“สุดยอดเลยค่ะพี่ แบบนี้มะเหมี่ยวชักอยากทำงานที่นี่แล้ว เขารับพนักงานเพิ่มไหมคะ”
“ถ้าเป็นแผนกบัญชียังไม่รับจ้ะ แต่แผนกอื่นพี่ก็ไม่แน่ใจเพราะบริษัทเพิ่งได้งานใหญ่มาก็คงต้องการคนเพิ่ม”
“ว้าแย่จังมะเหมี่ยวนึกว่าจะได้ทำงานเสียอีก”
“มะเหมี่ยวลืมไปหรือเปล่าว่าที่บ้านตัวเองก็มีบริษัทนะ จะไม่กลับไปช่วยงานที่บ้านเหรอ” กัญญ์วราเตือนสติเพื่อน
“ก็ที่นี่น่าสนใจกว่านี่ เจ้านายก็หล่อด้วย”
สี่สาวจบบทสนทนากับแค่นั้นเพราะอาหารที่พวกเธอสั่งมาเสิร์ฟแล้ว หลังทานอาหารกลางวันเสร็จพี่ทั้งสองคนก็กลับขึ้นไปด้านบนส่วนกัญญ์วราและธิชากรก็ขอเดินเล่นดูร้านต่างๆ รอบบริษัทซึ่งรุ่นพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ขอให้กลับขึ้นไปก่อนบ่ายโมง
ทั้งสองคนพากันมายังร้านกาแฟที่อยู่ไกลออกมาอีกสองช่วงตึกระหว่างนั้นธิชากรก็ไลน์ถามรุ่นพี่ทั้งสองว่าจะกินอะไรเพราะพวกเธอจะซื้อขึ้นไปฝาก พอได้คำตอบแล้วก็มานั่งรอที่มุมหนึ่งของร้าน
“มะเหมี่ยว”
“ว่าไง” ธิชากรที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ขานรับเพื่อนแต่ยังไม่ยอมละมือออกจากหน้าจอ
“เรามีความลับจะบอก”
“อือ บอกมาเลย”
“มะเหมี่ยว เราจริงจังนะ” เมื่อเห็นเพื่อนยังไม่ยอมวางโทรศัพท์กัญญ์วราก็พูดย้ำอีกครั้ง
“ความลับอะไรทำไมทำหน้าเครียดจัง”
“สัญญาก่อนว่าจะไม่บอกใคร”
“สัญญา” ธิชากรทำหน้าจริงจัง
“เราจะบอกว่าตอนนี้เราพักอยู่กับบอส”
“อะไรนะใบตอง” ธิชากรอุทานเสียงดังลั่น
“เบาๆ หน่อยสิมะเหมี่ยว”
“พูดใหม่อีกทีสิ ช้าๆ ชัดๆ นะใบตอง”
“ตอนนี้เราพักอยู่กับบอสที่คอนโด”
“เกิดอะไรขึ้น ไหนบอกเราว่าไปพักกับญาติพ่อหรือบอสเป็นญาติของพ่อ” ธิชากรถามต่อ
“ไม่ใช่หรอก ที่เราบอกไปวันก่อนเป็นเรื่องโกหก มะเหมี่ยวอย่าโกรธเรานะ”
“ถ้าไม่อยากให้โกรธก็เล่ามาก่อนว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง แล้วไปพักอยู่กับบอสได้ยังไง”
“มะเหมี่ยวจำเรื่องที่เราช่วยเย็บกระดุมให้เจ้านายของน้าสุชาติได้ใช่ไหม”
“ได้สิ ใบตองบอกว่าเขาหล่อมาก”
“อือ เขาก็คือบอสของเรา”
“โลกกลมจัง อย่าบอกนะเพราะเรื่องนั้นเขาเลยชวนใบตองไปอยู่ด้วย”
“มันมีมากกว่านั่นน่ะสิ”
กัญญ์วราเล่าความจริงทุกอย่างให้กับธิชากรฟังเริ่มตั้งแต่น้านภาวรรณขายเธอให้เสี่ยสมานจนกระทั่งเขามาเจอและชวนให้ไปทำงานกับเขา
“เขารู้มากก่อนไหมว่าเราจะไปฝึกงานที่บริษัทของเขา”
“เขารู้เมื่อวาน”
“แล้วเขาว่าอะไรไหม”
“ไม่นะ เขายังชวนให้เรามานั่งรถมาด้วย แต่เราไม่กล้าหรอกกลัวคนอื่นรู้”
“ไม่เห็นต้องกลัวเลย เราว่าดีออกเป็นเด็กของบอสใครก็ต้องเกรงใจ”
“แต่เราว่าจะอึดอัดมากกว่า แล้วเราก็กลัวว่าคนอื่นจะมองบอสไม่ดีด้วย”
“มองไม่ดียังไง”
“บางคนอาจจะคิดว่าบอสแอบเลี้ยงนักศึกษาไว้น่ะสิ เหมือนที่พวกเสี่ยชอบทำกัน”
“อ้อ แล้วบอสเขามีท่าทีชอบใบตองบ้างไหม”
“ไม่เลย เขามองเราเป็นน้องสาว”
“แล้วใบตองอยากเป็นแค่น้องสาวเหรอ”
“ตอนนี้อยากเป็นน้องสาวก่อน แต่อนาคตไม่แน่นะ”
