LOGIN“ลอสแอนเจลิส?” เอื้องทรายทวนคำเสียงดัง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่พอใจ เธอหยิบตั๋วเครื่องบินใบนั้นขึ้นมาดูแล้วโยนกลับลงไปบนโต๊ะ
“ดิฉันไปไม่ได้ค่ะ!” เธอประกาศกร้าว “ดิฉันเป็นผู้จัดการโรงแรมที่นี่ มีหน้าที่ต้องดูแลความเรียบร้อยและต้อนรับแขกอีกหลายร้อยคน ดิฉันจะทิ้งงานไปเฉยๆ เพื่อไปเป็นคนรับใช้ส่วนตัวให้คุณที่เมืองอื่นไม่ได้!”
คอสโม่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ ท่าทางคุกคามของเขาทำให้บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกขึ้นทันที “เธอกล้าปฏิเสธฉันเหรอ”
“ดิฉันไม่ได้ปฏิเสธ แต่ดิฉันกำลังพูดถึงความรับผิดชอบในหน้าที่การงานที่คุณคงไม่เข้าใจ!” เอื้องทรายเถียงกลับอย่างไม่ลดละ ความอดทนของเธอเริ่มขาดผึง
“ความรับผิดชอบ...หึหึ” คอสโม่แค่นหัวเราะ “เธอคงลืมไปแล้วว่าตอนนี้ ฉันคือเจ้าของ The Astraea Palace คำสั่งของฉันคือกฎ และหน้าที่เดียวของเธอคือทำตามคำสั่งของฉัน!”
เขาเดินอ้อมโต๊ะมายืนประจันหน้าเธอ ร่างสูงใหญ่ข่มให้เธอดูตัวเล็กลงถนัดตา “ถ้าเธอไม่ไป... ก็ไสหัวออกจากตำแหน่งผู้จัดการไปซะ! เก็บข้าวของของเธอแล้วออกไปจากโรงแรมของฉันเดี๋ยวนี้!”
เอื้องทรายกัดฟันแน่นจนกรามปวดหนึบ เธอกำหมัดแน่น เล็บจิกเข้าเนื้อเพื่อระบายความโกรธที่อัดอั้นมาตั้งแต่เช้า
“คุณมัน...คนเห็นแก่ตัว!” เธอตะโกนใส่หน้าเขา “เอาแต่ใจตัวเองที่สุด! อายุก็มากกว่าทรายตั้งกี่ปี เป็นถึงผู้บริหารระดับสูง แต่ทำตัวเหมือน เด็กอนุบาลไม่รู้จักโต แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก!”
สิ้นเสียงตะโกน เส้นความอดทนของคอสโม่ก็ขาดสะบั้น
“เธอว่าใครเป็นเด็กอนุบาล!”
มือหนาพุ่งเข้ามาบีบแก้มเนียนของเธออย่างแรงจนปากเธอจู๋ ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด “ปล่อยนะ!” เอื้องทรายดิ้นรน เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักอกเขา และสะบัดมือฟาดเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มแรง
เผียะ!
หน้าของคอสโม่หันไปตามแรงตบ รอยแดงปรากฏชัดขึ้นบนแก้มสากทันที ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงันชั่วขณะ ก่อนที่พายุลูกใหญ่จะโหมซัดเข้ามา
คอสโม่หันกลับมามองเธอด้วยดวงตาที่ลุกโชนไปด้วยไฟโทสะที่น่ากลัวกว่าครั้งไหนๆ “กล้ามากนะ...”
เขาพุ่งเข้าหาเธอราวกับสัตว์ป่า เอื้องทรายไม่มีโอกาสได้หนี ร่างบางถูกกระชากและดันกระแทกเข้ากับผนังห้องอย่างแรง ตึง!
“อื้อ!” เอื้องทรายร้องด้วยความจุก แต่ยังไม่ทันจะได้เปล่งเสียงด่าทอ ริมฝีปากหยักลึกของเขาก็ฉกวูบลงมาปิดปากเธออย่างรวดเร็วและหนักหน่วง
มันไม่ใช่จูบที่อ่อนหวาน แต่มันคือการลงทัณฑ์
คอสโม่บดขยี้ริมฝีปากของเธออย่างป่าเถื่อน บังคับให้เธอเผยอปากรับสัมผัสที่รุกราน
ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปควานหาความหวานและตักตวงอากาศหายใจของเธอไปจนหมดสิ้น เอื้องทรายพยายามทุบตีไหล่เขา แต่เขากลับรวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว
“อื้ม!”
