7
ผู้ที่อยู่ในใจ
“อีกหนึ่งเดือนจะเป็นงานฉลองวันเกิดท่านแม่ ข้าขอให้นางมาสอนรำกระบี่ดีหรือไม่ นางจะได้เข้าวังบ่อย ๆ เสด็จจะได้ไปทำความรู้จักกับนางไม่ต้องคิดข้ออ้างมากมาย เพียงมาหาน้องท่านพี่ก็จะเจอนาง” องค์หญิงหนิงเอ๋อบอกผู้เป็นพี่ด้วยน้ำเสียงสดใส แววตาเปล่งประกาย ตามประสาผู้ไม่เคยมีความรักชอบผู้ใด องค์ชายหนิงอวี่ก็มีความเห็นเอนเอียงไปตามคำบอกเล่าของน้องสาว ติดเพียงอย่างเดียว...
“นี่เจ้าอยากช่วยพี่หรืออยากเรียนวิชารองแม่ทัพต่งกันแน่”
“โถ่ เสด็จพี่ถึงอย่างไรเสียก็ช่วยท่านได้ ให้ข้าได้ประโยชน์บ้างจะเป็นไร” ผู้เป็นน้องสาวตอบอย่างเขินอาย หัวเราะเบา ๆ ให้ชายตรงหน้า นางอยากเรียนก็จริง แต่ไปขอให้นางสอนที่จวนก็ได้นี่นางอยากช่วยพี่ชาย จึงคิดว่าไปขอให้สหายมาช่วยสอนในวังดีกว่า
“ได้ ๆ น้องพี่ว่าอย่างไรก็ดีทั้งนั้น แต่หากพรุ่งนี้จะออกไปให้องครักษ์ไปด้วยรู้หรือไม่”
“หนิงเอ๋อต้องไปพรุ่งนี้เลยหรือ”
“งานฉลองอีกแค่เดือนเดียว เดี๋ยวเจ้าจะไม่มีเวลา”
“ได้ ๆ หนิงเอ๋อจะไปพรุ่งนี้เลย ไม่รู้ผู้ใดรีบกันแน่” องค์หญิงบ่นพึมพำ มองหน้าผู้เป็นพี่ที่ตอนแรกไม่อยากให้นางยุ่ง พอรู้ว่านางมีวิธีก็รีบขึ้นมา
“ข้าได้ยินบ่าวไพร่บอกว่ามีคนเข้ามาที่จวน เหตุใดจึงไม่ไปโถงจื่อจิน” บิดาเอ่ยถามนางขณะที่นางกำลังเดินผ่านลานหน้าโถง ซูเหวินหันไปมองทำความเคารพบิดา นางกับบิดาไม่ค่อยได้พูดคุยกันเลยหลังจากบิดาให้อนุภรรยาผู้นั้นขึ้นเป็นฮูหยิน ถึงบ้านนางจะไม่ใช่ขุนนางแต่ได้รับสิ่งตอบแทนจากการเสียมารดาและท่านตาไปจำนวนมาก ทั้งนางยังได้รับยศท่านหญิงได้จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่
สมบัติของท่านตายังมีโรงตีกระบี่ชั้นดี นางไม่จำเป็นต้องห่วงแต่ทุกสิ่งล้วนเป็นของนาง บิดากับมารดาเลี้ยงของนางจึงตอบตกลงยกนางให้แต่งเป็นอนุองค์ชายสีเมื่อชาติก่อน ทั้งที่นางไม่อยากแต่งเพราะหากนางแต่งออกทุกอย่างจะกลายเป็นของบิดา มารดาเลี้ยงมีบุตรสองคนคือเป็นสตรีหนึ่งบุรุษหนึ่ง มารดาเลี้ยงและบุตรสาวไม่ชอบนางมักหาเรื่องนางอยู่เสมอ หลายชาติก่อนนางยอมทนถูกรังแกเพราะต้องการกตัญญูต่อบิดา
และเพราะนางยอมกตัญญูต่อบิดา จึงทำให้ชาติก่อนนางสูญเสียบุตรในครรภ์ จนตระหนักได้ว่าควรกตัญญูให้ถูกคน นางจึงมุ่งมั่นเปลี่ยนนิสัยตนเองจากผู้ที่ยอมทุกอย่างในสามชาติก่อน เป็นคนที่จะแข็งข้อกับทุกคนหากนางไม่ต้องการจะทำ
