แชร์

2. ฉันคือ GM

ผู้เขียน: กะหล่ำหมี
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-26 11:39:10

ณ. บริษัท

“ขออเมริกาโน่เย็นคั่วเข้มไม่ใส่น้ำตาลหนึ่งแก้วค่ะ” ฉันเอ่ยกับบาริสต้าร้านกาแฟใต้ตึกที่ทำงาน เพื่อสั่งกาแฟ

“วันนี้คุณฟ้าเปลี่ยนเมล็ดสินะคะ” บาริสต้าเอ่ยทักเพราะโดยปกติแล้วฉันจะทานคั่วกลางเป็นประจำ

“พอดีอยากได้รสชาติเข้ม ๆ ขม ๆ  กว่าปกติหน่อยค่ะ”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณฟ้านั่งรอสักครู่นะคะ” ฉันส่งยิ้มให้ก่อนจะหาเก้าอี้นั่งเพื่อรอกาแฟ

บรรยากาศในบริษัท ผู้คนคึกคักเนืองแน่น เวลาแปดโมงเช้าเป็นเวลาที่พนักงานหลายคนกำลังทยอยกันเข้าบริษัท ฉันเองก็ไม่เคยขาดลามาสายเท่าไหร่ แม้ตำแหน่งที่เป็นอยู่จะสูง แต่ฉันก็เดินเตร็ดเตร่ไม่ต่างจากพนักงานทั่ว ๆ ไปจนพวกเขาชินตากันแล้ว

รูปลักษณ์ของฉัน ที่ใคร ๆ ในบริษัทต่างอธิบายกันปากต่อปากบอกว่าฉันเป็นคนหน้าดุ แต่ดวงตาก็คมสวย ผิวขาวค่อนไปซีด ผมยาวเกือบเอวสีดำขลับ หน้าม้าตัดตรงสวยเฉี่ยว นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนชวนให้ลุ่มหลงจนเผลอจ้องไม่กะพริบตา

ดูท่าคำพูดเหล่านี้สำหรับฉันมันออกจะเกินไปหน่อยละนะ ถ้าในเรื่องรูปลักษณ์ทุกคนก็พูดไปในทางที่ดีแหละ

แต่เมื่อเป็นเรื่องนิสัยใจคอล่ะก็คนละขั้วกันเลย บ้างก็บอกว่าฉันเป็นคนน่ากลัว เหี้ยมโหด ขึงขัง พูดกันปากต่อปาก จนทำให้พนักงานที่ไม่ได้คลุกคลีกับฉันต่างหวาดผวาทุกครั้งที่ต้องเข้ามาพบหรือโดนฉันเรียก

อันนี้ดูจริงอยู่หน่อย ฉันค่อนข้างจริงจังกับการทำงาน เน้นความเข้มงวดไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ปิดงานเร็ว เพื่อที่จะได้มีเวลาส่วนตัวไงล่ะ และเพราะฉันเป็นคนแบบนี้ แม้จะมีคนที่กลัวฉันอยู่มาก แต่พวกเขาก็ออกจะนับถือฉันในเรื่องความสามารถในการทำงานอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

‘ตื้ด............’ มือถือในกระเป๋าของฉันสั่น จึงทำให้ฉันต้องวางแก้วกาแฟลง พลางหยิบมือถือขึ้นมาดูปรากฏเป็นชื่อ ‘เพื่อนเวร’ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก มันคือท่าประธานของที่นี่นั่นแหละ

ฉันพิงพนักพิงเก้าอี้ นั่งไขว้ห้าง จากที่กำลังสบายอารมณ์ก็แปรเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดทันที ‘โทรมาแต่ละทีไม่เคยมีเรื่องดี ๆ สักครั้ง เฮ้อ’

“ว่าไง...”

(มาบริษัทรึยัง) ไอ้เพื่อนตัวดีเอ่ยวางมาดเจ้าของบริษัท

“มาแล้วค่ะ ท่านประธานมีธุระอะไรคะ” ฉันพูดหยอกไป

(คุณฟ้าครามพูดสุภาพกับผมแบบนี้ ผมขนลุกนะครับ)

“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ฉันกำลังดื่มด่ำกาแฟยามสายอยู่นะ เรื่องด่วนรึเปล่า” ฉันเปิดประเด็นเข้าเรื่องทันที ไม่อยากพูดอ้อมค้อม ไม่งั้นการสนทนาระหว่างฉันกับมันไม่จบแน่

