LOGINเอื้องทรายลืมตาตื่นเมื่อรู้สึกถึงแรงสะกิดจากคอสโม่ตามที่เขาสั่ง เธอพักผ่อนได้อย่างเต็มที่สมองปลอดโปร่งขึ้นมาก แต่ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลก็ยังคงอยู่ เธอถูกปลุกหนึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องลงตามกำหนด แล้วรีบอาบน้ำในห้องพักส่วนตัวอย่างรวดเร็ว จัดชุดเดรสสีเข้มให้เรียบร้อย และแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีตเพื่อปกปิดร่องรอยความบอบช้ำบนริมฝีปาก
เมื่อกลับมายังห้องโดยสารหลัก คอสโม่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมชุดสูทสีเทาเข้มเนื้อดี ดูภูมิฐานและน่าเกรงขามกว่าชุดลำลองก่อนหน้า ทรงผมถูกเซตเสยเปิดกรอบหน้าคมสันผิดจากทุกวันที่เขาอยู่กับเธอ
“เสร็จแล้วก็มานี่” เขาออกคำสั่ง “ตารางงานใหม่ถูกส่งเข้าแท็บเล็ตเธอแล้ว ทุกอย่างต้องเป๊ะ ห้ามมีข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว”
เอื้องทรายรับคำสั่งอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่เครื่องบินจะลงจอดที่ลอสแอนเจลิส
การต้อนรับที่สนามบินเต็มไปด้วยความเคร่งครัด รถลีมูซีนกันกระสุนคันยาวจอดรอรับ พร้อมด้วยรถเอสยูวีอีกสองคันที่บรรทุกบอดี้การ์ดสี่คนในชุดสูทสีดำสนิท ซึ่งเป็นทีมรักษาความปลอดภัยส่วนตัวที่รออยู่ที่แอลเออยู่แล้ว เอื้องทราย นั่งอยู่เบาะหลังข้างคอสโม่ เธอรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่แค่การเดินทางมาเจรจาธุรกิจธรรมดา
สถานที่นัดหมายคือห้องสวีทส่วนตัวที่ถูกจองไว้บนชั้นสูงสุดของโรงแรมหรูที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งในย่านเบเวอร์ลีฮิลส์
เมื่อชายหนุ่มและหญิงสาวเดินเข้าไปในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ถูกจัดเตรียมไว้ บอดี้การ์ดทั้งสี่คนก็กระจายตัวประจำจุดทันที ราวกับรู้ตำแหน่งของตนเองโดยไม่ต้องมีคำสั่งใด ๆ
ภายในห้องมีผู้ชายสองคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว คนหนึ่งคือทนายความที่ดูสุขุม แต่อีกคนหนึ่ง... คือชายรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา
เขาคือ อเลฮานโดร เซย์เยส เจ้าพ่อคาสิโนและผู้มีอิทธิพลระดับมาเฟียเชื้อสายละติน บุคลิกของเขาดูน่าเกรงขามด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรอย่างผิดธรรมชาติ แต่ดวงตาของเขากลับดูเทาหม่นลุ่มลึกและเต็มไปด้วยอันตราย
คอสโม่เลือกที่จะยืนมากกว่านั่ง โดยมีเอื้องทรายยืนอยู่ด้านหลังไหล่ซ้ายของเขาเล็กน้อย เธออยู่ในท่าทีที่สง่างามและเป็นมืออาชีพที่สุด พร้อมที่จะหยิบแฟ้มงานหรือจดบันทึกได้ทันที
