Share

บทที่ 9 ขอจีบ

last update Last Updated: 2025-04-08 17:58:31

โรลส์-รอยซ์คันหรูพาเธอมายังห้างปลายทางที่เธอตั้งใจมาเก็บโปรเจกต์อย่างที่บอกเขาเอาไว้ วันนี้เป็นวันที่สามของการเริ่มโปรเจกต์ซึ่งจากสถิติแล้วน้องๆ มักจะมากันวันนี้มากที่สุด ในตารางงานเองก็ว่างวันนี้ด้วยจึงมีโอกาสสูงมากที่จะได้เจอ เพียงแต่เวลาจะตรงกันไหมก็เท่านั้น

“ขากลับแวะซื้อของฝากให้แม่เราด้วยดีไหม”

ระหว่างที่เดินออกจากลานจอดรถภาคินทร์ก็ชวนคุยไม่หยุด มะเหมียวแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของเขา เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยพูดเท่าไร ติดขี้เกียจเลยด้วยซ้ำ เทียบกับคามินทร์และนาวินทร์ น้องชายฝาแฝดของเขาทั้งสองคนแล้วสองคนนั้นยังพูดมากกว่า

อ้อ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือขี้เกียจแค่กับเธอ แต่กับคนอื่นก็ปกติ

แต่วันนี้เขากลับดูช่างพูดผิดปกติ แปลกจนไม่น่าไว้ใจ

“ก็แล้วแต่เฮียเลยค่ะ”

“แล้วนี่หนูอยากไปไหนไหม กินข้าวก่อนหรือไปซื้อมือถือเลยดี”

สรรพนามที่ไม่คุ้นเคยทำให้เท้าที่กำลังก้าวตามเขาหยุดชะงัก ส่วนเขาพอเห็นว่าเธอไม่เดินตามก็หันมาเลิกคิ้วถามอย่างงงๆ

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“เฮีย...ไม่ได้สมองเสื่อม หรือว่าโดนอะไรกระแทกหัวมาใช่ไหมคะ”

พูดพร้อมใช้สายตาสำรวจเขาไปด้วย ตั้งแต่วันที่เจอกันวันแรกแล้วรู้สึกว่าเขาแปลกไปมากๆ ไม่ใช่แค่คำพูด แต่ท่าทางที่มีต่อเธอก็เปลี่ยนไปด้วย อบอุ่น อ่อนโยนขึ้นจนเธอแอบกลัวว่านี่อาจจะเป็นเอเลี่ยนปลอมตัวมาหรือเปล่า

“ทำไมคิดงั้น”

“ก็เฮียใจดี ปกติเฮียไม่ได้ใจดีแบบนี้”

“เมื่อก่อนเฮียใจร้ายมากเลยเหรอ”

มะเหมียวพยักหน้าหงึกหงัก เมื่อก่อนเขาไม่ได้แค่ใจร้ายนะ แต่ใจร้ายมาก ช็อกโกแล็ตวาเลนไทน์เธอเห็นว่ามีคนเอาไปให้เขาเยอะมาก แต่กลับมีแค่ของเธอที่ถูกเขาทิ้งลงถังขยะต่อหน้าต่อตา หรือแม้แต่ผ้าพันคอที่เธออุตส่าห์ถักให้ กลับพบว่ามันถูกใช้เป็นผ้าอุดท่อน้ำรั่วที่ข้างบ้านเขา

แล้วนี่ยังไม่รวมเรื่องที่เขาชอบถอนหายใจใส่เธอบ่อยๆ เวลาเจอหน้าเธออีก ความรู้สึกพวกนั้นเธอยังจำได้เป็นอย่างดี

“ใจร้ายมากเลยค่ะ” พูดตอกย้ำความใจร้ายให้เขาเห็นภาพมากกว่าเดิม

“งั้น...ตอนนี้ไหนๆ เราก็ต้องแต่งงานกันแล้ว ให้โอกาสเฮียแก้ตัวได้ไหมครับ?”