(เดี๋ยวเข้ามาหาฉันที่ห้องหน่อย มีเรื่องด่วนต้องปรึกษากับแก)

“ได้ เดี๋ยวฉันขึ้นไป แค่นี้ใช่มั้ย”

(อืม)

ฉันวางสายจากการสนทนาไป ก่อนจะยกอเมริกาโน่ที่เหลือในแก้วดื่มให้หมด และเดินออกจากร้านกาแฟชั้นล่างในตึกทันที

‘ติ้ง...’ เสียงลิฟท์เปิดชั้น 32 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของตึกนี้ และเป็นห้องของท่านประธาน อย่างไอ้กรณ์เพื่อนฉัน

“สวัสดีค่ะคุณฟ้าคราม”

“สวัสดี กรณ์อยู่ด้านในใช่มั้ย ฉันมาพบเขา”

“ท่านประธานรอคุณฟ้าครามอยู่เลยค่ะ เชิญด้านในได้เลยค่ะ”

“คุณเลขาอยู่ด้านนอกนี่แหละ ฉันเข้าไปเองมีเรื่องสำคัญต้องพูดกับกรณ์มันด้วย”

“รับทราบค่ะ คุณฟ้าคราม”

ฉันเดินเข้าไปในห้อง พบร่างชายคนหนึ่งแอคท่ายืนหล่อ ทำเป็นมองทอดสายตาออกไปนอกตึก มือล้วงกระเป๋า (นึกว่าเท่มากรึไงฟ่ะ)

ฉันเดินลงนั่งเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของมัน ก่อนจะเท้าคาง เคาะมือลงบนโต๊ะนั่นด้วยท่าทีเบื่อหน่าย

‘ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก’

“แกมีเรื่องด่วนจะคุยอะไรกับฉัน” ไอ้กรณ์ที่กำลังยืนแอคท่าค่อย ๆ หันหน้ามามองฉันพลางเสยผมสุดวางมาดเท่ ก่อนจะนั่งลงส่งยิ้มอันแสนสะอิดสะเอียดมา อึ๋ย!!!...เสียดายลูกตาชะมัด

“เฮ้ย!!  ทำไมต้องมองฉันด้วยสายตาแหวะแบบนั้นวะ”

“ก็ใครใช้ให้มึงทำท่าทีขนลุกแบบนั้นกันเหล่าเก็บไว้ทำกับสาว ๆ ในสต๊อกมึงเหอะ จะอ้วกแล้วเนี่ย”

“แกล้งนิดแกล้งหน่อยก็ไม่ได้ ช่วยอ่อนหวานให้กันบ้างได้มั้ยเพื่อน”

“...” ฉันไม่พูดอะไร แต่มองค้อนใส่อย่างหาเรื่อง

“โอเคมาเข้าเรื่องกันดีกว่า เย็นนี้มึงไปคุยงานที่โรงแรมเป็นเพื่อนกูหน่อย”

“กู ?” ฉันชี้ตัวเองพลางเลิกคิ้วมองไอ้กรณ์

“ใช่” ไอ้กรณ์ปรับลุคให้กลับมาเข้มปกติ ให้สมกับท่านประธาน ฉันเองก็นั่งเผชิญหน้าด้วยท่าทีสุขุมพูดคุยด้วยความจริงจัง

เราสองคนแม้จะพูดไร้สาระ หรือแหย่กันไปมาบ้าง แต่เมื่อไหร่ที่ต้องคุยกันเรื่องงาน ก็จะจริงจังกันสุดขีดเช่นกัน นั่นจึงทำให้บริษัทนี้เติบโตก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

“มันไม่ใช่หน้าที่กูรึเปล่าวะกรณ์ ”

“ก็ใช่ แต่งานนี้มันสำคัญมาก กูไม่ไว้ใจคนอื่น”

“มึงไว้ใจกู ?”

