“คุณปฐพีอยากให้เอกช่วยดัดนิสัยของลูกสาวเขาน่ะ เอกพอจะทำได้ไหม”
“ผมไม่ใช่ครูนะครับแม่ที่จะฝึก จะดัดนิสัยใครได้ แถมนี่ยังเป็นผู้หญิงอีก”
“นะเอกนะ ถือว่าแม่ขอร้องก็แล้วกัน ลูกสาวของคุณปฐพีดื้อมาก ไม่มีใครปรามได้เลย ตอนนี้คุณปฐพีก็หวังพึ่งเอกของแม่นี่แหละ”
“ก็ได้ครับ แต่ผมโหดนะครับ ถ้าขัดคำสั่งเอาไม้เรียวฟาดก้นทันที”
แม่ของเขาหัวเราะชอบใจ
“คุณปฐพีบอกกับแม่ว่าตามสบายเลยไม่ขัดข้อง เพราะอยากให้ลูกสาวนิสัยดีขึ้นสักหน่อย เล็กน้อยก็ยังดี”
จำได้ว่าเขารับปากมารดาออกไป และหัวเราะอย่างขบขัน
“ได้ครับ แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะมีผู้หญิงที่ไหนนิสัยเสียเกินยายช่อลูกสาวคนโปรดของแม่อีกแล้วน่ะครับ”
“แหม เอกก็ว่าน้องอยู่เรื่อยเลย น้องยังเด็กอยู่ก็เห็นนี่น่า”
“คุณแม่ก็แบบนี้ทุกที”
เขาระบายยิ้มบางๆ ออกมา มองมารดาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ แม่ของเขาก็เป็นแบบนี้แหละ เข้าข้างช่อผกาจนจะกลายเป็นเด็กนิสัยเสียอยู่แล้ว
นี่คือบทสนทนาของเขากับมารดาเมื่อสองคืนก่อน และแน่นอนว่าเขาไม่อาจจะหลีกเลี่ยงภาระดัดนิสัยคุณหนูผู้ร่ำรวยได้อีกแล้ว
“ไว้เจอกันตอนเย็น คุณหนูฟ้าลดา”
“คุณหนูขา ออกไปเดินเล่นกันไหมคะ”
แววเอ่ยถามเมื่อเห็นเจ้านายสาวเอาแต่นอนเขี่ยโทรศัพท์มือถือเล่นอยู่บนเตียง
“ไม่เอาหรอก แดดร้อน เดี๋ยวผิวไหม้หมด”
“โธ่ คุณหนูขา นี่บ่ายสี่โมงกว่าแล้วค่ะ แดดอ่อนๆ แล้วล่ะค่ะ”
“ก็บอกว่าไม่ไปไงแวว เซ้าซี้อยู่ได้ เดี๋ยวไล่กลับกรุงเทพฯ เลยดีไหม”
แววยิ้มกว้างทันที “งั้นแววไปเก็บของเลยนะคะ”
“ยายแวว!”
“คะ คุณหนู” แววหน้าเจื่อนลง ในขณะที่ฟ้าลดาจ้องหน้าเขม็ง
“ฉันประชดยะ”
“แววก็นึกว่าเรื่องจริงเสียอีก” แววยิ้มหน้าเจื่อน
ฟ้าลดากระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียง จากนั้นก็ผุดลุกขึ้นนั่ง
“ไปก็ได้ แต่เธอเอาครีมกันแดดมาชโลมตัวให้ฉันก่อน ฉันไม่อยากดำรู้ไหม”
“ค่ะ คุณหนู”
แล้วฟ้าลดาก็ยื่นแขนยื่นขาให้กับแววทาครีมกันแดดให้ ในขณะที่สายตาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างโดยบังเอิญ
“ไร่องุ่นสวยเหมือนกันนะ เขียวขจีราวกับทุ่งหญ้า”
“คุณหนูชอบเหรอคะ” แววตาครีมกันแดดไปด้วยและถามไปด้วย
