(อดีต)
“มึงมีของมาเท่านี้เหรอ?”
“ครับ”
“ต้องการอะไรเพิ่มเติมไหม?”
“ไม่ครับ”
สองวันต่อมาผมก็ย้ายมาอยู่กับเฮียเฟย ส่วนหนึ่งเพราะข่าวซุบซิบว่าผมคือแฟนใหม่ของเฮีย และที่สำคัญที่สุดก็คือ ผมแอบรักเฮียเฟยมานานแล้ว รักตั้งแต่เห็นเฮียครั้งแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่
“ห้องของผมล่ะครับ”
“มึงเป็นแฟนกู ก็ต้องนอนกับกูถึงจะถูก จะกระแดะอยากแยกห้องนอนทำไม?”
“เฮียเฟยครับ ผม...ผมขอแยกห้องนอนดีกว่า คือผมไม่ชินนอนกับคนอื่น”
“ตามใจ ใช้ห้องนั้นก็แล้วกัน ปกติไอ้ลูคัสกับไอ้โอห์มมานอนค้างบ่อยๆ กูยกให้มึง”
ผมรีบเดินเข้าไปในห้องนั้นทันที เพราะกลัวสายตาที่เฮียเฟย
มองมา และความเกรงใจด้วยส่วนหนึ่ง ข้าวของเครื่องใช้ผมมีไม่มากจัดแป๊บเดียวก็เสร็จ เมื่อมีเวลาว่างผมจึงเอาหนังสือขึ้นมาอ่าน กะพอแค่เป็นการฆ่าเวลาก่อนที่เฮียเฟยจะเรียกใช้ให้ทำอะไร
แต่จนแล้วจนรอด เฮียเฟยก็ยังไม่เรียกใช้
“แฟน เราเป็นแฟนเฮียเฟย หน้าที่ของแฟนคืออะไร”
ผมพูดกับตัวเอง ก่อนจะย่องออกมาเปิดประตูเพื่อดูว่าด้านนอกเฮียเฟยกำลังทำอะไรอยู่ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครสักคน
แย่จัง!!! เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มี หิวก็หิวแต่ไม่กล้าแตะต้องข้าวของ เพราะกลัวจะเสียหาย ตอนนั่งรถมาที่นี่ผมเห็นหน้าปากซอยมีร้านสะดวกซื้อ ลงไปซื้อของที่นั่นคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
เพราะความหิวไม่เคยปราณีใคร ผมจึงลงไปซื้ออาหารสำเร็จรูป แถมยังซื้อผลไม้ขึ้นมาไว้เผื่อเฮียเฟยกลับมาจะได้ทาน แต่ความซวยมาเยือนผมแล้วไง ผมเข้าห้องไม่ได้รหัสเข้าห้องเฮียมันคืออะไรวะ
ตู๊ด....รหัสผิดครั้งที่หนึ่ง
ตู๊ด....รหัสผิดครั้งที่สอง
และไม่กล้าพอจะกดครั้งที่สาม เพราะเกรงว่าระบบมันจะ
ล็อกตัวเอง โทรศัพท์ก็อยู่ในห้อง เงินในกระเป๋าก็เหลือแค่ยี่สิบบาท เมื่อทำอะไรไม่ได้ผมจึงเลือกจะนั่งรอกับพื้น รอว่าเมื่อไหร่เฮียเฟย
จะกลับมา
“คุณเทียน คุณเทียนครับ ทำไมมานั่งหลับตรงนี้ล่ะครับ”
“พี่ชัชเฮียเฟยกลับมาแล้วเหรอครับ?”