“อืม อัตราความสำเร็จในการเจรจาธุรกิจของมึงมัน 100%”

“...” ฉันนั่งพิงพนักพิงเก้าอี้ กัดริมฝีปากจ้องมองเพื่อนตรงหน้าเพื่อครุ่นคิดบางอย่าง ดูท่าเรื่องนี้จะเป็นงานใหญ่จริง ๆ ท่าทีของไอ้กรณ์มันบอกฉันไว้หมด เพราะสนิทกันมากเลยแทบจะมองความคิดทะลุปรุโปร่ง “ขอฟังรายละเอียด”

คราวนี้ไอ้กรณ์ลุกขึ้นยืนอีกครั้งแถมยังเดินไปพูดไปจนทำเอาเวียนหัว

“งานนี้งานช้าง และมูลค่าก็สูงหลายร้อยล้านไม่สิอาจจะพันล้านเลยด้วยซ้ำ บริษัทเราต้องคว้าให้ได้”

“ห๊ะ...พันล้านงานอะไรวะเนี่ย ระดับนี้มันควรเรียกประชุมใหญ่ไม่ใช่รึไง” ฉันตกใจกับมูลค่างาน แถมยังจะให้ฉันไปดีลงานด้วยอีก

“มันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิโปรเจคนี้มีหลายร้อยบริษัทหวังที่จะรับโครงการนี้เลยนะ”

“ขอดูเอกสารโครงการนี้หน่อยได้มั้ย”

“อ่ะนี้” ไอ้กรณ์ยื่นเอกสารปึกหนึ่งให้ฉัน ฉันหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเปิดอ่านเงียบ ๆ โดยที่ไอ้กรณ์โทรสั่งให้เลขานำเครื่องดื่มและอาหารว่างเข้ามาให้ ดูท่าเรื่องนี้เราสองคนคงต้องคุยกันอีกยาว

ผ่านไปสักพัก หลังจากที่ฉันอ่านเอกสารนี้พอเข้าใจโครงการนี้คร่าว ๆ

“งานหินจริง ๆ นะเนี่ย บริษัทที่จะทำการรีโนเวทโรงแรมร้างนี้ ลงทุนมากเท่าไหร่กันนะ กูจำได้ว่ามูลค่าก่อนหน้าที่จะร้าง เห็นว่าก่อสร้างกันเป็นหมื่นล้าน”

“กูก็คิดว่ามันบ้าบิ่นมากที่จะมาลงทุนกับโรงแรมร้างแบบนั้นเหมือนกัน เห็นว่าเป็นกลุ่มนายทุนเศรษฐีต่างชาติ ต้องการเอามาทำโรงแรมบวกบ่อนพนัน”

“บ่อนพนัน!!!”

“ใช่ ดังนั้น หากพวกเราได้ร่วมโครงการในส่วนออกแบบห้องพัก จำนวนห้องมากกว่าร้อยห้องนี้ล่ะก็รับรองผลกำไรปีนี้กระฉูด” ไอ้กรณ์เอ่ยพลางทำหน้าตาระยิบระยับ

“มันก็ดูน่าทำอยู่หรอก แต่เกี่ยวกับบ่อนด้วยแบบนี้ พวกเราจะไม่เดือนร้อนใช่มั้ย” ฉันพูดด้วยความระแวง

“ไม่หรอกฟ้า เรามีหน้าที่แค่ตกแต่ง ออกแบบห้องพักแค่นั้น อีกอย่างอิทธิพลของกลุ่มนายทุนเศรษฐีกลุ่มนี้ สามารถทำอะไรก็ได้เลยนะ ดังนั้นนอกจากจะไม่โดนกฎหมายเล่นงานแล้ว เงินเหลือ ๆ ในการจ่ายไม่มีเบี้ยวแน่นอน ประธานอย่างกูสืบมาดีแล้ว”

“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจยาว จริงอยู่ที่ว่าไม่ว่าครั้งไหนที่ฉันออกไปดีลหรือต่อรองฉันทำสำเร็จเสมอ แต่กับงานนี้ฉันรู้สึกแปลก ๆ ไปหมด แถมไม่มีความมั่นใจขึ้นมา แต่เมื่อฉันเองก็เป็นผู้ถือหุ้น และ ท่านประธานตรงหน้าต้องการให้ฉันทำขนาดนี้ ยังไงฉันก็ต้องรับอยู่แล้ว เพราะผลประโยชน์นี้ ฉันก็ได้รับเต็ม ๆ เหมือนกัน

“บริษัทเราต้องการงานนี้จริง ๆ ฟ้ามึงคิดว่าจะทำได้มั้ย” กรณ์จ้องมองฉันอย่างคาดหวัง

“เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วนนี่ ได้กูรับงานนี้”

“ดีมากเพื่อน งั้นค่ำนี้เจอกันที่โรงแรมแกรนด์ปาร์ค แต่งตัวสวย ๆ ด้วยล่ะ ต้องข่มบริษัทอื่นให้ได้ โครงการใหญ่นี้ต้องเป็นของพวกเรา”

“เอ่อ...รู้แล้ว”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • HEART EYES ดวงตาสื่อรัก   31. ความเป็น ความตาย–