เมื่อเธอพยายามกัดลิ้นเขาเพื่อต่อต้าน คอสโม่กลับคำรามในลำคอและ กัดริมฝีปากล่างของเธออย่างแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด
ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วริมฝีปาก พร้อมกับรสชาติของเลือดที่ซึมออกมาผสมปนเปไปกับรสจูบที่ดุดัน เขาไม่ยอมหยุด แต่กลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ราวกับต้องการประทับตราความเป็นเจ้าของและสั่งสอนให้เธอรู้สำนึกว่า...ใครกันแน่ที่เป็นคนคุมเกมนี้
จูบนั้นเริ่มเปลี่ยนทิศทางเมื่อไฟโทสะผสมปนเปกับแรงอารมณ์ดิบเถื่อน คอสโม่ถอนริมฝีปากออกช้าๆ ลากไล้จมูกโด่งลงมาตามแนวสันกรามของเธอ สูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นที่เขาพยายามปฏิเสธมาตลอด
"อ๊ะ... ปล่อย..." เสียงประท้วงของเอื้องทรายแผ่วเบาลง เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าเริ่ม ซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอขาวระหง ขบเม้มสร้างรอยแดงตราประทับความเป็นเจ้าของอย่างหยาบคาย
มือหนาที่เคยตรึงข้อมือเธอไว้เริ่มคลายออก แต่กลับเปลี่ยนเป้าหมาย เลื่อนต่ำลงมาที่เอวคอดกิ่ว
ก่อนจะสอดล้วงเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว ของเธอ สัมผัสจากฝ่ามือสากระคายที่ลูบไล้ผิวเนื้อเนียนละเอียดทำให้ร่างกายของเอื้องทรายสั่นสะท้าน
ความโกรธเกรี้ยวในใจของหญิงสาวเริ่มสั่นคลอนด้วยปฏิกิริยาทางธรรมชาติที่เธอไม่สามารถควบคุมได้ ลมหายใจของเธอเริ่มติดขัด หัวใจเต้นรัวแรงจนแทบจะทะลุอก สัมผัสอันช่ำชองของคอสโม่ทำให้สติของเธอเริ่มพร่าเลือน ความรู้สึกวาบหวามเริ่มก่อตัวขึ้นแทนที่ความเจ็บปวด
เธอกำลังจะเผลอไผล...เผลอส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาในลำคอ
ทว่าในวินาทีที่เขากำลังจะถลำลึก ภาพความทรงจำอันโหดร้ายก็ผุดขึ้นมาในหัวของคอสโม่ราวกับฉายหนังซ้ำ
ภาพรถที่พังยับเยินท่ามกลางสายฝน... ร่างไร้วิญญาณของลิลลี่ น้องสาวสุดที่รักที่นอนจมกองเลือด...และใบหน้าของโฆษิต พ่อของเธอ ที่เป็นคนทรยศหักหลังครอบครัวเขา
เพลิงราคะมอดดับลงในพริบตา ถูกแทนที่ด้วยความรังเกียจที่พุ่งพล่านขึ้นมาจุกอก
พลั่ก!
คอสโม่กระชากมือออกจากเสื้อของเธอ และผลักร่างบางออกห่างอย่างรุนแรงจนเอื้องทรายเซไปชนโต๊ะทำงาน
เอื้องทรายเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความมึนงง สติที่เพิ่งกลับคืนมาทำให้เธอหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย แต่สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดคือสายตาของพี่ชายคนสนิทในตอนนี้...