“นายเมามาก คุณเทียนรีบไปดูนายเถอะครับ เดี๋ยวผมจะไปเอาเสื้อผ้านายมาให้”
ผมถูกปลุกโดยลูกน้องคนสนิทของเฮียเฟย ก่อนที่ชายหนุ่มใจดีจะรีบรายงานอาการเจ้านายให้ผมฟัง เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเฮียเฟยเมา เอาจริงนะขนาดเมายังหล่อ
“เถียนเข้ามาสิ มานั่งบนตักกูนี่มา”
“ผมชื่อเทียน”
“แต่กูจะเรียกเถียน”
ไม่คุ้นกับเฮียเฟยเวอร์ชันขี้เมาเลยจริงๆ ขี้อ้อนมาก แถมยังชอบกอดอีกต่างหาก
“เฮียครับเดี๋ยวผมเช็ดตัวให้นะ”
“ไม่อยากให้เช็ดตัวให้ อยากให้อาบน้ำให้มากกว่า”
“เฮีย!!!”
ผมร้องด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ คนเมาที่เดินโซเซกลับอุ้มผมในท่าเจ้าสาวและเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน ทั้งยังเปิดฝักบัวและพยายามถอดเสื้อผ้าของผมอย่างชำนาญ
“เฮียเฟยจะทำอะไรผม”
“มาอยู่นี่ในฐานะแฟน มึงคิดว่ากูจะเอามึงมาบูชาเหรอ”
พูดยังไม่ทันขาดคำสองมือของเฮียเฟยก็ฉีกเสื้อที่ผมสวมอยู่จนขาดคามือ ทั้งยังโน้มใบหน้าเข้าจูบผมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว เมื่อตั้งสติได้ผมจึงพยายามขัดขืน
“อืม...เฮียปล่อยครับ ปล่อยผมก่อน”
“เทียน กูเป็นคนช่วยชีวิตมึง ตอนนี้มึงเป็นแฟนกู อย่าให้กูต้องพูดมาก”
‘มึงเป็นแฟนกู’
นั่นคือประโยคที่ผมฟังแล้วรู้สึกใจฟูที่สุด แม้เฮียเฟยจะไม่เคยขอผมเป็นแฟน แต่ประโยคนี้ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขและอยากจะตอบแทนที่ผู้ชายคนนี้ช่วยชีวิตของผม
“กูต้องการมึงเทียน กูต้องการ อมให้กูหน่อย”
แก่นกายขนาดใหญ่ของเฮียเฟยชี้โด่ ทิศทางของมันคือตัวผม ผมไม่เคยมีแฟนหรือคนรัก และไม่เคยเรื่องอย่างว่า แต่จากใบหน้าเว้าวอนของเฮียเฟยในตอนนี้ ผมจึงไม่กล้าปฏิเสธ
ผมยอบกายลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเฮียเฟย ก่อนจะทำใจกล้าใช้สองมือรวบคว้าแก่นกายใหญ่ และจ่อมันที่ปากของตน แต่ผมใจกล้าไม่พอจะเอามันเข้าปาก ทำได้เพียงส่งลิ้นของตัวเองทักทายเบาๆ ตรงหัวหยัก
“ดี...ดีมาก อืม...เถียน”
ผมอยากให้เฮียมีความสุข อยากเป็นแฟนที่ดี และอยากเป็นคนสำคัญของเฮียเฟย ผมปรายตาขึ้นมองเห็นเฮียกำลังหลับตาพริ้ม ทั้งยังใช้ฟันของตนขบริมฝีปากล่าง บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังมีความสุข
