Masukความเงียบงัดในรถสปอร์ตซีดานคันหรูที่กำลังแล่นผ่านถนนสายหลักของลาสเวกัสช่างน่าอึดอัดเสียจน เอื้องทราย รู้สึกหายใจลำบาก เธอนั่งชิดติดประตูรถฝั่งซ้าย ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูแสงสีของคาซิโนที่วูบไหวผ่านตาไป ขณะที่คอสโม่ก็นั่งชิดประตูอีกฝั่งหนึ่งเช่นกัน
ระยะห่างระหว่างเขากับเธอในเบาะหลังที่กว้างขวางนั้น ดูเหมือนจะกลายเป็นเหวที่ลึกสุดหยั่งถึง
เจ้าของกรอบใบหน้าคมคายเหลือบมองร่างอรชรในชุดเดรสสีเทามิดชิดที่เขาสั่งตัดให้ เธอช่างดูสง่าแต่กลับแฝงไปด้วยความเปราะบาง มือหนาขยับเหมือนจะเอื้อมไปหา แต่แล้วเขาก็หดกลับมาวางบนตักตามเดิม เขาพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกอยากดึงเธอเข้ามากอดปลอบ แล้วเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงราบเรียบเพื่อทำลายความเงียบ
“พี่จะพาทรายไปหาอะไรทาน... ทรายยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่จบประชุม”
“ทรายไม่หิวค่ะ” เธอตอบสั้นๆ โดยไม่หันกลับมามอง
“แต่พี่หิว...และทรายต้องไปกับพี่”
คำสั่งที่เอาแต่ใจทำให้เอื้องทรายเม้มปากแน่น แต่เธอก็รู้ดีว่าการขัดใจมาเฟียอย่างเขาในตอนนี้มีแต่จะทำให้เรื่องมันยากขึ้น
รถหรูจอดสนิทที่หน้าโรงแรม The Venetian Resort คอสโม่พาเธอเดินผ่านโถงทางเดินที่ประดับประดาด้วยภาพวาดแบบเรอเนสซองส์มุ่งหน้าไปยัง Grand Canal Shoppes พื้นที่ที่จำลองคลองเวนิสมาไว้ใจกลางทะเลทรายเนวาดา ท่ามกลางเสียงเพลงโอเปร่าแผ่วเบาและเรือกอนโดลาที่ล่องไปตามน้ำสีคราม คอสโม่นำทางเธอเข้าไปยังร้านอาหารอิตาเลียนริมคลอง
“สั่งสิ... ที่นี่มีพาสต้าทรัฟเฟิลที่ทรายชอบ” เขายื่นเมนูให้พร้อมเรียกชื่อเล่นที่ทำให้ใจเธอสั่น
เอื้องทรายเผลออมยิ้มเล็กน้อยให้กับข้อมูลของเธอที่เขาจดจำได้เป็นอย่างดี แต่เธอก็เลือกจะสั่งแค่สลัดเบาๆ ขณะที่เขาสั่งสเต็กเนื้อชั้นดี เมื่อบริกรเดินจากไป ความอึดอัดก็กลับมาปกคลุมอีกครั้ง
“พี่คอสโม่คะ... สิ่งที่คุณวรัทพูด... ที่บอกว่าทรายเป็นแค่นกต่อ มันจริงไหมคะ”
