공유

ตอนที่ 1 คุณหนูรองสกุลซู

last update 최신 업데이트: 2025-01-22 13:45:37

วันเวลาผ่านล่วงเลยไปจนเข้าปลายเหมันตฤดู นับจากวันที่ซูเยว่ซินฟื้นจากอาการป่วย วันนี้ก็นับได้เกือบหกเดือนแล้ว และถึงแม้ซูฮูหยินหรือสวีซูหลิง จะส่งสารมาตามตัวบุตรสาวให้กลับจวน ทว่าซูเยว่ซินกลับไม่ยินยอมที่จะกลับไป อีกทั้งฝีมือการฝึกวรยุทธ์ของนาง ก็ดูจะก้าวหน้าขึ้นไปทุกวัน มีหรือที่นางจะกลับไปให้มารดาเคี่ยวกรำงานของสตรีเรือนหลังให้แก่นาง

นางรู้ดีว่าถึงเยี่ยงไรแล้ว สงครามชายแดนเมืองโหย่วถิงในครานี้ บิดาและพี่ชายจะเป็นผู้ชนะศึก ก่อนพิธีปักปิ่นของนางในอีกสองปีข้างหน้าอย่างแน่นอน นางเองก็อยากที่จะมีส่วนร่วม เป็นส่วนหนึ่งในสนามรบ ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมกับบิดาและพี่ชาย ถามว่านางกลัวหรือไม่ นางตอบได้เลยว่าไม่กลัว เพราะจะมีสิ่งใดที่น่ากลัวไปยิ่งกว่า การถูกคนที่รักทรยศและหักหลังอีก

"คุณหนูรอง ท่านจะไม่กลับจวนตระกูลซูในยามนี้จริงๆ หรือเจ้าคะ" สาวรับใช้คนสนิทของซูเยว่ซินถามนางออกมาในขณะที่ส่งลูกธนูให้

“ไม่…ข้าจะกลับไปพร้อมกับท่านพ่อและพี่ใหญ่”

นางตอบก่อนที่จะรับลูกธนูมาจากมือของสาวรับใช้ จากนั้นจึงใส่เข้าไปในคันธนู แล้วง้างสายจนสุดแขน ลูกธนูถูกปล่อยไปอย่างมั่นคง มุ่งสู่เป้าหมายอย่างไม่ลังเล

ชิงหลวนสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของคุณหนูรองก็นึกประหลาดใจ จากคุณหนูที่ไม่ค่อยชอบการสู้รบ แต่ที่ร้องตามบิดากับพี่ชายมาชายแดนเป็นเพราะอยากมาเที่ยวเล่น เพราะอยู่ในจวนถูกซูฮูหยินเคี่ยวกรำเรื่องงานของสตรี ทว่ายามนี้คุณหนูรองกลับมาสนใจฝึกวรยุทธ์ อีกทั้งผ่านไปไม่นานคุณหนูรองของนางก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพสกุลซูอย่างไม่มีผู้ใดโต้แย้ง

ซูเยว่ซินแต่งกายด้วยชุดเกราะของทหาร มุ่งหน้าสู่สนามรบขับไล่พวกข้าศึกศัตรูไปพร้อมกับบิดาและพี่ชาย ที่ท่านแม่ทัพซูยินยอมให้บุตรสาวคนเล็กออกรบด้วยกัน เป็นเพราะเขาอยากให้นางแข็งแกร่ง และนางเองก็ผ่านการฝึกฝนวรยุทธ์ และประลองกับเหล่าทหารกล้าของเขามาไม่น้อย นางพิสูจน์ให้เขาได้เห็นแล้วว่า นางมีฝีมือไม่แพ้กับบุตรชายคนโตเลย เช่นนั้นแล้วเขาจึงไม่มีสิ่งใดต้องให้เป็นกังวล

“ท่านพ่อ เหตุใดซินเอ๋อร์ถึงได้กลายเป็นสตรีที่ดุดันเช่นนั้นไปได้ล่ะขอรับ นางไม่กลัวโลหิต หรือแม้แต่ร่างกายที่บาดเจ็บของเหล่าทหารเลย ยามที่ข้าได้เห็นนางถือทวนฟาดฟันกับพวกศัตรูอยู่บนหลังม้า ทุกท่วงท่าช่างองอาจเหนือบุรุษยิ่งนัก บางคราข้าก็แอบนึกกังวลว่า เกรงว่าภายภาคหน้า ว่าที่น้องเขยของข้าจะรับมือนางไม่ได้” ซูเยว่คงพูดคุยกับบิดาในขณะที่มองน้องสาวที่ควบม้าใช้ทวนสังหารพวกทหารฝั่งศัตรูอยู่เบื้องหน้า