    31- ความเป็น ความตาย–“ช่วยด้วย......” ร่างของฉันกระตุกดีดตัวขึ้นร้องเสียงดังไปทั่วห้อง ดวงตาบวมเป่งจากการร้องไห้อย่างหนัก ใบหน้าผุดเหงื่อจากอาการหวาดผวา ฉันหอบหายใจรัวระรินราวกับขาดอากาศหายใจเจียนตาย นั่นมันไม่ใช่ความฝันหรอก แต่สถานที่แห่งนั้นคือเส้นแบ่งระหว่างความเป็นกับความตาย ฉันนึกว่าฉันจะไม่รอดกลับมาในโลกคนเป็นซะแล้ว พอคิดแบบนั้นก็พาลทำให้รู้สึกแย่แทบบ้าแล้วอะไรที่ทำให้ฉันกลับมาได้กันนะ นั่นคือสิ่งที่สมองฉันกำลังคิด“เป็นอะไร ฝันร้ายเหรอครับ” เสียงเข้มดังขึ้นนั่นจึงทำให้ฉันหลุดจากภวังค์เหม่อลอย ฉันเพิ่งจะรู้ตัวว่า มือของฉันถูกกุมไว้ด้วยมือหนาตั้งแต่ต้น และเขาเองก็นอนอยู่ข้าง ๆ ฉันมาตลอด เพียงฉันหันหน้าไปมองเขาความกลัวจนอกสั่นขวัญแขวนก็พลอยรู้สึกปลอดภัยขึ้นเขาละมือหนาออกจากมือฉันก่อนจะดึงฉันเข้าสวมกอดพลางลูบหัวอย่างอ่อนโยน“ฝันร้ายเหรอครับ ไม่เป็นไรผมอยู่ตรงนี้ตลอด คุณจะไม่เป็นไร คุณฟ้า” เพียงคำพูดของเขาเปล่งออกมา นั่นก็ทำให้ฉันร้องไห้ขึ้นอีกครั้ง มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความกลัว หรือ เสียใจ แต่มันเป็นน้ำตาแห่งความรู้สึกดี อบอุ่นซาบซึ้งใจจนเอ่อล้นสองมือของฉัน โอบกอดเอวของเขาก่อนจะซ

  • HEART EYES ดวงตาสื่อรัก   30. รู้ว่าเสี่ยง...แต่คงต้องขอลอง

    30- รู้ว่าเสี่ยง...แต่คงต้องขอลอง –ฉันคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องพลางมองนาฬิกาข้อมือ“21.00 น. ยังพอมีเวลา น่าจะได้ความคืบหน้าอะไรมาสักหน่อยล่ะนะ” ฉันเดินตรงดิ่งผ่านตึก B ซึ่งฉันมีบัตรผ่านอยู่เพราะเป็นผู้ร่วมดูแลความรับผิดชอบ แต่เมื่อไปเกือบถึงตึก C ฉันก็ต้องค่อย ๆ ลัดเลาะมองซ้ายขวาเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น ขืนมีคนมาเห็นเข้ามีหวังโดนมองเป็นผู้ต้องสงสัยไปอีกคนฉันเดินมาจนถึงทางเข้าตึก C ทางหนึ่งซึ่งไม่ใช่ทางหลัก พยายามยืนนิ่ง ๆ ก่อนที่ผีคุณปานจะปรากฏ“คุณปานว่าไงคะ ได้คุยกับวิญญานตนนั้นรึยัง” ฉันหันไปพูดกับผีคุณปานที่ตอนนี้ลอยอยู่ใกล้ ๆ ฉัน‘ค่ะ แต่ เขา ยัง เอา แต่ เสีย สติ เพราะ บ่วง ห่วง อยู่ ค่ะ ไม่ ต่าง จาก ปาน’ ผีคุณปานพูดด้วยความหดหู่ ทั้งที่เรื่องเขาเองก็น่าหดหู่อยู่แล้ว“คุณปานช่วยทำยังไงก็ได้ให้เขามาตรงนี้ได้มั้ยคะ คือฟ้าเข้าไปด้านในไม่ได้จริง ๆ มันอันตรายเกินไป” ฉันทำหน้าวิงวอนผีคุณปาน ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับก่อนจะหายวับไปอีกครั้งฉันเดินไปมาเงียบ ๆ พลางก้มมองดูนาฬิกา ด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ เพราะไม่อยากอยู่นานกลัวถูกจับได้ฉันกัดนิ้วหัวแม่โป้งด้วยความกังวลจนเป็นรอย ไม่นานผีคุณปานก