“แก้ตัว? ทำไมต้องทำอย่างนั้นคะ ถ้าเฮียแค่อยากแต่งงานตามคำสั่งคุณย่าก็ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ หนูโอเค ยังไงมันก็ผ่านมานานมากแล้ว แค่ยังไม่ชินเฉยๆ ที่อยู่ๆ เฮียก็ใจดีแบบนี้”

“เฮียเคยบอกเหรอว่าอยากแต่งงานกับเราเพราะทำตามคำสั่งคุณย่า”

ตึกตัก~

หัวใจมันเต้นแรงขึ้นมาอีกแล้วสิ แค่เขาพูดไม่กี่คำก็แทบจะทำให้เธอยอมเขาทุกอย่าง ไม่ได้นะมะเหมียว เธอจะหลงเขาทุกคำอย่างนี้ไม่ได้นะ เขาก็แค่พูดไปอย่างนั้นเองอย่าไปคิดจริงจังสิ

แต่ถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้นแต่หัวใจมันไม่ฟังเลย ตอนนี้มันเทให้เขาไปกว่าครึ่งแล้ว

“เฮียหมายความว่าอะไรคะ หนูไม่เข้าใจ” จริงๆ เข้าใจ แต่แกล้งถามแก้เก้อไปอย่างนั้นเอง

“ก็หมายความว่า...”

เขาเดินเข้ามาใกล้ เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็เข้าประชิดตัวเธออย่างรวดเร็ว มะเหมียวก้าวถอยหลังด้วยความตกใจแต่กลับถูกคนตัวสูงกว่ารวบเอวเอาไว้

เธอตกใจจนเผลอช้อนตามองเขา เจอสายตาแพรวพราวที่มองมาเหมือนจะทำทุกอย่างเพื่อเขย่าใจเธอให้ได้มันทำให้เธอไปต่อไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมดในขณะเดียวกันเสียงหัวใจก็เต้นดังขึ้นเรื่อยๆ

มันดังจนจวนจะได้ยินถึงเขาแล้ว ได้โปรดหยุด ไม่อย่างนั้นเธอได้หัวใจวายตายต่อหน้าเขาแน่ๆ

“เฮียขอจีบเราได้ไหมครับ?”

“อะ...อะไรนะคะ”

เขารู้บ้างไหมว่าการพูดแบบนี้ทั้งที่เราอยู่ท่านี้น่ะมันไอ้นั่นแค่ไหน อ้ากกก ทำบ้าอะไรของเขาหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ หัวใจของเธอทำงานหนักเกินไปจนแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว อีกอย่างนี่มันที่สาธารณะ เกิดว่ามีใครมาเห็นเข้าจะทำยังไง

“เฮียถามว่า...” เขาทำท่าจะถามย้ำอีกรอบ เธอเลยต้องรีบขัดขึ้นมา

“ไม่ต้องค่ะ หนูไม่ได้หูตึง ไม่ต้องพูดซ้ำ”

“ก็ได้ยินแล้วทำไมไม่ตอบ”

ก็ให้เวลาคิดแป๊บหนึ่งไม่ได้หรือไงเล่า ของแบบนี้ถามแล้วต้องตอบเลยหรือไง เขานี่มันเอาแต่ใจที่สุด

“ว่าไง”

“ปล่อยหนูก่อนได้ไหมคะ มาโอบเอวอะไรแถวนี้เดี๋ยวก็มีคนมาเห็น เดี๋ยวยามก็มาไล่หรอก”

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่ใบหน้าหล่อเหลา ได้ยินเธอบอกว่าให้ปล่อยแทนที่จะรีบปล่อยกลับกระชับอ้อมแขนแน่นกว่าเดิมอีก

“เอ๊ะ!” คนน้องเริ่มตกใจชักสีหน้า แต่ถามว่าเขากลัวไหม...ก็ไม่

“ไม่ปล่อย รีบตอบมาสิถ้ากลัวคนมาเห็น”

“เอาแต่ใจ!”

