4
เหตุใดจึงช่วยข้า
“องค์หญิง ออกมาเช่นนี้ไม่กลัวเป็นอันตรายหรือเจ้าคะ” หญิงสาวข้างกายถามขึ้นเมื่อองค์หญิงปลอมตัวเป็นบุรุษหนีออกจากวังมาเที่ยว แม้จะเดินห้ามอยู่ข้างกายตลอดแต่นางเป้นบ่าวจะขัดใจผู้เป็นนายได้อย่างไร
องค์หญิงหนิงเอ๋อบุตรสาวคนเล็กของฮ่องเต้หนิงหวง พระองค์ทรงรักและตามใจนางมาก เนื่องจากเป็นบุตรสาวที่เกิดจากกุ้ยเหรินคนโปรดเช่นเดียวกับองค์ชายสาม นางมักแอบหนีออกไปเที่ยวนอกวังบ่อย ๆ ยิ่งเป็นลูกคนเล็กถูกตามใจมากไม่มีผู้ใดให้พูดคุยหยอกล้อ ย่อมต้องเบื่อหน่ายเป็นธรรมดา
“ข้าหนีออกมาตั้งกี่ครั้งแล้ว เคยถูกจับได้หรืออย่างไร ถึงถูกจับได้แล้วผู้ใดจะเอาโทษข้าเล่า”
“โถ่ องค์หญิง”
“ไปเถอะอย่ามัวพูดมากเสี่ยวเหมย ไม่เช่นนั้นข้าจะหนีไปเอง” เสี่ยวเหมยจำต้องปิดปากเงียบแล้ววิ่งตามองค์หญิงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำได้เพียงไหว้พระพุทธองค์ในใจให้ปกปักษ์องค์หญิงของนางเท่านั้น
ตลาดผู้คนค่อนข้างพลุกพล่านองค์หญิงหนิงเอ๋อเดินไปตามทางในตรอก ข้างนอกแม้อาหารไม่ดูดีเท่าในวัง แต่บางอย่างกลับเลิศรสจนนางเอกยังตกใจ เหตุใดจึงไม่เคยกินมาก่อนเพราะเหตุนี้นางมักแอบออกมาสอดส่องดูว่าภายนอกมีชีวิตกันอย่างไร
“เสี่ยวเหมยเจ้าดูสิ งามหรือไม่” หญิงสาวยกไม้น้ำตาลปั้นรูปขึ้นมาชูให้หญิงรับใช้ดู ระหว่างเย้าแหย่บ่าวรับใช้ก็เดินถอยหลังจนไม่ทันได้สังเกตสิ่งรอบข้าง
ม้าลากรถม้าตัวหนึ่งกำลังมีท่าทีฮึดฮัด ดูเหมือนตกใจหรือหงุดหงิดไม่อาจรู้ได้ มันเหวี่ยงคนบังคับม้ากระเด็นไปคนละทิศละทาง และกำลังวิ่งตรงไปยังชายหนุ่มท่าทางสะอาดสะอ้าน รูปร่างผอมบาง เขามิได้ระแวดระวังม้าด้านหลังเลย
“คุณชายระวัง!” เสียงหญิงสาวนางหนึ่งตะโกนใส่บุรุษที่ยืนถือน้ำตาลปั้นหน้าตาเบิกบาน หันหลังให้รถม้าอยู่ ทุกคนในตรอกการค้าพากันตกใจโหวกเหวกโวยวาย ร้องเรียกกันวุ่นวายไปหมด คาดว่าคงไม่ทันเสียแล้ว
“อันฉี!” ราวกับรู้ว่าผู้เรียกคิดสิ่งใดอยู่ องครักษ์หนุ่มพุ่งกระโจนใช้วิชาตัวเบาลากหนุ่มน้อยหน้ามนหลีกให้พ้นทางม้า จากนั้นจึงวิ่งไปช่วยทำให้ม้าสงบ เกือบหนึ่งเค่อจึงสงบลงคนขับรถม้าพาร่างสะบักสะบอมของตนเองเข้ามาขอบคุณ ที่หลันอันฉีช่วยควบคุมม้า มิเช่นนั้นเกรงว่าเรื่องคงใหญ่หลวงนักหากมีผู้บาดเจ็บ
“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” ซูเหวินรีบเดินเข้าไปหาหนุ่มน้อยผู้นั้น นางถามเขาน้ำเสียงอ่อนโยนพลางโบกมือให้หงอิงช่วยพยุงเขาขึ้นจากพื้น พอเขาลุกยืนก็มีสตรีนางหนึ่งวิ่งเข้ามาหาหน้าตาตื่น
“องค์...”
