LOGINเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว กัลลิแวนท์ ทะยานสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่เหนือแผ่นดินอเมริกา แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามาในห้องโดยสารหรูหรา สร้างบรรยากาศที่สงบเงียบผิดจากความตึงเครียดที่ปกคลุมอยู่ระหว่างคนทั้งสอง
คอสโม่นั่งทำงานอยู่ด้านหน้าสุด เขาดูราวกับถูกผนึกอยู่ในโลกของตัวเอง แผ่รัศมีแห่งอำนาจที่เย็นชาออกมาจนแม้แต่เสียงเครื่องยนต์ก็ไม่อาจกลบได้
เอื้องทรายพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่ออยู่กับแท็บเล็ตในมือ ข้อมูลทางธุรกิจจำนวนมหาศาลที่ต้องทำความเข้าใจก่อนลงจอดที่ลอสแอนเจลิสเรียกร้องสมาธิอย่างหนัก แต่ร่างกายของเธอกลับไม่ยอมเชื่อฟัง
ภาพในแท็บเล็ตเริ่มหมุน...
อาการ มึนหัว และ คลื่นไส้ เริ่มโจมตีเธออย่างหนัก มันเป็นผลพวงจากการอดนอนมาเกือบ 24 ชั่วโมง ความเครียดจากการเผชิญหน้ากับความตายในอุบัติเหตุ รถชนในอดีต ภาพที่พ่อคอหักตายคาพวงมาลัย การถูกดูถูกเหยียดหยามเมื่อคืน และการปะทะทางอารมณ์ที่รุนแรงเมื่อช่วงสาย ทุกอย่างประดังเข้ามาพร้อมกัน
ริมฝีปากที่ถูกกัดจนช้ำของเธอแห้งผาก เธอพยายามกลืนน้ำลายลงคอเพื่อระงับอาการคลื่นไส้ แต่ก็ทำได้ยากลำบาก เอื้องทรายยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ พลางพิงศีรษะกับเบาะอย่างเงียบ ๆ เพียงเสี้ยววินาทีเพื่อพักสายตา
ความเงียบที่กินเวลานานผิดปกติทำให้คอสโม่ต้องเงยหน้าขึ้นจากแล็ปท็อป เขาไม่เคยเห็นเอื้องทรายที่ดูหมดสภาพขนาดนี้ ปกติเธอจะแข็งกร้าวและพร้อมโต้ตอบเสมอ แต่ตอนนี้เธอดูซีดเผือดราวกับกระดาษ และนั่งนิ่งจนน่าแปลกใจ
“เป็นอะไร” เขาถามเสียงห้วน ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดสีดำจ้องมองอย่างจับผิด ไม่ใช่ความเป็นห่วง
เอื้องทรายตกใจกับเสียงของเขา เธอรีบยืดตัวขึ้นตรงอีกครั้งทันที แต่การเคลื่อนไหวที่ฉับพลันทำให้โลกทั้งใบหมุนคว้าง ภาพในสายตาของเธอพร่ามัวจนต้องรีบคว้าขอบที่นั่งไว้
“เปล่าค่ะ” เธอพยายามพูดให้เสียงปกติที่สุด แต่น้ำเสียงของเธอกลับแหบพร่าและสั่นเครือออกมาอยู่ดี“แค่... มีอาการเพลียเล็กน้อย ดิฉันจะจัดการตารางงานให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมงค่ะ”
คอสโม่ถอดแว่นกันแดดออก แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาเดินเข้ามาหาเธอช้าๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเก้าอี้ของเธอ
“โกหก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เธอคิดว่าฉันโง่ขนาดดูไม่ออกหรือไงว่าเธอกำลังจะหน้ามืด”
เขาใช้ปลายนิ้วเย็นเฉียบแตะที่แก้มของเธออย่างหยาบคาย ใบหน้าของเอื้องทรายร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเมื่อถูกสัมผัส “ไข้ขึ้นเหรอ หรือแค่แสดงละครเพื่อเรียกร้องความสงสาร”