คอสโม่วางแก้วไวน์ลงช้าๆ “วรัทต้องการทำให้ทรายไขว้เขวเพื่อทำลายความเชื่อใจระหว่างเรา พี่บอกแล้วไงว่าพี่เทคโอเวอร์ที่นี่เพื่อปกป้องทราย พี่มีความลับเรื่องวรัท และเรื่องคืนที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อสิบปีก่อนพี่กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อกระชากหน้ากากมัน แต่เรื่องเมื่อคืน พี่สาบานได้ว่ามันคือความรู้สึกจริง พี่ไม่ได้เห็นทรายเป็นเครื่องมือแก้แค้นใครอีกแล้ว”
หลังมื้ออาหาร คอสโม่พาเอื้องทรายมาหยุดอยู่ที่ริมขอบสระน้ำพุหน้าโรงแรม Bellagio เสียงเพลงคลาสสิกบรรเลงพร้อมกับสายน้ำที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงไฟสีนวลสะท้อนบนผิวน้ำทำให้บรรยากาศดูโรแมนติก คอสโม่ขยับเข้าไปยืนซ้อนข้างหลังเอื้องทราย
“ทรายจำได้ไหม... ตอนเด็กๆ ที่เราเคยคุยกันเรื่องทะเล ทรายเคยบอกพี่ว่าทรายฝันถึงเกาะที่ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีครามและหาดทรายขาว” คอสโม่กระซิบข้างหูเธอ
เอื้องทรายพยักหน้าเบาๆ “ค่ะ... มันเป็นความฝันที่ประหลาด ทรายฝันเห็นมันซ้ำๆ ตั้งแต่จำความได้ ทั้งที่ทรายโตมาในกรุงเทพฯ”
คอสโม่กำหมัดแน่นในกระเป๋าเสื้อสูท เขาพยายามข่มใจไม่ให้พูดออกไปว่านั่นไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือ ความทรงจำ ของเธอสมัยอยู่ที่ฟิลิปปินส์ ก่อนที่โฆษิตจะพาเธอหนีมา และเธอก็ไม่ใช่ลูกสาวคนขับรถ แต่เป็นลูกของมหาเศรษฐีเจ้าของเกาะที่ใครๆ ก็จ้องจะตะครุบ
“ถ้าพี่บอกว่า...พี่จะพาทรายไปที่เกาะแบบนั้นจริงๆ ทรายจะไปกับพี่ไหม”
เอื้องทรายหันมาสบตาเขา แววตาสับสน “พี่จะพาทรายไปทิ้งไว้ที่นั่นเหรอคะ”
“พี่จะพาเธอไปพบความจริงต่างหาก” เขาสบตาเธออย่างจริงจัง จังหวะที่น้ำพุพุ่งขึ้นสูงสุด คอสโม่โน้มตัวลงจูบที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน มันเป็นจูบที่เต็มไปด้วยคำสัญญาว่าจะปกป้องเธอจากศัตรูทุกทิศทาง
ทว่า... ในมุมมืดฝั่งตรงข้าม ชายชุดดำคนหนึ่งกำลังใช้กล้องทางไกลแอบมองทั้งคู่ พร้อมต่อโทรศัพท์ข้ามประเทศไปยังฟิลิปปินส์
“เจอคุณหนูแล้วครับท่าน... ตอนนี้อยู่กับคอสโม่ เอร์นานเดซ ที่ลาสเวกัส จะให้เราเข้าชิงตัวเลยไหมครับ?”