“เสี่ยวเหมย!” ยังไม่ทันที่สตรีนางนั้นจะกล่าวสิ่งใด ชายหนุ่มก็ดุนางเสียงดังจนนางไม่กล้ากล่าวสิ่งใดต่อ รีบเข้ามาพยุงใช้สายตาสอดส่องมองหาบาดแผลหรือร่องรอยตามเนื้อตัว
“คุณหนูท่านเป็นอะไรหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าเล่าบาดเจ็บหรือไม่” ซูเหวินหันไปตอบองครักษ์ตนเอง แล้วถามเขากลับ พอเขาบอกว่าไม่เป็นสิ่งใดนางจึงพยักหน้าหันไปมองหนุ่มน้อยตรงหน้า
“เหตุใดจึงช่วยข้า” เด็กหนุ่มผู้นั้นหันกลับมาถามสตรีตรงหน้าด้วยความสงสัย แววตามีความหวาดระแวงเจืออยู่ไม่น้อย
เด็กหนุ่มผู้นี้มีใบหน้าเกลี้ยงเกลา ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ งดงามราวกับสตรี เช่นนี้ซูเหวินจึงนึกขบขันอยู่ลำพัง คนผู้นี้เป็นสตรีอย่างแน่นอน
“ไม่เห็นมีสิ่งใดแปลก เห็นคนลำบากย่อมต้องช่วยเหลือ หากเจ้าไม่เป็นไรก็ดี เช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อน เป็นสตรีทำสิ่งใดต้องระวังให้มาก” กล่าวจบนางก็ขยับไปกระซิบชายหนุ่มตรงหน้า ท่าทีขบขัน คนฟังตกใจที่ถูกจับได้เบิกตากว้างไม่พูดไม่จา มองหน้าคนพูดจนนางเดินไป จึงเริ่มมีสติขึ้นมา
“ท่านหญิงต่ง” หลันอันฉีเรียกคุณหนูตนเองเบา ๆ แต่หญิงสาวผู้แสร้งเป็นชายกลับได้ยินที่เขาพูดชัดเจน พลันนึกว่าตนเองก็เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“ข้าบอกแล้วให้เรียกคุณหนู ผู้อื่นจะได้ไม่รู้ มีสิ่งใดค่อยพูดคุยกันที่บ้าน” ต่งซูเหวินหันกลับมาบอกองครักษ์ข้างกาย จากนั้นทั้งสามคนก็เดินจากไป ปล่อยให้องค์หญิงหนิงเอ๋อยืนงุนงงต่อไป
“เสี่ยวเหมย ท่านหญิงต่ง เจ้าเคยได้ยินมาก่อนหรือไม่”
“องค์หญิงหมายถึงต่งซูเหวินหลานสาวแม่ทัพต่งหรือเพคะ” เสี่ยวเหมยถามขณะที่ประคององค์หญิงของตนเองยู่ องค์หญิงพยักหน้ารับแล้วเดินตามหญิงสาวตระกูลต่งไป
เดินตามมานานกว่าหนึ่งเค่อนางจึงพบว่าสตรีผู้นั้นเป็นบุตรสาวตระกูลต่งออย่างเสี่ยวเหมยบอก เรือนตระกูลต่งใหญ่โตเก่าแก่เพราะอยู่มาหลายสิบปี รุ่งเรืองรุ่งโรจน์มาตลอดหลายปี กระทั่งแม่ทัพต่งและรองแม่ทัพต่งสิ้นชีพไปในการรบครั้งสำคัญ ตระกูลต่งจึงไม่มีนักรบอีก
องค์หญิงหนิงเอ๋อเป็นเด็กสาวที่ชื่นชอบการดูการต่อสู้ ขี่ม้า ยิงธนู เช่นนี้นางจึงเคารพรองแม่ทัพต่งซึ่งเป็นมารดาของต่งซูเหวินเป็นอย่างมาก
