ถ้าคนหนึ่งเห็นผี แล้ว อีกคนเป็นโรคนอนไม่หลับ ต้องมาเจอกันคุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างล่ะ เมื่อเธอทำให้เขานอนหลับสนิท และเขาทำให้เธอหลุดพ้นจากแดนคนตาย พาร์ทเนอร์จึงบังเกิดขึ้น หรือนี่จะนำไปสู่การเป็นคู่จริงกันน่ะ
view more‘ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...’ เสียงเคาะประตูดังสนั่นไปทั่วบ้าน ฉันที่กำลังล้างจานอยู่ จึงต้องรีบล้างมือ เพื่อเดินออกไปเปิดประตู ดูว่าใครกันที่มาหากันตั้งแต่เช้าในวันหยุดแบบนี้
ฉันเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนในยามเช้า ที่แท้ก็เป็นคุณป้าข้างบ้านคนดังนี่เอง ท่าทีของเขาดูสั่นกลัวเล็กน้อย มือสองข้างกุมกันแน่นถนัด แถมสายตายังไม่กล้าจะสบตาฉันด้วยซ้ำ
“มีอะไรเหรอคะ คุณป้า” ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นเฉียบ
“หนูฟ้าครามจ๊ะ คือว่า....”
“...” ฉันเงียบ กอดอกมองดูคุณป้าตรงหน้าอย่างเฉยเมย
ที่เห็นว่าเขามีท่าทีกลัวฉันแบบนี้ แท้จริงแล้วคุณป้าข้างบ้านกับฉันเรามีเรื่องกันมา
ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อนป้าคนนี้อาละวาดด่ากราดหน้าปากซอยใส่คนไปทั่ว จนคนในซอยนี้เอือมระอากรนด่าหนักแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครจะต้านสกิลปากร้ายของป้าเขาได้เลย
ฉันเพิ่งเลิกจากที่ทำงานต้องเดินผ่านตรงที่เกิดเรื่องพอดี กลับมัวเดินสนใจแต่มือถือ จึงกลายเป็นว่าฉันเดินชนป้าเขาอย่างจัง จากนั้นฉันจึงกลายเป็นเป้าสนามอารมณ์ให้กรนด่าหน้าปากซอยในวันนั้นให้คนเห็นกันไปทั่วจนเป็นจุดสนใจ
ฉันโดนป้าคนนี้ยืนด่าฉอด ๆ หาว่าไร้มารยาท แม้จะกล่าวขอโทษไปแล้ว แต่ป้าคนนี้ก็สรรหาคำด่า ขุดมาตั้งแต่พระเจ้าเหาขนมาสาดด่าหมดทุกเม็ด ฉันเองก็พยายามไม่สนใจอยากเดินผ่าน แต่ก็ถูกป้าดึงมือรั้งเพื่ออยากจะด่าต่อ
ความอดทนคนเรามันมีขีดจำกัด บวกกับเพิ่งกลับมาจากการทำงานที่แสนเหนื่อยล้า ฉันที่ยืนเงียบมาสักพัก จึงกัดฟันเอียงตัวเข้าไปกระซิบข้างหูคุณป้าเบา ๆ เพียงไม่กี่ประโยค
เมื่อคุณป้าได้ยินดังนั้นก็ยืนนิ่งสีหน้าแห้งเผือกปล่อยฉันให้เดินเข้าซอยแต่โดยดี แม้คนรอบข้างจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทำไมจู่ ๆ ป้าปากแซ่บคนนี้ถึงเงียบไป แต่เชื่อได้เลยว่าป้าตรงหน้าจะไม่แสดงกิริยาต่ำ ๆ ไล่ด่าคนอื่นอีกแล้ว
และการที่ป้าหอบตัวเองมายืนตัวสั่นถึงหน้าบ้านฉันแบบนี้ นั่นแสดงว่าที่ฉันพูดไปเป็นความจริงทั้งหมด
“ป้ามาทำอะไร จะพูดหรือไม่พูดเนี่ยเสียเวลาฉันนะ” ฉันเท้าสะเอวมองอย่างหาเรื่อง