“ดิฉันไม่ได้แสดงละครค่ะ” เอื้องทรายข่มใจพูด “ดิฉันแค่...อดนอนมาทั้งคืน”
คำว่า 'อดนอน' ทำให้ความทรงจำเมื่อคืนย้อนกลับมาในหัวของคอสโม่ เขาจำได้ว่าเธอต้องนั่งหลับอยู่ในสภาพยับเยินจนกระทั่งเช้า แต่แทนที่จะรู้สึกสำนึกผิด เขากลับรู้สึกถึงชัยชนะที่เด็ดขาด
“นั่นคือผลของความดื้อรั้นและการขัดคำสั่งของฉัน” คอสโม่พูดอย่างเฉยชา “ฉันไม่สนใจว่าเธอจะตายหรือไม่ตาย ตราบใดที่เธอยังมีลมหายใจอยู่ เธอก็ต้องทำตามหน้าที่ที่ฉันมอบหมาย”
เขายื่นมือไปหยิบแท็บเล็ตออกจากมือของเธออย่างไม่ทันตั้งตัว แล้ววางมันลงบนโต๊ะข้างๆ
ท่าทีที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้เอื้องทรายเกิดความสับสนอย่างรุนแรง ทำไมจู่ๆ เขาถึงทำตัวเหมือนห่วงใย หากเขาต้องการทรมานเธอจริง การปล่อยให้เธอทำงานต่อไปทั้งที่อาการแย่ลงน่าจะเป็นสิ่งที่ซาดิสม์กว่า หรือเขาแค่ต้องการให้เธอสมบูรณ์แบบเพื่อไปรับใช้เขาต่อหน้าสาธารณชนที่ลอสแอนเจลิส
เขาใจดีกับเธอทำไม คำสั่งของเขาไม่ได้หมายความว่าเธอต้องทนทุกข์จนกว่าจะตายไปเลยเหรอ หรือนี่คือแผนใหม่ ที่ต้องการให้เธอตายใจ ในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และมีน้ำใจจอมปลอมของเขา
“ไปนอนซะ” คอสโม่หันหลังให้เธอแล้วเดินกลับไปที่ที่นั่งของตัวเอง เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดราวกับสั่งเครื่องยนต์กลไก
“แต่ไม่ใช่เพราะฉันใจดี... แต่เพราะฉันไม่ต้องการให้ลูกน้องไร้ประสิทธิภาพอย่างเธอมาทำลายงานสำคัญของฉัน”
คอสโม่คว้าแขนของเอื้องทรายแล้วกระชากให้เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างไม่ใยดี แขนของเขาแข็งแกร่งและเย็นเฉียบราวกับเหล็กกล้า เขาเดินนำเธอไปยังห้องพักส่วนตัวบนเครื่องบินที่ถูกจัดไว้สำหรับเขาเท่านั้น
เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในห้องพักที่หรูหราและกว้างขวาง เอื้องทรายก็ถูก ผลัก เข้าไปอย่างแรงจนเซถลา
ห้องพักถูกตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม มีเตียงขนาดคิงไซส์ที่ปูด้วยผ้าลินินสีขาวสะอาดตา พร้อมชุดเครื่องนอนหนานุ่ม มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เขาไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้ามาก่อน
“พักผ่อนซะ” เขาสั่งด้วยสายตาที่เย็นชา “ฉันจะปลุกเธอหนึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องลง เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเป็น 'ผู้จัดการส่วนตัว' ที่สมบูรณ์แบบของฉันที่แอลเอ”
คอสโม่ยืนกอดอกพิงกรอบประตู จ้องมองเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจและความรังเกียจ เอื้องทราย รู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความเมตตา แต่เป็นการยื่นเชือกให้เธอหายใจเพื่อรอวันถูกแขวนคอ เธอกัดฟันแน่น