“ก็รู้สึกดีนะ แต่ยังไงก็สู้กรุงเทพฯ ไม่ได้หรอก ที่นั่นมีชีวิตชีวากว่าเยอะ”
“งั้นก็แสดงว่าคุณหนูจะกลับกรุงเทพฯ ทันทีเมื่อครบหนึ่งเดือนเหรอคะ”
“ใครว่าล่ะ ฉันจะกลับกรุงเทพฯ ทันทีเมื่อข่าวบ้าๆ นั่นซ่าแล้วต่างหาก”
“แต่คุณท่านบอกว่าหนึ่งเดือนนี่คะ”
“นั่นมันก็เรื่องของคุณพ่อ ไม่ใช่เรื่องของฉัน ว่าแต่เธอทาเร็วๆ สิ เสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้วค่ะ”
ฟ้าลดายกแขนของตัวเองขึ้นมาจ้องมอง
“นี่แวว แขนฉันยังทาไม่ทั่วเลย เดี๋ยวฉันผิวไหม้จะทำยังไง”
“เอ่อ แววก็ทาทั่วแล้วนี่คะ”
“ไม่ต้องเถียงเลย เอ๊าทาใหม่”
แววทำหน้าน่าสงสาร ก่อนจะทาให้ใหม่อีกรอบ และพอเสร็จสองสาวก็พากันเดินออกมาจากห้องพัก
“กางร่มให้ตรงๆ ฉันหน่อยสิแวว เห็นไหมว่าแดดยังแรงอยู่เลย”
ฟ้าลดาเดินย่องราวกับแขยงพื้นดินไปข้างหน้า
“แววก็กางดีแล้วนี่คะ”
“เถียงอีกแล้ว นี่เดี๋ยวออกไปซื้อร่มคันใหญ่กว่านี้มาเลยนะ นี่มันเล็กไป”
ฟ้าลดาพูดไปเดินไป และบ่นแววไปตลอดทาง
“แล้วนี่เราจะไปไหนกันเนี่ย”
“ก็เดินไปเรื่อยๆ ดีไหมคะ คุณหนูจะได้ดูองุ่นด้วย”
“อืม ก็ได้ ดีกว่านอนเหงาอยู่แต่ในห้อง”
ฟ้าลดาในร่มที่แววกางกันแดดให้เดินไปตามทางลูกรังและแน่นอนว่าบ่นตลอดทาง
“ว๊ายยยย...”
หล่อนรีบหลบเข้าข้างทางเมื่อรถคันหนึ่งวิ่งผ่านมา และทำฝุ่นสีแดงฟุ้งกระจายใส่หน้าของตัวเอง
“ไอ้บ้า ขับรถยังไงเนี่ย ไม่เห็นคนเดินหรือไง”
หญิงสาวตะโกนด่าตามหลังไป
“คุณหนูคะเป็นยังไงบ้างคะ” แววรีบทิ้งร่มและเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
“หน้าฉันมีแต่ขี้ฝุ่นนี่ไงล่ะ” หล่อนโกรธสุดๆ “คอยดูเถอะ ฉันจะต้องฆ่าไอ้คนขับรถให้ได้”
“อย่าไปสนใจเลยค่ะ ที่นี่เป็นถนนลูกรัง ก็เลยมีฝุ่นเยอะแบบนี้”
แววพยายามพูดให้เจ้านายสาวอารมณ์เย็นขึ้น แต่ดูท่าจะไม่ได้ผล
“ก็ถ้ามันขับช้ากว่านี้ ฝุ่นก็คงไม่เข้าหน้าฉันหรอก จริงไหมแวว”
“แต่... เขาก็ไม่ได้ขับเร็วนะคะ ฝุ่นมันคงเยอะเอง”
“นี่แวว! เธอเป็นคนของใครเนี่ย ทำไมชอบขัดฉันจังเลยล่ะ”
ฟ้าลดาเอ็ดตะโรด้วยความโมโห
“แวว... แววเป็นคนของคุณหนูค่ะ”
“ดีนี่ที่ยังจำได้ว่าใครจ่ายเงินเดือน”
แววหน้าเจื่อนและซีด ในขณะที่ฟ้าลดาหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“ไม่มีอารมณ์เดินเที่ยวแล้ว กลับเถอะ”
“เออ ค่ะ...”