“เป็นนางจริง ๆ บังเอิญอะไรเช่นนี้” องค์หญิงรำพันกับตนเองด้วยรอยยิ้มงดงาม พลางดึงผ้าโพกบนหัวลง จะอย่างไรนางก็มาถึงแล้วแม้ไม่ได้เจอตัวจริง อย่างน้อยได้เคารพสักการะก็ยังดี
องค์หญิงหนิงเอ๋อเดินไปหยุดตรงประตูใหญ่หน้าจวน แต่ถูกคนใช้หน้าจวนห้ามเอาไว้เสียก่อน พลันเสียงเอะอะดังขึ้นหลันอันฉีจึงรีบกลับออกมาดูว่าเหตุการณืใดร้ายแรงหรือไม่
นับว่าโชคดีต่งซูเหวินยังเข้าไปไม่นาน เพียงเดินกลับมาก็พบแล้วว่าผู้ใดอยู่หน้าประตูใหญ่
“เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่”
45มีเพียงท่านเช้ามาทั่วทั้งเมืองต่างมีข่าวว่าตระกูลหลานของเสนาบดีเลี้ยงต้อนรับบุตรชายคนเล็ก และยังมีข่าวงานหมั้นหมายของบุตรชายกับหญิงสาวตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลหนึ่ง“หงอิงให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะไปตระกูลหลาน”“เจ้าค่ะคุณหนู”“ไหนบอกว่ารักข้า ยอมปลิดชีพตนตามมาเพื่อดูแล แต่เสร็จเรื่องแล้วจะไปแต่งผู้อื่นแบบนี้ได้อย่างไรกัน หลันอันฉีเจ้าใจร้ายยิ่งนัก” นางบ่นพึมพำขณะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์อยู่ลำพัง เดิมทีวันนี้ตั้งใจจะไปถามเขาให้รู้เรื่องว่าเหตุใดจึงหนีนางไปเช่นนี้ แต่เช้านี้กลับได้ยินบ่าวในเรือนพูดคุยกัน บุตรชายคนเล็กของเสนาบดีขวากลับมาและที่จวนหลานกำลังจะมีงานมงคลครึ่งชั่วยามรถม้าจากจวนต่งก็มาถึงหน้าจวนหลาน ผู้คนหน้าจวนมิได้มีผู้คนมากมายนัก อาจเพราะทั่วเมืองกำลังไว้ทุกข์ให้หวงกุ้ยเฟยที่สิ้นพระชนม์ งดเว้นงานรื่นเริงสังสรรค์ งดเว้นการจัดการงานสมรส ที่จวนหลานเพียงเชิญสหายสนิทมากินอาหารและพูดคุยเรื่องแต
44ในใจมีผู้ใด“องค์ชายสี่เชิญนั่งเพคะ” เมื่อไท่จื่อเดินออกไป องค์ชายสี่ก็เดินเข้ามา เขาเองก็คงมาด้วยเหตุผลเดียวกับไท่จื่อ หลิงซือฝูเองก็เช่นเดียวกัน เหตุใดชาติก่อนนางจึงไม่มีผู้คนมารักมากมายเพียงนี้บ้าง“ท่านหญิงคงรู้แล้วว่าข้ามาด้วยเหตุใด”“พอรู้เพคะ แต่...”“ท่านหญิงฟังข้าให้จบก่อนได้หรือไม่” นางไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าแทนคำตอบ จากนั้นนั่งเงียบให้เขาได้พูดเรื่องราวต่าง ๆ ให้จบสิ้นไม่ติดค้างในใจก่อน“ในใจข้ามีท่านหญิงมาตั้งแต่เราได้รู้จักกันในคราแรกแล้วยิ่งรู้สึกชื่นชมเมื่อได้รู้จักท่านมากขึ้น ช่วงเวลาที่ท่านกับน้องหญิงมาที่สำนักศึกษาข้าดีใจยิ่งนักที่ได้เห็นท่านทุกวัน”“...”“แต่เมื่อได้รู้ว่ามารดาทำสิ่งใดลงไปบ้าง ข้าจึงเริ่มรู้สึกว่าท่านรู้บางสิ่งที่ข้าไม่รู้ จนได้รู้ว่าเสด็จแม่เป็นหนึ่งในผู้ที่ส่งคนมาทำร้ายท่าน ยามนั้นข้าได้รู