ดี... เธอจะพักผ่อนให้เต็มที่ และจะทำให้เขาต้องเสียใจที่ตัดสินใจ 'เมตตา' เธอในครั้งนี้ พี่คอสโม่
หลังมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและไร้คำพูด คอสโม่พาเอื้องทรายกลับสู่รถลีมูซีนกันกระสุน บรรยากาศภายในรถหนักอึ้งกว่าเดิมหลายเท่า ความโกรธเกรี้ยวที่คุกรุ่นอยู่ในใจของคอสโม่ยังไม่จางหายไปจากการถูกยั่วยุของเซย์เยสรถมาถึงโรงแรมที่พัก ซึ่งเป็นเพนต์เฮาส์สวีทที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในลอสแอนเจลิส การเช็กอินเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นความลับที่สุดตามคำสั่งของคอสโม่เมื่อประตูห้องพักเปิดออก เอื้องทรายก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความมั่งคั่งที่ไม่มีขีดจำกัด ห้องสวีทกว้างขวางถูกตกแต่งด้วยงานศิลปะราคาแพง มีผนังกระจกใสที่มองเห็นแสงไฟระยิบระยับของนครลอสแอนเจลิสได้โดยรอบ พื้นที่หลักประกอบด้วยห้องนั่งเล่นกว้างขวาง ห้องทำงานส่วนตัว และ... ห้องนอนใหญ่เอื้องทรายเดินตามคอสโม่เข้าไปในห้องนอน เธอใจเต้นรัวเมื่อเห็นว่าภายในห้องนั้นมี เตียงขนาดคิงไซส์เพียงเตียงเดียวถูกจัดวางอยู่กลางห้องอย่างสง่างาม ในขณะที่มุมห้องมีโซฟาผ้าไหมขนาดใหญ่ไว้สำหรับนั่งพักผ่อนคอสโม่โยนกระเป๋าเอกสารของเขาลงบนโซฟาหนัง และหันมามองเอื้องทรายด้วยสายตาที่เย็นชาและตั้งใจ เขายืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ โดยมีแสงไฟจากตึกสูงสะท้อนอยู่บนดวงตาของเขา
เอื้องทรายลืมตาตื่นเมื่อรู้สึกถึงแรงสะกิดจากคอสโม่ตามที่เขาสั่ง เธอพักผ่อนได้อย่างเต็มที่สมองปลอดโปร่งขึ้นมาก แต่ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลก็ยังคงอยู่ เธอถูกปลุกหนึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องลงตามกำหนด แล้วรีบอาบน้ำในห้องพักส่วนตัวอย่างรวดเร็ว จัดชุดเดรสสีเข้มให้เรียบร้อย และแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีตเพื่อปกปิดร่องรอยความบอบช้ำบนริมฝีปากเมื่อกลับมายังห้องโดยสารหลัก คอสโม่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมชุดสูทสีเทาเข้มเนื้อดี ดูภูมิฐานและน่าเกรงขามกว่าชุดลำลองก่อนหน้า ทรงผมถูกเซตเสยเปิดกรอบหน้าคมสันผิดจากทุกวันที่เขาอยู่กับเธอ“เสร็จแล้วก็มานี่” เขาออกคำสั่ง “ตารางงานใหม่ถูกส่งเข้าแท็บเล็ตเธอแล้ว ทุกอย่างต้องเป๊ะ ห้ามมีข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว”เอื้องทรายรับคำสั่งอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่เครื่องบินจะลงจอดที่ลอสแอนเจลิสการต้อนรับที่สนามบินเต็มไปด้วยความเคร่งครัด รถลีมูซีนกันกระสุนคันยาวจอดรอรับ พร้อมด้วยรถเอสยูวีอีกสองคันที่บรรทุกบอดี้การ์ดสี่คนในชุดสูทสีดำสนิท ซึ่งเป็นทีมรักษาความปลอดภัยส่วนตัวที่รออยู่ที่แอลเออยู่แล้ว เอื้องทราย นั่งอยู่เบาะหลังข้างคอสโม่ เธอรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่แค่การเดินทางมาเจรจาธุร
เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว กัลลิแวนท์ ทะยานสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่เหนือแผ่นดินอเมริกา แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามาในห้องโดยสารหรูหรา สร้างบรรยากาศที่สงบเงียบผิดจากความตึงเครียดที่ปกคลุมอยู่ระหว่างคนทั้งสองคอสโม่นั่งทำงานอยู่ด้านหน้าสุด เขาดูราวกับถูกผนึกอยู่ในโลกของตัวเอง แผ่รัศมีแห่งอำนาจที่เย็นชาออกมาจนแม้แต่เสียงเครื่องยนต์ก็ไม่อาจกลบได้เอื้องทรายพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่ออยู่กับแท็บเล็ตในมือ ข้อมูลทางธุรกิจจำนวนมหาศาลที่ต้องทำความเข้าใจก่อนลงจอดที่ลอสแอนเจลิสเรียกร้องสมาธิอย่างหนัก แต่ร่างกายของเธอกลับไม่ยอมเชื่อฟังภาพในแท็บเล็ตเริ่มหมุน...อาการ มึนหัว และ คลื่นไส้ เริ่มโจมตีเธออย่างหนัก มันเป็นผลพวงจากการอดนอนมาเกือบ 24 ชั่วโมง ความเครียดจากการเผชิญหน้ากับความตายในอุบัติเหตุ รถชนในอดีต ภาพที่พ่อคอหักตายคาพวงมาลัย การถูกดูถูกเหยียดหยามเมื่อคืน และการปะทะทางอารมณ์ที่รุนแรงเมื่อช่วงสาย ทุกอย่างประดังเข้ามาพร้อมกันริมฝีปากที่ถูกกัดจนช้ำของเธอแห้งผาก เธอพยายามกลืนน้ำลายลงคอเพื่อระงับอาการคลื่นไส้ แต่ก็ทำได้ยากลำบาก เอื้องทรายยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ พลางพิงศีรษะกับเบาะอย่างเงียบ ๆ เพียงเ
ร่างของเอื้องทรายกระแทกเข้ากับโต๊ะทำงานอย่างแรงจนจุก ภาพของคอสโม่ที่มองเธอด้วยสายตาขยะแขยงเป็นเหมือนมีดที่กรีดลึกเข้ามาในใจของเธอ ความรู้สึกที่ปะปนกันของความเร่าร้อนและความรังเกียจที่จู่โจมเมื่อครู่ทำให้เธอหายใจติดขัด“น่าขยะแขยงที่สุด” คำพูดสุดท้ายของเขาดังก้องในโสตประสาทเอื้องทรายยกหลังมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากที่ชาหนึบของตัวเอง เมื่อชักมือกลับลงมาก็เห็น คราบเลือดสีแดงสด ติดอยู่ที่นิ้วเขาทำให้เธอเลือดออก ไม่ใช่แค่บาดแผลที่ขา แต่เป็นบาดแผลที่ริมฝีปาก... และบาดแผลในใจที่ถูกฉีกกระชากคอสโม่เดินหันหลังให้เธออย่างเฉยชา คว้ากุญแจรถและกระเป๋าสตางค์อย่างรวดเร็ว เขากลับสู่มาดนักธุรกิจผู้เหี้ยมโหดอีกครั้ง ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น“ฉันจะไปทำธุระให้เสร็จก่อนกลับไปเก็บของ” คอสโม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาโดยไม่หันมามองเธอแม้แต่น้อย “เตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับไฟล์ทส่วนตัวตอนห้าโมงเย็นด้วยนะเอื้องทราย ฉันต้องการแค่กระเป๋าเสื้อผ้าของเธอใบเดียว และฉันจะไม่รอ”เขาหยุดที่ประตูห้อง หันมามองเธอเพียงเสี้ยววินาที “ถ้าเธอไม่เตรียมตัวให้พร้อม ก็เท่ากับว่าเธอได้ลาออกจากการเป็นผู้จัดการที่นี่ไปแล้ว”