“ยืนขึ้น”
เฮียเฟยออกคำสั่งพร้อมทั้งถอยหลังไปหนึ่งก้าว ทำให้แก่นกายใหญ่หลุดจากมือผมไปโดยปริยาย ผมยืนขึ้นตามคำสั่ง ทำให้มีโอกาสเปรียบเทียบส่วนสูงของผมกับเฮีย ดูแล้วท่าจะห่างกันหลายเซนติเมตร
อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยได้นาน เฮียเฟยก็คว้าตัวผมมากอดทั้งยังจูบผมชนิดที่ว่า ‘จูบสูบวิญญาณ’ ก็ว่าได้ มือข้างหนึ่งป้วนเปี้ยนบริเวณช่องทางหลัง ก่อนจะส่งก้านนิ้วยาวที่ผมไม่รู้ว่าเป็นนิ้วใด สอดแยงเข้าไปจนผมสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ แต่เฮียก็จูบปลอบให้ผมคลายความกังวล จนความตกใจเสียขวัญแปรเปลี่ยนเป็นความหฤหรรษ์ หลายคราวที่ผมเผลอครางเสียงดังออกมา เมื่อนิ้วยาวของเฮียเฟยสัมผัสโดยจุดเสียวด้านใน
เพราะถูกรุกจูบเสียจนสติเตลิดผมถึงไม่ทันรู้ตัวว่า บัดนี้แก่นกายใหญ่ของเฮียเฟยจ่อที่ช่องทางหลังโดยที่ผมไม่มีสิทธิ์หลบหลีกได้เสียแล้ว
(ปัจจับัน)
“เทียน เทียน เทียน”
“วะ...ว่า อะไรนะ”
“ไออุ่นมันเรียกแกตั้งหลายครั้งแต่แกเหม่อไม่ได้ยิน แกเป็นอะไรรึเปล่า ไปหาหมอไหม?”
ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากทวยเทพ ซึ่งบอกว่าเรียกผมหลายครั้งแล้ว แต่ผมกลับเอาแต่เหม่อ ยอมรับครับว่าผมเหม่อลอยบ่อยขึ้น เป็นเพราะผมนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา จะเรียกว่าตายแล้วฟื้นแถมยังย้อนเวลากลับมาไม่รู้จะมีคนเชื่อไหม ผมรู้ว่ามันยากที่จะเชื่อ ผมถึงไม่เล่าให้ใครฟัง และพยายามเลือกทางเดินใหม่ให้กับตัวเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจเหมือนที่ผ่านมา เพราะตอนนั้นผมมันโคตรใจง่ายแถมยังโง่อีกด้วย
“ไปให้หมอตรวจหน่อยไหม ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
ถึงคราวไออุ่นถามขึ้นบ้าง ซึ่งไม่ได้ถามเฉยๆ ไออุ่นยังเอาหลังมือของตนมาแตะหน้าผากของผม เพื่อให้มั่นใจว่าผมไม่ได้ป่วย
“เราโอเค ตัวก็ไม่ร้อนด้วยเห็นไหม”
“แล้วเรื่องเมื่อเช้านี่ยังไง ทำไมพี่เฟยถึงต้องจอดรถลงมาคุยกับเทียน หรือว่าแอบคบกันจริงๆ มิน่าล่ะพอเทียนตกน้ำพี่เฟยถึงได้รีบกระโดดลงไปช่วย นี่ไม่บอกเพื่อนเลยน้า”
ท่าทางคิดเองเออเองของไออุ่นทำให้ผมปวดสมอง นี่ถ้าเป็นเทียนคนเก่าคงจะนั่งเขินอายบิดซ้ายบิดขวา แต่กับเทียนคนนี้ไม่มีหรอกอาการแบบนั้น