การเจรจาเริ่มต้นขึ้นอย่างตึงเครียด มันไม่ใช่แค่การแลกเปลี่ยนตัวเลข แต่เป็นการแลกเปลี่ยนอำนาจและผลประโยชน์มหาศาล
“คุณเอร์นานเดซ ดูเหมือนว่าคุณจะมาพร้อมกับของมีค่าชิ้นใหม่นะครับ” อเลฮานโดร เซย์เยส พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มร้ายกาจในระหว่างที่ทนายความกำลังอ่านสัญญา เขาไม่ได้มองไปที่คู่เจรจา แต่ดวงตาคมกริบคู่นั้น จ้องมองตรงมาที่เอื้องทราย
ผู้ติดตามสาวรู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายถอดเสื้อผ้าออกด้วยสายตาของเขา เซย์เยส จ้องเธอด้วยความชื่นชมอย่างเปิดเผย ซึ่งแตกต่างจากสายตาของคอสโม่ที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ
“ผมไม่เคยเห็นผู้ช่วยคนไหนของคุณที่น่าดึงดูดใจขนาดนี้มาก่อนเลย” อเลฮานโดรพูดต่อ เขาใช้ภาษาอังกฤษแต่เน้นสำเนียงละตินที่หนักแน่น “คุณผู้หญิง...คุณควรจะอยู่บนหน้าปกนิตยสาร ไม่ใช่มายืนเป็นเงาให้ชายที่เย็นชาอย่างมิสเตอร์เอร์นานเดซ”
เอื้องทรายยืนนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เธอรู้ว่านี่คือการลองเชิงและหยั่งเชิงอำนาจระหว่างสองมาเฟีย ซึ่งบัดนี้เธอได้กลายเป็นเครื่องมือในการยั่วยุ
คอสโม่ไม่ได้หันมามองเธอแม้แต่น้อย แต่เสียงของเขาเย็นเยียบจนแทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง
“เธอไม่ใช่ 'ของมีค่า' หรอกครับคุณเซย์เยส” คอสโม่พูดเน้นย้ำทุกคำ “เธอคือ คนรับใช้ที่ผมจ้างมาเพื่อทำงานที่น่าเบื่อหน่าย และเธอมีราคาแพงเกินกว่าที่คนอย่างคุณจะสนใจ”
อีกฝ่ายหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย ๆ
“ผมชอบความท้าทายนะครับคอสโม่... โดยเฉพาะสิ่งที่ถูกแปะป้ายว่า ‘น่าเบื่อหน่าย’ แต่ภายใต้ป้ายนั้นซ่อนเพชรเม็ดงามเอาไว้”
เขาไม่ละสายตาไปจากเอื้องทรายแม้แต่วินาทีเดียว มันชัดเจนแล้วว่า อเลฮานโดร เซย์เยสได หมายตาผู้หญิงข้างกายของคอสโม่ตั้งแต่แรกเห็น และเกมการแก้แค้นระหว่างคอสโม่กับเอื้องทราย กำลังจะถูกแทรกแซงด้วยเกมอำนาจที่อันตรายและเร่าร้อนกว่ามาก
เอื้องทรายรู้สึกว่าแขนของคอสโม่ที่อยู่ใกล้เธอ ตึงเครียดขึ้นอย่างรุนแรง ถึงแม้เขาจะยังคงใบหน้านิ่งเฉย แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงพลังงานแห่งความเดือดดาลที่ปะทุออกมาจากตัวเขา
คอสโม่ไม่พอใจ...ไม่พอใจที่ ‘สิ่งของ’ ของเขาถูกคนอื่นหมายปอง
“เงื่อนไขชัดเจนนะครับ คุณเซย์เยส เซ็นหรือยกเลิก” คอสโม่พูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดก่อนจะปิดแฟ้มลงอย่างไม่รีรอ ความเด็ดขาดของเขาทำให้การเจรจาจบลงอย่างรวดเร็ว อเลฮานโดร เซย์เยส หัวเราะในลำคออีกครั้ง ก่อนจะเซ็นสัญญาด้วยลายเซ็นที่หวัดแต่ดูทรงพลัง เขาหันมาสบตาเอื้องทรายเป็นครั้งสุดท้ายด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยคำสัญญาบางอย่าง ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปพร้อมทนายความ