“หนูฟ้าครามคนงาม ป้ามาดีนะมาดี ป้าแค่อยากรู้ว่า...เอ่อ...” ป้าเขายังไม่กล้ามองหน้าฉัน น่ารำคาญชะมัด
“ป้าจะถามฉัน ว่าทำไมฉันถึงรู้ว่า ป้าเคยมีผัวเก่าแถมยังตายไปแล้วใช่มั้ย”
“ใช่จ๊ะ ตั้งแต่ป้ามาอยู่ที่นี่ไม่เคยมีใครรู้ว่าป้าเคยมีผัวเก่าที่ตายแล้ว ป้าเลยสงสัย เรื่องนี้ป้าไม่เคยบอกใครเลย”
“นั่นไง...” ฉันพยักเพยิดใบหน้าไปด้านหลังของป้า เธอหันหลังไปตามที่ฉันมอง
“หนูฟ้าคราม ป้าไม่เห็นอะไรเลย ยะ...อย่าทำให้กลัวสิ” สีหน้าคุณป้าเริ่มซีดเผือก
“ป้าไม่เห็น ใช่ว่าคนอื่นจะไม่เห็น ก็ผัวเก่าป้า เขายืนอยู่ข้างหลังคุณป้าทนโท่ ฉันเห็นตั้งแต่สองวันก่อนแล้วด้วย ตามติดป้าตลอด ดูลุงเขารักป้าเนอะ” ฉันพูดไปตามความจริง แม้ว่าสีหน้าของคุณลุงที่มองคุณป้าคนนี้จะออกไปทางอาฆาตมากกว่า
“อะไรนะ!!!!!” คุณป้าเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ถอยเซล้มลงพื้นด้วยความตกใจ ดวงตาเบิกโพลง ตัวสั่นระริก ฉันเห็นดังนั้นจึงนั่งยอง ๆ ลงต่อหน้าป้าคนนี้
“ป้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่คุณลุงตอนเสียชีวิตใส่เสื้อลายทาง เสียคาทีในบ้านใช่มั้ยล่ะ จะให้ฉันพูดด้วยมั้ยว่า เขาตาย...ยัง...ไง” ฉันจ้องมองป้ามองลึกเข้าไปยังดวงตาของเธอที่มีแต่ความวิตกจนน้ำตาคลอเบ้า
“ปะ...ป้าไม่ได้ทำอะไรนะ ป้าแค่...”
“ป้าไม่ต้องเล่าให้ฉันฟัง ฉันไม่ใช่นักสืบ หรือตำรวจ ฉันแค่รำคาญป้าที่ยืนด่าคนอื่นฉอด ๆ ก็เท่านั้น อีกอยากคุณลุงผัวเก่าป้าก็ตามมายุ่งวุ่นวายให้ฉันมาบอกป้าเนี่ย”
“ขะ..เขาอยากบอกว่าอะไร” สายตาป้ามองฉันด้วยความกลัวและวิงวอน
“อะแฮ่ม มึงเอาเงินที่มึงขโมยกูมาเสพสุขกับผัวใหม่ ไปคืนให้แม่กูเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกูจะคอยตามจองล้างจองผลาญมึงให้ไม่ตายดีทั้งมึงและผัวใหม่มึงแน่” ฉันเลียนเสียงผู้ชาย แม้จะฟังดูแปลก ๆ ไปหน่อย แต่ก็อยากถ่ายทอดออกมาให้เหมือนที่สุด “คุณลุงว่ามาแบบนั้นแหละป้า”
“ห๊ะ!!!!! ไม่จริงงงงงงงงง ฉะ...ฉันไม่อยากตาย!!!” คุณป้าร้องเสียงสติไปแล้ว แต่การที่เขามากรีดร้องหน้าบ้านฉันแบบนี้ไม่ดีแน่ ฉันจึงต้องเขย่าตัวป้าที่นั่งกับพื้นให้เขาได้สติ
“นี่ป้า จะมาร้องหน้าบ้านคนอื่นหาพระแสงอะไรคะ แทนที่จะมากรีดร้องสู้ไปทำให้มันเข้าที่เข้าทางให้คุณลุงไปสู่สุคติ สำนึกผิด ไม่ดีกว่ารึไง”
“ป้าต้องทำไงบ้างหนูฟ้าคราม ช่วยป้าเถอะ ป้าขอร้อง ให้ป้าทำอะไรก็ยอม” คุณป้าจับมือฉันก้มหน้าวิงวอนด้วยน้ำตา เฮ้อปกติก็ไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งอะไรสักหน่อย