43ผู้ทำผิดถูกลงโทษประกาศจากในวังให้มีการสอบรับเลือกขุนนางอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เพราะขุนนางจากตระกูลซูถูกลงโทษและถูกปลด องค์จักรพรรดิของแผ่นดินนี้ยังคงเป็นจักรพรรดิหนิงหวง องค์ชายสี่เกลี้ยกล่อมมารดาไม่สำเร็จจึงกราบทูลต่อบิดาด้วยความเสียใจถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ยินมาด้วยเห็นแก่บุตรชายฮ่องเต้จึงยังคงรักษาพระเกียรติของหวงกุ้ยเฟยเอาไว้ ทรงประทานเหล้าพิษและปล่อยข่าวไปว่าพระองค์ทรงป่วยจนสิ้นพระชนม์ มิได้บอกกล่าวแก่ผู้ใดว่าพระนางร่วมมือกับตระกูลซูก่อกบฎองค์ชายสามได้รับแต่งตั้งเป็นไท่จื่อ เพราะองค์ชายสี่ขอเป็นผู้คอยช่วยเหลือเคียงข้างพี่ชายเท่านั้น กุ้ยเฟยเองก็ถูกแต่งตั้งเป็นฮ่องเฮาหลังจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน ราชสำนักสั่นคลอนอย่างแท้จริง โชคดีที่ได้เสนาบดีขวาเป็นเสาหลักอยู่ จึงไม่มีจราจลใดในยามนี้ตระกูลซูถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ซูฉางเหอยอมรับความผิดทั้งหมดไว้เอง ซูชิงเยียนและหญิงสาวในตระกูลจึงถูกลงโทษเนรเทศไปยังเขตชายแดนที่หนาวเหน็บห้ามกลั
42ข้าไม่รั้งเพียงสามวันนางก็ได้ข่าวจากหลิงซือฝูว่าองค์ชายสี่ทรงกราบทูลต่อฮ่องเต้ หวงกุ้ยเฟยทรงสมคบคิดกับตระกูลซูคิดก่อการกบฎ เรื่องนี้ถูกสอบสวนอย่างหนักรวมไปถึงคดีสินบนของเหล่าขุนนาง กระทั่งคดีลอบทำร้ายท่านหญิงเจียวจ้านแห่งสกุลต่ง ทำให้เช้านี้ต่งซูหนี่ถูกพาตัวไปยังกรมอาญาเพื่อสอบสวนร่วมกันเช้านี้ต่งซูเหวินจึงมีสีหน้าสดชื่นกว่าก่อน หากในจวนไม่มีต่งซูหนี่เหมือนทุกวันคงดีนัก หลังอ่านจดหมายของหลิงซือฝูเสร็จนางไปเดินเล่นอยู่หน้าลานประลองชื่นชมลานประลอง และต้นเฟิงที่มารดารักยิ่ง ใบหน้างดงามประดับด้วยรอยยิ้มกว้างหลังจากนี้นางคงได้ใช้ชีวิตตนเองอย่างสงบสุขเสียที“เหตุใดเจ้าต้องทำกับน้องสาวตนเองถึงเพียงนี้” นางคงลืมไปชั่วครู่ว่าภายในจวนนี้ยังมีมารดาเลี้ยง และบิดาผู้ลำเอียงของนางอยู่ต่งซูเหวินถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับสองสามีภรรยาทางด้านหลัง นางรู้อยู่แล้วว่ามารดาเลี้ยงต้องมาหาเรื่องนางหากซูหนี่ถูกนำตัว