โดนด่าแต่ไม่สำนึก เขายังคงโอบเอวเธอแน่นแล้วทำท่าจะแนบชิดเข้ามามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

“เฮีย...” จนน้องต้องเรียกชื่อเสียงดุ

“ว่าไงครับ เฮียขอจีบเราได้ไหม”

“ถ้าหนูตอบว่าไม่”

“ข้อนี้ไม่มีช้อยส์ครับ มีแค่ ใช่ กับ ใช่”

พูดไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าเขามันเอาแต่ใจ แต่ดีต่อใจฉิบหายเลยรู้ไหม ถ้าเกิดว่าเขาทำอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อนเธอคงยอมเป็นแฟนเขาไปนานแล้ว

แต่ว่า...การจะมาจีบกันทั้งที่กลับมาเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง มันฟังดูง่ายไปหน่อยไหม

“หนูตอบว่าใช่ก็ได้ค่ะ แต่เอาจริงๆ เมื่อก่อนเฮียก็ใจร้ายกับหนูอยู่นะ”

คะนิ้งเคยสอนเอาไว้ว่าต่อให้เราอยากได้เขามากแค่ไหน แต่ถ้าเหยื่อทำท่าจะติดกับเราก็ต้องรู้จักใช้เบ็ดให้เป็น รู้จักปล่อยรู้จักดึงจะได้แน่ใจว่าติดเบ็ดแล้วจริงๆ

“แล้วอยากให้เฮียทำยังไงครับ ตอนนั้นคนทำคือเฮียคนที่อายุ 25 ตอนนี้เฮีย 35 แล้วนะ คนละคนกัน”

อืม ถ้าไม่บอกก็ลืมไปแล้วเหมือนกันว่าเขาอายุขนาดนี้แล้ว หน้าตาเขาดูไม่เหมือนคนอายุ 35 เลยแม้แต่นิดเดียว แล้วไหนจะไอ้ที่ทำอยู่ บอกใครก็ไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือผู้ชายอายุ 30 กว่า!

แต่เรื่องอายุไม่ได้มีผลอยู่แล้ว

“ถ้าอยากลบเรื่องที่เฮียเคยใจร้ายกับหนู อย่างแรกเลยคือ ปล่อยหนูค่ะ”

คราวนี้เขายอมทำตามอย่างว่าง่าย ปล่อยเอวเธอให้เป็นอิสระแล้วถอยออกไปสองก้าวเพื่อเว้นระยะห่างให้เธอได้หายใจบ้าง

“แล้วไงต่อ”

“อย่างที่สอง ไหนลองเรียกหนูว่า น้องเหมียว แบบนี้สิคะ”

“เฮียไม่ชอบแมว”

“อ้าว”

“แต่ชอบหนูนะ เรียกว่า หนู แบบนี้ได้ไหม”

ตั้งใจจะล่อเขา แต่โดนความแพรวพราวของเขาเล่นงานกลับซะงั้น แกจะไปสู้เขาได้ไงมะเหมียว แค่ประสบการณ์การมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ก็ต่างกันเกือบรอบแล้ว ไม้ซีกคิดงัดท่อนซุงชัดๆ เลย

“มะ...ไม่เอาสิคะ หนูบอกให้เรียกน้องเหมียว”

“หนู...หนูเหมียว แบบนี้ได้ไหม เฮียชอบนะ มันน่ารักดี”

“เฮียไม่ฟังหนูอะ” จะงอแงแล้วนะ ใบหน้าเริ่มงอง้ำเพราะไม่ได้ดั่งใจ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองปล่อยตัวตามสบายกับเขาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร

พอเริ่มรู้ตัวก็รีบกอดอกทำเสียงเข้มใส่

“งั้นเอาอย่างนี้แล้วกันค่ะ ในเมื่อเฮียยืนยันว่าอยากจีบหนู งั้นเฮียก็ต้องรับในสิ่งที่หนูเป็นได้”

“อ่าฮะ”

“วันนี้ทั้งวันหนูอยากไปตามเก็บโปรเจกต์วันเกิดพี่เร็กซ์ อยากได้ตากล้องพอดี เฮียสะดวกไหมคะ?”