“นางมาหาลูก เหตุใดต้องไปเคารพผู้อื่นที่โถงด้วยเล่า”
“อย่างไรเสียนางก็เป็นมารดาที่เลี้ยงเจ้ามา จะไม่ถูกใจอย่างไรก็ต้องกตัญญู” บิดาตอบกลับเสียงเข้ม ไม่ชอบที่บุตรสาวพูดถึงภรรยาตนเองด้วยความไม่เคารพเช่นนี้
“ฮ่า ๆ ท่านพ่อกล่าวผิดไปหรือไม่ ผู้ที่เลี้ยงข้าหลังจากท่านแม่สิ้นคือแม่นมต่างหากเล่า และแม่นมตายไปเมื่อสองปีก่อน ที่นางใช้จ่ายทุกวันนี้เงินทุกเหรียญล้วนมาจากหยาดเหงื่อ หยดเลือดของท่านแม่และท่านตาของข้าทั้งสิ้น ผู้ใดควรสำนึกท่านพ่อคงรู้อยู่แก่ใจ หากท่านไม่มีสิ่งใดข้าขอตัวก่อน”
“ซูเหวิน ต่งซูเหวิน” หลังนางกล่าวจบก็เดินหนีไปไม่สนใจว่าบิดาจะมองจะพูดอย่างไร เมื่อบุตรสาวเดินหนีต่งป๋อเหวินรีบเดินไปฉุดข้อมือบุตรสาวเอาไว้ กระชากอย่างแรงให้นางหันกลับมา เงื้อมือขึ้นสูงหมายจะฟาดลงบนใบหน้างดงามตรงหน้า
ฝ่ามือใหญ่คงฟาดบนใบหน้านางไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะถูกองครักษ์หนุ่มหยุดไว้เสียก่อน หลันอันฉีจับข้อมือของนายท่านต่งไว้แน่น เขารับรู้ว่าต่งป๋อเหวินคือเจ้าบ้านสกุลต่งในตอนนี้
แต่หากจะทำร้ายนายหญิงของเขา ไม่ว่าผู้ใดเขาก็ล้วนล่วงเกินได้ทั้งนั้น
“ปล่อยมือเสีย” ต่งป๋อเหวินหันไปบอกหลันอันฉีที่ยืนอยู่ด้านหลังของตนเอง เสียงเข้มดุดันโมโหไม่น้อยที่ถูกบ่าวไพร่ในจวนล่วงเกินเช่นนี้
“ขออภัยนายท่านที่ล่วงเกิน แต่ข้าน้อยเป็นองครักษ์ท่านหญิง ปล่อยให้ท่านทำร้ายนายหญิงมิได้” ต่งป๋อเหวินยิ่งโมโหเมื่อได้ยินคำตอบของบ่าวในบ้าน จะอย่างไรเขาก็เป็นผู้นำตระกูลในตอนนี้
“รู้หรือไม่ หากข้าแจ้งทางการว่าเจ้าต่อต้านบิดามารดาจะเป็นอย่างไรต่งซูเหวิน”
“หากท่านพ่ออยากแจ้งก็แจ้งเถิด แต่อย่าลืมว่าข้าถือศักดิ์เป็นหลานสาวฮ่องเต้อยู่ ไม่แน่หากแจ้งแล้วพระองค์อาจจะปลดท่านจากผู้นำตระกูลและให้ข้าขึ้นเป็นผู้นำตระกูลเองก็ได้”
“ปล่อยข้า บ่าวไพร่ชั้นต่ำอย่างเจ้ามีสิทธิ์อันใดมาแตะตัวข้า”
“หากท่านพ่อไม่มีสิ่งใดข้าขอตัวก่อน อีกอย่างข้าอยากบอกท่านเอาไว้ว่าท่านไม่สามารถสั่งคนของข้าได้ และลงโทษคนของข้ามิได้ อันฉีไปเถอะ”
“ขอรับคุณหนู”
“ซูเหวินเจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร” ชายแก่ผู้นั้นตะโกนไล่หลังบุตรสาวเสียงดังลั่นจนภรรยาและบุตรสาวอีกคนออกมาดู นางไม่เคยแสดงท่าทีแข็งกร้าวให้เขาเห็นเลยสักครั้ง หลังจากมารดานางจากไปก็มักจะสงบเสงี่ยมอยู่เสมอ ตอนนี้กลับเป็นเช่นนี้ไปเขานึกแปลกใจนัก