“ข้าว่าดีเสียอีก บุรุษใดจะได้ไม่กล้ารังแกนาง”

ท่านแม่ทัพซูบอกบุตรชายด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ไม่นานนักเหล่าข้าศึกที่ยังเหลือรอดจากการปะทะ ก็รีบพากันล่าถอยกลับไปตั้งหลักในค่ายของฝ่ายตน ท่านแม่ทัพซูไม่ได้สั่งให้ทหารของตนตามไป เพราะเกรงว่าจะเจอกับแผนการดักซุ่มของอีกฝ่าย กองทัพทหารของตระกูลซูจึงล่าถอยกลับไปยังค่ายทหารชายแดนเมืองโหย่วถิงเช่นกัน

การออกรบในครานี้ทางฝั่งของกองทัพตระกูลซู สูญเสียกำลังทหารไปไม่ถึงร้อย และมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่ถึงห้าสิบ เป็นเพราะมีแม่ทัพที่แข็งแกร่ง อีกทั้งมีรองแม่ทัพอย่างคุณชายใหญ่ซูเยว่คง และยังมีทหารอาสาที่แม้จะมีรูปร่างเล็กทว่ากลับมีฝีมือยิ่งกว่าพวกทหารทั่วไป ซึ่งคนนอกไม่มีผู้ใดรู้เลย ว่าคนผู้นั้นก็คือบุตรีคนเล็กของท่านแม่ทัพซูนั่นเอง เหล่าทหารกล้าต่างพากันนับถือคุณหนูรองที่มีความกล้าหาญยิ่งกว่าบุรุษ นางไม่ได้เป็นภาระของท่านแม่ทัพและรองแม่ทัพ ทว่านางกลับเป็นกำลังสำคัญให้แก่กองทัพของพวกตน

“สมแล้วที่เป็นบุตรีของท่านแม่ทัพ คุณหนูรองช่างทำให้ข้าน้อยรู้สึกนับถือยิ่งนัก” อู่จง กุนซือของกองทัพตระกูลซูเอ่ยชมคุณหนูรองออกมาในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะในครานี้

“ท่านกุนซือชมข้าเกินไปแล้ว ฝีมือข้ายังห่างไกลจากท่านพ่อและพี่ใหญ่นัก” ซูเยว่ซินกล่าวออกมาอย่างถ่อมตน

เหล่าทหารทุกคนต่างพากันรู้สึกชื่นชมคุณหนูรอง เช่นเดียวกับที่ท่านกุนซือชื่นชมนางออกมา เพราะถึงแม้นางจะยังเยาว์วัย แต่ทว่ากลับมีวรยุทธล้ำเลิศได้ถึงเพียงนี้ย่อมมิใช่ธรรมดา

แท้จริงแล้วในชีวิตก่อนของซูเยว่ซินนั้น ก็เคยฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็กเช่นกัน แต่ทว่านางไม่เคยเข้าสู่สนามรบเช่นในชีวิตนี้ ในชีวิตก่อนนั้นนางเลือกที่จะละทิ้งความสามารถนี้ไปหลังจากเข้าสู่วัยปักปิ่น และทันทีที่ได้พบกับบุรุษที่สวมหน้ากากเป็นคนดีผู้นั้น นางก็ไม่กล้าที่จะกล่าวถึงความสามารถของนางออกมาให้ผู้ใดได้ฟังอีก นางต้องเสแสร้งแกล้งเป็นสตรีที่บอบบาง จนสุดท้ายคนพวกนั้นย่ามใจคิดว่านางอ่อนแอ จึงลงมือกับนางอย่างเย็นชา

สองปีต่อมา

ซูเยว่ซินอยู่ในค่ายทหารที่ชายแดนจนครบกำหนดเวลาที่นางล่วงรู้ ว่าเหล่าข้าศึกจากแคว้นต้าเยี่ยน จะเข้ามาสู้รบกับกองทัพของสกุลซูเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากที่เปลี่ยนกันรับผลัดกันรุกมานานเกือบสองปี จากเด็กหญิงวัยสิบสามในวันนั้น กลายมาเป็นสตรีวัยแรกแย้มในวันนี้ ซูเยว่ซินกลับไม่เคยนึกเสียใจเลย ที่นางได้สูญเสียวัยเด็กเช่นเด็กหญิงคนอื่นๆ ไป เพราะมีแต่ตนเองจะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น นางถึงจะสามารถปกป้องตัวนางเองและคนที่นางรักได้

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ศึกครานี้ลูกอยากจะขอร่วมด้วย”