“เรื่องกล้วย ๆ หนึ่งป้าต้องเอาเงินไปคืนแม่ของคุณลุง สองป้าต้องไปทำบุญให้คุณลุงด้วยความตั้งใจจริง ขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน และสามเลิกทำตัวไปด่ากราดชาวบ้านได้แล้ว คุณลุงขอมาเท่านี้”
“ได้จ๊ะ ฝากบอกเขาทีป้าจะทำทุกอย่างเลย ป้าสำนึกแล้ว”
“ในเมื่อป้ารับปากแล้ว ก็ลุกขึ้นมาก่อน ใครเดินผ่านมา จะหาว่าฉันมีเรื่องกับป้าได้”
“จ๊ะ” ฉันพยุงคุณป้ายืนขึ้น ป้าปัดฝุ่นตามตัวก่อนจะขอตัวกลับ ในเมื่อความเกลียดชังหายกันแล้ว ฉันจึงเดินไปส่งป้าที่ประตูรั้วหน้าบ้านตัวเอง
เมื่อกำลังจะเดินเข้าประตูบ้าน คุณลุงก็มองฉัน จากใบหน้านิ่งงันก็ค่อย ๆ ยิ้มให้แล้วร่างของคุณลุงก็สลายหายไปกับตา
“ขอให้คุณลุงไปสู่สุคตินะคะ สาธุ” นั่นคือสิ่งที่ฉันจะทำให้พวกเขาได้ พวกเขาเหล่านั้นแค่ต้องการความช่วยเหลือ และฉันก็เป็นอีกหนึ่งคนที่สามารถมองเห็นความต้องการของพวกเขาได้ก็เท่านั้นเอง
พอถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยสินะ อย่างนั้นฉันจะขอแนะนำตัวก่อนนะ ฉันชื่อวิกานดา หรือเรียกว่าฟ้าครามก็ได้ค่ะ เห็นฉันอยู่บ้านหลังเล็ก ๆ ในซอยหมู่บ้านแออัดแบบนี้ จริง ๆ ฉันรวยมากนะขอบอก พ่อแม่ฉันเสียไปแล้วเนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อ ห้าปีก่อน ในขณะที่ฉันกำลังเรียนมหาวิทยาลัย และได้ทิ้งสมบัติมากมายไว้ให้ฉัน ซึ่งฉันก็เก็บมันไว้ใช้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันฉันอายุ 28 ปี ทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งในตำแหน่ง GM ซึ่งมี CEO เป็นเพื่อนสนิทชนิดที่ว่าฉันเป็นคนเดียวที่สามารถขึ้น มึง กู กับมันได้เป็นเรื่องปกติ และฉันเองก็มีหุ้นอยู่ที่นั่นนิดหน่อยด้วย เลยเป็นการทำงานที่ค่อนข้างสบายใจ และไม่กดดัน
นั่นอาจดูเป็นประวัติคร่าว ๆ ทั่วไป แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าฉันน่ะมีความสามารถพิเศษไม่เหมือนใคร และคงไม่มีใครอยากจะเหมือน นั่นคือฉันมีสัมผัสที่หก ไม่สิหรืออาจจะมากกว่านั้นเพราะดวงตาสีอ่อนของฉันเห็นมันอย่างจังไม่ว่าจะกลางวันกลางคืน จนตอนนี้แทบแยกไม่ออกแล้วว่า ใครเป็นผี ใครเป็นคน บางครั้งจึงสร้างความสับสนให้คนรอบข้าง ว่าฉันคุยกับใคร และดูมีนิสัยแปลกในสายตาของคนปกติ(ที่ไม่เห็นวิญญาณ)
30- รู้ว่าเสี่ยง...แต่คงต้องขอลอง –ฉันคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องพลางมองนาฬิกาข้อมือ“21.00 น. ยังพอมีเวลา น่าจะได้ความคืบหน้าอะไรมาสักหน่อยล่ะนะ” ฉันเดินตรงดิ่งผ่านตึก B ซึ่งฉันมีบัตรผ่านอยู่เพราะเป็นผู้ร่วมดูแลความรับผิดชอบ แต่เมื่อไปเกือบถึงตึก C ฉันก็ต้องค่อย ๆ ลัดเลาะมองซ้ายขวาเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น