 ログイン
ログインณ. บริษัท
“ขออเมริกาโน่เย็นคั่วเข้มไม่ใส่น้ำตาลหนึ่งแก้วค่ะ” ฉันเอ่ยกับบาริสต้าร้านกาแฟใต้ตึกที่ทำงาน เพื่อสั่งกาแฟ
“วันนี้คุณฟ้าเปลี่ยนเมล็ดสินะคะ” บาริสต้าเอ่ยทักเพราะโดยปกติแล้วฉันจะทานคั่วกลางเป็นประจำ
“พอดีอยากได้รสชาติเข้ม ๆ ขม ๆ กว่าปกติหน่อยค่ะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณฟ้านั่งรอสักครู่นะคะ” ฉันส่งยิ้มให้ก่อนจะหาเก้าอี้นั่งเพื่อรอกาแฟ
บรรยากาศในบริษัท ผู้คนคึกคักเนืองแน่น เวลาแปดโมงเช้าเป็นเวลาที่พนักงานหลายคนกำลังทยอยกันเข้าบริษัท ฉันเองก็ไม่เคยขาดลามาสายเท่าไหร่ แม้ตำแหน่งที่เป็นอยู่จะสูง แต่ฉันก็เดินเตร็ดเตร่ไม่ต่างจากพนักงานทั่ว ๆ ไปจนพวกเขาชินตากันแล้ว
รูปลักษณ์ของฉัน ที่ใคร ๆ ในบริษัทต่างอธิบายกันปากต่อปากบอกว่าฉันเป็นคนหน้าดุ แต่ดวงตาก็คมสวย ผิวขาวค่อนไปซีด ผมยาวเกือบเอวสีดำขลับ หน้าม้าตัดตรงสวยเฉี่ยว นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนชวนให้ลุ่มหลงจนเผลอจ้องไม่กะพริบตา
ดูท่าคำพูดเหล่านี้สำหรับฉันมันออกจะเกินไปหน่อยละนะ ถ้าในเรื่องรูปลักษณ์ทุกคนก็พูดไปในทางที่ดีแหละ
แต่เมื่อเป็นเรื่องนิสัยใจคอล่ะก็คนละขั้วกันเลย บ้างก็บอกว่าฉันเป็นคนน่ากลัว เหี้ยมโหด ขึงขัง พูดกันปากต่อปาก จนทำให้พนักงานที่ไม่ได้คลุกคลีกับฉันต่างหวาดผวาทุกครั้งที่ต้องเข้ามาพบหรือโดนฉันเรียก
อันนี้ดูจริงอยู่หน่อย ฉันค่อนข้างจริงจังกับการทำงาน เน้นความเข้มงวดไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ปิดงานเร็ว เพื่อที่จะได้มีเวลาส่วนตัวไงล่ะ และเพราะฉันเป็นคนแบบนี้ แม้จะมีคนที่กลัวฉันอยู่มาก แต่พวกเขาก็ออกจะนับถือฉันในเรื่องความสามารถในการทำงานอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
‘ตื้ด............’ มือถือในกระเป๋าของฉันสั่น จึงทำให้ฉันต้องวางแก้วกาแฟลง พลางหยิบมือถือขึ้นมาดูปรากฏเป็นชื่อ ‘เพื่อนเวร’ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก มันคือท่าประธานของที่นี่นั่นแหละ
ฉันพิงพนักพิงเก้าอี้ นั่งไขว้ห้าง จากที่กำลังสบายอารมณ์ก็แปรเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดทันที ‘โทรมาแต่ละทีไม่เคยมีเรื่องดี ๆ สักครั้ง เฮ้อ’
“ว่าไง...”