“ท่านพี่ เหตุใดเสียงดังเช่นนี้ มีสิ่งใดหรือ”
“ท่านพ่อมโหสิ่งใดกัน” ซูหนี่บุตรสาวอีกคนถามเสียงใส นางมักแสร้งทำตัวอ่อนแอต่อหน้าผู้อื่น เรียกร้องความเห็นใจจากผู้อื่นเสมอ นางเป็นผู้ไปบอกต่งป๋อเหวินว่ามีผู้สูงศักดิ์มาที่จวนเมื่อเย็น จากนั้นเป่าหูบิดาให้นึกโกรธเคืองพี่สาวที่ทำสิ่งอื่นใดข้ามหน้าข้ามตาเจ้าบ้านอย่างเขา
“ซูหนี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่สาวเจ้านางเป็นอะไรไป เหตุใดจึงทำตัวประหลาดเช่นนี้ เมื่อก่อนนางไม่เคยกล้าเถียงข้าสักคำ บัดนี้นางให้องครักษ์ตนเองขัดขวางข้า” ต่งป๋อเหวินถามบุตรสาวน้ำเสียงไม่สบอารมณ์กับการกระทำของบุตรสาว แต่ไม่กล้าลงไม้ลงมือกับนางเช่นแต่ก่อน
“เช่นนี้แจ้งทางการดีหรือไม่เจ้าคะท่านพี่”
“นางยังถือศักดิ์เป็นหลานสาวฮ่องเต้ เจ้าคิดว่าทางการจะเข้าข้างผู้ใดบอกข้าสิ เหตุใดพูดไม่คิดเช่นนี้”
45มีเพียงท่านเช้ามาทั่วทั้งเมืองต่างมีข่าวว่าตระกูลหลานของเสนาบดีเลี้ยงต้อนรับบุตรชายคนเล็ก และยังมีข่าวงานหมั้นหมายของบุตรชายกับหญิงสาวตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลหนึ่ง“หงอิงให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะไปตระกูลหลาน”“เจ้าค่ะคุณหนู”“ไหนบอกว่ารักข้า ยอมปลิดชีพตนตามมาเพื่อดูแล แต่เสร็จเรื่องแล้วจะไปแต่งผู้อื่นแบบนี้ได้อย่างไรกัน หลันอันฉีเจ้าใจร้ายยิ่งนัก” นางบ่นพึมพำขณะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์อยู่ลำพัง เดิมทีวันนี้ตั้งใจจะไปถามเขาให้รู้เรื่องว่าเหตุใดจึงหนีนางไปเช่นนี้ แต่เช้านี้กลับได้ยินบ่าวในเรือนพูดคุยกัน บุตรชายคนเล็กของเสนาบดีขวากลับมาและที่จวนหลานกำลังจะมีงานมงคลครึ่งชั่วยามรถม้าจากจวนต่งก็มาถึงหน้าจวนหลาน ผู้คนหน้าจวนมิได้มีผู้คนมากมายนัก อาจเพราะทั่วเมืองกำลังไว้ทุกข์ให้หวงกุ้ยเฟยที่สิ้นพระชนม์ งดเว้นงานรื่นเริงสังสรรค์ งดเว้นการจัดการงานสมรส ที่จวนหลานเพียงเชิญสหายสนิทมากินอาหารและพูดคุยเรื่องแต
44ในใจมีผู้ใด“องค์ชายสี่เชิญนั่งเพคะ” เมื่อไท่จื่อเดินออกไป องค์ชายสี่ก็เดินเข้ามา เขาเองก็คงมาด้วยเหตุผลเดียวกับไท่จื่อ หลิงซือฝูเองก็เช่นเดียวกัน เหตุใดชาติก่อนนางจึงไม่มีผู้คนมารักมากมายเพียงนี้บ้าง“ท่านหญิงคงรู้แล้วว่าข้ามาด้วยเหตุใด”“พอรู้เพคะ แต่...”