ขืนมีคนมาเห็นเข้ามีหวังโดนมองเป็นผู้ต้องสงสัยไปอีกคนฉันเดินมาจนถึงทางเข้าตึก C ทางหนึ่งซึ่งไม่ใช่ทางหลัก พยายามยืนนิ่ง ๆ ก่อนที่ผีคุณปานจะปรากฏ“คุณปานว่าไงคะ ได้คุยกับวิญญานตนนั้นรึยัง” ฉันหันไปพูดกับผีคุณปานที่ตอนนี้ลอยอยู่ใกล้ ๆ ฉัน‘ค่ะ แต่ เขา ยัง เอา แต่ เสีย สติ เพราะ บ่วง ห่วง อยู่ ค่ะ ไม่ ต่าง จาก ปาน’ ผีคุณปานพูดด้วยความหดหู่ ทั้งที่เรื่องเขาเองก็น่าหดหู่อยู่แล้ว“คุณปานช่วยทำยังไงก็ได้ให้เขามาตรงนี้ได้มั้ยคะ คือฟ้าเข้าไปด้านในไม่ได้จริง ๆ มันอันตรายเกินไป” ฉันทำหน้าวิงวอนผีคุณปาน ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับก่อนจะหายวับไปอีกครั้งฉันเดินไปมาเงียบ ๆ พลางก้มมองดูนาฬิกา ด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ เพราะไม่อยากอยู่นานกลัวถูกจับได้ฉันกัดนิ้วหัวแม่โป้งด้วยความกังวลจนเป็นรอย ไม่นานผีคุณปานก
29- คดีอุบัติเหตุ หรือ ฆาตกรรม –หลังว่าสาย ไม่มีคำพูดใด ๆ ของพวกเรา ต่างคนต่างรีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ เก็บของสำคัญลงกระเป๋าก่อนจะรีบวิ่งแจ้นออกจากบ้านไปที่รถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านทันที‘บรืน............’ รถของพวกเรามุ่งหน้าไปทางท่าเรืออย่างเร่งด่วนตอนนี้ ไม่มีเวลาแม้แต่จะสนใจกัน ใบหน้าของคนขับรถเข้มดุ คิ้วขมวด กัดริมฝีปากบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ส่วนฉันเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เมื่อปลายสายที่โทรเข้ามาคือไอ้กรณ์ มันโทรมาเพื่อจะถามข่าวเกี่ยวกับศพบนโรงแรมที่กำลังเป็นข่าวไปทั่วเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน แต่เพราะฉันไม่ได้อยู่ที่นั่น เลยให้คำตอบมันไม่ได้ฉันก็ต้องตื่นตระหนกอยู่แล้ว เพราะทำงานที่นั่น แต่คนที่ควรจะเครียดมากกว่าฉัน มันก็ต้องเป็นคนข้าง ๆ อย่างเขาเนี่ยแหละ เพราะโรงแรมแห่งนี้ยังไม่ทันจะเปิดให้บริการแต่กลับมีศพบนเกาะแน่นอนว่าถ้าข่าวสะพัดไปเป็นวงกว้าง ผลกระทบที่ตามมามันมากมายแน่นอนเรามาถึงท่าเรือ และเลือกที่จะนั่งสปีดโบ๊ทเพราะต้องการไปถึงเกาะให้เร็วที่สุด เมื่อเรือเทียบท่า คุณเอ็ดเวิร์ดก็เดินเข้มเข้าไปในโรงแรมทันทีพร้อมกับเรียกประชุมด่วนของพนักงานในบริษัท (ก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉันล่ะนะ)ฉันเด
