงการยักษ์ใหญ่ของไทย เวลาที่กำหนดคือสิบนาฬิกา หากล่าช้ากว่านั้นระบบจะปิดตัวลง คืนนี้เฟยหลงนั่งประชุมผ่านระบบวิดีโอกับกรรมการผู้ถือหุ้นและผู้เกี่ยวข้อง จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงตีหนึ่ง ชายหนุ่มทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง ทุกคนได้รับคำสั่งห้ามเข้าไปยุ่งวุ่นวายในห้องทำงาน ส่วนแสงเทียนแม้เฟยหลงไม่ได้เอ่ยห้ามก็พอรู้ตัวว่าไม่ควรเข้าไป จิตใจของแสงเทียนกระวนกระวาย เพราะเอกธาราส่งภาพของเจ้สวยและแสงฟ้ามาขู่แทบทุกสิบนาที เป็นนัยว่าให้เร่งทำงานที่สั่งได้แล้ว เพราะไม่อย่างนั้นสองคนที่แสงเทียนรักคงมีอันเป็นไป เฟยหลงแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะเจ้าตัวรู้ว่าไม่ควรวางใจใคร พนักงานที่บริษัทใช่ว่าจะไว้ใจได้ทุกคน ตัวเลขสุดท้ายเขาจึงเป็นผู้ตัดสินใจเพียงผู้เดียว หากชนะการประมูลครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในฐานะผู้บริหารอายุน้อยที่สุดในแวดวงธุรกิจ “พวกผมจับตัวน้องชายมันมาแล้วครับ ตอนแรกว่าจะจับแม่มันมาด้วย แต่คนที่แผงผักเยอะเราจึงเปลี่ยนแผนมาจับตัวไอ้เด็กนี่แทน” ลูกน้องสองคนเข้ามารายงา
แสงเทียน ไออุ่นและทวยเทพกำลังนั่งคุยงานกันที่ร้านไอศกรีมเล็กๆ แต่บรรยากาศดี ทันทีที่เพื่อนเห็นสภาพการเดินกรเผลกก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าจะให้พวกตนไปหาที่คฤหาสน์ของเฟยหลง แต่แสงเทียนรู้ดีว่า ฝ่ายนั้นไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวาย เว้นไว้แฟนเก่าคนโปรดคนเดียว “แล้วไปหาหมออีกเมื่อไหร่” ทวยเทพถามพร้อมทั้งตักไอศกรีมเข้าปากหลังจากถามจบ “สัปดาห์หน้ามั้ง จำวันไม่ได้เดี๋ยวไปดูใบนัด ว่าแต่พักหลังมานี้ตัวติดกันตลอดมีอะไรที่เราไม่รู้รึเปล่า?” “เปล่า/ไม่มี” ทวยเทพและไออุ่นพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะเฉไปเรื่องอื่น คนรู้ทันยิ้มทันที เพราะสงสัยมาก่อนหน้านี้ว่าทั้งสองคนมีใจให้กัน แต่ปากหนักทั้งคู่ “เออเทียน แล้วจะกลับยังไง? หรือคุณชัชมารับ” “เราเกรงใจคุณชัชคงกลับเองแหละ ว่าแต่กลับกันเลยไหม?” “เอาสิ” แสงเทียนใช้เวลาอยู่กับเพื่อนไม่ถึงสองชั่วโมง กะว่ากลับไปให้ทันรับประทานมื้อเย็น เพราะตนไม่ได้บอกป้าเนียมไว้ เอกสารที่ต้องฝากให้สำนักพิมพ์ลงนามถูกทวยเทพเก็บไว้อย่างดี บันไดเลื่อนตัวใกล้ส