“ท่านหญิงฟังข้าให้จบก่อนได้หรือไม่” นางไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าแทนคำตอบ จากนั้นนั่งเงียบให้เขาได้พูดเรื่องราวต่าง ๆ ให้จบสิ้นไม่ติดค้างในใจก่อน“ในใจข้ามีท่านหญิงมาตั้งแต่เราได้รู้จักกันในคราแรกแล้วยิ่งรู้สึกชื่นชมเมื่อได้รู้จักท่านมากขึ้น ช่วงเวลาที่ท่านกับน้องหญิงมาที่สำนักศึกษาข้าดีใจยิ่งนักที่ได้เห็นท่านทุกวัน”“...”“แต่เมื่อได้รู้ว่ามารดาทำสิ่งใดลงไปบ้าง ข้าจึงเริ่มรู้สึกว่าท่านรู้บางสิ่งที่ข้าไม่รู้ จนได้รู้ว่าเสด็จแม่เป็นหนึ่งในผู้ที่ส่งคนมาทำร้ายท่าน ยามนั้นข้าได้รู
43ผู้ทำผิดถูกลงโทษประกาศจากในวังให้มีการสอบรับเลือกขุนนางอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เพราะขุนนางจากตระกูลซูถูกลงโทษและถูกปลด องค์จักรพรรดิของแผ่นดินนี้ยังคงเป็นจักรพรรดิหนิงหวง องค์ชายสี่เกลี้ยกล่อมมารดาไม่สำเร็จจึงกราบทูลต่อบิดาด้วยความเสียใจถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ยินมาด้วยเห็นแก่บุตรชายฮ่องเต้จึงยังคงรักษาพระเกียรติของหวงกุ้ยเฟยเอาไว้ ทรงประทานเหล้าพิษและปล่อยข่าวไปว่าพระองค์ทรงป่วยจนสิ้นพระชนม์ มิได้บอกกล่าวแก่ผู้ใดว่าพระนางร่วมมือกับตระกูลซูก่อกบฎองค์ชายสามได้รับแต่งตั้งเป็นไท่จื่อ เพราะองค์ชายสี่ขอเป็นผู้คอยช่วยเหลือเคียงข้างพี่ชายเท่านั้น กุ้ยเฟยเองก็ถูกแต่งตั้งเป็นฮ่องเฮาหลังจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน ราชสำนักสั่นคลอนอย่างแท้จริง โชคดีที่ได้เสนาบดีขวาเป็นเสาหลักอยู่ จึงไม่มีจราจลใดในยามนี้ตระกูลซูถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ซูฉางเหอยอมรับความผิดทั้งหมดไว้เอง ซูชิงเยียนและหญิงสาวในตระกูลจึงถูกลงโทษเนรเทศไปยังเขตชายแดนที่หนาวเหน็บห้ามกลั
42ข้าไม่รั้งเพียงสามวันนางก็ได้ข่าวจากหลิงซือฝูว่าองค์ชายสี่ทรงกราบทูลต่อฮ่องเต้ หวงกุ้ยเฟยทรงสมคบคิดกับตระกูลซูคิดก่อการกบฎ เรื่องนี้ถูกสอบสวนอย่างหนักรวมไปถึงคดีสินบนของเหล่าขุนนาง กระทั่งคดีลอบทำร้ายท่านหญิงเจียวจ้านแห่งสกุลต่ง ทำให้เช้านี้ต่งซูหนี่ถูกพาตัวไปยังกรมอาญาเพื่อสอบสวนร่วมกันเช้านี้ต่งซูเหวินจึงมีสีหน้าสดชื่นกว่าก่อน หากในจวนไม่มีต่งซูหนี่เหมือนทุกวันคงดีนัก หลังอ่านจดหมายของหลิงซือฝูเสร็จนางไปเดินเล่นอยู่หน้าลานประลองชื่นชมลานประลอง และต้นเฟิงที่มารดารักยิ่ง ใบหน้างดงามประดับด้วยรอยยิ้มกว้างหลังจากนี้นางคงได้ใช้ชีวิตตนเองอย่างสงบสุขเสียที“เหตุใดเจ้าต้องทำกับน้องสาวตนเองถึงเพียงนี้” นางคงลืมไปชั่วครู่ว่าภายในจวนนี้ยังมีมารดาเลี้ยง และบิดาผู้ลำเอียงของนางอยู่ต่งซูเหวินถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับสองสามีภรรยาทางด้านหลัง นางรู้อยู่แล้วว่ามารดาเลี้ยงต้องมาหาเรื่องนางหากซูหนี่ถูกนำตัว