(มาบริษัทรึยัง) ไอ้เพื่อนตัวดีเอ่ยวางมาดเจ้าของบริษัท
“มาแล้วค่ะ ท่านประธานมีธุระอะไรคะ” ฉันพูดหยอกไป
(คุณฟ้าครามพูดสุภาพกับผมแบบนี้ ผมขนลุกนะครับ)
“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ฉันกำลังดื่มด่ำกาแฟยามสายอยู่นะ เรื่องด่วนรึเปล่า” ฉันเปิดประเด็นเข้าเรื่องทันที ไม่อยากพูดอ้อมค้อม ไม่งั้นการสนทนาระหว่างฉันกับมันไม่จบแน่
(เดี๋ยวเข้ามาหาฉันที่ห้องหน่อย มีเรื่องด่วนต้องปรึกษากับแก)
“ได้ เดี๋ยวฉันขึ้นไป แค่นี้ใช่มั้ย”
(อืม)
ฉันวางสายจากการสนทนาไป ก่อนจะยกอเมริกาโน่ที่เหลือในแก้วดื่มให้หมด และเดินออกจากร้านกาแฟชั้นล่างในตึกทันที
‘ติ้ง...’ เสียงลิฟท์เปิดชั้น 32 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของตึกนี้ และเป็นห้องของท่านประธาน อย่างไอ้กรณ์เพื่อนฉัน
“สวัสดีค่ะคุณฟ้าคราม”
“สวัสดี กรณ์อยู่ด้านในใช่มั้ย ฉันมาพบเขา”
“ท่านประธานรอคุณฟ้าครามอยู่เลยค่ะ เชิญด้านในได้เลยค่ะ”
“คุณเลขาอยู่ด้านนอกนี่แหละ ฉันเข้าไปเองมีเรื่องสำคัญต้องพูดกับกรณ์มันด้วย”
“รับทราบค่ะ คุณฟ้าคราม”
ฉันเดินเข้าไปในห้อง พบร่างชายคนหนึ่งแอคท่ายืนหล่อ ทำเป็นมองทอดสายตาออกไปนอกตึก มือล้วงกระเป๋า (นึกว่าเท่มากรึไงฟ่ะ)
ฉันเดินลงนั่งเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของมัน ก่อนจะเท้าคาง เคาะมือลงบนโต๊ะนั่นด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
‘ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก’
“แกมีเรื่องด่วนจะคุยอะไรกับฉัน” ไอ้กรณ์ที่กำลังยืนแอคท่าค่อย ๆ หันหน้ามามองฉันพลางเสยผมสุดวางมาดเท่ ก่อนจะนั่งลงส่งยิ้มอันแสนสะอิดสะเอียดมา อึ๋ย!!!...เสียดายลูกตาชะมัด
“เฮ้ย!! ทำไมต้องมองฉันด้วยสายตาแหวะแบบนั้นวะ”
“ก็ใครใช้ให้มึงทำท่าทีขนลุกแบบนั้นกันเหล่าเก็บไว้ทำกับสาว ๆ ในสต๊อกมึงเหอะ จะอ้วกแล้วเนี่ย”
“แกล้งนิดแกล้งหน่อยก็ไม่ได้ ช่วยอ่อนหวานให้กันบ้างได้มั้ยเพื่อน”
“...” ฉันไม่พูดอะไร แต่มองค้อนใส่อย่างหาเรื่อง
“โอเคมาเข้าเรื่องกันดีกว่า เย็นนี้มึงไปคุยงานที่โรงแรมเป็นเพื่อนกูหน่อย”
“กู ?” ฉันชี้ตัวเองพลางเลิกคิ้วมองไอ้กรณ์
“ใช่” ไอ้กรณ์ปรับลุคให้กลับมาเข้มปกติ ให้สมกับท่านประธาน ฉันเองก็นั่งเผชิญหน้าด้วยท่าทีสุขุมพูดคุยด้วยความจริงจัง
เราสองคนแม้จะพูดไร้สาระ หรือแหย่กันไปมาบ้าง แต่เมื่อไหร่ที่ต้องคุยกันเรื่องงาน ก็จะจริงจังกันสุดขีดเช่นกัน นั่นจึงทำให้บริษัทนี้เติบโตก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
“มันไม่ใช่หน้าที่กูรึเปล่าวะกรณ์ ”
“ก็ใช่ แต่งานนี้มันสำคัญมาก กูไม่ไว้ใจคนอื่น”
“มึงไว้ใจกู ?”