28- อยากรักต้องกล้าหน่อย –เช้าวันใหม่ฉันตื่นขึ้นมาหาววอด ๆ พลางกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อค่อย ๆ รับแสง อาทิตย์ที่สาดเข้ามาผ่านกระจกระเบียงพอสร่างเมาแล้วความคิดต่าง ๆ ก็ถาโถมเข้ามาในสมองไม่หยุดไม่หย่อนฉันรู้ว่าตัวฉันไม่สามารถจะโหวกเหวกโวยวายได้ เพราะเวลาฉันเมาแล้วนั้น มันมักจะลืมตัวทำอะไรในแบบที่ปกติฉันไม่มีทางทำแน่ ๆแต่มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันหงุดหงิดทุกทีจริงๆ ขนาดฉันปล่อยเนื้อปล่อยตัวขนาดนี้ เขาแค่นอนทื่อ ๆ สวมกอดฉันก็เท่านั้น พาลทำให้หงุดหงิดอะไรก็ไม่รู้ จนตอนนี้อยากจะลุกขึ้นออกไปสูดอากาศให้รู้สึกหัวโล่งซะหน่อยเพียงที่ฉันคิดจะลุกขึ้น ฉันก็รู้สึกว่าร่างของฉันถูกพันธนาการด้วยสองแขนแกร่งแน่น ใบหน้าของเขาอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าฉันมากนัก มันสามารถมองชัดจนเห็นขนตางอนของเขาที่รับกับใบหน้าได้เลยฉันจึงไม่พยายามขยับอีกเพราะกลัวเขาตื่น แต่กลับจ้องมองเขาด้วยความถวิลหา อิฟ้ามันก็ผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้ชายหล่อมาก ๆ ก็ค่อนไปทางสเปกแถมอยู่ห่างไม่ถึงคืบจะไม่ให้หวั่นไหวได้ไงอ่ะพวกแก“คุณฟ้า จะจ้องผมนานมั้ยครับ” เสียงเข้มแหบพร่า เพราะว่าเพิ่งตื่นนอนเอ่ยขึ้น แต่ดวงตาของเขาก็ไม่ได้เปิดออกแต่อย่างใด“ฉันไม่
27- ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ(2) –ฉันพูดออกไป พลางเกยคางสะอื้นเบา ๆ เงียบ ๆ แบบนั้น เรี่ยวแรงหายหมด ทั้งยังปวดหัวตึก ตึก เป็นระยะ“คุณฟ้า...” เสียงเขาเรียกฉัน นั่นทำให้ฉันขยับใบหน้าเอียงมองเขาด้วยสายตามที่พริ้มด้วยอาการที่ยังมึนเมาค้างอยู่“คะ???”“ผมบอกคุณว่าวันนี้ไม่ต้องมาห้องผม แต่ผมไม่ได้บอกให้คุณออกมาเที่ยวนะครับ”“ละ..แล้วทำไมฉันจะออกมาเที่ยวไม่ได้ละคะ”“ก็คุณฟ้า พึ่งจะไม่สบายมานะครับ ผมก็เลยไม่ให้คุณมาห้องผม”“ไม่ใช่ว่าวันนี้ คุณต้องนอนกับผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ” ฉันเอ่ย หน้าเอียงคอถามเขา“ผู้หญิงคนนั้น?? คนไหน” เขาเอ่ยเสียงทุ้มเข้มมองหน้าฉันคิ้วขมวด เหอะ.... คงเยอะจนไม่รู้ว่าใครเป็นใครล่ะสิ“ก็คนสวย ๆ ในห้องทำงานของคุณเอ็ดเวิร์ดไงคะ ทำเป็นจำไม่ได้ ออกจะทอดสายตาหวานซึ้งขนาดนั้น” ฉันพูดพลางเบือนหน้าเกยบ่าเขาไป เพราะจู่ ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดทุกทีที่คิดถึงผู้หญิงคนนั้นของเขา“หึ... นี่คุณหึงผมเหรอคุณฟ้า” เพียงคำนั้นของเขาทำให้ฉันสะดุ้งมองหน้าเขาอย่างลนลาน“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงคะ ใคร..ใครหึงคุณกัน คุณจะนอนกับใครอะไรที่ไหนก็เรื่องของคุณเอ็ดเวิร์ดอยู่แล้ว ฉันเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่ใช่ผู้หญิง
26- ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ(1) –เขาอุ้มฉันจะออกมาด้านนอก จวบจนเดินมาถึงรถยนต์ของเขา ความรู้สึกอึดอัดพาลให้ฉันหายใจโล่งขึ้น ใบหน้าของเขาพลันปรากฏต่อสายตาฉันชัดเจน และใกล้จนเขาน่าจะสามารถรับรู้การหายใจถี่ ๆ ขอฉันได้ ทำไมนะเหรอ ก็หัวใจเจ้ากรรมดันเต้นแรงตึกตัก ไม่รู้เพราะเมาเหล้า หรือเมารักแต่ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากไปกับเขาหรอก พอคิดว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน แถมเขาก็เพิ่งจะแยกกับผู้หญิงคนนั้นมา พาลทำให้ฉันอารมณ์เสียถ้าเขาจะงุนงง ว่าฉันเป็นบ้าอะไรคงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะฉันก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไร เรื่องงานฉันอาจจะเก่ง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แต่กับเรื่องความรักฉันไม่สันทัดจริง ๆ“คุณจะปล่อยฉันได้รึยัง” เพียงฉันพูดออกมา เขาก็คลายแขนปล่อยให้ฉันลง ฉันหันไปคว้ากระเป๋าใบเล็กของฉันที่เขาถืออยู่ก่อนจะหันหลังเดินออกไปดุ่ม ๆ มุ่งไปทางออกถนนใหญ่แบบไม่พูดอะไรถึงท่าเดินที่ไม่เป็นเส้นตรง แถมสายตาก็เบลอ ๆ ก็ไม่ทำให้ฉันกลับไปกับเขาหรอก“นั่น.... คุณจะไปไหน” เสียงของคุณเอ็ดเวิร์ดพูดตามหลังฉัน“กลับบ้าน....สิ” ฉันหันไปมองเขาพร้อมกับพูดไปแบบนั้นก่อนจะหันเดินต่อเพื่อออกไปยังถนนใหญ่“ผมบอกให้คุณ
25- โมโหร้าย –สีหน้าของคนตรงหน้าน่ากลัวกว่าครั้งก่อน ๆ ความนิ่งสุขุมที่ฉันมักจะได้สัมผัสมันหายไป แล้วทำไมเขาต้องทำหน้าโมโหขนาดนั้น หรือว่าคู่ขาเขาทำให้อารมณ์ไม่ดีงั้นเหรอ“คุณฟ้า......ทำไมคุณไม่รับสายผม” เสียงเข้มเอ่ยถามอย่างห้วน ๆ“คะ....คุณเอ็ดเวิร์ดมาที่นี่ด้วยเหรอคะ”“ผมถามว่า ทำไมคุณไม่รับสายผม” เขาย้ำอีกครั้งจนฉันได้สติ“คุณโทรมาเหรอคะ....”“....” เขาไม่พูดอะไรแต่กลับกำแขนฉันแน่น จนฉันเจ็บ“ฟ้าเจ็บน่ะ...เป็นอะไรเนี่ย”ฉันร้องโอดครวญจนเพื่อนของเขาเอ่ยแทรกมา“ว่าไงเพื่อนมาถึงก็อารมณ์เสียเลยนะ เบา ๆ กับ คุณฟ้าหน่อย” คุณมาตินพูด“...” แต่เหมือนคนที่จับแขนฉันแน่นไม่ได้ตอบอะไรเขา“ไหนมึงบอกจะไม่มาไง” คุณเจเดนพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก ฉันหันหน้าไปหาคนที่ใช้แรงมือบีบแขนฉันแน่นเพื่อพูดบ้าง“ช่าย...คุณน่าจะอยู่กับผู้หญิงคนนั้นอยู่ไม่ใช่เหรอ...มาที่นี่ทำไมคะ” ฉันหันหน้าพูดมองเขาตาเยิ้ม ‘รู้สึกหนักหัวจังแหะ’“ผู้หญิง??? คุณพูดเรื่องอะไร”“ป๊าว ไม่ได้พูดอะไรอั่ก....” ฉันถูกคุณเอ็ดเวิร์ดดึงให้กลับไปยังโซฟา แต่ฉันไม่ยอมหรอก ฉันจะไปแอ๊วผู้ให้หนำ ไปหาผู้ชายที่เขาสนใจฉันดีกว่า“ปล่อยนะ...ฟ้าจะออกไปเ
Mga Comments