“อย่าพูดถึงไอ้เหี้ยเฟยให้เราได้ยินอีกนะ ไม่งั้นตัดเพื่อนเลยทั้งคู่”
ไม่รู้ผมพูดแรงไปรึเปล่า ทั้งไออุ่นและทวยเทพถึงได้นิ่งเงียบลงฉับพลันขนาดนี้
“อุ่น เทียนมันโดนผีพรายเข้าสิงไหมวะ ปกติแสงเทียนไม่เคยพูดคำหยาบนะเว้ย เป็นเราก็ว่าไปอย่าง”
“พาไปรดน้ำมนต์ดีไหมแก”
เพื่อนสองคนปรึกษากัน ผมรู้ว่าใจจริงพวกมันต้องการให้ผมได้ยิน แต่ผมไม่ได้ถูกผีเข้าผมแค่ฉลาดขึ้นแค่นั้นเอง
หลังเรียนเสร็จพวกเราสามคนมาที่ห้องสมุดเพื่อหาเอกสารงานวิจัยเพิ่มเติม เกี่ยวกับต้นกำเนิดของภาษาไทยในยุคโบราณ เพราะอยู่ในห้องสมุดผมจึงปิดเสียงแต่ยังเปิดโหมดสั่น เผื่อมีใครโทรมา
Trrrrrrr
ผมมองหน้าจอที่สั่นเบาๆ บนโต๊ะหนังสือ เมื่อเห็นว่าเป็นใครผมจึงรีบรับสายทันที
“ว่ายังไงแสงฟ้า”
[พี่เทียน แผงผักแม่แย่แล้วพี่]
“เกิดอะไรขึ้น”
[เจ้าของตลาดเขาจะยึดแผงผักคืน ฟ้าไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร]
ผมรีบลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสะพายหลัง เตรียมเดินออกจากห้องสมุด เพื่อกลับไปดูว่าที่แผงผักแม่เกิดปัญหาอะไรขึ้น แต่ก็มีหมายเลขที่ไม่ได้บันทึกรายชื่อโทรเข้ามา ขึ้นสถานะเป็นสายเรียกซ้อน มันเป็นหมายเลขที่ผมคุ้นเคยและจดจำขึ้นใจ
“แค่นี้ก่อนนะฟ้า พี่คิดว่าพี่พอจะรู้แล้วล่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
น้องชายผมวางสายไป ก่อนที่ผมจะกดรับสายที่โทรเข้ามา ผมปล่อยเงียบไม่ได้เอ่ยทักทายก่อน เพราะอยากรู้ว่าเฮียเฟยจะพูดว่าอะไร
[กดรับแล้วไม่พูดกวนตีนว่ะ]
“โทรมาแล้วพูดจาหมาไม่แดกก็กวนตีนเหมือนกัน”
[แสงเทียน]
“ครับ... ผมชื่อแสงเทียนเรียกชื่อผมมีอะไรรึเปล่า”
[ถ้าไม่อยากให้แผงผักของแม่มึงมีปัญหา ก็รีบมาขอร้องกูสิ มาหากูที่คอนโด ขอร้องให้กูช่วย กูให้เวลามึงถึงหนึ่งทุ่ม ถ้ามาไม่ทันกูจะยกแผงผักแม่มึงให้คนอื่นเช่าต่อ พอดีตลาดของเพื่อนกูมีหลายคนสนใจเสียด้วยสิ]
พูดเพียงเท่านั้นเฮียเฟยก็วางสายไป ทำไมนะ ทั้งที่ผมเลือกจะอยู่ห่างกับคนใจร้ายแบบนั้นแล้วแท้ๆ สุดท้ายก็ต้องวนเวียนพบเจอกันเหมือนเดิม
คอนโดของเฮียเฟยตั้งอยู่ใกล้รถไฟฟ้า เป็นคอนโดหรูระดับร้อยล้าน ทั้งชั้นมีแค่สิบห้อง การจะเข้าออกต้องได้รับอนุญาต ส่วนการผ่านเข้าไปด้านในผมจำรหัสได้ขึ้นใจ