ไม่ได้ตั้งใจอยากแกล้งเขาสักนิดเลยนะ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ เขาเป็นผู้ชายวัยทำงานที่มีหน้ามีตาทางสังคม ยังไงก็ไม่มีทางเข้าใจความสุขเล็กๆ ของสาววายอย่างเธออยู่แล้ว แวบแรกคิดว่าเขาจะปฏิเสธแต่คำตอบของเขามันผิดคาดนิดหน่อย

“โอเค”

“โอเคเหรอคะ? ทีเร็กซ์ เด็กในสังกัดค่ายเฮียนะ”

หรือเขาอาจจะไม่ได้ลงไปบริหารค่ายย่อยด้วยตัวเองเลยลืมไปหรือเปล่า แต่ปกติแล้วผู้บริหารก็ต้องรู้จักเด็กในค่ายตัวเองไหม

“อืม แล้วมันยังไง”

เขาโอเคจริงเหรอ มะเหมียวมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ เขาดูยอมเธอทุกอย่าง มันแปลกมากๆ เลย นี่คงไม่ได้มีแผนการร้ายอะไรหรอกใช่ไหม

“แล้วนี่จบยัง ร้อน อยากเข้าไปข้างในแล้ว”

เขายกมือขึ้นมาจับเสื้อตัวเองแล้วเขย่าเบาๆ ให้มีลมผ่านเข้าไปในนั้น ใบหน้าก็เริ่มมีเหงื่อซึมขึ้นมาหน่อยๆ เช่นเดียวกับมะเหมียวที่เริ่มไม่สบายตัวเช่นเดียวกัน

แต่ไม่ได้ร้อนเพราะอากาศนะ ร้อนเพราะเขานั่นแหละที่เล่นอะไรบ้าๆ เมื่อกี้นี้ ถามว่าดีต่อใจไหมมันก็ดี แต่มันจะดีกว่าถ้ามันเป็นแบบนี้ตลอดไป ไม่ใช่แค่ชั่วครั้งชั่วคราวอย่างที่ใครเขาว่ากัน

เราไปซื้อมือถือใหม่ที่ร้านมือถือใกล้ๆ ทีแรกมะเหมียวบอกเขาว่าแค่เอาเครื่องเดิมไปซ่อมก็พอ น้องแค่ตกกระแทกพื้นดับไม่น่าเป็นอะไรมาก แต่พอช่างเช็กกลับบอกว่าน้องน็อกกู้คืนไม่ได้ไปแล้วเลยต้องซื้อใหม่ตามระเบียบ

ตอนเอามือถือให้ช่างเช็กไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก ตอนเลือกรุ่นเนี่ยสิ ในเมื่อคิรินทำมือถือเธอพังก็น่าจะซื้อรุ่นเดิมสีเดิมให้ แต่เขากลับบังคับให้เธอเอารุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออก ยี่ห้อที่เขารีวิวกันว่ากล้องชัด ต่อให้อยู่บัตรดอยสูงแค่ไหนก็ซูมชัดไม่มีภาพแตก แต่ราคาก็ถือว่าจุกสำหรับเด็กจบใหม่ที่ยังไม่มีงานทำอย่างเธอ

“ไม่เอารุ่นนี้ค่ะ แพงเกิน รุ่นธรรมดาที่ถ่ายรูปสวยก็พอแล้ว”

“รุ่นธรรมดาถ่ายรูปสวยก็พอ แต่รุ่นนี้ก็ถ่ายสวยกว่าไง”

“แต่มันแพง”

“ถ้าหนูไปคอนเสิร์ตก็ต้องใช้รุ่นนี้ใช่ไหมล่ะ เพราะเขาไม่ให้เอากล้องโปรเข้า ถ้าไปเช่าก็ต้องเสียเงินซ้ำซ้อนอีก”

เขารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ ไม่สิ เขาทำงานด้านนี้ก็ต้องมีศึกษามาบ้างอยู่แล้ว แต่ที่เขาพยายามคะยั้นคะยอเอาสิ่งนี้ให้เธอให้ได้ คงไม่ได้ทำเพราะต้องการเอาใจหรอกใช่ไหม

“เอาไปเถอะ เฮียจ่ายได้”