“อืม อัตราความสำเร็จในการเจรจาธุรกิจของมึงมัน 100%”
“...” ฉันนั่งพิงพนักพิงเก้าอี้ กัดริมฝีปากจ้องมองเพื่อนตรงหน้าเพื่อครุ่นคิดบางอย่าง ดูท่าเรื่องนี้จะเป็นงานใหญ่จริง ๆ ท่าทีของไอ้กรณ์มันบอกฉันไว้หมด เพราะสนิทกันมากเลยแทบจะมองความคิดทะลุปรุโปร่ง “ขอฟังรายละเอียด”
คราวนี้ไอ้กรณ์ลุกขึ้นยืนอีกครั้งแถมยังเดินไปพูดไปจนทำเอาเวียนหัว
“งานนี้งานช้าง และมูลค่าก็สูงหลายร้อยล้านไม่สิอาจจะพันล้านเลยด้วยซ้ำ บริษัทเราต้องคว้าให้ได้”
“ห๊ะ...พันล้านงานอะไรวะเนี่ย ระดับนี้มันควรเรียกประชุมใหญ่ไม่ใช่รึไง” ฉันตกใจกับมูลค่างาน แถมยังจะให้ฉันไปดีลงานด้วยอีก
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิโปรเจคนี้มีหลายร้อยบริษัทหวังที่จะรับโครงการนี้เลยนะ”
“ขอดูเอกสารโครงการนี้หน่อยได้มั้ย”
“อ่ะนี้” ไอ้กรณ์ยื่นเอกสารปึกหนึ่งให้ฉัน ฉันหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเปิดอ่านเงียบ ๆ โดยที่ไอ้กรณ์โทรสั่งให้เลขานำเครื่องดื่มและอาหารว่างเข้ามาให้ ดูท่าเรื่องนี้เราสองคนคงต้องคุยกันอีกยาว
ผ่านไปสักพัก หลังจากที่ฉันอ่านเอกสารนี้พอเข้าใจโครงการนี้คร่าว ๆ
“งานหินจริง ๆ นะเนี่ย บริษัทที่จะทำการรีโนเวทโรงแรมร้างนี้ ลงทุนมากเท่าไหร่กันนะ กูจำได้ว่ามูลค่าก่อนหน้าที่จะร้าง เห็นว่าก่อสร้างกันเป็นหมื่นล้าน”
“กูก็คิดว่ามันบ้าบิ่นมากที่จะมาลงทุนกับโรงแรมร้างแบบนั้นเหมือนกัน เห็นว่าเป็นกลุ่มนายทุนเศรษฐีต่างชาติ ต้องการเอามาทำโรงแรมบวกบ่อนพนัน”
“บ่อนพนัน!!!”
“ใช่ ดังนั้น หากพวกเราได้ร่วมโครงการในส่วนออกแบบห้องพัก จำนวนห้องมากกว่าร้อยห้องนี้ล่ะก็รับรองผลกำไรปีนี้กระฉูด” ไอ้กรณ์เอ่ยพลางทำหน้าตาระยิบระยับ
“มันก็ดูน่าทำอยู่หรอก แต่เกี่ยวกับบ่อนด้วยแบบนี้ พวกเราจะไม่เดือนร้อนใช่มั้ย” ฉันพูดด้วยความระแวง
“ไม่หรอกฟ้า เรามีหน้าที่แค่ตกแต่ง ออกแบบห้องพักแค่นั้น อีกอย่างอิทธิพลของกลุ่มนายทุนเศรษฐีกลุ่มนี้ สามารถทำอะไรก็ได้เลยนะ ดังนั้นนอกจากจะไม่โดนกฎหมายเล่นงานแล้ว เงินเหลือ ๆ ในการจ่ายไม่มีเบี้ยวแน่นอน ประธานอย่างกูสืบมาดีแล้ว”
“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจยาว จริงอยู่ที่ว่าไม่ว่าครั้งไหนที่ฉันออกไปดีลหรือต่อรองฉันทำสำเร็จเสมอ แต่กับงานนี้ฉันรู้สึกแปลก ๆ ไปหมด แถมไม่มีความมั่นใจขึ้นมา แต่เมื่อฉันเองก็เป็นผู้ถือหุ้น และ ท่านประธานตรงหน้าต้องการให้ฉันทำขนาดนี้ ยังไงฉันก็ต้องรับอยู่แล้ว เพราะผลประโยชน์นี้ ฉันก็ได้รับเต็ม ๆ เหมือนกัน
“บริษัทเราต้องการงานนี้จริง ๆ ฟ้ามึงคิดว่าจะทำได้มั้ย” กรณ์จ้องมองฉันอย่างคาดหวัง
“เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วนนี่ ได้กูรับงานนี้”