  • HEART EYES ดวงตาสื่อรัก   29. คดีอุบัติเหตุ หรือ ฆาตกรรม –

    29- คดีอุบัติเหตุ หรือ ฆาตกรรม –หลังว่าสาย ไม่มีคำพูดใด ๆ ของพวกเรา ต่างคนต่างรีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ เก็บของสำคัญลงกระเป๋าก่อนจะรีบวิ่งแจ้นออกจากบ้านไปที่รถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านทันที‘บรืน............’ รถของพวกเรามุ่งหน้าไปทางท่าเรืออย่างเร่งด่วนตอนนี้ ไม่มีเวลาแม้แต่จะสนใจกัน ใบหน้าของคนขับรถเข้มดุ คิ้วขมวด กัดริมฝีปากบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ส่วนฉันเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เมื่อปลายสายที่โทรเข้ามาคือไอ้กรณ์ มันโทรมาเพื่อจะถามข่าวเกี่ยวกับศพบนโรงแรมที่กำลังเป็นข่าวไปทั่วเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน แต่เพราะฉันไม่ได้อยู่ที่นั่น เลยให้คำตอบมันไม่ได้ฉันก็ต้องตื่นตระหนกอยู่แล้ว เพราะทำงานที่นั่น แต่คนที่ควรจะเครียดมากกว่าฉัน มันก็ต้องเป็นคนข้าง ๆ อย่างเขาเนี่ยแหละ เพราะโรงแรมแห่งนี้ยังไม่ทันจะเปิดให้บริการแต่กลับมีศพบนเกาะแน่นอนว่าถ้าข่าวสะพัดไปเป็นวงกว้าง ผลกระทบที่ตามมามันมากมายแน่นอนเรามาถึงท่าเรือ และเลือกที่จะนั่งสปีดโบ๊ทเพราะต้องการไปถึงเกาะให้เร็วที่สุด เมื่อเรือเทียบท่า คุณเอ็ดเวิร์ดก็เดินเข้มเข้าไปในโรงแรมทันทีพร้อมกับเรียกประชุมด่วนของพนักงานในบริษัท (ก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉันล่ะนะ)ฉันเด

  • HEART EYES ดวงตาสื่อรัก   28. อยากรักต้องกล้าหน่อย

    28- อยากรักต้องกล้าหน่อย –เช้าวันใหม่ฉันตื่นขึ้นมาหาววอด ๆ พลางกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อค่อย ๆ รับแสง อาทิตย์ที่สาดเข้ามาผ่านกระจกระเบียงพอสร่างเมาแล้วความคิดต่าง ๆ ก็ถาโถมเข้ามาในสมองไม่หยุดไม่หย่อนฉันรู้ว่าตัวฉันไม่สามารถจะโหวกเหวกโวยวายได้ เพราะเวลาฉันเมาแล้วนั้น มันมักจะลืมตัวทำอะไรในแบบที่ปกติฉันไม่มีทางทำแน่ ๆแต่มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันหงุดหงิดทุกทีจริงๆ ขนาดฉันปล่อยเนื้อปล่อยตัวขนาดนี้ เขาแค่นอนทื่อ ๆ สวมกอดฉันก็เท่านั้น พาลทำให้หงุดหงิดอะไรก็ไม่รู้ จนตอนนี้อยากจะลุกขึ้นออกไปสูดอากาศให้รู้สึกหัวโล่งซะหน่อยเพียงที่ฉันคิดจะลุกขึ้น ฉันก็รู้สึกว่าร่างของฉันถูกพันธนาการด้วยสองแขนแกร่งแน่น ใบหน้าของเขาอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าฉันมากนัก มันสามารถมองชัดจนเห็นขนตางอนของเขาที่รับกับใบหน้าได้เลยฉันจึงไม่พยายามขยับอีกเพราะกลัวเขาตื่น แต่กลับจ้องมองเขาด้วยความถวิลหา อิฟ้ามันก็ผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้ชายหล่อมาก ๆ ก็ค่อนไปทางสเปกแถมอยู่ห่างไม่ถึงคืบจะไม่ให้หวั่นไหวได้ไงอ่ะพวกแก“คุณฟ้า จะจ้องผมนานมั้ยครับ” เสียงเข้มแหบพร่า เพราะว่าเพิ่งตื่นนอนเอ่ยขึ้น แต่ดวงตาของเขาก็ไม่ได้เปิดออกแต่อย่างใด“ฉันไม่