สตรีที่มีใบหน้าหมดจดเกล้าผมเฉกเช่นบุรุษ สวมชุดเกราะเยี่ยงทหาร มือหนึ่งถือทวนที่เป็นอาวุธประจำกายตั้งแต่ออกรบกับบิดาและพี่ชายมากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ทั้งแม่ทัพซูและรองแม่ทัพอย่างซูเยว่คงต่างรู้ดี ว่าศึกครานี้ใหญ่หลวงนัก สองพ่อลูกไม่อยากให้บุตรสาวและน้องสาวต้องออกไปเสี่ยงอันตรายกับพวกเขาด้วย แต่ทว่าพวกเขากลับต้องพ่ายแพ้ในความมุ่งมั่นของนาง อีกทั้งนางยังเชื่อมั่นว่าครานี้กองทัพตระกูลซูจะต้องเป็นฝ่ายที่รบชนะ

และเพราะไม่มีคราใดเลย ที่ซูเยว่ซินบอกว่าชนะแล้วพวกเขาจะพบกับความพ่ายแพ้ ในครานี้เองก็เช่นกัน นางบอกว่าจะรบชนะและจะเป็นศึกครั้งสุดท้าย เหล่าทหารกล้าต่างเชื่อในคำพูดราวกับเป็นดั่งคำทำนายของคุณหนูรอง ที่ยังไม่เคยพลาดตั้งแต่นางได้กล่าวออกมา พวกเขานับถือทั้งฝีมือและความหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าของนางยิ่ง

ศึกชี้ชะตาของสองแคว้น ณ ชายแดนเมืองโหย่วถิงเริ่มต้นขึ้นในยามเหม่า เสียงแตรสัญญาณรบดังขึ้นกึกก้อง ณ ลานกว้าง เหล่าทหารกล้าของทางฝั่งเมืองโหย่วถิงต่างรู้สึกฮึกเหิม สามพ่อลูกตระกูลซูต่างไม่มีผู้ใดหลบอยู่ด้านหลัง มีท่านแม่ทัพผู้องอาจเป็นด่านหน้า บุตรทั้งสองขนาบข้างซ้ายขวา แม้ศึกในครานี้คุณหนูรองบอกว่าจะชนะ แต่ก็หาได้มีผู้ใดประมาทไม่หรือย่ามใจไม่ ครั้นสิ้นเสียงคำสั่งออกรบของท่านแม่ทัพ ทหารทั้งสองแคว้นก็เดินหน้าเข้าหากัน

เสียงของคมดาบที่ปะทะกันดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณชายแดนเมืองโหย่วถิง ทำให้ชาวเมืองต่างพากันรู้สึกหวาดหวั่น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีผู้ใดยอมทิ้งเมืองนี้แล้วหนีไป เพราะต่างก็เชื่อมั่นในกองทัพตระกูลซู ท่านแม่ทัพซูและคุณชายใหญ่สกุลซูเปรียบเสมือนเทพแห่งสงคราม เข้าสู่สนามรบคราใดไม่มีทางที่เขาจะไม่ปลิดชีพแม่ทัพของอีกฝ่าย จนพวกข้าศึกศัตรูที่ได้ยินชื่อเสียงของเขาต่างพากันหวาดเกรง

การต่อสู้ระหว่างกองทัพของทั้งสองแคว้นเป็นไปอย่างดุเดือด ทว่าสตรีที่แต่งกายเฉกเช่นเดียวกับเหล่าบุรุษ ซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าศึกกำลังยกทวนทิ่มแทงข้าศึกศัตรูอย่างไม่หวาดหวั่น ภายในใจของนางยามนี้รู้สึกฮึกเหิมยิ่งนัก นางเพิ่งจะได้รู้ก็ในวันนี้ว่า เส้นทางชีวิตของนางในชีวิตก่อนนั้นช่างน่าเบื่อ หากรู้ว่าตนเองจะมีจุดจบที่น่าสมเพชเวทนาเช่นนั้น นางคงจะเลือกเดินบนเส้นทางนี้กับบิดาและพี่ชายมาตั้งแต่ต้นแล้ว

“เจ้า…มิได้บาดเจ็บตรงที่ใดใช่หรือไม่” เสียงของซูเยว่คงดังมาจากทางด้านหลัง เขาฝ่าทหารฝ่ายตรงข้ามเข้ามาหาน้องสาวด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เลยเจ้าค่ะ ท่านพี่…ท่านรีบไปจัดการแม่ทัพฝั่งนั้นช่วยท่านพ่อเถิดเจ้าค่ะ ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” หญิงสาวบอกพี่ชายโดยไม่หันไปมองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่นิด สองมือของนางยังคงจับทวนแน่น ยกขึ้นตวัดลงฟาดฟันไปยังข้าศึกศัตรู คนแล้วคนเล่าที่ได้รับบาดเจ็บและล้มตายเพราะนาง ทว่านางกลับหาได้ใส่ใจไม่