มันไม่ใช่สายตาของความเดือดดาล แต่มันคือสายตาของความขยะแขยง
คอสโม่ยกหลังมือขึ้นเช็ดปากตัวเองแรงๆ ราวกับต้องการลบรอยสัมผัสเมื่อครู่ทิ้งไป เขาถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างดูถูก
“โคตรเน่า...” เขาเค้นเสียงต่ำลอดไรฟัน มองเธอเหมือนมองสิ่งปฏิกูล “แค่แตะนิดเดียว กลิ่นคาวเลือดชั่วๆ ของพ่อเธอมันก็โชยออกมาจนฉันแทบอ้วก”
เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่สั่นระริกของเอื้องทราย แล้วเหยียดยิ้มหยันที่มุมปาก“น่าขยะแขยงที่สุด”
หลังมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและไร้คำพูด คอสโม่พาเอื้องทรายกลับสู่รถลีมูซีนกันกระสุน บรรยากาศภายในรถหนักอึ้งกว่าเดิมหลายเท่า ความโกรธเกรี้ยวที่คุกรุ่นอยู่ในใจของคอสโม่ยังไม่จางหายไปจากการถูกยั่วยุของเซย์เยสรถมาถึงโรงแรมที่พัก ซึ่งเป็นเพนต์เฮาส์สวีทที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในลอสแอนเจลิส การเช็กอินเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นความลับที่สุดตามคำสั่งของคอสโม่เมื่อประตูห้องพักเปิดออก เอื้องทรายก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความมั่งคั่งที่ไม่มีขีดจำกัด ห้องสวีทกว้างขวางถูกตกแต่งด้วยงานศิลปะราคาแพง มีผนังกระจกใสที่มองเห็นแสงไฟระยิบระยับของนครลอสแอนเจลิสได้โดยรอบ พื้นที่หลักประกอบด้วยห้องนั่งเล่นกว้างขวาง ห้องทำงานส่วนตัว และ... ห้องนอนใหญ่เอื้องทรายเดินตามคอสโม่เข้าไปในห้องนอน เธอใจเต้นรัวเมื่อเห็นว่าภายในห้องนั้นมี เตียงขนาดคิงไซส์เพียงเตียงเดียวถูกจัดวางอยู่กลางห้องอย่างสง่างาม ในขณะที่มุมห้องมีโซฟาผ้าไหมขนาดใหญ่ไว้สำหรับนั่งพักผ่อนคอสโม่โยนกระเป๋าเอกสารของเขาลงบนโซฟาหนัง และหันมามองเอื้องทรายด้วยสายตาที่เย็นชาและตั้งใจ เขายืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ โดยมีแสงไฟจากตึกสูงสะท้อนอยู่บนดวงตาของเขา
เอื้องทรายลืมตาตื่นเมื่อรู้สึกถึงแรงสะกิดจากคอสโม่ตามที่เขาสั่ง เธอพักผ่อนได้อย่างเต็มที่สมองปลอดโปร่งขึ้นมาก แต่ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลก็ยังคงอยู่ เธอถูกปลุกหนึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องลงตามกำหนด แล้วรีบอาบน้ำในห้องพักส่วนตัวอย่างรวดเร็ว จัดชุดเดรสสีเข้มให้เรียบร้อย และแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีตเพื่อปกปิดร่องรอยความบอบช้ำบนริมฝีปากเมื่อกลับมายังห้องโดยสารหลัก คอสโม่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมชุดสูทสีเทาเข้มเนื้อดี ดูภูมิฐานและน่าเกรงขามกว่าชุดลำลองก่อนหน้า ทรงผมถูกเซตเสยเปิดกรอบหน้าคมสันผิดจากทุกวันที่เขาอยู่กับเธอ“เสร็จแล้วก็มานี่” เขาออกคำสั่ง “ตารางงานใหม่ถูกส่งเข้าแท็บเล็ตเธอแล้ว ทุกอย่างต้องเป๊ะ ห้ามมีข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว”เอื้องทรายรับคำสั่งอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่เครื่องบินจะลงจอดที่ลอสแอนเจลิสการต้อนรับที่สนามบินเต็มไปด้วยความเคร่งครัด