“ดีมากเพื่อน งั้นค่ำนี้เจอกันที่โรงแรมแกรนด์ปาร์ค แต่งตัวสวย ๆ ด้วยล่ะ ต้องข่มบริษัทอื่นให้ได้ โครงการใหญ่นี้ต้องเป็นของพวกเรา”
“เอ่อ...รู้แล้ว”

ผมวิ่งแทบไม่เหลือสติ ลูกน้องก็รั้งผมไม่ได้ จนถึงห้องที่เธออยู่ เพียงแค่สายตาผมเห็นเธอนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยมันก็ทำให้ใจผมสลาย เธอเป็นอะไรไปทำไมใบหน้าถึงซีดเซียวขนาดนี้ หรือเพราะผมดูแลเธอไม่ดีไม่คอยสังเกตอาการของเธอ จนทำให้เธอป่วยแบบนี้กันผมลากเก้าอี้มาข้าง ๆ เตียงเธอ ก่อนจะนั่งลงกุมมือเธอแน่น และอยู่แบบนี้สักพักเพื่อสงบสติของตัวเองที่มันกำลังคิดมาก“พะ...พี่คะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่เรียกฉัน” เสียงของเธอที่เอ่ยมาอย่างแผ่วเบาทำให้ผมต้องรีบมองเธอ“ฟ้า....เป็นยังไงบ้าง หมอครับเมียผมฟื้นแล้ว หมอ...” พอผมเห็นเธอตื่น ผมก็ลุกวิ่งออกไปเรียกหมอทันที แม้ผมจะได้ยินเธอเรียกรั้งผมไว้ แต่ผมไม่สนผมต้องรู้จากหมอว่าเมียผมเป็นอะไรให้ได้แน่นอนว่าใช้เวลาไม่นานผมก็สามารถลากหมอเข้ามาในห้องได้ แม้จะโดนหมอค้อนมา ก่อนจะพามาห้องนี้ก็ตาม“หมอเมียผมเป็นอะไรครับ ทำไมหน้าเธอซีดแบบนั้น หมอ...”“ใจเย็น ๆ ครับผมกำลังจะอธิบาย” ผมเพ่งมองหมอ สลับกับเมียผมที่ตอนนี้ นั่งกุมขมับตัวเอง“จะให้ผมใจเย็นได้ไงครับ หมอดูสิ เมียผมกุมขมับเธอต้องปวดหัวเพราะป่วยแน่ ๆ ครับ หมอเอกซเรย์ศีรษะเมียผมรึยัง” ผมตื่นตระหนกจริง ๆ ก็ผมเป็นห
ในพิธีการ ผมยืนอยู่หน้าเวที ตอนนี้สมองผมแทบจะหยุดสั่งการ เสียงผู้คนแขกผู้มีเกียรติ เสียงของพิธีกร อะไรผมแทบจะไม่ฟัง จนเมื่อประตูไม้บานใหญ่เปิดออกเหล่าเพื่อนเจ้าสาวเดินนำถือตะกร้าโปรยดอกไม้ระหว่างเดิน แขกผู้มาร่วมงานปรบมือ จนท้ายสุดท้ายตาผมก็จดจ้องที่เดียวนั่นคือเจ้าสาวแสนสวยว่าที่ภรรยาของผมกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับคุณพ่อ(ในนาม) ที่กำลังเดินมาส่งตัวเธอให้ผม ตอนนั้นแหละที่ใบหน้านิ่งของผม อดยิ้มจนแทบแก้มปริไม่ได้วันนี้ภรรยาผมสวยมาก สวยชนิดที่อยากจะวิ่งไปโอบอุ้มซะตอนนี้แต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งเธอยืนอยู่ตรงหน้าผม ใจผมยิ่งเต้นแรงรอยยิ้มของเธอทำให้ผมได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่ผมที่มีความสุขฝ่ายเดียวพิธีการยังคงดำเนินต่อไป เรากล่าวคำสาบานร่วมกัน จวบจนแลกแหวน ก่อนจะจบที่จุมพิตพิสูจน์คำปฏิญาณ จากนั้นแขกที่มาร่วมงานก็ยืนขึ้นปรบมือแสดงความยินดีกันอีกครั้ง“เอาล่ะนา.......” เสียงของเธอยิ้มหันไปบอกสาว ๆ ที่ตอนนี้รอที่จะแย่งช่อดอกไม้ช่อหนึ่งจากมือของภรรยาผม“ฟ้า...พวกเราพร้อมแล้ว”“หนึ่ง...สอง...สาม...ฟิ้ว.....” สาว ๆ ทุกคนสายตาจับจ้องช่อดอกไม้ที่ภรรยาผมหันหลังโยนออกไปกันยกใหญ่ พอช่อนั้นใกล้หล่น มือจำนวนนับไม่ถ