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง ลูกน้องเฮียที่ยืนเฝ้าอยู่ชั้นล่างของคอนโดผมรู้จักเป็นอย่างดี แต่ไม่อยากทักทายให้เสียเวลา ดูท่าเฮียเฟยคงบอกไว้แล้วว่าผมจะมา ถึงไม่มีลูกน้องคนไหนเข้ามาห้าม ผมตรงขึ้นมาชั้นสามสิบเก้า และเดินตรงไปยังประตูห้องห้องชุดสุดหรูของคอนโดทันที
หนึ่ง สอง ศูนย์ สอง สอง หก ศูนย์ เจ็ด สี่ สอง
ติ๊ด
ผมกดรหัสด้วยตัวเองก่อนระบบล็อกประตูทำงาน เปิดให้ผมเดินเข้ามา ห้องรับแขกที่ผมคุ้นเคยยังเหมือนเดิมทุกอย่าง และผู้ชายใจร้ายคนนั้น ยังนั่งบนโซฟาตัวเดิมที่เราชอบใช้ทำกิจกรรมอย่างว่าด้วยกัน
“รู้รหัสเข้าห้องกูด้วย เก่งไม่เบา”
“ต้องการอะไรก็พูดมา ผมไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระกับคุณหรอก”
ผมพูดเพราะอยากให้อีกฝ่ายรีบตกลงกัน เพราะผมไม่อยากเสียเวลากับคนแบบนี้อีกแล้ว ชาติที่แล้ววันนี้เป็นวันที่ผมกับเฮียเฟยมีอะไรกันครั้งแรก ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
“กูอยากให้มึงมาเป็นแฟนหลอกๆ แลกกับแผงผักของครอบครัวมึง”
“หึ!!! ประสาทชะมัด เหมือนเด็กไม่รู้จักโต”
“ไม่เอาเหรอ แล้วแต่นะยังไงตลาดของไอ้ลูคัสก็มีคนพร้อมจ่ายมากกว่าแม่มึงด้วยซ้ำ”
แผงผักที่ตลาดค้าส่งคือรายได้ทางเดียวที่จุนเจือครอบครัว นอกจากนั้นยังมีลูกน้องต่างด้าวที่ต้องดูแล ถ้าไม่มีแผงผักของเจ้สวย ทุกคนก็คงลำบากกันหมด นั่นหมายรวมถึงน้องชายของผมด้วย ถ้าจะให้ตกลงแค่แผงผักมันไม่คุ้มกันหรอก
“ผมยอมตกลงก็ได้ ถ้าสิ่งที่แลกกันเป็นจำนวนแผงผักจากสองแผงเป็นหกแผง ลดราคาค่าเช่าแผงรายเดือนจากแผงละสองหมื่นเหลือสองพัน และระหว่างที่ผมเป็นแฟนหลอกๆ ของคุณ ห้ามคุณแตะต้องผมแม้แต่ปลายเล็บ และผมมีอิสระในชีวิตเหมือนเดิม”
ผมทำใจดีสู้เสือ เพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ควรได้ การเป็นแฟนหลอกๆ ของเฮียเฟยมีแต่เสียกับเสีย ฉะนั้นแล้ว ผมขอเรียกร้องให้เจ้สวยก็แล้วกัน ครอบครัวเราจะได้สบายเสียที
“มึงพร้อมจะเริ่มงานเมื่อไหร่?”
“ผมถามหน่อยทำไมคุณถึงเลือกผมมาทำหน้าที่ปัญญาอ่อนนี่ ไปคบกับดาวมหา’ลัย ดาวคณะไม่ดีกว่าเหรอ แค่การควงเพื่อเย้ยแฟนเก่าไม่เห็นยากตรงไหน การควงกับคุณมีแต่คนจะยินดี”
ผมยังพยายามหาทางออกให้ตัวเอง อย่างน้อยสาวสวยเหล่านั้น คงดีกว่าผมเป็นแน่
“ทำไม แล้วมึงไม่ดีใจรึไง?”