คนอย่างเขาไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงิน ยังไงก็มีให้เหลือๆ อยู่แล้ว แม้ว่าเธอจะปฏิเสธแค่ไหนเขาก็ยังรั้นจะซื้อให้อยู่ดี สุดท้ายก็จัดการเปลี่ยนซิมให้พนักงานตั้งค่าเบื้องต้นให้เสร็จสรรพ พร้อมบังคับเธอเลือกเคสที่ชอบแล้วรูดจ่ายเงินโดยไม่ให้โอกาสปฏิเสธเลยสักคำ

เอาเถอะ เขาอยากทำอะไรก็ทำเลย ยังไงเธอก็ขัดอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้วนี่ ทำได้แค่รับมือถือมาอย่างเงียบๆ แล้วยัดใส่กระเป๋าสะพายด้วยความระมัดระวัง มือถือแพงขนาดนี้เพิ่งจะเคยใช้เป็นครั้งแรก ตัวเธอเป็นคนมือไม้ลื่นทำของตกเป็นประจำ กลัวว่าใช้ไปแค่ไม่กี่วันสภาพจะเหมือนเครื่องก่อนหน้าที่พังไป

“ขอบคุณนะคะ แต่ว่าราคามันสูงกว่าเครื่องเก่าของหนูมาก เดี๋ยวถ้าหนูทำงานมีเงินแล้วจะใช้คืนให้”

เธอว่าขณะเดินออกมาจากร้านมือถือ ทว่าในจังหวะที่มัวแต่ง่วนอยู่กับการรูดซิปกระเป๋าไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินนำหน้า เขาหยุดเดินกะทันหันเลยทำให้เธอชนเข้ากับแผ่นหลังเขาดังปั้ก!

“โอ๊ย!”

ที่กระแทกเข้าไปเต็มๆ คือจมูก ความเจ็บจี๊ดทำให้เธอร้องออกมาด้วยความตกใจจนเขาหันมามองตาโตทันที

“โทษที เจ็บมากไหม”

มือหนาทั้งสองข้างประคองใบหน้าสวยเอาไว้แล้วมองปลายจมูกแดงเถือกของน้อง สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลทำให้มะเหมียวประหม่าเล็กน้อย เกือบลืมไปเลยว่านี่คือกลางห้างที่มีคนเดินไปเดินมาเต็มไปหมด

“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ หนูเดินไม่ระวังเอง”

“เดี๋ยวเป่าให้”

ฟู่ว

ลมอุ่นๆ มีกลิ่นมิ้นจางๆ เป่ารดที่ปลายจมูกทันทีที่เขาพูดจบ ไอ้ความเจ็บที่จมูกน่ะมันหายไปตั้งนานแล้วแหละ แต่ตอนนี้จากที่แดงแค่ปลายจมูกมันกำลังแดงไปทั้งหน้าเพราะความเขินแล้ว

อ้ากกกก เขาเข้ามาทำบ้าอะไรเนี่ย

“หายเจ็บแล้วเนอะ”

พูดจบก็แจกยิ้มไปหนึ่งทีแล้วหันหลังเดินนำหน้าไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอนี่สิ หน้าร้อนผ่าวใจเต้นแรงไปหมดจนแข้งขาไม่มีแรงจะเดินตามเขาแล้ว

หรือว่า...นี่คือการจีบอย่างที่เขาว่าจริงๆ ถ้านี่ถูกนับเป็นคะแนน ไม่ใช่ว่าเธอติ๊กให้คะแนนเขาไปกว่าครึ่งแล้วเหรอ

ไม่ได้ๆๆๆ เธอจะมาใจอ่อนอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาดมะเหมียว จีบคือจีบแล้วมันก็ต้องใช้เวลา เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเขาจะทำอะไรวันนี้เธอจะไม่ใจสั่นอีกเด็ดขาด!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   ตอนจบ ท้ายที่สุดแล้ว