ตอนพิเศษ 1(ฉบับเอ็ดเวิร์ด)วันนี้ผู้คนต่างหลั่งไหลมาโรงแรมของผมไม่ขาดสาย แน่นอนว่าวันนี้มีงานที่สำคัญสุดในชีวิตของผม ผมกำลังจะแต่งงานครับ ทุกคน ช่วยยินดีกับผมด้วยนะ เมียผมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ทุกคนก็น่าจะรู้จักกันดี เธอคือคนที่เข้ามาทำให้หัวใจผมเต้นแรง และคอยช่วยเหลือผมอย่างเต็มใจเมื่ออยู่ในช่วงเวลาลำบากเอาจริง ผมไม่ใช่คนดีอะไรหรอก ตอนที่อยู่บ้านเกิดพ่อ (ก็ต่างประเทศนั่นแหละ) พวกผมก็ค่อนข้างเกเร ขาใหญ่ โหดร้าย เพราะสังคมที่นั่นคนอ่อนแออยู่ไม่ได้ไงที่นั่นการก่ออาชญากรรม ยาเสพติด อาวุธสงคราม การล้างแค้น เป็นเรื่องปกติที่ทางรัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้เลย ดีไม่ดีที่ประเทศนั้นยังคงดำรงอยู่ได้ก็คงเป็นเงินเทา ๆ ทั้งนั้นแหละจนเกิดเขตเสรีที่กฎหมายคุ้มครองไม่ได้ และพวกผมเองก็ดันเกิดที่นั่น ดังนั้นหากพวกเราไม่เข้มแข็ง ไม่ร้าย หรือ ไม่มีอิทธิพล เราก็จะเป็นฝ่ายถูกเหยียบให้จมดินซะเองแต่พอผมได้คุยกับ พ่อแม่ที่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ ว่าอยากลงทุนอะไรที่สุจริตไว้บ้างเผื่อวันใดที่ประเทศนั้นล่มสลายจะได้มีแผนสำรอง แม่ผมก็แนะนำเป็นบ้านเกิดของท่านผมหันไปถามเพื่อนซี้อีกสองคนอย่าง ไอ้เจ กับ ไอตินที่เราผ่านอะไรด้
เรายืนอยู่หน้าหลุมศพของพ่อแม่ฉัน ต่างคนต่างถือช่อดอกลิลลี่คนละช่อ ฉันสูดอากาศให้เต็มปอดก่อนที่จะมองป้ายหลุมศพนั้นด้วยความคิดถึงจากหัวใจ“พ่อคะ แม่คะ ฟ้ามาเยี่ยมแล้วค่ะ ฟ้าสบายดีมาก ๆ” ฉันพูดแบบนั้นออกไปจ้องมองรูปตรงป้ายอย่างแน่วแน่ ไม่นานนักไอวิญญาณของพ่อแม่ก็ลอยล่องเหนือหลุมทำให้ฉันเบิกตาโตมองตาม ฉันเห็นผีมากมายก็จริงในโลกคนเป็น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพ่อกับแม่ฉันในโลกคนเป็นนี้ เพียงใบหน้าพวกเขาปรากฏ แม้จะเลือนราง แต่ความคิดถึงมันก็ทำให้ไอวิญญาณตรงหน้าชัดเจนขึ้นได้ฉันน้ำตาเอ่อล้น จนคนข้าง ๆ หันมามองอย่างแปลกใจ“ฟ้าเป็นอะไรไปทำไมจู่ ๆ ร้องไห้แบบนั้นครับ”“ฮือ...ฮึ่ก..พี่คะ พ่อกับแม่มาหาฉันด้วยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพวกเขาฮือ....หลังจากที่ ...พวกเขาจากฉันไป ฮือ....” ฉันร้องแบบนั้น จนรู้สึกได้ว่ามือหนาของเขากุมมือฉันแน่นอย่างอ่อนโยน พอฉันเริ่มตั้งสติได้ ก็หันไปมองพวกท่านอีกครั้ง“พ่อคะ แม่คะ นี่แฟนหนูเองนะคะ พี่เขาชื่อเอ็ดเวิร์ด เป็นคนเก่งมาก หล่อด้วยค่ะ ที่สำคัญพี่เขารักฟ้าและก็เป็นคนที่ฟ้ารักมาก ๆ ด้วย” ฉันที่ตอนนี้น้ำตาคลอเบ้าเพราะกลั้นไม่ไหว แต่ฉันเห็นนะว่า ไอวิญญาณของพว