รถลีมูซีนกันกระสุนคันยาวจอดรอรับ พร้อมด้วยรถเอสยูวีอีกสองคันที่บรรทุกบอดี้การ์ดสี่คนในชุดสูทสีดำสนิท ซึ่งเป็นทีมรักษาความปลอดภัยส่วนตัวที่รออยู่ที่แอลเออยู่แล้ว เอื้องทราย นั่งอยู่เบาะหลังข้างคอสโม่ เธอรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่แค่การเดินทางมาเจรจาธุร
เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว กัลลิแวนท์ ทะยานสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่เหนือแผ่นดินอเมริกา แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามาในห้องโดยสารหรูหรา สร้างบรรยากาศที่สงบเงียบผิดจากความตึงเครียดที่ปกคลุมอยู่ระหว่างคนทั้งสองคอสโม่นั่งทำงานอยู่ด้านหน้าสุด เขาดูราวกับถูกผนึกอยู่ในโลกของตัวเอง แผ่รัศมีแห่งอำนาจที่เย็นชาออกมาจนแม้แต่เสียงเครื่องยนต์ก็ไม่อาจกลบได้เอื้องทรายพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่ออยู่กับแท็บเล็ตในมือ ข้อมูลทางธุรกิจจำนวนมหาศาลที่ต้องทำความเข้าใจก่อนลงจอดที่ลอสแอนเจลิสเรียกร้องสมาธิอย่างหนัก แต่ร่างกายของเธอกลับไม่ยอมเชื่อฟังภาพในแท็บเล็ตเริ่มหมุน...อาการ มึนหัว และ คลื่นไส้ เริ่มโจมตีเธออย่างหนัก มันเป็นผลพวงจากการอดนอนมาเกือบ 24 ชั่วโมง ความเครียดจากการเผชิญหน้ากับความตายในอุบัติเหตุ รถชนในอดีต ภาพที่พ่อคอหักตายคาพวงมาลัย การถูกดูถูกเหยียดหยามเมื่อคืน และการปะทะทางอารมณ์ที่รุนแรงเมื่อช่วงสาย ทุกอย่างประดังเข้ามาพร้อมกันริมฝีปากที่ถูกกัดจนช้ำของเธอแห้งผาก เธอพยายามกลืนน้ำลายลงคอเพื่อระงับอาการคลื่นไส้ แต่ก็ทำได้ยากลำบาก เอื้องทรายยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ พลางพิงศีรษะกับเบาะอย่างเงียบ ๆ เพียงเ
ร่างของเอื้องทรายกระแทกเข้ากับโต๊ะทำงานอย่างแรงจนจุก ภาพของคอสโม่ที่มองเธอด้วยสายตาขยะแขยงเป็นเหมือนมีดที่กรีดลึกเข้ามาในใจของเธอ ความรู้สึกที่ปะปนกันของความเร่าร้อนและความรังเกียจที่จู่โจมเมื่อครู่ทำให้เธอหายใจติดขัด“น่าขยะแขยงที่สุด” คำพูดสุดท้ายของเขาดังก้องในโสตประสาทเอื้องทรายยกหลังมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากที่ชาหนึบของตัวเอง เมื่อชักมือกลับลงมาก็เห็น คราบเลือดสีแดงสด ติดอยู่ที่นิ้วเขาทำให้เธอเลือดออก ไม่ใช่แค่บาดแผลที่ขา แต่เป็นบาดแผลที่ริมฝีปาก... และบาดแผลในใจที่ถูกฉีกกระชากคอสโม่เดินหันหลังให้เธออย่างเฉยชา คว้ากุญแจรถและกระเป๋าสตางค์อย่างรวดเร็ว เขากลับสู่มาดนักธุรกิจผู้เหี้ยมโหดอีกครั้ง ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น“ฉันจะไปทำธุระให้เสร็จก่อนกลับไปเก็บของ” คอสโม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาโดยไม่หันมามองเธอแม้แต่น้อย “เตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับไฟล์ทส่วนตัวตอนห้าโมงเย็นด้วยนะเอื้องทราย ฉันต้องการแค่กระเป๋าเสื้อผ้าของเธอใบเดียว และฉันจะไม่รอ”เขาหยุดที่ประตูห้อง หันมามองเธอเพียงเสี้ยววินาที “ถ้าเธอไม่เตรียมตัวให้พร้อม ก็เท่ากับว่าเธอได้ลาออกจากการเป็นผู้จัดการที่นี่ไปแล้ว”