“สำหรับคนอื่นคงดีครับ แต่สำหรับผมแล้วคุณคือคนที่ผมเกลียดที่สุด ผมไม่อยากเห็นหน้าและไม่อยากใช้อากาศร่วมกับคุณ”
“งั้นมึงก็อดทนหน่อยนะ เพราะกูรู้สึกถูกชะตากับมึง”
เฮียเฟยเดินเข้าหาผมด้วยแววตามาดร้าย ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาและพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยราวกับว่าความรู้สึกเกลียดชังของผมเป็นเรื่องน่าตลก จนผมต้องเป็นฝ่ายเดินถอยหลังเสียเอง
‘ถ้าจะใจร้ายขนาดนี้ ท่านจะให้ผมย้อนเวลามาแก้ไขอดีตทำไมกัน ท่านน่าจะปล่อยให้ผมตายไปซะจะดีกว่า’
“ผมเคยสงสัยถึงสาเหตุที่ทำให้ผมย้อนเวลากลับมา มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คนธรรมดาอย่างผมจะมีพลังวิเศษพาตัวเองย้อนกลับมาแก้ไขอดีต แต่ที่ผมย้อนกลับมาอาจเป็นเพราะผมยังติดค้างบางสิ่งบางอย่างกับใครบางคน” แสงเทียนหลับสนิทเพราะใช้เรี่ยวแรงไปมาก เฟยหลงเองก็ไม่ยอมปล่อยแสงเทียนออกจากอ้อมกอด ชายหนุ่มแนบหน้าของตนเข้ากับหน้าผากเนียน ก่อนจะใช้มืออีกข้างเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เปลือกตาสีอ่อนบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยอาการบวมแดง เฟยหลงไล้ปลายนิ้วสัมผัสมันเพื่อปลอบประโลม ก่อนโน้มตัวจุมพิตเปลือกตานั้นอย่างแผ่วเบา รถตู้สีดำทะเบียนประมูลเคลื่อนตัวมาจอดด้านหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ชัชชัยรีบนำผ้าห่มมาให้เจ้านาย เฟยหลงใช้มันคลุมร่างให้คนร้องไห้จนหลับไป คนตัวเล็กหลับสนิทเมื่อถูกเฟยหลงอุ้มขึ้นชั้นบน และการกระทำนั้นอยู่ภายใต้การจับจ้องของหลินฮวา แม้จะมองใบหน้าคนในอ้อมกอดของเฟยหลงไม่ชัด แต่ก็พอรู้ว่าคือผู้ใด “ป้าเนียมจ๊ะ ป้าเนียม” หนึ่งในสาวรับใช้วิ่งมาแจ้งข่าวด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ด้วยคนที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงกลับมาแล้ว แม้จะงงอยู่บ้างที่แสงเทียนถูกอุ้มขึ้นชั้นบ
“ผมตัดสินใจกดบล็อกสาย และทุกช่องทางการติดต่อจากเฮียเฟย เมื่อความสำคัญลดลงลูกน้องอย่างคุณชัชที่ทำหน้าที่ดูแลผมก็หายไปด้วย หากเป็นเมื่อก่อนผมคงบุกไปสอบถามความจริงจากปากเฮียเฟย หรือไม่ก็โวยวายเรียกร้องความสนใจ แต่สำหรับชาตินี้ การเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้จากไปแบบเงียบๆ ไม่ต้องสู้รบปรบมือกันให้วุ่นวาย และหากพบคนที่ดีผมก็พร้อมจะให้โอกาสและเริ่มต้นใหม่เสียที” คฤหาสน์หลังใหญ่ดูเงียบเหงาลงถนัดตา เมื่อขาดแสงเทียนไป ป้าเนียมพร้อมสาวใช้พากันบ่นถึงชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในตำแหน่งคนรักของเจ้านาย ตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่แสงเทียนอยู่ที่นี่ คฤหาสน์หลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความมีชีวิตชีวา “คุณเทียนชอบทานแกงจืดแตงกวายัดไส้ เห็นแบบนี้แล้วคิดถึงคุณเทียนนะป้า ป่านนี้จะทานข้าวเช้ารึยังก็ไม่รู้ คุณเทียนเธอไม่ค่อยทานต้องถูกคุณเฟยบังคับให้ทานอยู่บ่อยๆ ตอนคุณๆทั้งคู่อยู่ด้วยกันหนูอดอมยิ้มตามไม่ได้เลยค่ะ” หนึ่งในสาวรับใช้พูดเสียยืดยาว ทั้งยังหยิบถ้วยชามออกมาและจัดวางบนโต๊ะอาหาร สาวใช้อีกคนแสดงสีหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเข้าช่วยงานอีกคน ป้าเนียมเองก็ย
แสงเทียนมาทำงานด้วยใบหน้าไม่ได้แช่มชื่นนัก เพราะตั้งแต่ที่เฟยหลงกลับไป แสงเทียนก็นอนไม่หลับจนกระทั่งสว่างคาตา กาแฟรสขมจึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกเลือกใช้ หวังว่าจะทำให้สดชื่นขึ้นบ้าง “ไงแกหนักเลยเหรอเมื่อคืน ฉันเห็นนะว่าผัวแกมาหา” ทวยเทพเอ่ยเย้าเพื่อนรักเมื่อเห็นว่าแสงเทียนมีอาการงัวเงียทั้งยังขอบตาดำคล้ำ เหมือนกรำศึกหนักมาทั้งคืน “เก็บปากไว้กินข้าวเถอะเทพ” คนเย้าเพื่อนหัวเราะขำขันเมื่อเห็นว่าคำพูดของตนกวนอารมณ์เพื่อนได้ ก่อนแยกย้ายประจำตำแหน่งของตัวเอง แสงเทียนใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าคางกับโต๊ะ ทั้งยังยกกาแฟขึ้นจิบเพราะตัวเขาไม่ค่อยถูกใจรสขมมากนัก “เป็นอะไรทำไมเศร้าจัง” “เปล่า...ไม่มีอะไร เราแค่นอนไม่หลับ” ไออุ่นไม่ได้เซ้าซี้ หญิงสาวทำเพียงตบบ่าแสงเทียนเบาๆ ก่อนแยกย้ายกันทำงาน ช่วงพักกลางวันแสงเทียนโทรหาน้องชายเพื่อแจ้งว่า เย็นนี้จะเข้าไปรับประทานมื้อเย็นด้วยกัน [งั้นพี่เทียนช่วยแวะซื้อปูม้ากลับมาด้วยได้ไหม เห็นเจ้สวยบ่นมาหลายวันว่าอยากกินยำปูม้า] “
“ผมเฝ้าถามตัวเองว่า สาเหตุที่สวรรค์ให้ผมย้อนเวลากลับมาเพราะอะไรกัน ผมเคยอ่านนิยายเกี่ยวกับตัวเอกที่ได้สิทธิ์ย้อนเวลากลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีต จากคนที่ถูกเกลียดกลับกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็รุมรัก หรือไม่ก็กลับมาพร้อมอำนาจต่อรองที่ตัวร้ายไม่มีทางเอาชนะตัวเอกได้ แต่กับผมนั้นเหมือนสวรรค์ให้ย้อนกลับมาเพื่อรับความเจ็บปวดอีกครั้ง โดยที่ผมก็เต็มใจ สวรรค์ท่านจะผิดหวังกับการให้ผมย้อนเวลากลับมาไหมครับ? เป็นคำถามที่ผมไม่น่าถาม เพราะตัวผมเองก็ยังผิดหวังกับตัวเองเช่นกัน” วันนี้คือวันเดินทางมาถึงของหลินฮวา เฟยหลงสั่งให้ชัชชัยไปรับหญิงสาวที่สนามบิน เนื่องจากตัวเขาติดประชุมกับคณะกรรมการผู้ถือหุ้น ลูกน้องคนสนิทแปลกใจเมื่อเจ้านายสั่งให้พาหลินฮวากลับไปยังคฤหาสน์ จึงได้ถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “นายครับ...ถ้าคุณเทียนรู้ล่ะครับ?” “สั่งอะไรก็ทำตามนั้นไม่ต้องถามให้มากความ” คนรับคำสั่งกำลังจะเดินออกไป แต่ยังไม่ทันพ้นประตูเฟยหลงก็รีบเดินตาม และบอกกับลูกน้องว่าจะไปรับหลินฮวาด้วยตัวเอง ส่วนชัชชัยให้นำช่อดอกไม้ไปให้แสงเทียน พร้อมทั้งให้เขียนการ์ดแนบก