51- คำสัญญาชั่วนิรันดร์ –ฉันขึ้นรถที่เรียกผ่านแอปไปกับพี่เอ็ดเวิร์ด ส่วนคุณมาตินบอกว่าจะตามไปซึ่งฉันก็ส่งโลเคชั่นให้แล้ว ตอนแรกที่คุณมาตินเห็นโลเคชั่น เขาก็มองหน้าฉันพลางเลิกคิ้ว ฉันก็ได้แต่ยิ้มให้ แต่ก็ดูเหมือนเขาจะมองออกนะว่าจุดหมายปลายทางที่ฉันกำลังจะไปนั้นเป็นที่ไหน ที่ไม่รู้ก็มีแต่คนตัวโตหล่อคมคายข้างฉันนี่แหละ ก็ปล่อยให้พี่เขาไม่รู้แบบนี้ต่อไปแล้วกัน หึงดีนักรถเข้ามาในสถานที่แห่งหนึ่ง ถนนที่โล่ง ต้นไม้รอบข้างที่ราบรื่น พร้อมกับสนามหญ้าเขียวขจี ไปทั่วบริเวณ สวยงามประดับไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ ตัดขอบด้วยท้องฟ้าสีครามสว่างสดใส ฉันมองผ่านจากบานกระจกรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นคุณลุงขับรถก็จอดให้พวกเราลงตรงลานจอดรถของสถานที่แห่งนี้ ฉันหอบช่อดอกลิลลี่ก่อนจะหันไปมองเขาที่กำลังเดินตามมา“พี่ดูสิ วิวที่นี่ สวยดีนะคะ”“อืม....” เขาตอบเพียงสั้น ๆ แต่ใบหน้าไม่มองฉันด้วยซ้ำ ทำเอาฉันต้องใช้มือข้างหนึ่งกุมใบหน้าหล่อเหลาของเขาให้หันมามองฉัน“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ ฟ้าไม่ได้หนีจะมาที่นี่คนเดียวตั้งแต่แรก ฟ้าอยากให้พี่มาด้วยจะตายไป แต่พี่บอกติดงานด่วนเองนินา”“จริงเหรอครับ”“จริงสิคะฟ้าจะโกหกทำไม
50- คนสำคัญ –(Fah Talk)หลังจากที่ฉันวิ่งแจ้นออกจากห้องทำงานของเขามาได้ ฉันก็ตรงดิ่งไปยังท่าเรือทันที เพราะตอนนี้ใกล้เวลาประชุมใหญ่ ฉันก็เป็นถึงผู้บริหารร่วมจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีไม่ได้ จะทำให้คนรอในห้องประชุมได้ไงจริงมั้ยล่ะฉันนั่งอยู่ในเรือด้วยใจเลื่อนลอย วันนี้ภารกิจฉันมีเยอะจริง ๆ แม้จะเสียดายที่วันนี้ พี่เอ็ดเวิร์ดติดลูกค้าคนสำคัญ ทำให้ฉันพาเขาไปด้วยไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรปีหน้าค่อยพาเขามาใหม่แล้วกัน ฉันจะมางี่เง่าบังคับเขาทำโน้นทำนี่ทั้งที่ยังเป็นแค่แฟน ก็คงไม่ดีล่ะนะฉันมาถึงบริษัทตรงเวลา และได้รับความเคารพจากพนักงานอย่างดีเช่นเคย แถมพวกเขายังอวยฉันมากกว่าเดิมไปมาก เพราะตั้งแต่ฉันทำโครงการร่วมกับโรงแรมคุณเอ็ดเวิร์ดสำเร็จ ก็ทำให้บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดโบนัสฉ่ำ ๆ ไงล่ะการประชุมวันนี้ ก็เป็นการประชุมของผู้ถือหุ้น โดยคุณพ่อคุณแม่ของไอ้กรณ์ตัดสินใจยกหุ้นที่เหลือของเขาให้ฉัน แต่ยังไงเริ่มแรกเดิมทีบริษัทนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ ครอบครัวของไอ้กรณ์ และตัวไอ้กรณ์มันเอง ฉันจึงรับน้ำใจแค่บางส่วนแล้วกลายเป็นผู้ถือหุ้นลำดับสอง (ไม่เอาหรอก NO.1 ใครจะอยากออกงานสังคมกัน) ส่วนหุ้นบางต







![จิรัติพันประดับ [เซตเกี่ยวรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