“ชอบก็จีบเลยรออะไร ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนั้นชายในฝันของสาวๆ เลยนะ”
“ใครจะกล้าล่ะ เกิดเราไปจีบเขาแล้วเขาไม่จ้างขึ้นมาก็อดตายกันพอดี”
“แต่อยู่ใกล้กันทุกวันมันก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างล่ะน่า”
“ไม่รู้เหมือนกันสิ ตอนนี้เราขอแค่มีงาน มีเงินก่อนเรื่องอื่นยังไม่อยากคิดเลย” กัญญ์วราบอกกับเพื่อนไปตามตรงเพราะเธออยากทำงานเก็บเงินให้ได้มากที่สุด
เมื่อได้กาแฟครบแล้วทั้งสองคนก็เดินกลับมายังบริษัทอีกครั้ง ระหว่างเข้าลิฟต์ก็บังเอิญเจอกับภูเมฆาที่เดินกลับมาจากการรับประทานอาหารกลางวันพอดี
“ว่าไงใบตอง ไปพักกลางวันมาเหรอ” เขาทักทายเธอก่อนเพราะขณะนี้ในลิฟต์ไม่มีใครอื่น
“ค่ะ”
“ฝึกงานวันแรก มีปัญหาอะไรไหม”
“ไม่มีค่ะ พี่ภูคะ นี่เพื่อนสนิทของใบตองชื่อมะเหมี่ยวค่ะ” กัญญ์วรารีบแนะนำให้เพื่อนรู้จัก
“สวัสดีค่ะบอส” ธิชากรกล่าวทักทายพร้อมผงกศีรษะเพราะในมือของหญิงสาวถือแก้วกาแฟทั้งสองข้าง
“สวัสดีครับ” ภูเมฆาทักทายกลับก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก
ธิชากรมองตามหลังเจ้านายไปจนสุดสายตาก่อนที่จะเดินตามกัญญ์วรากลับมายังแผนกของตนเอง จากนั้นส่งกาแฟให้กับพี่ทั้งสองและชาเขียวให้กับหัวหน้า
“อิจฉาใบตองจังได้อยู่กับคนหล่อ” ธิชากรกระซิบกับเพื่อน
“อยากไปอยู่ด้วยไหมล่ะ เราจะลองถามให้ว่าพาเพื่อนไปที่คอนโดได้ไหม”
“อย่าเลยใบตองเรากลัวว่าอยู่ใกล้บอสมากๆ แล้วจะหลงรักบอส”
“สองคนนั่นกระซิบอะไรกันจ้ะ แอบนินทาพี่หรือเปล่า” เสียงของพี่ขวัญทำให้ทั้งสองคนรีบกลับมาตั้งใจทำงาน
“เปล่าค่ะพี่ขวัญ มะเหมี่ยวแต่กระซิบกับใบตองว่าบอสของพวกเราหล่อมาก ยิ่งอยู่ใกล้ๆ ยิ่งหล่อสุดๆ ไปเลยค่ะ”
“แล้วไปอยู่ใกล้บอสตอนไหนล่ะ”
“เมื่อกี้ตอนกลับจากร้านกาแฟ มะเหมี่ยวเจอบอสในลิฟต์ค่ะ”
“ว้าว มาทำงานวันแรกก็ได้เจอบอสแล้วเหรอ”
“ปกติบอสเจอตัวยากเหรอคะพี่ฟ้า” กัญญ์วราถามกลับ
“ก็ไม่เชิงหรอก ปกติบอสจะไม่ค่อยออกจากห้องทำงานในเวลากลางวันล่ะ ก็เลยไม่ค่อยมีใครเจอเท่าไหร่”
“แล้วบอสเข้าบริษัททุกวันไหมคะ”
“ไม่ทุกวันหรอกมะเหมี่ยว บอสมักแวะไปดูตามโครงการก่อสร้างน่ะ”
“นั้นมันหน้าที่วิศวกรไม่ใช่เหรอคะพี่” ธิชากรพอรู้มาบ้างว่าตำแหน่งผู้บริหารนั้นไม่ค่อยออกไปหน้างานเท่าไหร่
“บอสของเราก็เป็นวิศวกรไง ก็เลยไปตรวจงานบ่อยแล้วงานก็มีหลายที่ด้วย อีกอย่างหัวหน้าวิศวกรก็เป็นเพื่อนๆ ของบอสทั้งนั้น” ขวัญขยายความให้กับรุ่นน้องฟัง
“อ้อ” กัญญ์วราพยักหน้าเข้าใจ เพราะเรื่องนี้เธอไม่เคยรู้มาก่อนก็ติดว่าเขาแค่นั่งทำงานในออฟฟิศเพียงอย่างเดียว
“แบบนี้คงเหนื่อยแย่เลยนะคะ”
“ใช่สิ เพราะบอสทุ่มเทกับงานมากบริษัทเลยเติบโตแบบก้าวกระโดดแค่ บริษัทเราเพิ่งเปิดมาได้แค่ 6 ปี แต่กำไรรวมๆ แล้วไม่รู้กี่ร้อยล้าน
“ทั้งเก่งทั้งขยัน แถมยังหล่อด้วยสุดยอดไปเลยนะคะ แบบนี้ใครได้ไปเป็นแฟนคงโชคดีมาก” ธิการกรพูดพลางหันมามองหน้าเพื่อนรัก