“ยังก่อน ปล่อยให้เด็กนั่นเสวยสุขไปก่อน ฉันจะดูต่ออีกหน่อยว่า…คอสโม่ เอร์นานเดซรักลูกสาวฉันจริงหรือเปล่า ถ้ามันรักจริง มันก็ต้องผ่านบททดสอบนี้ไปให้ได้”
บทเพลงรักบทใหม่เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางความคลุมเครือ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นความโหยหา คอสโม่ จ้องมองใบหน้าหวานที่เปื้อนไปด้วยหยดน้ำตาแห่งความน้อยใจ เขาก้มลงบดจูบที่ริมฝีปากอิ่มอย่างรุนแรงและเอาแต่ใจ ราวกับจะสูบเอาวิญญาณของเธอมาเป็นของเขาเพียงผู้เดียวเขาปลดกุญแจมือออกเพียงเพื่อจะช้อนร่างของเธอขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนที่ทรงพลัง ชายหนุ่มพาเอื้องทรายเดินตรงไปยังห้องน้ำสุดหรู ก่อนจะวางเธอลงใต้ฝักบัวเรนชาวเวอร์ขนาดใหญ่ สายน้ำอุ่นพุ่งทะยานลงมากระทบผิวเนียนละเอียดจนเปียกโชก ชุดเดรสตัวสวยแนบไปกับส่วนเว้าส่วนโค้งจนดูยั่วยวนเกินห้ามใจ"พี่คอสโม่... ปล่อยนะคะ ทรายยังโกรธพี่อยู่" เอื้องทรายครางประท้วงในลำคอ แต่ร่างกายกลับสั่นสะท้านเมื่อมือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง"โกรธไปเถอะคนดี... แต่อย่าหันหลังให้พี่ เพราะพี่จะทำให้ทรายลืมชื่อยัยผู้หญิงพวกนั้นไปให้หมด" คอสโม่กระซิบเสียงพร่า เขารูดซิปเดรสของเธอลงช้าๆ จนมันหลุดไปกองอยู่ที่พื้นเขาดันร่างเธอให้แผ่นหลังแนบชิดกับผนังกระเบื้องที่เย็นเฉียบ ขณะที่ตัวเขาแผ่ความร้อนรุ่มเข้าหา เจ้าของใบหน้าครั่นคร้ามค่อยๆ ย่อตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเธอ สายตาคมกริบมองกึ่งกลางกายสาวที่สั่นระริกด
แสงไฟจากวิลล่าลอยฟ้าเหนือโรงแรมแอสทรีอา สาขาลาสเวกัสสว่างไสวทันทีที่ประตูเพนต์เฮาส์เปิดออก คอสโม่ เดินกุมมือเอื้องทรายเข้ามาเพื่อหวังจะใช้เวลาที่เหลือของคืนนี้ปรับความเข้าใจ แต่ทว่าความสงบสุขกลับถูกพังทลายลงในวินาทีถัดมา"คอสโม่! คุณกลับมาแล้ว!"ร่างโปร่งระหงในชุดเดรสรัดรูปสีดำพุ่งทะยานออกมาจากมุมมืดของห้องรับแขก เซลิน่า หนึ่งในนางแบบสาวที่เคยอยู่ในสต๊อกของคอสโม่พุ่งเข้ามากอดคอมาเฟียหนุ่มแล้วประกบจูบอย่างดูดดื่มต่อหน้าต่อตาเอื้องทราย คอสโม่ตกใจสุดขีด เขาพยายามผลักหญิงสาวคนนั้นออกทันที แต่ภาพตรงหน้าก็ทำลายความเชื่อใจที่เพิ่งสร้างขึ้นของเอื้องทรายจนหมดสิ้น"พี่คอสโม่!" เอื้องทรายอุทานด้วยความเสียใจ เธอสะบัดมือออกจากการเกาะกุมแล้วหันหลังวิ่งหนีเข้าลิฟต์ส่วนตัวที่ยังไม่ทันปิดสนิท"ทราย! เดี๋ยว! มันไม่ใช่แบบนั้น!" คอสโม่สบถออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาผลักเซลิน่าจนล้มลงกับพื้นโดยไม่ใยดี ก่อนจะรีบวิ่งตามไปติดๆมาเฟียหนุ่มแทรกตัวเข้าลิฟต์มาได้ทันท่วงทีก่อนประตูจะปิด เขาหอบหายใจหนักพลางพยายามจะเข้าใกล้เธอ "ทราย พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้ว่าเซลิน่าพุ่งมาจากไหน แต่ทรายต้องฟังพี่ก่อน!""ฟังอะไรคะ?" เอื้องท