เมื่อประตูห้องปิดลง มาเฟียหนุ่มก็คว้ากระเป๋าเอกสารของตัวเองทันที เขาไม่พูดอะไรกับเอื้องทราย แต่หันไปออกคำสั่งกับหัวหน้าบอดี้การ์ดด้วยเสียงต่ำ
“ไปร้านอาหารที่จัดเตรียมไว้”
รถยนต์เคลื่อนตัวไปเพียงไม่กี่ช่วงตึกก็จอดที่ร้านอาหารหรูหราที่ดูสงบและมีความเป็นส่วนตัวสูง มันเป็นร้านที่แม้แต่ชาวแอลเอเองก็รู้ว่าจองยาก และแน่นอนว่าคืนนี้มีลูกค้าเพียงไม่กี่โต๊ะเท่านั้น
เมื่อพวกเขาเข้าไปภายในร้าน คอสโม่จึงสั่งให้เอื้องทรายยืนรอข้าง ๆ ก่อนจะหันไปสั่งบอดี้การ์ดสี่คนที่เดินตามมาติด ๆ
“พวกนายลงไปรอข้างล่าง” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว หากเธอหนีไปจากสายตาฉันได้แม้แต่วินาทีเดียว... ฉันจะจัดการกับพวกนายเอง”
เอื้องทรายรู้สึกถึงความสับสนปนเปอยู่กับความหวาดระแวง การที่เขาเลือกที่จะนั่งกินข้าวในที่เปิดเผย แต่กลับสั่งให้บอดี้การ์ดไปรอข้างล่าง นั่นหมายความว่า เขาไว้ใจอำนาจของตัวเองมากกว่าปืนของลูกน้อง ที่จะสามารถควบคุมเธอได้ในระยะประชิด
พวกเขานั่งลงที่โต๊ะมุมส่วนตัว คอสโม่ยังคงไม่สบตาเธอ เขาพูดกับบริกรด้วยภาษาที่เย็นชา สั่งไวน์ราคาแพง และอาหารสองจานโดยไม่ถามความเห็นของเธอแม้แต่น้อย
ในระหว่างมื้ออาหาร เธอจึงได้แต่จ้องมองเขาอย่างเงียบงัน กรามของเขายังคงเกร็งแน่น แม้ว่าการเจรจาจะสำเร็จไปแล้วก็ตาม อารมณ์ของเขาไม่ได้มาจากความเครียดเรื่องงาน แต่มาจากความหงุดหงิดที่ถูกยั่วยุโดยอเลฮานโดร เซย์เยส
ทำไมเขาถึงดูโกรธขนาดนี้ เอื้องทรายคิดในใจ เขายังเรียกเธอว่า 'คนรับใช้' และลดค่าเธอลงต่อหน้าทุกคน แต่เมื่อคนอื่นอยากได้ 'สิ่งของ' ที่เขาทิ้งแล้ว เขากลับโมโหจนตัวสั่น
ความรู้สึกเป็นเจ้าของที่รุนแรงและบิดเบี้ยวของคอสโม่ทำให้เธอรู้สึกเย็นยะเยือกมากกว่าคำขู่ของเขาเสียอีก
เธอตระหนักว่าเธอถูกขังอยู่ในกรงที่มองไม่เห็น ระหว่างความรังเกียจที่ต้องการทรมานเธอของคอสโม่ กับความปรารถนาที่อันตรายของอเลฮานโดร เรเยส ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็มองเธอเป็นแค่เครื่องมือที่ใช้ในการเล่นเกมอำนาจของพวกเขา
ทางเลือกเดียวของเธอก็คือ... การเล่นบทบาทนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้ได้อิสรภาพของตัวเองกลับคืนมา
หลังมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและไร้คำพูด คอสโม่พาเอื้องทรายกลับสู่รถลีมูซีนกันกระสุน บรรยากาศภายในรถหนักอึ้งกว่าเดิมหลายเท่า ความโกรธเกรี้ยวที่คุกรุ่นอยู่ในใจของคอสโม่ยังไม่จางหายไปจากการถูกยั่วยุของเซย์เยสรถมาถึงโรงแรมที่พัก ซึ่งเป็นเพนต์เฮาส์สวีทที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในลอสแอนเจลิส การเช็กอินเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นความลับที่สุดตามคำสั่งของคอสโม่เมื่อประตูห้องพักเปิดออก เอื้องทรายก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความมั่งคั่งที่ไม่มีขีดจำกัด ห้องสวีทกว้างขวางถูกตกแต่งด้วยงานศิลปะราคาแพง มีผนังกระจกใสที่มองเห็นแสงไฟระยิบระยับของนครลอสแอนเจลิสได้โดยรอบ พื้นที่หลักประกอบด้วยห้องนั่งเล่นกว้างขวาง ห้องทำงานส่วนตัว และ... ห้องนอนใหญ่เอื้องทรายเดินตามคอสโม่เข้าไปในห้องนอน เธอใจเต้นรัวเมื่อเห็นว่าภายในห้องนั้นมี เตียงขนาดคิงไซส์เพียงเตียงเดียวถูกจัดวางอยู่กลางห้องอย่างสง่างาม ในขณะที่มุมห้องมีโซฟาผ้าไหมขนาดใหญ่ไว้สำหรับนั่งพักผ่อนคอสโม่โยนกระเป๋าเอกสารของเขาลงบนโซฟาหนัง และหันมามองเอื้องทรายด้วยสายตาที่เย็นชาและตั้งใจ เขายืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ โดยมีแสงไฟจากตึกสูงสะท้อนอยู่บนดวงตาของเขา
เอื้องทรายลืมตาตื่นเมื่อรู้สึกถึงแรงสะกิดจากคอสโม่ตามที่เขาสั่ง เธอพักผ่อนได้อย่างเต็มที่สมองปลอดโปร่งขึ้นมาก แต่ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลก็ยังคงอยู่ เธอถูกปลุกหนึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องลงตามกำหนด แล้วรีบอาบน้ำในห้องพักส่วนตัวอย่างรวดเร็ว จัดชุดเดรสสีเข้มให้เรียบร้อย และแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีตเพื่อปกปิดร่องรอยความบอบช้ำบนริมฝีปากเมื่อกลับมายังห้องโดยสารหลัก คอสโม่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมชุดสูทสีเทาเข้มเนื้อดี ดูภูมิฐานและน่าเกรงขามกว่าชุดลำลองก่อนหน้า ทรงผมถูกเซตเสยเปิดกรอบหน้าคมสันผิดจากทุกวันที่เขาอยู่กับเธอ“เสร็จแล้วก็มานี่” เขาออกคำสั่ง “ตารางงานใหม่ถูกส่งเข้าแท็บเล็ตเธอแล้ว ทุกอย่างต้องเป๊ะ ห้ามมีข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว”เอื้องทรายรับคำสั่งอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่เครื่องบินจะลงจอดที่ลอสแอนเจลิสการต้อนรับที่สนามบินเต็มไปด้วยความเคร่งครัด รถลีมูซีนกันกระสุนคันยาวจอดรอรับ พร้อมด้วยรถเอสยูวีอีกสองคันที่บรรทุกบอดี้การ์ดสี่คนในชุดสูทสีดำสนิท ซึ่งเป็นทีมรักษาความปลอดภัยส่วนตัวที่รออยู่ที่แอลเออยู่แล้ว เอื้องทราย นั่งอยู่เบาะหลังข้างคอสโม่ เธอรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่แค่การเดินทางมาเจรจาธุร
เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว กัลลิแวนท์ ทะยานสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่เหนือแผ่นดินอเมริกา แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามาในห้องโดยสารหรูหรา สร้างบรรยากาศที่สงบเงียบผิดจากความตึงเครียดที่ปกคลุมอยู่ระหว่างคนทั้งสองคอสโม่นั่งทำงานอยู่ด้านหน้าสุด เขาดูราวกับถูกผนึกอยู่ในโลกของตัวเอง แผ่รัศมีแห่งอำนาจที่เย็นชาออกมาจนแม้แต่เสียงเครื่องยนต์ก็ไม่อาจกลบได้เอื้องทรายพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่ออยู่กับแท็บเล็ตในมือ ข้อมูลทางธุรกิจจำนวนมหาศาลที่ต้องทำความเข้าใจก่อนลงจอดที่ลอสแอนเจลิสเรียกร้องสมาธิอย่างหนัก แต่ร่างกายของเธอกลับไม่ยอมเชื่อฟังภาพในแท็บเล็ตเริ่มหมุน...อาการ มึนหัว และ คลื่นไส้ เริ่มโจมตีเธออย่างหนัก มันเป็นผลพวงจากการอดนอนมาเกือบ 24 ชั่วโมง ความเครียดจากการเผชิญหน้ากับความตายในอุบัติเหตุ รถชนในอดีต ภาพที่พ่อคอหักตายคาพวงมาลัย การถูกดูถูกเหยียดหยามเมื่อคืน และการปะทะทางอารมณ์ที่รุนแรงเมื่อช่วงสาย ทุกอย่างประดังเข้ามาพร้อมกันริมฝีปากที่ถูกกัดจนช้ำของเธอแห้งผาก เธอพยายามกลืนน้ำลายลงคอเพื่อระงับอาการคลื่นไส้ แต่ก็ทำได้ยากลำบาก เอื้องทรายยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ พลางพิงศีรษะกับเบาะอย่างเงียบ ๆ เพียงเ
ร่างของเอื้องทรายกระแทกเข้ากับโต๊ะทำงานอย่างแรงจนจุก ภาพของคอสโม่ที่มองเธอด้วยสายตาขยะแขยงเป็นเหมือนมีดที่กรีดลึกเข้ามาในใจของเธอ ความรู้สึกที่ปะปนกันของความเร่าร้อนและความรังเกียจที่จู่โจมเมื่อครู่ทำให้เธอหายใจติดขัด“น่าขยะแขยงที่สุด” คำพูดสุดท้ายของเขาดังก้องในโสตประสาทเอื้องทรายยกหลังมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากที่ชาหนึบของตัวเอง เมื่อชักมือกลับลงมาก็เห็น คราบเลือดสีแดงสด ติดอยู่ที่นิ้วเขาทำให้เธอเลือดออก ไม่ใช่แค่บาดแผลที่ขา แต่เป็นบาดแผลที่ริมฝีปาก... และบาดแผลในใจที่ถูกฉีกกระชากคอสโม่เดินหันหลังให้เธออย่างเฉยชา คว้ากุญแจรถและกระเป๋าสตางค์อย่างรวดเร็ว เขากลับสู่มาดนักธุรกิจผู้เหี้ยมโหดอีกครั้ง ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น“ฉันจะไปทำธุระให้เสร็จก่อนกลับไปเก็บของ” คอสโม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาโดยไม่หันมามองเธอแม้แต่น้อย “เตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับไฟล์ทส่วนตัวตอนห้าโมงเย็นด้วยนะเอื้องทราย ฉันต้องการแค่กระเป๋าเสื้อผ้าของเธอใบเดียว และฉันจะไม่รอ”เขาหยุดที่ประตูห้อง หันมามองเธอเพียงเสี้ยววินาที “ถ้าเธอไม่เตรียมตัวให้พร้อม ก็เท่ากับว่าเธอได้ลาออกจากการเป็นผู้จัดการที่นี่ไปแล้ว”