    ใครๆ ต่างก็บอกว่า เธอช่างโชคดีจังเลย เกิดมาไม่มีอะไรสักอย่าง ครอบครัวก็กลางๆ หน้าตาก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมากมาย ขนาดถึงขั้นล้มละลายก็ยังมีครอบครัวว่าที่สามีเอ็นดูซัพพอร์ตเสมอ ล้มแต่ละครั้งเหมือนล้มลงบนฟูก จนถึงตอนนี้ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างแต่ก็ได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดหากเป็นเมื่อก่อนเธอคงนอยจนซึมไปหลายวัน แต่พอเล่าให้ภาคินทร์ฟัง เขาก็บอกว่าทำไมต้องสน คนพวกนั้นมีดีแค่พูดเรื่องคนอื่นไปวันๆ ไม่เห็นว่าชีวิตพวกเขาจะดีกว่าเราตรงไหน ครอบครัวล้มละลายแล้วยังไง ต้องพึ่งพาครอบครัวสามีแล้วยังไง การมีคนที่พร้อมหนุนหลังเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังไงก็ดีกว่าตัวคนเดียวไม่ใช่หรือไงเพราะอย่างนั้น...เธอจึงปล่อยวางทุกอย่าง ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วเข้าพิธีแต่งงานโดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไปต่อหน้าผู้คนมากมายที่มาร่วมยินดีในวันแห่งความสุขของหลานชายคนโตตระกูลคัลเลน ต่อหน้าเพลงบรรเลงที่ดังคลออยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่อหน้าดอกไม้ ผ้าประดับ เธอยังคงสั่นด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าทุกก้าวบนพรมสีขาวที่นำไปสู่แท่นพิธี คือจุดจบของความวุ่นวายทั้งหมดที่ชีวิตได้เจอมาชีวิตที่ตกหลุมรัก

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 31 จุดจบของคนหักหลัง

    “ปล่อยกู กูบอกว่าให้ปล่อยกู!!”วัชระถูกจับกุมตัวในที่สุด เขาถูกตั้งข้อหาหนักทั้งทำร้ายร่างกาย ฉ้อโกง รวมไปถึงพยายามฆ่า ภาคินทร์ทำทุกอย่างแม้แต่การใช้อำนาจในทางมิชอบ ทำให้เขาไม่ได้รับการประกันตัว แต่คนอย่างวัชระมีหรือจะยอม ทุกครั้งที่มีคนเข้าเยี่ยมเขามักจะโวยวายขอประกันตัวสู้คดี แต่คงไม่คิดว่าทุกครั้งจะเป็นภาคินทร์ที่เข้ามาเขาไม่ยอมให้มะเหมียวหรือใครได้เจอผู้ชายคนนี้อย่างเด็ดขาด เรื่องบางเรื่อง คนของเขาช้ำใจแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว อย่ามาเสียใจกับอะไรเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกเลย อีกอย่างงานแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้ว เขาไม่อยากให้มีอะไรมากระทบทั้งนั้นแต่เห็นคนในชุดนักโทษแล้วก็อดเวทนาไม่ได้ คนพวกนี้ทรยศครอบครัว หักหลังโดยคิดถึงแค่ผลประโยชน์ แค่ความพึงพอใจของตัวเอง สมควรแล้วที่จะต้องทรมานไปตลอดชีวิต“กูบอกว่าให้ปล่อยกูไง ไปเรียกทนายมาเดี๋ยวนี้ แล้วนี่ลูกเมียกูอยู่ไหน ทำไมไม่เห็นมีใครมาเยี่ยมเลย โธ่เว้ย!!!”วัชระทุบกระจกหนาตรงหน้าด้วยความหัวเสีย ระหว่างภาคินทร์และเขานอกจากกระจกหนาที่กั้นเอาไว้ยังมีตาข่ายเหล็กอีกชั้น ทั้งคนในห้องขังยังมีกุญแจมือสวมอยู่อีก อิสระที่หายไปในชั่วพริบตาเพียงเพราะความขาดการ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 30 ไม่มีวัน