ความเงียบงัดในรถสปอร์ตซีดานคันหรูที่กำลังแล่นผ่านถนนสายหลักของลาสเวกัสช่างน่าอึดอัดเสียจน เอื้องทราย รู้สึกหายใจลำบาก เธอนั่งชิดติดประตูรถฝั่งซ้าย ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูแสงสีของคาซิโนที่วูบไหวผ่านตาไป ขณะที่คอสโม่ก็นั่งชิดประตูอีกฝั่งหนึ่งเช่นกันระยะห่างระหว่างเขากับเธอในเบาะหลังที่กว้างขวางนั้น ดูเหมือนจะกลายเป็นเหวที่ลึกสุดหยั่งถึงเจ้าของกรอบใบหน้าคมคายเหลือบมองร่างอรชรในชุดเดรสสีเทามิดชิดที่เขาสั่งตัดให้ เธอช่างดูสง่าแต่กลับแฝงไปด้วยความเปราะบาง มือหนาขยับเหมือนจะเอื้อมไปหา แต่แล้วเขาก็หดกลับมาวางบนตักตามเดิม เขาพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกอยากดึงเธอเข้ามากอดปลอบ แล้วเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงราบเรียบเพื่อทำลายความเงียบ“พี่จะพาทรายไปหาอะไรทาน... ทรายยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่จบประชุม”“ทรายไม่หิวค่ะ” เธอตอบสั้นๆ โดยไม่หันกลับมามอง“แต่พี่หิว...และทรายต้องไปกับพี่”คำสั่งที่เอาแต่ใจทำให้เอื้องทรายเม้มปากแน่น แต่เธอก็รู้ดีว่าการขัดใจมาเฟียอย่างเขาในตอนนี้มีแต่จะทำให้เรื่องมันยากขึ้นรถหรูจอดสนิทที่หน้าโรงแรม The Venetian Resort คอสโม่พาเธอเดินผ่านโถงทางเดินที่ประดับประดาด้วยภาพวาด
เอื้องทรายตัวแข็งทื่อ การที่วรัทรู้จักเธอและเอ่ยถึงพ่อของเธออย่างไม่เป็นมงคล ทำให้เธอรู้สึกถึงภัยอันตรายที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่คอสโม่บีบมือเธอใต้โต๊ะเป็นสัญญาณให้ใจเย็นมาเฟียหนุ่มยิ้มหยันให้กับวรัท“คุณรู้จักภรรยาของผมด้วยหรือครับ คุณวรัท” คอสโม่เน้นคำว่า ‘ภรรยา’ ชัดเจนราวกับเป็นการประกาศถึงสถานะของเธอวรัทหัวเราะเยาะในลำคอ “ฮ่า! ภรรยาหรือ... ตลกสิ้นดี คอสโม่ ผมรู้จักเธอดีมากกว่าที่คุณคิดไว้ซะอีก ก็เธอคือลูกสาวของโฆษิต ที่เป็นหนอนบ่อนไส้จนทำให้พ่อคุณตายไงล่ะ ไม่ใช่หรือครับ”เอื้องทรายสะท้านไปทั้งร่าง เธอรู้สึกเหมือนถูกเปลื้องผ้าต่อหน้าทุกคน แต่ชายหนุ่มก็ตอบกลับแทนเธอทันควัน“ใช่... เธอคือลูกสาวของโฆษิต และเพราะความผิดพลาดของพ่อเธอ... ผมจึงต้องรับผิดชอบดูแลเธอไปตลอดชีวิต” คอสโม่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย “แต่ก่อนที่เราจะไป ผมขออนุญาตแนะนำตัวให้ถูกก่อน”คอสโม่ยื่นเอกสารแผ่นหนึ่งไปทางวรัท“ผมไม่ได้มาที่นี่ในฐานะทายาทที่รอวันสืบทอดอะไรทั้งสิ้น... ผมมาในฐานะ เจ้าของ The Astraea Palace คนใหม่ และผมคือคนที่จะนั่งหัวโต๊ะในการประชุมวันนี้”วรัทรับเอกสารไปดูด้วยสีหน้าไม่เชื่อสายตา เมื่