ซูเยว่คงได้ยินน้องสาวบอกเช่นนั้นจึงห้อม้าเร่งรุดไปยังที่บิดาอยู่ สองพ่อลูกช่วยกันจัดการแม่ทัพและรองแม่ทัพของฝั่งตรงข้าม จนในที่สุดกองทัพทหารของตระกูลซูก็ได้รับชัยชนะ เพราะแม่ทัพและรองแม่ทัพของแคว้นต้าเยี่ยนถูกท่านแม่ทัพและรองแม่ทัพซูสังหารจนสิ้นใจภายในสามกระบวนท่า ครั้นสิ้นแม่ทัพแล้วมีหรือที่เหล่าทหารกล้าของอีกฝ่ายจะหลงเหลือกำลังใจที่จะสู้ต่อ บ้างก็ล่าถอยบ้างก็หลบหนี กองทัพตระกูลซูไล่ต้อนทหารของพวกแคว้นต้าเยี่ยนจนเตลิดกลับดินแดนของตนแทบจะไม่ทัน

เสียงโห่ร้องดีใจของทหารฝั่งเมืองโหย่วถิงดังกึกก้อง คุณหนูรองตระกูลซูได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพธิดาประจำกองทัพ เพราะนอกจากนางจะทำให้เหล่าทหารกล้ามีขวัญกำลังใจแล้ว คำทำนายของนางยังช่วยให้พวกเขารู้สึกฮึกเหิม ไม่ยอมแพ้ต่อข้าศึกศัตรูที่บุกมาโจมตีอีกด้วย ท่านกุนซือได้แต่อึ้งงัน เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่คุณหนูรองเคยกล่าวออกมานั้นจะเกิดขึ้นจริงอีกครา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะสงครามที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานถึงสองปีนี้ก็ถึงเวลาจบลงเสียที

ซูเยว่ซินใช้เวลาอยู่ในกองทัพร่วมกับบิดาและพี่ชายนานถึงสองปี จวบจนวันสุดท้ายที่สงครามสงบลง หากเป็นในชีวิตก่อน นางนั้นไม่เคยคิดที่จะลงสู่สนามรบด้วยตัวนางเองเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าคนที่เคยตายมาแล้วหนหนึ่งเช่นนาง ยังจะไปกลัวอะไรกับการตายอย่างมีเกียรติอีก

“วันพรุ่งนี้ก็กลับจวนกันได้แล้วนะเจ้าคะ”

ชิงหลวนกล่าวออกมาในขณะที่เก็บสัมภาระของคุณหนูรองใส่หีบใบใหญ่ เสื้อผ้าอาภรณ์ของซูเยว่ซินนั้นต่างจากคุณหนูตระกูลทั่วไป นอกจากอาภรณ์ที่มีแต่สีดำและสีแดงแล้ว ก็หาได้มีสีอื่นปะปนไม่ เครื่องประดับก็มีน้อยเสียยิ่งกว่าสาวรับใช้บางคนเสียอีก เห็นทีกลับไปนางคงต้องบอกนายหญิง ว่าคุณหนูใช้ชีวิตไม่เหมือนกับสตรีทั่วไป ให้นายหญิงช่วยจัดการเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับให้คุณหนูเสียใหม่

“อืม…ใกล้จะได้ย้ายที่อยู่ใหม่กันอีกแล้วสินะ” ซูเยว่ซินสางผมของตนพลางพึมพำออกมา

ชิงหลวนหาได้ฟังประโยคหลังที่คุณหนูกล่าวออกมาไม่ เพราะนางมัวแต่สนใจเก็บสัมภาระอยู่ ตัวนางนั้นดีใจยิ่งนักที่จะได้กลับไปยังจวนตระกูลซูเสียที หากมิใช่เพราะต้องอยู่คอยรับใช้คุณหนูรอง มีหรือที่นางจะอยากอยู่ในค่ายทหารที่มีแต่กลิ่นอับของเหล่าบุรุษที่ไม่ชื่นชอบการอาบน้ำเช่นนี้ การมาอยู่ที่นี่นานถึงสองปีทำให้ชิงหลวนไร้ความรู้สึกตื่นเต้นยามที่ได้พบเจอพวกบุรุษไปเลย