  • HEART EYES ดวงตาสื่อรัก   27.  ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ(2)

    27- ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ(2) –ฉันพูดออกไป พลางเกยคางสะอื้นเบา ๆ เงียบ ๆ แบบนั้น เรี่ยวแรงหายหมด ทั้งยังปวดหัวตึก ตึก เป็นระยะ“คุณฟ้า...” เสียงเขาเรียกฉัน นั่นทำให้ฉันขยับใบหน้าเอียงมองเขาด้วยสายตามที่พริ้มด้วยอาการที่ยังมึนเมาค้างอยู่“คะ???”“ผมบอกคุณว่าวันนี้ไม่ต้องมาห้องผม แต่ผมไม่ได้บอกให้คุณออกมาเที่ยวนะครับ”“ละ..แล้วทำไมฉันจะออกมาเที่ยวไม่ได้ละคะ”“ก็คุณฟ้า พึ่งจะไม่สบายมานะครับ ผมก็เลยไม่ให้คุณมาห้องผม”“ไม่ใช่ว่าวันนี้ คุณต้องนอนกับผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ” ฉันเอ่ย หน้าเอียงคอถามเขา“ผู้หญิงคนนั้น?? คนไหน” เขาเอ่ยเสียงทุ้มเข้มมองหน้าฉันคิ้วขมวด เหอะ.... คงเยอะจนไม่รู้ว่าใครเป็นใครล่ะสิ“ก็คนสวย ๆ ในห้องทำงานของคุณเอ็ดเวิร์ดไงคะ ทำเป็นจำไม่ได้ ออกจะทอดสายตาหวานซึ้งขนาดนั้น” ฉันพูดพลางเบือนหน้าเกยบ่าเขาไป เพราะจู่ ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดทุกทีที่คิดถึงผู้หญิงคนนั้นของเขา“หึ... นี่คุณหึงผมเหรอคุณฟ้า” เพียงคำนั้นของเขาทำให้ฉันสะดุ้งมองหน้าเขาอย่างลนลาน“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงคะ ใคร..ใครหึงคุณกัน คุณจะนอนกับใครอะไรที่ไหนก็เรื่องของคุณเอ็ดเวิร์ดอยู่แล้ว ฉันเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่ใช่ผู้หญิง

  • HEART EYES ดวงตาสื่อรัก   26.  ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ(1)

    26- ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ(1) –เขาอุ้มฉันจะออกมาด้านนอก จวบจนเดินมาถึงรถยนต์ของเขา ความรู้สึกอึดอัดพาลให้ฉันหายใจโล่งขึ้น ใบหน้าของเขาพลันปรากฏต่อสายตาฉันชัดเจน และใกล้จนเขาน่าจะสามารถรับรู้การหายใจถี่ ๆ ขอฉันได้ ทำไมนะเหรอ ก็หัวใจเจ้ากรรมดันเต้นแรงตึกตัก ไม่รู้เพราะเมาเหล้า หรือเมารักแต่ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากไปกับเขาหรอก พอคิดว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน แถมเขาก็เพิ่งจะแยกกับผู้หญิงคนนั้นมา พาลทำให้ฉันอารมณ์เสียถ้าเขาจะงุนงง ว่าฉันเป็นบ้าอะไรคงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะฉันก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไร เรื่องงานฉันอาจจะเก่ง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แต่กับเรื่องความรักฉันไม่สันทัดจริง ๆ“คุณจะปล่อยฉันได้รึยัง” เพียงฉันพูดออกมา เขาก็คลายแขนปล่อยให้ฉันลง ฉันหันไปคว้ากระเป๋าใบเล็กของฉันที่เขาถืออยู่ก่อนจะหันหลังเดินออกไปดุ่ม ๆ มุ่งไปทางออกถนนใหญ่แบบไม่พูดอะไรถึงท่าเดินที่ไม่เป็นเส้นตรง แถมสายตาก็เบลอ ๆ ก็ไม่ทำให้ฉันกลับไปกับเขาหรอก“นั่น.... คุณจะไปไหน” เสียงของคุณเอ็ดเวิร์ดพูดตามหลังฉัน“กลับบ้าน....สิ” ฉันหันไปมองเขาพร้อมกับพูดไปแบบนั้นก่อนจะหันเดินต่อเพื่อออกไปยังถนนใหญ่“ผมบอกให้คุณ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status