    “กรี๊— อุ๊บ!”มะเหมียวเผลอหลุดกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ ในจังหวะที่เธอหันมาแล้วเจอว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลังโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไร ทว่าเพียงแค่อ้าปากยังไม่ทันได้ส่งเสียง กลับถูกมือเย็นๆ อุดปากเอาไว้ก่อน“ชู่ว อย่าเสียงดัง นี่โรงพยาบาลนะ”คนตรงหน้ายกมือขึ้นแตะปากตัวเองพลางบอกให้เธอเงียบ ดวงตาที่เบิกโพลงเริ่มมีน้ำตาคลอเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ตรงนี้คือใครไอ้เฮียบ้า เขานี่เอง“ฮึก...” คนที่ทั้งกลัวทั้งตกใจเริ่มสะอึกสะอื้น น้ำตาไหลลงมาเป็นทางโดนใส่มือภาคินทร์ที่ปิดปากของเธออยู่ เขาตกใจรีบปล่อยเธอให้เป็นอิสระก่อนจะถามเสียงตื่น“เป็นอะไรครับ เฮียขอโทษที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ตกใจมากไหมมาโอ๋ๆ นะ”เขารั้งคนตัวเล็กเข้ามากอดจนทั้งตัวจมอก เสียงสะอื้นไม่มีท่าทีสงบลงง่ายๆ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยกมือขึ้นลูบหัวคนน้องเบาๆ แล้วพูดปลอบใจเท่านั้น“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว”“ฮึก...ฮือ...”ตกใจเรื่องที่เขาเล่นอะไรไม่รู้เรื่องก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิมคงไม่พ้นเรื่องที่คิดอยู่ก่อนหน้านี้ มันอึดอัดมากจริงๆ ยากจะหาที่ระบายในยามที่ทุกคนต่างก็กำลังเครียด ทำได้แค่ร้องไห

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 29 ทำไมต้องทำขนาดนี้

    เมื่อวานเกิดเรื่องที่บริษัทนิดหน่อย เขาไม่คิดว่าจู่ๆ คนที่ไม่ควรจะอยู่ที่นั่นมากที่สุดกลับไปโผล่ที่บริษัทหน้าตาเฉยวัชระ พ่อของมะเหมียวเขาเป็นประธานบริษัทเล็กๆ ที่ทำด้านส่งออกบรรจุภัณฑ์พลาสติก เมื่อก่อนคุณย่าของเขาก็เคยร่วมหุ้นด้วยแต่พอเพื่อนรักอย่างคุณยายของมะเหมียวเสียท่านก็ขายหุ้นทิ้งและไม่ได้สนใจบริษัทนั้นอีก ภาคินทร์เพิ่งจะได้ข่าวว่าบริษัทขาดทุนหนักและกำลังจะล้มละลายแต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วอย่างนี้“คือว่า...อา...แค่เห็นว่าเราสองครอบครัวกำลังจะเกี่ยวดองกัน”ร้อยวันพันปีคนอย่างวัชระไม่เคยคิดเข้ามาข้องเกี่ยวกับตระกูลคัลเลน อย่าว่าแต่เรื่องเกี่ยวดองกัน แม้แต่ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดที่ทางนี้ต้องเผชิญข่าวเสียหายก็ไม่เคยเห็นหัว มีแค่วันนั้นที่คุณย่าเชิญเขามาร่วมงานในฐานะแขกเลยได้พบกันมันทำให้เขารู้ว่าจริงๆ แล้วไม่ควรทำอย่างนั้นเลย คนพรรค์นี้ให้เกียรติไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับชีวิต ทั้งยังหาแต่เรื่องวุ่นวายมาให้“คุณอามีเรื่องอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”คุยนานไปก็มีแต่จะเสียเวลา เขารีบตรงเข้าประเด็นพร้อมทั้งหยิบมือถือขึ้นมาเล่นไปพลาง เขาไม่ได้กำลังทำตัวเสียมารยาทแต่กำลังหาข่าวของบริษัทนั