สาวรับใช้คนสนิทของซูเยว่ซินเร่งมือเก็บสัมภาระจนเสร็จ หลังจากนั้นก็ปรนนิบัติคุณหนูรองให้เข้านอน ก่อนที่นางจะออกไปนอนยังกระโจมส่วนตัวของนางซึ่งอยู่ติดกัน ทิ้งให้ซูเยว่ซินที่แสร้งนอนหลับเปิดเปลือกตาออกมองความมืดอยู่เพียงลำพัง นางพยายามคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่นางเคยประสบพบเจอมาในชีวิตก่อน อีกไม่นานตระกูลซูจะได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาท พระราชทานจวนหลังใหม่ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงให้ ตระกูลซูจึงต้องย้ายจากเมืองชายแดนโหย่วถิงไปยังเมืองหลวง

ในงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศ หลังจากพิธีปักปิ่นของนางเพียงแค่เจ็ดวัน นางจะรับเทียบเชิญจากกู้ฮูหยิน และได้พบกับสตรีร้ายกาจนางนั้น ที่แฝงตัวเข้ามาทำทีอยากสนิทสนมกับนาง ด้วยความที่ชีวิตก่อนยังไม่มีสหายข้างกายเลยสักคน ทำให้นางเผลอเปิดใจให้อีกฝ่ายได้เข้ามา และหลังจากที่นางได้เป็นสหายกับสตรีร้ายกาจนางนั้น ยังไม่ทันถึงสามเดือน นางก็ได้พบกับผู้ชายสารเลว ทั้งสองเป็นคู่รักที่ไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูล

คนหนึ่งลูกอนุอีกคนก็เป็นลูกอนุไม่ต่างกัน เพราะสถานะต่ำต้อยทว่าจิตใจกลับใฝ่สูง อยากจะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป ทั้งสองจึงจงใจเข้าหาคุณหนูรองจากจวนแม่ทัพที่เพิ่งย้ายมาอยู่ในเมืองหลวงเช่นนาง แม่ทัพที่มีอำนาจอยู่ในมือ ผู้ใดในเมืองหลวงต่างก็ให้ความนับถือยำเกรงบิดาของนาง ในครานี้นางจะไม่ให้คนพวกนั้นได้สมหวังอีก

นางจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดี เป็นวันที่กู้มู่หรงน้องสาวต่างมารดาของกู้อี้เหวิน เด็กสาววัยสิบสามที่เป็นน้องแท้ๆ ของกู้มู่เฉิน มีเรื่องกับหลูเจียงหลี เพราะเป็นบุตรีของภรรยาเอก ทำให้กู้มู่หรงมีนิสัยที่เย่อหยิ่ง และไม่ค่อยชอบสตรีที่เสแสร้ง นางเป็นเด็กที่ชอบสังเกตผู้คนจากการพูดจา มีหลายประโยคที่กู้มู่หรงกล่าวเหน็บแนมหลูเจียงหลี ที่ได้รับเทียบเชิญมาเพราะสนิทกับกู้อี้เหวิน พี่ชายต่างมารดา ซึ่งเรื่องนี้นางเองก็เพิ่งจะมารู้ในภายหลังเช่นกัน

วันนั้นอีกฝ่ายจงใจใส่ร้ายคุณหนูสามสกุลกู้ว่า เด็กหญิงคิดที่จะผลักนางให้ตกน้ำ แต่ทว่าพลาดท่าทำให้คุณหนูใหญ่สกุลเจียงที่เดินสวนทางกันตกน้ำไปแทน แท้จริงแล้วเป็นฝีมือสาวรับใช้ของหลูเจียงหลี ที่เป็นฝ่ายลงมือแทนเจ้านาย คราแรกนางคิดจะผลักกู้มู่หรงให้ตกลงไปในน้ำ แต่เป็นคุณหนูใหญ่สกุลเจียงที่ไม่ระวัง เดินสวนทางแทรกเข้ามาพอดี ทำให้เป็นฝ่ายที่ต้องตกลงไปน้ำแทน

เหตุการณ์ในครานั้นทำให้กู้มู่หรงถูกลงโทษ และทำให้คุณหนูทั้งสองตระกูลไม่ชอบหน้ากัน แม้แต่นางเองในครานั้นก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจ ในนิสัยของคุณหนูสามสกุลกู้ จวบจนได้ออกเรือนไปกับกู้อี้เหวิน นางกับกู้มู่หรงก็ไม่เคยเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ไม่มีวันใดที่คุณหนูสามสกุลกู้จะไม่หาเรื่องให้นางต้องเดือดร้อนเลยสักวัน นี่ก็คงจะเป็นแผนการของชายหญิงสารเลวคู่นั้นมาตั้งแต่แรก พวกเขาไม่ต้องการให้นางเป็นมิตรกับผู้ใดเลย