เวลาผ่านไปจนกระทั่งแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง คอสโม่ค่อย ๆ ประคองร่างของเอื้องทรายขึ้นอย่างทะนุถนอม อุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะปล่อยให้เธอจมลงในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยฟองสบู่อุ่น ๆเขาไม่ยอมปล่อยให้เธอทำอะไรเอง ชายหนุ่มบรรจงขัดผิวเนียนละเอียดของเธออย่างอ่อนโยนราวกับสัมผัสแก้วที่เปราะบาง จากนั้นก็สระผมให้เธออย่างตั้งใจ มือที่เคยถือปืนและเซ็นเอกสารพันล้านรวมทั้งจับกระบอกปืน บัดนี้กำลังทำหน้าที่ดูแลเธออย่างละเอียดอ่อนที่สุด“สบายตัวไหม” คอสโม่พึมพำขณะลูบไล้ฟองสบู่ออกจากแผ่นหลังของเธอ“ทราย... รู้สึกเหมือน... ได้หายใจอีกครั้ง” เธอสารภาพคอสโม่ดึงเธอมากอดไว้จากด้านหลังอย่างแนบแน่นในอ่างอาบน้ำ เขาก้มลงจูบที่ไหล่ของเธอแผ่วเบา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการตัดสินใจเด็ดขาด“ทราย... ต่อจากนี้ ทรายคือภรรยาของพี่”เอื้องทรายชะงัก เธอรีบหันมาสบตาเขาด้วยความตกใจ ดวงตาของเธอเบิกกว้าง “ภรรยา? พี่คอสโม่คะ...มันจะไม่เร็วไปเหรอคะ”คอสโม่จับใบหน้าเธอไว้มั่น ดวงตาของเขากลับมาจริงจังอีกครั้ง แต่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริง“ไม่เร็วไปหรอกทราย ช้าไปด้วยซ้ำ” เขาตอบหนักแน่น “สิบปีท
เอื้องทรายสบตาที่สับสนแต่เปี่ยมไปด้วยความต้องการของเขา เธอรับรู้ถึงความสำคัญของการตัดสินใจครั้งนี้ การกระทำที่ทำลายกำแพงทั้งหมดระหว่างเขากับเธอ ทันทีที่เธอพยักหน้ารับอย่างเด็ดเดี่ยว คอสโม่ก็ไม่รอช้าอีกต่อไปเขาค่อยๆ กดปลายแก่นกายที่แข็งขืนและร้อนผ่าว สู่สัมผัสของรอยแยกที่อ่อนนุ่มและอุ่นร้อนของเธออย่างเชื่องช้า สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลั้นความรู้สึกที่พลุ่งพล่านไว้ ก่อนจะเถลือกไถลตัวตนที่เต็มเปี่ยมเข้าไปภายในอย่างหนักแน่น จนกระทั่งได้ยินเสียงเยื่อบางๆ ฉีกขาดที่บาดลึกเข้ากลางใจเพียงแค่นั้น... เขาก็รับรู้ทันทีว่า เธอคือคนแรกและคนเดียวของเขา ในที่สุด.. แล้วความแค้นที่เขาเฝ้าสั่งสมมาตลอดมันจะมีความหมายอะไร ในเมื่อความรักที่เขาพยายามซุกซ่อนไว้มันกลับมากล้นและท่วมท้นจนบดบังความเกลียดชังได้หมดสิ้น"อ๊า...!"เสียงร้องอันเจ็บปวดระคนอัดอั้นของเอื้องทรายดังก้องไปทั่วห้อง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของเขาอย่างแรง จนผิวเนื้อบุ๋มลงไปเป็นรอยเล็บด้วยความเจ็บปวดที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ความรู้สึกของการ ฉีกขาดของเยื่อพรหมจรรย์นั้นรุนแรงจนน้ำตาของเธอรื้นไหลออกมาจากหางตา แต่ทว่าความรู้สึกของการเติมเต็มที่ร้อนรุ