แววรีบไปหยิบร่มมากางให้กับฟ้าลดาอย่างรวดเร็ว ขณะเดินเคียงข้างกันกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง
‘ผู้ชายที่จะปราบพยศฟ้าลดาได้ จะต้องสตรองเบอร์ไหนกันนะ’
แววเต็มไปด้วยความอ่อนอกอ่อนใจเป็นที่สุด
มื้อค่ำของไร่ภูพนาเต็มไปด้วยความวุ่นวายสุดขีด เมื่อฟ้าลดาที่แสนจะเจ้ายศเจ้าอย่าง กินอาหารพื้นบ้านบนโต๊ะไม่ได้สักอย่างเดียว
“นี่แกงอะไรคะ ฟ้ากินไม่เป็นค่ะ”
“อ่อมไก่จ้ะ อร่อยนะ หนูฟ้าลองชิมดูสิ”
อังกาบตักอ่อมไก่ใส่จานให้กับฟ้าลดาแต่หญิงสาวปัดทิ้งทันที จนหกเปื้อนเปรอะ
“ฟ้ากินไม่ลงค่ะ ไม่ชอบ”
หล่อนตอบตามนิสัยเอาแต่ใจ ก่อนจะหันไปหาแววคนใช้ของตนเอง
“แวว โทรไปสั่งอาหารที่ภัตตาคารให้หน่อย ฉันกินอาหารตรงหน้าไม่ลง”
แววหน้าตาเจื่อนลง เมื่อสบสายตาอ่อนใจของอังกาบ
ตอนที่ 57. ตอนอวสาน“ใครจะกล้าไปสารภาพรักกับคุณหนูขาวีนอย่างคุณกันล่ะ มีหวังถูกหัวเราะเยาะตายกันพอดี”หล่อนกับเขาสบตากัน และหล่อนก็ได้เห็นประกายความรักจากดวงตมคมกริบของเขาชัดเจน หัวใจของหล่อนฟูฟ่อง แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้“ถ้าฉันนิสัยไม่ดีขนาดนั้น ก็อย่ามายุ่งสิ ปล่อยฉันไปตามทางของฉัน”“ใครจะปล่อยเมียตัวเองไปได้ล่ะ ไม่มีวันเสียล่ะ ผมรักของผม”“แต่ฉันนิสัยไม่ดีนะ แถมยังชอบใส่จีสตริงด้วย”เขาหัวเราะร่วน ก้มลงจูบแก้มนวลอย่างแสนรัก“ใส่เฉพาะในห้องนอน ตอนอยู่กับผมบนเตียงน่ะไม่ว่าหรอก แต่ห้ามใส่ไปเดินอวดผู้ชายคนอื่น เพราะผมหึงคุณมาก เข้าใจไหม”หล่อนยังคงมึนงง และไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน“นาย... ไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม เรื่อง... ที่บอกว่ารักฉันน่ะ”ศีรษะทุยส่ายน้อยๆ ก่อนจะระบายยิ้มหวานฉ่ำให้กับหล่อน“เรื่องแบบนี้ใครเขาเอามาล้อเล่นหรือโกหกกันล่ะ ผมรักคุณจนแทบจะล้นออกมาจากอกอยู่แล้ว รักทั้งๆ ที่คิดเสมอว่าคุณเป็นผู้หญิงรักสนุก”“อีตาบ้า ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”“ผมรู้ก็ตอนที่ได้เข้าไปในตัวของคุณแล้วนั่นแหละ” เขาอมยิ้ม มองลึกเข้ามาในดวงตาคู่งามของหล่อน “ผมรักคุณนะฟ้าลดา ยิ่งได้กอด ได้จูบ ผมก็ยิ
ตอนที่ 56.“ผมจะแต่งงานกับฟ้าครับ ผมรักเธอ”ปฐพีระบายยิ้มโล่งอกออกมา“พูดแบบนี้ พูดเสียงดังๆ เลยนะ เวลาอยู่ต่อหน้ายายฟ้าน่ะ”“แต่ผม... ไม่รู้เลยครับว่าเธอไปอยู่ที่ไหนตอนนี้”ปฐพีหัวเราะร่วน “โอ๊ย... การตามหาตัวยายฟ้าน่ะไม่ยากหรอก”“คุณลุงหมายความว่ายังไงครับ”“เดี๋ยวดูจากข้อมูลการใช้บัตรเครดิตก็รู้แล้วล่ะพ่อเอกว่ายายฟ้าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน”เอกกวีได้ฟังคำพูดของปฐพีก็ระบายยิ้มออกมาอย่างโล่งอก“คุณหนูขา... เราจะไปช็อปปิ้งกันอีกแล้วเหรอคะ”แววที่เดินตามฟ้าลดาเข้ามาในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคตะวันออกเอ่ยถามด้วยความวิตกกังวล“ใช่ ฉันเครียด