“พี่ก็ว่าอย่างั้นแหละ มะเหมี่ยวสนใจจะส่งใบสมัครไหมล่ะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะพี่ขวัญ มะเหมี่ยวว่าคู่แข่งต้องเยอะมากๆ แน่เลยค่ะ”
“ก็เยอะมากเหมือนกันนะ แต่ละคนก็สวยๆ ทั้งนั้นเลย ทั้งประชาสัมพันธ์ข้างล่างตึก หัวหน้าการตลาดของบริษัทเราอีกคน”
“คนหล่อก็ต้องคู่กับคนสวยใช่ไหมคะ”
“มันก็ไม่แน่นะ ของแบบนี้ทันอยู่ที่ความเข้าใจมากกว่า แต่พี่ว่าถ้าใบตองจะลงแข่งก็พอจะมีสิทธิ์ลุ้นนะ เพราะอายุยังน้อยแล้วก็สวยกว่าสองคนที่พี่พูดถึงด้วย”
“นั้นสิคะพี่ฟ้า มะเหมี่ยวก็ว่าเพื่อนมะเหมี่ยวสวย”
“สี่คนนั้นจะคุยหรือจะทำงานกันล่ะ” พรกมลที่เห็นสี่สาวจับกลุ่มคุยกันก็ส่งเสียงมาเตือนทำให้ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต่างรีบก้มหน้าทำงานของตนเองอย่างรวดเร็ว
ภูเมฆากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อหลานสาวเจ้าสัวมาเรียกให้เขาไปทานอาหารเย็น “ใบตอง” ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังฝัน ผู้หญิงคนที่เขาตามหามาตลอดยืนอยู่ตรงหน้าและเธอกำลังยิ้มให้เขา ภูเมฆาสลัดศีรษะไปมาและตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติของตนกลับมา “ตบตัวเองแบบนั้นไม่เจ็บเหรอคะ” “ใบตอง นี่ใบตองจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่ได้ฝันใช่ไหม” ภูเมฆารีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดด้วยความรักและความคิดถึง “เบาๆ สิคะกอดแบบนี้หนูก็หายใจไม่ออกกันพอดี” “พี่ดีใจที่เจอหนู หนูไปอยู่ไหนมา สบายดีไหม แพ้ท้องหรือเปล่า หนูลำบากไหม แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” “ใจเย็นๆ สิคะ ถามรัวแบบนั้นหนูคิดคำตอบไม่ทัน” “ใบตองหนูจะไม่ทิ้งพี่ไปอีกแล้วใช่ไหม พี่รักหนูนะ รักลูกของเราด้วย พี่ขอโทษที่ทำให้หนูรู้สึกแย่ ขอโทษที่บอกหนูช้าไปหนูให้อภัยพี่ได้ไหมคะ” “หนูก็ต้องขอโทษพี่ภูด้วยที่ใจร้อนและหนีมา” “ไม่เลยหนูไม่ผิดอะไรเรื่องนี้พี่ผิดคนเดียว พี่สัญญาจะไม่ทำให้หนูต้องน้อยใจอีก เรากลับมาอยู่กันเหมือนเดิมนะคะ”“ไปอยู่ที่คอนโดเหรอคะหรือที่บ้านหลังใหม่ล่ะคะ
ผ่านอีกเดือนที่ภูเมฆาต้องอยู่คนเดียวในคอนโด เขารอเธอกลับมาแม้ว่าความหวังจะค่อนข้างจะริบหรี่ลงไปทีละนิด “กูว่ามึงเลิกรอเหอะภู” “นั่นสิ นี่มันสองเดือนแล้วนะ ภูกูว่ามึงทำใจเถอะ” เมคินก็เห็นด้วยกับคำพูดของธนสิทธิ์ “ลูกกับเมียกูนะเว้ย นานแค่ไหนกูก็จะรอ” “แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ มึงจะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้ตลอดเหรอ” เมคินเห็นใจเพื่อนที่ดูไม่มีความสุขเลย “พวกมึงว่ากูประกาศตามหาดีไหมหรือไม่แจ้งความคนหาย” “มึงอย่าเชียวนะไอ้ภู แบบนั้นเขาจะยิ่งโกรธไปอีก” ธนสิทธิ์รีบห้ามเพื่อน “กูหมดหนทางแล้วจริงๆ” ภูเมฆาถอนหายใจยาว “เอาน่า กูว่าถ้าเขารักมึงยังไงวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมา” เมคินได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนไปแบบนั้นทั้งที่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเธอคนนั้นของภูเมฆาจะกลับมาหรือเปล่า ภูเมฆาดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลาร้านปิดก็กลับมานั่งดื่มต่อที่คอนโดต่อเพราะอยากให้ตัวเองเมาและจะได้ลืมเรื่องที่กำลังทุกข์ใจอยู่แม้จะรู้ว่าตื่นมาเรื่องทุกอย่างก็ยังคงเหมือนก็ตาม เพราะเมื่อกว่าจะนอนก็เกือบจะเช้า วันนี้ภูเมฆาเ
การมีชีวิตอยู่โดยไม่เหลือใครมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ ไม่ว่าจะมองไปทางในเขาก็เห็นแต่เงาของกัญญ์วราอยู่เต็มห้องไปหมด และพอหลับตาภาพความทรงจำก็แจ่มชัดขึ้น “เฮ้อ หนูหายไปไหนพี่จะต้องแจ้งความไหมว่าเมียหาย” เขาบ่นไปเรื่อยเปื่อย เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาแต่ก็ยังมีวี่แววของเธอเลย เขาโทรไปที่โมเดลลิ่งแต่ทางนั้นบอกว่าหญิงสาวไม่ได้รับงานที่นี่แล้วและเพื่อสนิทของเธอทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครติดต่อกับกัญญ์วราได้เลย ชายหนุ่ม พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายและมันก็ครบหนึ่งเดือนพอดี เขาหวังว่าเธอจะมาตรวจตามที่ได้สอบถามจากพยาบาลว่าหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกจะต้องมาตรวจทุกเดือน ภูเมฆามาดักรอที่หน้าห้องตรวจตั้งแต่เช้าและหวังว่าจะเจอกับกัญญ์วราแต่รอจนกระทั่งหมดเวลาตรวจของแผนกผู้ป่วยนอกแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย ที่นี่คือความหวังสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเจอเธอแต่ตอนนี้ความหวังของเขามันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว เขาเดินคอตกออกมาจากโรงพยาบาลก่อนจะขับรถกลับไปยังคอนโดซึ่งครั้งหนึ่งมันเต็มไปด้ว
ภูเมฆากลับเข้ามาที่คอนโดในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาเดินหากัญญ์วราไปทั่วห้องแต่ก็เหมือนว่าเธอจะไม่อยู่ และน่าแปลกใจที่เธอไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้รอ เขานึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่สบายก็รู้สึกเป็นห่วงจึงรีบโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ถ้างานไม่เร่งเขาคงมีเวลาพาเธอไปหาหมอและให้เวลากับเธอได้มากกว่านี้ แต่ภูเมฆาเชื่อว่าเชื่อว่ากัญญ์วราจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำลงไป ชายหนุ่มทั้งโทรหาและทิ้งข้อความให้โทรกลับแต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบสนิท เขาเริ่มกังวลมากขึ้นครั้นจะโทรถามเพื่อนของเธอก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้จริงๆ ก็คงจะต้องโทรไปถามฝ่ายบุคคลซึ่งน่าจะมีข้อมูลติดต่อเพื่อนของเธอบ้าง แต่ถ้าโทรไปเวลานี้คงไม่ได้เรื่องเนื่องจากเป็นวันหยุด เขาเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นขณะที่มือก็กดโทรออกอย่างไม่พัก แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเขาเดินเข้ามายังห้องนอนจากนั้นก็โทรหาเธออีกครั้งแล้วสายตาของเขาก็สะดุดดับกระดาษแผ่นเล็กและแหวนเพชรที่เขาซื้อให้เธอซึ่งวางทับกันอยู่ ภูเมฆารีบหยิบขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลยเมื่ออ่านข้อค