ในครานี้ซูเยว่ซินจึงคิดที่จะผูกมิตรไมตรีกับคุณหนูสามสกุลกู้ และคุณหนูใหญ่สกุลเจียง นางจะช่วยไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผู้ใดอีก ไม่ว่าจะเป็นกู้มู่หรงหรือเจียงซีหรูก็ตาม และผู้ที่นางเลือกเมินเฉยในครานี้ ก็คือหลูเจียงหลี สตรีร้ายกาจที่ไม่ควรเข้าไปผูกไมตรีด้วยตั้งแต่ต้น ชีวิตก่อนนางเคยเลือกเส้นทางใด ชีวิตนี้นางขอเลือกเดินอีกเส้นทาง นางจะไม่มีทางกลายเป็นสตรีที่โง่งมให้คนพวกนั้นชักจูงนางได้อีก

“จะไม่มีวัน...ที่พวกเจ้าได้สมหวังเป็นแน่ ชีวิตก่อนข้าเคยได้รับสิ่งใดจากพวกเจ้ามา ข้าก็จะตอบแทนสิ่งนั้นกลับไปให้พวกเจ้าเช่นเดียวกัน”

รอยยิ้มเยือกเย็นเผยออกมาจากเจ้าของดวงหน้างาม น้ำเสียงที่พึมพำออกมากลับฟังดูแล้วให้ความรู้สึกเยือกเย็น บ่งบอกให้รู้ว่า ผู้ที่เพิ่งพูดประโยคเหล่านั้นออกมา ภายในใจของนางนั้นเจ็บช้ำมากเพียงใด

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนพิเศษ 1 ชีวิตนี้เราเลือกเอง (จบ)

    “เจ้าพูดจริงหรือไม่” กู้มู่อวิ๋นถามตู้ชวนออกมาเพื่อความแน่ใจ เด็กชายตัวน้อยที่อายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปีกว่าๆ พยักหน้าขึ้นลง“ตู้ชวน ข้าให้เจ้าคิดดูให้ดี ว่าเจ้าจะทิ้งท่านแม่ของเจ้าไปได้แน่รึ สามปีเชียวนะ…หาใช่สามวัน” กู้มู่อวิ๋นถามย้ำตู้ชวนหันไปมองหน้ามารดา นางมองมายังเขาด้วยแววตาอาวรณ์ ทว่าเขาตระหนักถึงคำสอนของบิดา ว่าพวกเขาเป็นบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อตระกูลกู้มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษไม่ว่าเจ้านายจะไปที่ใด หากเป็นที่ที่พวกตนสามารถติดตามเข้าไปได้ ก็ต้องติดตามไปรับใช้พวกเขาทุกที่ เด็กชายจดจำคำสอนของบิดาอย่างขึ้นใจ เขาจึงตอบออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่จะหันไปคำนับขออนุญาตมารดา“ข้าคิดดีแล้วขอรับ ท่านแม่…โปรดอนุญาตให้ลูกติดตามไปรับใช้คุณชายใหญ่ด้วยเถิดขอรับ”ชิงหลวนน้ำตาซึม บุตรชายยังเยาว์วัยนัก แต่ถ้าหากนางอยากจะให้บุตรชายแข็งแรง และสามารถปกป้องคุณชายใหญ่ได้ในภายภาคหน้า นางก็จำต้องให้เขาไป“แม่อนุญาต” ชิงหลวนตอบบุตรชายกลั้นสะอื้นซูเยว่ซินมองสาวรับใช้คนสนิทด้วยแววตาขอบคุณ กู้มู่เฉินหันไ

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนพิเศษ ชีวิตนี้เราเลือกเอง

    ในช่วงเหมันตฤดู มีหิมะโปรยปรายร่วงหล่นลงมาบนพื้นดิน จนปรากฏให้เห็นภาพขาวโพลน บริเวณลานกว้างในจวนสกุลกู้ ยามนี้มีเด็กชายตัวน้อยสองคน กำลังวิ่งเล่นกันอยู่กลางลานกว้างหน้าเรือน ด้านหลังมีสตรีวัยยี่สิบต้นๆ กับสตรีวัยแรกแย้มอีกสองคนคอยวิ่งตามหลังจนเหนื่อยหอบเสียงหัวเราะสดใสตามวัยดังขึ้นเป็นระยะ บัดนี้กู้มู่อวิ๋น บุตรชายคนโตของท่านราชครูกู้มู่เฉิน กับฮูหยินใหญ่ซูเยว่ซิน ก็ได้เติบโตเข้าสู่วัยเจ็ดปีแล้ว เด็กน้อยเกิดในฤดูหนาว ทำให้เขาคุ้นชินกับสภาพอากาศเช่นนี้และเด็กน้อยอีกคนที่กำลังวิ่งตามหลังเขา นั่นก็คือบุตรชายของตู้จิ้นและชิงหลวน ซึ่งเป็นบ่าวและสาวรับใช้คนสนิทของท่านราชครูและฮูหยินใหญ่ ทั้งคู่แต่งงานกันหลังจากที่ฮูหยินใหญ่ให้กำเนิดคุณชายใหญ่ได้เพียงสามเดือน และไม่นานนัก ชิงหลวนก็ตั้งครรภ์ ทันใช้สมใจของผู้เป็นบิดามารดา ที่ต้องการจะให้ทายาทของตน มาคอยรับใช้คุณชายน้อยต่อไปเช่นกัน“คุณชายใหญ่ ระวังลื่นนะเจ้าคะ” แม่นมกุ้ยร้องตามหลังคุณชายตัวน้อย“ไม่ล้ม…ข้าเก่ง ตู้ชวนเร็วเข้า”กู้มู่อวิ๋นร้องบอกแม่นมขณะที่ยังคงวิ่งวนอยู่บริเวณลานกว้าง