ช็อปปิ้งแล้วมันทำให้รู้สึกดีขึ้น”“แต่ที่ห้องพักของเรามันแทบจะไม่มีที่เดินแล้วนะคะคุณหนู มีแต่ของที่ซื้อไว้เต็มห้องไปหมดเลย”“งั้นฉันจะซื้อวันนี้อีกวัน พรุ่งนี้จะไม่ซื้ออะไรแล้ว โอเคไหมแวว”“ค่ะคุณหนู”ฟ้าลดาเดินตรงหน้าไปในร้านเสื้อผ้ายี่ห้อดัง หยิบทุกชุดที่อยู่ตรงหน้าส่งให้แววถือ จนแววต้องรีบเตือนสติเพราะเกรงว่าคุณหนูของตัวเองจะไม่มีมือหิ้วกลับห้อง“คุณหนูขา พอเถอะค่ะ นี่ก็สิบกว่าชุดแล้วนะคะ”“ก็ได้”ฟ้าลดาแขวนชุดเดรสสีดำคืนที่เดิม ก่อนจะหันมาห
ตอนที่ 55.“ก็คุณหนูฟ้าลดาคนสวยไงครับ”“บ้า ฉันจะไปงอนนายทำไมกันล่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย อ๊ะ... อื้อ... อย่าขยับแบบนี้สิ คนบ้า อื้อ... อ๊า... อา...”หล่อนครวญครางเลยทีเดียวเมื่อคนที่นอนทับนิ่งๆ อยู่เคลื่อนไหวสะโพกเป็นวงกลม คลึงเค้นจนหล่อนเสียวสะท้าน“ก็ผมอยากจะยืนยันไงครับว่าเราสองคนเป็นอะไรกันแค่ไหน”หล่อนแก้มแดงก่ำ และก็อดตัดพ้อไปอย่างน้อยใจไม่ได้“ก็แค่เซ็กซ์เท่านั้นแหละ”“ถึงจะเป็นแค่เซ็กซ์ แต่มันก็ทำให้เราสองคนได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ผมว่าชีวีตคู่หากไม่มีเซ็กซ์เป็นส่วนประกอบก็คงจะจืดชืดมากเลยทีเดียว”“ไอ้คนบ้ากาม”“ผมบ้าคุณต่างหาก เมียจ๋า...”“นี่อย่ามาพูดแบบนี้นะ ออกไปจากตัวฉันเลย”“อย่าไล่ผัวสิครับ” เขาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานและระดมพรมจูบหล่อนทั้งใบหน้า มือใหญ่ก็บีบเค้นเต้าอวบตลอดเวลา“นายรักฉันหรือเปล่า”ในที่สุดหล่อนก็ตัดสินใจถามออกมา และจ้องหน้าเขาอย่างรอคอยคำตอบเอกกวีระบายยิ้มอ่อนโยน มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่งามของภรรยาคนสวย“ผมจะพิสูจน์ให้คุณดู ฟ้าลดา”แล้วเขาก็ก้มลงมาบดขยี้ปากอิ่มของหล่อน ปลุกเร้าให้หล่อนร้อนผ่าวและร้อนฉ่าพรักพร้อมต่อเกมสวาทของเขาอีกครั้งหล่อนอยากฟังคำตอบ
ตอนที่ 54. ฝ่ามือกางออกเค้นคลึงจนยอดถันแข็งชันเป็นไต นิ้วยาวถูไถจนเม็ดทรวงเคร่งครัด ก่อนจะส่งเข้าไปในอุ้งปาก ดูดอมมันอย่างเอร็ดลิ้น ทั้งกัดทั้งดูดทั้งเลียจนสาวน้อยกรีดร้องทรมานร่างอวบอัดส่ายระริก ดิ้นพล่านด้วยความเสียวกระสัน หยาดน้ำสวาทไหลซึมออกมาจนกลีบสาวเปียกชุ่ม ความร้อนฉ่าอัดแน่นอยู่เต็มซอกขา“อ๊า... อา... อ๊า...”หล่อนกรีดร้องด้วยความเสียวซ่านทรมาน ยิ่งยามที่เขาดูดเม็ดทรวงแรงๆ ตามด้วยการขบกัดด้วยแล้ว หล่อนก็ยิ่งแสนรัญจวน ร่างสาวลอยสูงขึ้นทุกขณะ“อ๊า... อา... เอก... เอกขา...”เขาคลายยอดถันออกจากปาก เลื่อนหน้าต่ำลงไปยังหน้าท้อง สองมือเลื่อนนำหน้าลงไปกระชากต้นขาอวบให้แยกกว้างออกจากกัน ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำลดต่ำลงไปอยู่ที่เนินสวาทพอดิบพอดีเสียงคำรามด้วยความพึงพอใจจากปากหยักสวยดังขึ้นไม่หยุด นิ้วยาวค่อยๆ แยกแย้มกลีบนางออก ดวงตาคมกริบจับจ้องมองสีสันความงดงามนั้นด้วยความตื่นตะลึง เขารู้สึกพรึงเพริดทุกครั้งที่ได้จับจ้องกับความอูมอวบของฟ้าลดา“สีสวยเหลือเกินฟ้าจ๋า...”หล่อนจิกเล็บลงกับศีรษะของเขา และกรีดร้องไม่หยุด เมื่อกลีบสาวถูกโจมตีด้วยปากด้วยลิ้น และนิ้วมื