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว กัญญ์วราเรียนจบและเริ่มทำงานได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด พอเริ่มทำงานชีวิตก็เปลี่ยนไป เพราะในแต่ละวันเธอต้องทำงานอย่างหนักและพอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาให้กับภูเมฆา ทางด้านชายหนุ่มก็ไม่ต่างกันช่วงนี้เขามีงานด่วนเข้ามาทำให้ในแต่ละวันจะกลับค่อนข้างดึก พอมาถึงคอนโดก็รีบอาบน้ำเข้านอน พอเข้าเดือนที่สองงานของกัญญ์วราก็เริ่มลงตัวมากขึ้นแต่ดูเหมือนว่างานของภูเมฆานั้นจะยังคงยุ่งอยู่จนเธออดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่มีเวลาให้ “พี่ภูคะ วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันดีไหมคะ” “พี่ไม่ว่างเลยน่ะสิ” “แล้วอาทิตย์หน้าล่ะคะ ว่างไหม” “ต้องรอดูอีกทีนะ พี่ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้หนูเลย” “หนูเข้าใจค่ะ” กัญญ์วราได้แต่ฝืนยิ้มให้กับสิ่งที่เขากำลังโกหก วันนี้หญิงสาวบังเอิญเจอกับเลขาของแฟนหนุ่มจึงถามว่างานยุ่งไหม แต่คำตอบที่ได้คือไม่มีงานยุ่งหรืองานเร่งอะไรและยังบอกเธอว่ารู้สึกอิจฉาที่ภูเมฆารีบกลับก่อนเวลาทุกวัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอรู้จากภูเมฆา
ความกังวลของกัญญ์วราหมดไปพร้อมกับการฝึกงานที่จบลง เธอบอกความจริงกับหัวหน้าแผนกในวันสุดท้ายที่ทำงานด้วยกัน และพรกมลก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจแต่กลับชื่นชมที่หญิงสาวไม่อ้างตัวว่าตนเองเป็นใครอีกทั้งยังตั้งใจฝึกงานอย่างเต็มที่ “พี่ภูคะ พรุ่งนี้ใบตองจะเข้าไปมหาวิทยาลัยนะคะ” “พี่นึกว่าฝึกงานเสร็จแล้วจะจบเลย นี่ยังต้องไปเรียนอีกเหรอ” “ยังต้องเรียนเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ไม่ได้เรียนทั้งวันค่ะ” “ส่งตารางเรียนให้พี่ด้วยนะ” กัญญ์วราส่งตารางเรียนให้กับภูเมฆาเพราะจะได้ไม่ต้องตอบเขาว่าในแต่ละวันเธอต้องไปเรียนและเลิกเรียนเวลาไหน “พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ทางไปมหาวิทยาลัยกับทางไปบริษัทคนละทางกันเลยนะคะ หนูไม่อยากให้พี่เสียเวลา” “พี่ไปดูไซต์งานของเจ้าสัว มันผ่านทางนั้นพอดี” “อ้อ” กัญญวราเคยไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งเธอจึงไม่ปฏิเสธที่เขาจะไปส่ง “แต่ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปรับนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะหนูคิดว่าเลิกเรียนแล้วจะไปเดินเที่ยวห้างแล้วก็หาอะไรกินกับเพื่อนค่ะ”