“ลอสแอนเจลิส?” เอื้องทรายทวนคำเสียงดัง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่พอใจ เธอหยิบตั๋วเครื่องบินใบนั้นขึ้นมาดูแล้วโยนกลับลงไปบนโต๊ะ“ดิฉันไปไม่ได้ค่ะ!” เธอประกาศกร้าว “ดิฉันเป็นผู้จัดการโรงแรมที่นี่ มีหน้าที่ต้องดูแลความเรียบร้อยและต้อนรับแขกอีกหลายร้อยคน ดิฉันจะทิ้งงานไปเฉยๆ เพื่อไปเป็นคนรับใช้ส่วนตัวให้คุณที่เมืองอื่นไม่ได้!”คอสโม่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ ท่าทางคุกคามของเขาทำให้บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกขึ้นทันที “เธอกล้าปฏิเสธฉันเหรอ”“ดิฉันไม่ได้ปฏิเสธ แต่ดิฉันกำลังพูดถึงความรับผิดชอบในหน้าที่การงานที่คุณคงไม่เข้าใจ!” เอื้องทรายเถียงกลับอย่างไม่ลดละ ความอดทนของเธอเริ่มขาดผึง“ความรับผิดชอบ...หึหึ” คอสโม่แค่นหัวเราะ “เธอคงลืมไปแล้วว่าตอนนี้ ฉันคือเจ้าของ The Astraea Palace คำสั่งของฉันคือกฎ และหน้าที่เดียวของเธอคือทำตามคำสั่งของฉัน!”เขาเดินอ้อมโต๊ะมายืนประจันหน้าเธอ ร่างสูงใหญ่ข่มให้เธอดูตัวเล็กลงถนัดตา “ถ้าเธอไม่ไป... ก็ไสหัวออกจากตำแหน่งผู้จัดการไปซะ! เก็บข้าวของของเธอแล้วออกไปจากโรงแรมของฉันเดี๋ยวนี้!”เอื้องทรายกัดฟันแน่นจนกรามปวดหนึบ เธอกำหมัดแน่น เล็บจิกเข้าเนื้อเพื่อระบายความโกรธที่
คอสโม่บีบแขนเธอแน่นขึ้น พลางผลักเธอออกเล็กน้อย แต่สายตาของเขายังคงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธออย่างคุกคาม “จำไว้ให้ดี เอื้องทราย อย่าคิดว่าฉันจะละเว้นเธอ” เขาปล่อยเธออย่างแรงจนเธอเซถอยหลังไปเขากลับไปที่เตียง คว้าผ้าขนหนูมาพันรอบเอวอย่างหยาบๆ ก่อนจะนั่งลงบนขอบเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ “ไปหาอาหารเช้ามาให้ฉันเดี๋ยวนี้” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดผู้จัดการสาววยืนนิ่ง จัดชุดที่ยับยู่ยี่ให้เข้าที่เธอพยายามควบคุมการเต้นของหัวใจ และตอบกลับด้วยความเป็นมืออาชีพที่เหลืออยู่ “ดิฉันจะให้พนักงานบริการอาหารเช้ามาส่งให้ที่ห้องค่ะ คุณคอสโม่ ตอนนี้ดิฉันยังไม่ได้อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่สะดวกที่จะออกไปข้างนอก”“ผู้หญิงอะไรวะ น่ารำคาญชะมัดเลยโว้ย” คอสโม่ขึ้นเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิด “เธอก็อาบที่นี่สิ โรงแรมนี้เป็นของฉัน ห้องน้ำนี้เป็นของเธอ” เขาชี้นิ้วไปยังห้องน้ำขนาดใหญ่ “และ... ถอดเสื้อผ้าของเธอตรงนี้เดี๋ยวนี้”เอื้องทรายเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู “คุณบ้าไปแล้วหรือคะ! ดิฉันจะทำอย่างนั้นไม่ได้! อีกอย่าง... ถึงอาบแล้วดิฉันก็ไม่มีเสื้อผ้าสะอาดให้เปลี่ยนอยู่ดี” เธอปฏิเสธอย่างหนักแน่น ความกลัวถูกแทนที