“ลอสแอนเจลิส?” เอื้องทรายทวนคำเสียงดัง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่พอใจ เธอหยิบตั๋วเครื่องบินใบนั้นขึ้นมาดูแล้วโยนกลับลงไปบนโต๊ะ“ดิฉันไปไม่ได้ค่ะ!” เธอประกาศกร้าว “ดิฉันเป็นผู้จัดการโรงแรมที่นี่ มีหน้าที่ต้องดูแลความเรียบร้อยและต้อนรับแขกอีกหลายร้อยคน ดิฉันจะทิ้งงานไปเฉยๆ เพื่อไปเป็นคนรับใช้ส่วนตัวให้คุณที่เมืองอื่นไม่ได้!”คอสโม่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ ท่าทางคุกคามของเขาทำให้บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกขึ้นทันที “เธอกล้าปฏิเสธฉันเหรอ”“ดิฉันไม่ได้ปฏิเสธ แต่ดิฉันกำลังพูดถึงความรับผิดชอบในหน้าที่การงานที่คุณคงไม่เข้าใจ!” เอื้องทรายเถียงกลับอย่างไม่ลดละ ความอดทนของเธอเริ่มขาดผึง“ความรับผิดชอบ...หึหึ” คอสโม่แค่นหัวเราะ “เธอคงลืมไปแล้วว่าตอนนี้ ฉันคือเจ้าของ The Astraea Palace คำสั่งของฉันคือกฎ และหน้าที่เดียวของเธอคือทำตามคำสั่งของฉัน!”เขาเดินอ้อมโต๊ะมายืนประจันหน้าเธอ ร่างสูงใหญ่ข่มให้เธอดูตัวเล็กลงถนัดตา “ถ้าเธอไม่ไป... ก็ไสหัวออกจากตำแหน่งผู้จัดการไปซะ! เก็บข้าวของของเธอแล้วออกไปจากโรงแรมของฉันเดี๋ยวนี้!”เอื้องทรายกัดฟันแน่นจนกรามปวดหนึบ เธอกำหมัดแน่น เล็บจิกเข้าเนื้อเพื่อระบายความโกรธที่
คอสโม่บีบแขนเธอแน่นขึ้น พลางผลักเธอออกเล็กน้อย แต่สายตาของเขายังคงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธออย่างคุกคาม “จำไว้ให้ดี เอื้องทราย อย่าคิดว่าฉันจะละเว้นเธอ” เขาปล่อยเธออย่างแรงจนเธอเซถอยหลังไปเขากลับไปที่เตียง คว้าผ้าขนหนูมาพันรอบเอวอย่างหยาบๆ ก่อนจะนั่งลงบนขอบเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ “ไปหาอาหารเช้ามาให้ฉันเดี๋ยวนี้” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดผู้จัดการสาววยืนนิ่ง จัดชุดที่ยับยู่ยี่ให้เข้าที่เธอพยายามควบคุมการเต้นของหัวใจ และตอบกลับด้วยความเป็นมืออาชีพที่เหลืออยู่ “ดิฉันจะให้พนักงานบริการอาหารเช้ามาส่งให้ที่ห้องค่ะ คุณคอสโม่ ตอนนี้ดิฉันยังไม่ได้อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่สะดวกที่จะออกไปข้างนอก”“ผู้หญิงอะไรวะ น่ารำคาญชะมัดเลยโว้ย” คอสโม่ขึ้นเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิด “เธอก็อาบที่นี่สิ โรงแรมนี้เป็นของฉัน ห้องน้ำนี้เป็นของเธอ” เขาชี้นิ้วไปยังห้องน้ำขนาดใหญ่ “และ... ถอดเสื้อผ้าของเธอตรงนี้เดี๋ยวนี้”เอื้องทรายเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู “คุณบ้าไปแล้วหรือคะ! ดิฉันจะทำอย่างนั้นไม่ได้! อีกอย่าง... ถึงอาบแล้วดิฉันก็ไม่มีเสื้อผ้าสะอาดให้เปลี่ยนอยู่ดี” เธอปฏิเสธอย่างหนักแน่น ความกลัวถูกแทนที