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนพิเศษ 1 จุดจบของผู้ที่ทำชั่ว

    เช้าวันรุ่งขึ้น มีชาวเมืองพบศพของสตรีนางหนึ่ง ที่ลอยไปติดอยู่กับเรือบรรทุกสินค้าของพ่อค้า ที่เดินทางมาค้าขายในเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อคืน ทว่าเขาจอดเรือเทียบท่าเอาไว้ แล้วตนเองไปเข้าพักที่หอชิวเซียน ยามเช้ากลับมาสำรวจเรือตนเอง จึงได้พบศพของสตรี เขาจึงรีบแจ้งให้แก่ทางการได้ทราบครั้นทางการนำศพขึ้นมาแล้วก็พบว่า ผู้ตายเป็นอดีตฮูหยินของกู้อี้เหวิน คุณชายรองสกุลกู้ที่เพิ่งจะป่วยตายจากไปได้ไม่นาน ชาวเมืองหลายคนต่างพากันนึกเวทนา หญิงสาวที่ก่อนหน้าเคยเป็นสตรีที่เพียบพร้อมนางหนึ่ง อยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนสติไม่ดี ผู้ใดเลยจะคิดว่าคุณหนูสี่ผู้เย่อหยิ่งแห่งจวนตระกูลหลู จะได้มาพบกับจุดจบที่น่าสังเวชเช่นนี้ซูเยว่ซินนั่งมองดอกบัวหลากสีที่กำลังเบ่งบานอยู่ในสระกลางจวนตระกูลกู้ นางกำลังขบคิดว่า จุดจบที่ชายหญิงสารเลวทั้งสองได้พบเจอ นั้นสาสมกับสิ่งที่พวกเขาเคยกระทำต่อนางและผู้คนที่รักนางในชีวิตก่อนแล้วหรือ ทว่าพอกลับมาคิดดูอีกที หากเรื่องที่นางย้อนเวลากลับมาไม่เคยเกิดขึ้น จะไม่เท่ากับว่านางเองก็เป็นสตรีร้ายกาจ ไม่ต่างจากคนพวกนั้นหรือในระหว่างที่ซูเยว่ซินกำลังว้าวุ่นใจอยู่นั้น กู้มู่เฉินก็เดินเ

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนพิเศษ จุดจบของผู้ที่ทำชั่ว

    หลังจากที่กู้อี้เหวินถูกใต้เท้ากู้ลงโทษตามกฎของตระกูล เขาก็ทนมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน ทว่าก่อนที่เขาจะจากไป เขากลับได้ฝันเห็นเรื่องราวบางอย่าง ช่างเป็นความฝันที่ทำให้เขามีความสุขยิ่งนัก เป็นความฝันที่เขาไม่อาจสัมผัสในชีวิตนี้ในฝันนั้นเขาได้แต่งงานกับซูเยว่ซิน และได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลสมดังใจปรารถนา แต่ทว่าสุดท้ายเขาก็เป็นผู้ที่หยิบยื่นความตายให้แก่นางผู้เป็นภรรยา เพียงเพราะมีสตรีที่คอยช่วยเหลือเขามาตั้งแต่ต้น อย่างหลูเจียงหลีคอยยุยงเขายืมมือมารดาเพื่อกำจัดท่านแม่ใหญ่ เขาหลอกใช้พี่ชายของซูเยว่ซินเพื่อกำจัดกู้มู่เฉิน ครั้นคุณชายใหญ่ซูผู้นั้นกำจัดพี่ชายของเขาสำเร็จ เขาก็จ้างให้นักฆ่าไปสังหารอีกฝ่ายเพื่อปิดปากบิดาของซูเยว่ซินก็เป็นเขา ที่สั่งให้นักฆ่าลอบสังหาร ยามที่อีกฝ่ายต้องเข้าไปปราบโจรในป่า เขาบีบน้องสาวต่างมารดาให้ออกเรือนไปกับขุนนางเฒ่า เพื่อผลประโยชน์ของตระกูล สิ่งที่เขากระทำนั้นช่างชั่วช้ายิ่งนักหากภาพที่เขาเห็นเหล่านี้ เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง ที่อาจจะเป็นชาติภพใดชาติภพหนึ่ง เขาก็ไม่นึกประหลาดใจเลย ว่าเหตุใดชีวิตนี้ซูเยว่ซินถึงได้เลือกที่จะเมินเฉย