“ลอสแอนเจลิส?” เอื้องทรายทวนคำเสียงดัง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่พอใจ เธอหยิบตั๋วเครื่องบินใบนั้นขึ้นมาดูแล้วโยนกลับลงไปบนโต๊ะ“ดิฉันไปไม่ได้ค่ะ!” เธอประกาศกร้าว “ดิฉันเป็นผู้จัดการโรงแรมที่นี่ มีหน้าที่ต้องดูแลความเรียบร้อยและต้อนรับแขกอีกหลายร้อยคน ดิฉันจะทิ้งงานไปเฉยๆ เพื่อไปเป็นคนรับใช้ส่วนตัวให้คุณที่เมืองอื่นไม่ได้!”คอสโม่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ ท่าทางคุกคามของเขาทำให้บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกขึ้นทันที “เธอกล้าปฏิเสธฉันเหรอ”“ดิฉันไม่ได้ปฏิเสธ แต่ดิฉันกำลังพูดถึงความรับผิดชอบในหน้าที่การงานที่คุณคงไม่เข้าใจ!” เอื้องทรายเถียงกลับอย่างไม่ลดละ ความอดทนของเธอเริ่มขาดผึง“ความรับผิดชอบ...หึหึ” คอสโม่แค่นหัวเราะ “เธอคงลืมไปแล้วว่าตอนนี้ ฉันคือเจ้าของ The Astraea Palace คำสั่งของฉันคือกฎ และหน้าที่เดียวของเธอคือทำตามคำสั่งของฉัน!”เขาเดินอ้อมโต๊ะมายืนประจันหน้าเธอ ร่างสูงใหญ่ข่มให้เธอดูตัวเล็กลงถนัดตา “ถ้าเธอไม่ไป... ก็ไสหัวออกจากตำแหน่งผู้จัดการไปซะ! เก็บข้าวของของเธอแล้วออกไปจากโรงแรมของฉันเดี๋ยวนี้!”เอื้องทรายกัดฟันแน่นจนกรามปวดหนึบ เธอกำหมัดแน่น เล็บจิกเข้าเนื้อเพื่อระบายความโกรธที่
คอสโม่บีบแขนเธอแน่นขึ้น พลางผลักเธอออกเล็กน้อย แต่สายตาของเขายังคงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธออย่างคุกคาม “จำไว้ให้ดี เอื้องทราย อย่าคิดว่าฉันจะละเว้นเธอ” เขาปล่อยเธออย่างแรงจนเธอเซถอยหลังไปเขากลับไปที่เตียง คว้าผ้าขนหนูมาพันรอบเอวอย่างหยาบๆ ก่อนจะนั่งลงบนขอบเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ “ไปหาอาหารเช้ามาให้ฉันเดี๋ยวนี้” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดผู้จัดการสาววยืนนิ่ง จัดชุดที่ยับยู่ยี่ให้เข้าที่เธอพยายามควบคุมการเต้นของหัวใจ และตอบกลับด้วยความเป็นมืออาชีพที่เหลืออยู่ “ดิฉันจะให้พนักงานบริการอาหารเช้ามาส่งให้ที่ห้องค่ะ คุณคอสโม่ ตอนนี้ดิฉันยังไม่ได้อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่สะดวกที่จะออกไปข้างนอก”“ผู้หญิงอะไรวะ น่ารำคาญชะมัดเลยโว้ย” คอสโม่ขึ้นเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิด “เธอก็อาบที่นี่สิ โรงแรมนี้เป็นของฉัน ห้องน้ำนี้เป็นของเธอ” เขาชี้นิ้วไปยังห้องน้ำขนาดใหญ่ “และ... ถอดเสื้อผ้าของเธอตรงนี้เดี๋ยวนี้”เอื้องทรายเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู “คุณบ้าไปแล้วหรือคะ! ดิฉันจะทำอย่างนั้นไม่ได้! อีกอย่าง... ถึงอาบแล้วดิฉันก็ไม่มีเสื้อผ้าสะอาดให้เปลี่ยนอยู่ดี” เธอปฏิเสธอย่างหนักแน่น ความกลัวถูกแทนที