41ถูกต้องหรือถูกใจ“ถวายบังคมองค์ชาย องค์ชายท่านมาที่นี่ได้อย่างไร” ต่งซูเหวินถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ นางไม่คิดว่าจะได้เจอองค์ชายสี่ที่หน้าจวนในยามนี้ ท้องฟ้าเริ่มไร้แสงผู้คนเริ่มเก็บตัวอยู่ในบ้านเรือนตนเองเพราะอีกไม่นานตะวันจะลับฟ้าผู้ใดจะคิดเล่าว่าจะมีองค์ชายมายืนหน้าจวนตนเองพร้อมม้าอีกหนึ่งตัวเช่นนี้“ขออภัยท่านหญิงที่ข้าเสียมารยาทมาหาท่านในยามนี้ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะพูดคุยเรื่องนี้กับผู้ใดได้อีกนอกจากท่าน ในหัวเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ท่านหญิงพูดเมื่อคราวก่อน”“องค์ชายทรงร้อนใจเช่นนี้ เชิญเถอะเพคะ” แม้นางจะหมดรักในตัวเขาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว แต่ความห่วงใยนี้ก็คงมิอาจตัดได้หมด ฟังจากเรื่องราวทั้งหมดผู้ที่น่าเห็นใจนอกจากนางก็คือเขา เพราะนางเห็นใจครอบครัวจึงยอมแต่งเป็นพระชายารองอีกครั้ง ส่วนเขาเห็นใจมารดาจึงยอมทำผิดใหญ่หลวงบุตรต้องกตัญญูแต่หากว่าบิดามารดามิได้ใฝ่สิ่งดี บาปกรรมก็ล้วนตกอยู่ที่บุตรท
40สาเหตุของการตาย“เจ้าเล่าให้ละเอียดหน่อย นี่เรื่องจริงหรือไม่” นางถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทั้งยังตกใจมากเมื่อคิดว่ามีผู้อื่นย้อนเวลามาเหมือนนางเช่นนี้ แล้วยังเป็นผู้ที่อยู่ข้างกายนางตลอด อีกทั้งยังปิดบังนางมาตลอดไม่เคยบอกสิ่งใดแก่นางแต่หากเขาได้ย้อนเวลากลับมานั่นหมายถึงเขาก็มีเรื่องอยากแก้ไข แล้วเรื่องนั้นคงต้องเกี่ยวกับนางไม่เช่นนั้นบุตรชายเสนาบดีอย่างเขา คงไม่ยอมมาลำบากอยู่ข้างนางเช่นนี้“หลายปีก่อนตอนรวมแผ่นดินข้ากับมารดาถูกจับเป็นเฉลย เพื่อให้ท่านพ่อยอมทรยศแต่ได้รองทัพต่งแอบลอบเข้าไปช่วยเหลือสุดท้ายหนีออกมาได้ ข้าและท่านแม่บาดเจ็บได้ท่านคอยดูแลตอนอยู่นอกแคว้น ข้าจำได้แม่นยำว่าคุณหนูจิตใจดีมากเพียงใด หลังจากช่วยเหลือไว้คุณหนูกับรองแม่ทัพต่งก็จากไปโดยฝากข้าและท่านแม่ไว้กับชาวบ้านนอกแคว้น ทั้งยังมอบเงินไว้ให้ท่านแม่รักษาตัวด้วย”“...”“ต่อมาพบว่าตระกูลต่งสิ้นแล้ว จึงได้แต่เสียใจ