“สวัสดีครับ” มันเป็นคำทักทายทั่วไป หากแต่เสียงจากปลายสายที่ตอบกลับมาทำให้หัวใจของเฟยหลงสั่นไหวจนไม่อาจนั่งอยู่กับที่ได้อีกแล้ว [เฟย...นี่หลินเอง หลินฮวา/ หลินเอาโทรศัพท์มาพ่อจะคุยเอง] คล้ายโทรศัพท์ของคนปลายสายถูกเปลี่ยนมือไปยังผู้สนทนาคนใหม่ เฟยหลงตั้งใจฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรอย่างจดจ่อ [เฟยหลงนี่อาเอง อามีเรื่องจะขอร้อง] “ครับ” [ช่วยดูแลหลินฮวาแทนอาได้ไหม ธุรกิจอาล้ม ตระกูลฝ่ายนั้นไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วย...อาไม่ไหวแล้วเฟย] ตระกูลฝ่ายนั้นที่ถูกกล่าวถึงคงหมายถึง ตระกูลที่เสี่ยไช้ยอมส่งบุตรสาวไปแต่งงานด้วย เพื่อหวังว่าจะช่วยอุ้มชูธุรกิจของครอบครัว แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่ ไม่มีใครช่วยใครได้ เพราะตระกูลนั้นมีเพียงชื่อเสียงจอมปลอม “อาไช้ครับ อาต้องสู้สิครับ อาจะกลับไทยตอนไหนผมจะให้คนไปรอรับ” [อาคงไม่กลับไทยอีกแล้ว ฝากหลินฮวาลูกสาวคนเดียวของอาด้วยจะเฟย นอกจากอาแล้วคงมีแต่เฟยเท่านั้นที่พอจะปกป้องหลินฮวาได้] เพราะวงการธุรกิจไม่มีคำว่าให
“ย้ายไปอยู่กับเฮียได้ไหม? เพื่อความปลอดภัยของเถียน” “เฮียเฟย...เทียนถามได้ไหม? ที่ทำแบบนี้เพราะรักรึเปล่า” เฟยหลงถอนหายใจออกมาอย่างยากลำบาก เขาไม่ใช่คนชอบโกหก เรื่องที่ออกจากปากล้วนเป็นเรื่องจริง “เฮียไม่อยากบอกเทียนตอนนี้ เพราะหัวใจของเฮียยังมีคนอื่นอยู่ แต่จะรอบอกว่าเฮียรักในวันที่ทั้งใจของเฮียเป็นของเทียน” แสงเทียนดวงตาวูบไหว ก่อนที่น้ำตาเริ่มคลอหน่วย อย่างน้อยเฮียเฟยในชาตินี้ยังทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ซับซ้อนเช่นชาติที่แล้ว “สมมุตินะครับ ถ้าวันนึงคนที่อยู่ในใจของเฮียกลับมา เฮียจะทำยังไงกับเทียน” แสงเทียนถามในเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะหากเขายอมย้ายไปอยู่กับเฟยหลง ก็เท่ากับยอมรับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้น แต่หากไม่ยอมไปอยู่กับอีกฝ่ายเอกธาราคงไม่ยอมรามือง่ายๆ “ผู้หญิงคนนั้นอาจสำคัญกับเฮียแต่มันเป็นเรื่องของอดีต หากพบเจอกันผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีทางสำคัญไปกว่าเถียนเถียนแน่นอน” “จำคำนี้ของเฮียเฟยไว้นะครับ ถ้าวันนั้นคุณหลินฮวากลับมาจริงๆ หวังว่าเฮียจะยังจำคำพูดนี้ได้น