ตอนที่ 53.“ไปเถอะแวว ฉันรับรองด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่าจะไม่ทำร้ายคุณหนูของแววให้ต้องเจ็บปวด ฉันจะพูดดีๆ กับคุณหนูของแววโอเคไหม”“ก็ได้ค่ะ แต่อย่าทำให้คุณหนูร้องไห้นะคะ”“รับรองครับ”แววเดินจากไปแล้ว เขาจึงหันมามองบานประตูไม้ตรงหน้า ยกมือขึ้นค้างอยู่กลางอากาศ ตั้งใจจะเคาะเรียก แต่ก็รู้ดีว่าเจ้าของห้องไม่มีทางยอมเปิดง่ายๆ แน่นอน ดังนั้นการไขกุญแจเข้าไปเลยจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดคนที่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงรีบดีดตัวลุกขึ้นทันที เมื่อเห็นประตูห้องเปิดออกโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับคนที่ปรากฏตัวขึ้นหลังบานประตูไม้“นาย...”หล่อนช็อกค้าง ตาเบิกกว้าง ปากเผยอจนน้ำลายไหลย้อยออกมาคนตัวโตระบายยิ้มอ่อนๆ ก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาหา และดึงประตูให้ปิดสนิทลง พร้อมกับล็อกอย่างแน่นหนา“นี่ผัวนะไม่ใช่ผี ไม่ต้องทำหน้าตกใจแบบนั้นก็ได้ ฟ้าลดา”“นาย... มาได้ยังไง”“ขับรถมาครับ”“แล้ว... เข้ามาทำไม”เขาอมยิ้มน้อยๆ ก้าวเดินเข้ามาหา หญิงสาวตัวแข็งทื่อขยับไม่ได้“ก็เข้ามาหาเมียไงครับ”“ออกไปนะ ใครเป็นเมียนาย”เขามาหยุดยืนที่ขอบเตียง และมองหล่อนทั้งตัว มองด้วยสายตาเป็นเจ้าข้าวเจ้า
ตอนที่ 52.ฟ้าลดาจำรถของเอกกวีได้ ทันทีที่เห็นมันแล่นเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์ของตัวเองเท่านั้น หล่อนก็รีบโกยแน๊บขึ้นห้องนอนและล็อกประตูอย่างแน่นหนาเลยทีเดียว พร้อมกับกำชับแววไว้ ให้บอกว่าหล่อนไม่อยู่ไปบวชชีสามปีนั่นแหละถึงจะกลับมาแววรีบออกมาต้อนรับเอกกวีที่หน้าบ้านตามหน้าที่ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะไม่ชอบที่จะโกหกแต่ก็เลี่ยงไม่ได้“สวัสดีค่ะคุณเอก ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่คะ”เอกกวียิ้มตอบให้กับแวว“ไม่ได้มีลมอะไรหอบฉันมาหรอก ฉันตั้งใจมาที่นี่ด้วยตัวเองเลยแหละ”“เอ่อ ตั้งใจเลยเหรอคะ”“อืม”เอกกวีพยักหน้ารับ ก่อนจะชะเง้อคอมองเข้าไปภายในคฤหาสน์หลังงามเบื้องหน้า“คุณลุงอยู่ไหมครับ แวว”“อยู่ค่ะ เดี๋ยวเชิญคุณเอกเข้าไปนั่งดื่มน้ำเย็นๆ ในห้องรับแขกนะคะ แล้วแววจะไปเรียนคุณท่านให้ค่ะว่าคุณเอกมาขอพบ”“ขอบใจมาก” เอกกวีระบายยิ้ม“เชิญค่ะ”แววทำหน้าที่เชื้อเชิญแขกเข้าไปในบ้าน เอกกวีเดินตามไป แต่ก็อดที่จะเงยหน้าขึ้นมองชั้นบนของบ้านไม่ได้ และก็ได้เห็นเงาของใครบางคนแอบอยู่หลังม่านในห้องหนึ่ง เขาระบายยิ้มน้อยๆ และรีบก้าวตามแววไป“เชิญนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวแววไปเรียนคุณท่านก่อนค่ะ”เอกกวีพยักหน้ารับ ท