41ถูกต้องหรือถูกใจ“ถวายบังคมองค์ชาย องค์ชายท่านมาที่นี่ได้อย่างไร” ต่งซูเหวินถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ นางไม่คิดว่าจะได้เจอองค์ชายสี่ที่หน้าจวนในยามนี้ ท้องฟ้าเริ่มไร้แสงผู้คนเริ่มเก็บตัวอยู่ในบ้านเรือนตนเองเพราะอีกไม่นานตะวันจะลับฟ้าผู้ใดจะคิดเล่าว่าจะมีองค์ชายมายืนหน้าจวนตนเองพร้อมม้าอีกหนึ่งตัวเช่นนี้“ขออภัยท่านหญิงที่ข้าเสียมารยาทมาหาท่านในยามนี้ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะพูดคุยเรื่องนี้กับผู้ใดได้อีกนอกจากท่าน ในหัวเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ท่านหญิงพูดเมื่อคราวก่อน”“องค์ชายทรงร้อนใจเช่นนี้ เชิญเถอะเพคะ” แม้นางจะหมดรักในตัวเขาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว แต่ความห่วงใยนี้ก็คงมิอาจตัดได้หมด ฟังจากเรื่องราวทั้งหมดผู้ที่น่าเห็นใจนอกจากนางก็คือเขา เพราะนางเห็นใจครอบครัวจึงยอมแต่งเป็นพระชายารองอีกครั้ง ส่วนเขาเห็นใจมารดาจึงยอมทำผิดใหญ่หลวงบุตรต้องกตัญญูแต่หากว่าบิดามารดามิได้ใฝ่สิ่งดี บาปกรรมก็ล้วนตกอยู่ที่บุตรท
40สาเหตุของการตาย“เจ้าเล่าให้ละเอียดหน่อย นี่เรื่องจริงหรือไม่” นางถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทั้งยังตกใจมากเมื่อคิดว่ามีผู้อื่นย้อนเวลามาเหมือนนางเช่นนี้ แล้วยังเป็นผู้ที่อยู่ข้างกายนางตลอด อีกทั้งยังปิดบังนางมาตลอดไม่เคยบอกสิ่งใดแก่นางแต่หากเขาได้ย้อนเวลากลับมานั่นหมายถึงเขาก็มีเรื่องอยากแก้ไข แล้วเรื่องนั้นคงต้องเกี่ยวกับนางไม่เช่นนั้นบุตรชายเสนาบดีอย่างเขา คงไม่ยอมมาลำบากอยู่ข้างนางเช่นนี้“หลายปีก่อนตอนรวมแผ่นดินข้ากับมารดาถูกจับเป็นเฉลย เพื่อให้ท่านพ่อยอมทรยศแต่ได้รองทัพต่งแอบลอบเข้าไปช่วยเหลือสุดท้ายหนีออกมาได้ ข้าและท่านแม่บาดเจ็บได้ท่านคอยดูแลตอนอยู่นอกแคว้น ข้าจำได้แม่นยำว่าคุณหนูจิตใจดีมากเพียงใด หลังจากช่วยเหลือไว้คุณหนูกับรองแม่ทัพต่งก็จากไปโดยฝากข้าและท่านแม่ไว้กับชาวบ้านนอกแคว้น ทั้งยังมอบเงินไว้ให้ท่านแม่รักษาตัวด้วย”“...”“ต่อมาพบว่าตระกูลต่งสิ้นแล้ว จึงได้แต่เสียใจ