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 28 โดนจับได้

    ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้...วัชระนั่งทำแผลอยู่ในบ้านตัวเองด้วยความเจ็บใจ นึกถึงเรื่องที่บ้านหลังนั้นแล้วก็ได้แต่กัดฟันกรอด สองแม่ลูกนั่นมันกล้าดียังไงถึงทำกับเขาแบบนี้ ที่ผ่านมาลูกสาวของเขาเป็นเด็กดี ว่าง่าย ไม่เคยเถียงพ่อแม้สักคำเดียว ทั้งหมดนี่ต้องเป็นความผิดของแม่มันอย่างไม่ต้องสงสัย“แล้วเรื่องที่ให้ไปคุยเป็นยังไงบ้างคะ เนี่ย ถ้าเราไม่หาเงินไปจ่ายค่าปรับในเดือนหน้าเราจะล้มละลายกันจริงแล้วนะคะ”กานพลู ภรรยาใหม่ของวัชระว่าด้วยสีหน้าหงุดหงิด หลังช่วยกันประคับประคองบริษัทมาหลายปีแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ติดหนี้หัวโตกำลังถูกฟ้องล้มละลาย โชคยังดีที่มีเงินสดติดตัวอยู่บ้างให้พอได้ซื้อข้าวกินไปวันๆ แต่เรื่องหนี้สินก็เป็นเรื่องที่เจ้าหล่อนคิดไม่ตกคิดแล้วก็อยากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ตอนนั้นไม่น่าเห็นแก่เงินเป็นชู้กับผัวชาวบ้านจนมีลูกด้วยกัน วัชระในตอนนั้นทั้งหล่อทั้งรวย เป็นลูกเขยของตระกูลที่มีทรัพย์สินกว่าห้าร้อยล้าน ซ้ำตอนที่เผลอใจมีอะไรกันหลายครั้งจนตั้งท้อง เขายังบอกให้หล่อนเก็บเรื่องลูกไว้เป็นความลับ จะเลี้ยงดูปูเสื่อสองแม่ลูกอย่างดีไม่ให้ลำบากเรื่องมาโป๊ะแตกตอนที่ลูกสาวคนเล็กของเขาอ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 27 แค่บางที...

    พ่อออกไปแล้ว ทิ้งความเงียบหลังความวุ่นวายเอาไว้ที่เบื้องหลัง ยอมรับว่าเรื่องเมื่อกี้เธอตกใจมากๆ จนแทบสติแตก แต่พอเห็นว่าแม่ที่จิตใจไม่ปกติพยายามอย่างมากที่จะเข้มแข็งเพื่อต่อต้านพ่อเป็นครั้งแรก ลูกสาวอย่างเธอจึงต้องพยายามฮึบเพื่อไม่ให้แม่ต้องดิ่งมากไปกว่านี้เธอพาแม่ขึ้นมาบนห้องแล้ววานแม่บ้านมาทำความสะอาดเศษแก้วให้ ก่อนจะส่งแม่เข้านอนโดยไม่พูดหรือไม่ถามอะไรแม่สักคำแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าระหว่างเราสองแม่ลูกจะไม่มีอะไรค้างคาอยู่ในใจ“เหมียวลูก...”ก่อนจะล้มตัวลงนอนเป็นแม่ที่พูดขึ้นมาก่อน ฝ่ามือสั่นเทายกขึ้นมาลูบกรอบหน้าลูกสาวอย่างแผ่วเบา มองรอยตบที่ตอนนี้เริ่มจางลงไปบ้างแล้ว แต่ก็รับรู้ได้ว่าลูกคงเจ็บอยู่บ้าง“หนูเจ็บไหม แม่ขอโทษนะที่ปล่อยให้มันมาทำร้ายลูก”“ไม่เจ็บค่ะแม่ แม่ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ สมัยเรียนหนูก็ตบกับเพื่อนบ่อยจะตาย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่แรงตบเมื่อกี้ก็เริ่มทำพิษแล้วเช่นกัน เธอไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจมากไปกว่านี้ เรื่องแค่นี้เธอทนได้สบายมากอยู่แล้ว“แม่นอนพักนะคะ เรื่องวันนี้แม่ลืมมันไปซะ อย่าเก็บมาคิดอีก”“เหมียว แม่ถามจริงๆ นะลูก ถ้าเกิดว่าเฮียรู้เรื่องบ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status