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 30 - 1 ก็รับกรรมกันไป

    เช้าวันต่อมา ข่าวการถูกปล้นฆ่าของพ่อลูกตระกูลหลู ก็ถูกเล่าลือเข้ามาในเมืองหลวง หลูเจียงหลีที่ได้ยินข่าวมาจากพวกสาวรับใช้ก็ถึงกับเป็นลมล้มพับไป ยามที่นางฟื้นขึ้นมานางก็ได้แต่นั่งซึม พลางขบคิดอยู่เพียงลำพัง บิดาของนางกับพี่ชายสามถูกลอบสังหาร ฝีมือของผู้ใดกัน กล้าสังหารขุนนางของราชสำนักได้เยี่ยงไร พลันนางก็คิดไปถึงความบาดหมางระหว่างสามีกับบิดา หรือจะเป็นเขากัน หลูเจียงหลีโกรธจนตัวสั่น ทว่านางต้องพยายามทำใจให้สงบ หากนางจะจัดการกับกู้อี้เหวิน นางจะต้องใช้ความเงียบแทนการส่งเสียงให้อีกฝ่ายรู้ตัว“ฟู่เอ๋อร์… เจ้าอยากเป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้าหรือไม่” กู้อี้เหวินเอ่ยถามสตรีที่นอนอยู่ข้างกาย“อยากสิเจ้าคะ ผู้ใดบ้างที่อยากจะให้สามีมีภรรยาหลายคน” นางตอบเขาออกมาอย่างกระตือรือร้น“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องช่วยข้า…จัดการสตรีที่ขวางทางเจ้าอยู่”“น่ะ…นายท่าน…กะ…กล่าวถึง ฮูหยินเล็กรองน่ะหรือเจ้าคะ” ฟู่เอ๋อร์ลุกขึ้น เอ่ยถามเขาออกมาอย่างละล่ำละลัก“ในเรือนนี้จะยังมีผู้ใดอีกเล่า” เขาเอ

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 30 ก็รับกรรมกันไป

    ข่าวที่ฮูหยินเล็กมีครรภ์ถูกกล่าวถึงไปทั่วทั้งจวนตระกูลกู้ เพราะถือเป็นข่าวที่น่ายินดีไม่น้อย ต่างจากเรือนหลงจู้ที่ยังไม่ข่าวดีในเรื่องนี้เสียที จนกู้อี้เหวินทนไม่ไหว สองเดือนก่อนเขาจึงได้ใช้เงินสินเดิมของมารดา ไปไถ่ตัวฟู่เอ่อร์ออกมาจากหอชิวโหรว และซื้อเรือนให้นางอยู่แถวตรอกซืออู้ อีกทั้งยังส่งสาวรับใช้ในเรือนไปคอยรับใช้นางอีกสองสามคน“เจ้าได้ยินมาเช่นนั้นจริงๆ รึ”ตั้งแต่แต่งเข้าจวนตระกูลกู้มา หลูเจียงหลีพยายามตีสนิทพี่สะใภ้ กับแม่เลี้ยงของสามีมาตลอด ทว่าพวกนางกลับแสดงท่าทีเมินเฉยต่อนาง ราวกับว่าไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับนางไม่ นางจนใจจึงคิดว่าต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด อีกทั้งนางก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ยามที่นางได้อยู่ใกล้กับพี่สะใภ้ใหญ่ ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่าสาเหตุใดที่ทำให้นางรู้สึกเช่นนั้น“ไม่ผิดแน่เจ้าค่ะ สาวรับใช้และบ่าวรับใช้ทุกขั้นได้รับของกำนัลจากนายท่านกันทุกคน ที่เรือนเราก็ได้รับเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ” นางหยิบเหรียญเงินสองเหรียญที่ได้รับมาเป็นรางวัลเช่นกัน ชูให้แก่หลูเจียงหลีดู“เหตุใดข้าถึงได้ไม่ท้องก่อนนาง อืม…แล้ว

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status